ตอนที่แล้วบทที่ 14 โหมดอิสระของนักเวท
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 16 ต่อปากต่อคำ

บทที่ 15 รวมตัวมหาอำนาจ


บทที่ 15 รวมตัวมหาอำนาจ

หลังจากผ่านไปนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่ราชินีผึ้งจะงอกปีกเป็นครั้งที่ 60 ลู่หยางก็ได้ทำการสังหารมันลงด้วยลูกไฟ

ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะการพยายามต่อสู้กับบอสโดยมีมานาอันน้อยนิดไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเร่งหาอุปกรณ์ให้เร็วกว่านี้เพื่อให้การต่อสู้ผ่านพ้นไปอย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น

ลู่หยางเก็บอุปกรณ์ที่ดรอปลงมาบนพื้น ก่อนที่เขาจะทำการตรวจดูคุณสมบัติ

ออเนตลองโบ (ระดับเงิน)

พลังโจมตี 6-18

พลังกาย +3

พลังชีวิต +2

นี่คืออุปกรณ์ระดับสูงสุดสำหรับนักธนูในหมู่บ้านเริ่มต้นที่สามารถใช้งานได้จนถึงดันเจียนเลเวล 8 ซึ่งอุปกรณ์อีกสองชิ้นที่ดรอปลงมาก็คือไอรอนริงระดับเหล็กและแบล็คคริมตัลบราเซอร์ระดับเหล็ก

ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าเขาจะได้รับเครื่องประดับป้องกันข้อมือมาอีกชิ้น และด้วยอุปกรณ์ชิ้นนี้มันก็ทำให้ชายหนุ่มมีกำไล, แหวน, ผ้าคลุมและไม้เท้าครบแล้ว เหลือเพียงชุดเกราะที่มีดรอปเฉพาะในดันเจียนเท่านั้น

ชายหนุ่มดูเวลาแล้วได้พบว่าตอนนี้เป็นช่วง 6 โมงเช้าแล้ว เขาจึงใช้คัมภีร์ย้อนกลับเพื่อกลับไปยังเมืองเซนต์กอลล์และมุ่งหน้าไปยังจัตุรัสทางทิศตะวันออก

จัตุรัสทางทิศตะวันออกคือตลาดที่ผู้เล่นนำสิ่งของมาแลกเปลี่ยนกัน เนื่องมาจากพื้นที่บริเวณนี้เป็นที่โล่ง และหลังจากที่ผู้เล่นหลาย ๆ คนเล่นเกมมาตลอดทั้งวัน พวกเขาจึงนำไอเท็มที่ไม่ได้ใช้งานมาแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นคนอื่น ๆ

ลู่หยางหาที่ว่างตั้งแผงขายของ ซึ่งหลังจากเวลาผ่านพ้นไปไม่นานผู้เล่นมนุษย์ 2 คนที่เดินผ่านแผงของเขาก็ส่งเสียงร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ จนทำให้ทุกคนหันมามองด้วยความสงสัย

“เฮ้ย! อุปกรณ์ระดับเหล็ก... อุปกรณ์ระดับเงิน ไม่น่าเชื่อว่ามันมีอยู่เยอะขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?!”

“ไหน ๆ ๆ ตรงไหนมีอุปกรณ์ระดับเหล็กกับอุปกรณ์ระดับเงิน?”

ในช่วงเวลานี้การได้มีอุปกรณ์ระดับทองแดงสักชิ้นก็เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมากแล้ว เพราะผู้เล่นโดยส่วนใหญ่ยังคงใช้อุปกรณ์เริ่มต้นที่ทางระบบได้แจกมา

“เวอร์เกินไปหรือเปล่า! ตอนนี้แม้แต่หัวหน้ากิลด์ฉันก็ยังไม่มีอุปกรณ์ระดับเหล็กใส่เลยนะ แล้วมันจะมีอุปกรณ์ระดับเงินโผล่มาในตลาดได้ยังไง”

“เชี่ย! นี่มันอุปกรณ์ระดับเหล็กกับระดับเงินจริง ๆ ด้วย รีบส่งข้อความหาหัวหน้ากิลด์เร็วเข้า ก่อนที่ของพวกนั้นจะถูกใครซื้อตัดหน้าไป!!”

“ผมส่งภาพไปให้หัวหน้าแล้ว ตอนนี้เขากำลังรีบมา”

ฝูงชนรีบเข้ามามุงแผงขายของของลู่หยางด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเมื่อพวกเขาทำการตรวจสอบคุณสมบัติของอุปกรณ์ที่อยู่ในแผง มันก็ทำให้ผู้เล่นหลายคนอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ

เมื่อมีคนมารวมตัวกันฝูงชนก็ขยายขนาดมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งลู่หยางก็รู้ดีอยู่แล้วว่าปฏิกิริยาของผู้เล่นจะเป็นแบบนี้ เพราะในอดีตมันจำเป็นจะต้องรอถึงวันที่ 3 หลังจากเกมเปิดฉงป้าฟงหยุนจากกิลด์โอเวอร์ลอร์ดถึงจะฆ่าราชาหมาป่าด้วยผู้เล่นเลเวล 8 จำนวนมากกว่า 100 คนได้สำเร็จและได้รับอุปกรณ์ระดับเงินชิ้นแรกมาในเวลานั้น

“พี่ชาย มีดเล่มนี้ลดลงมาเหลือสัก 5 เหรียญเงินได้ไหม? ถ้าลดได้ฉันยินดีจะจ่ายเงินเดี๋ยวนี้เลย”

“คทาโฟกัสเซอร์ราคาเท่าไหร่? ฉันจะซื้อไปให้แฟน”

ความประหลาดใจมักจะผ่านไปไวเสมอ เมื่อผู้เล่นบางคนดึงสติกลับมาได้แล้วพวกเขาก็เริ่มสอบถามราคาด้วยความคาดหวัง

ลู่หยางเผยรอยยิ้มโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่เขาจะวางป้ายราคาอุปกรณ์ไว้ที่แผง

เมื่อได้เห็นราคาทุกคนก็ส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง

“มีดเล่มเดียวราคา 2 เหรียญทองเนี่ยนะ?! นี่มันพยายามปล้นกันชัด ๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันยังมีเงินไม่ถึง 2 เหรียญเงินเลย”

เงินจำนวน 1 เหรียญทองเท่ากับ 100 เหรียญเงิน ดังนั้นราคามีด 2 เหรียญทองก็มีมูลค่าเท่ากับ 200 เหรียญเงิน

“จะบ้ารึไง! หมวกระดับเหล็กราคา 3 เหรียญทองเลยงั้นเหรอ แบบนี้ใครมันจะไปซื้อไหว”

ราคาของลู่หยางทำให้ผู้เล่นทุกคนตกตะลึง ซึ่งในระหว่างที่ผู้เล่นจำนวนมากกำลังส่งเสียงฮือฮากันอยู่นั้น มันก็มีเสียงตวาดดังขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน

“หลบไปซะ อย่ามาขวางทาง!”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ทุกคนก็สะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ และเมื่อพวกเขามองไปยังต้นเสียงทุกคนก็ได้เห็นกลุ่มผู้เล่นที่กำลังเดินคุ้มกันผู้เล่นอาชีพโจรคนหนึ่งมาหน้าแผงของลู่หยาง

โจรคนนั้นมองไปยังลู่หยางที่นั่งอยู่ที่พื้นด้วยสายตาอันโหดเหี้ยม ก่อนที่เขาตวาดออกมาว่า

“ไอ้หนู ของพวกนี้ฉันเหมาหมดเลย!”

ลู่หยางรู้จักโจรคนนี้ดี โดยชายคนนี้มีชื่อว่าแบล็คบลัด ซึ่งเป็นเจ้าของสตูดิโอเกมมืออาชีพแห่งหนึ่ง

หลังจากแบล็คบลัดไม่สามารถทำเงินจากเกมในก่อนหน้านี้ได้อีกต่อไป เขาจึงนำพาลูกน้องมากกว่า 100 คนมาตั้งกิลด์และรับสมัครผู้เล่นผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่า 5,000 คนเข้ามาภายในเกมเซคคัลเวิลด์ ซึ่งพวกเขาได้ใช้กำลังคนที่มีมากกว่ากดขี่ข่มเหงรังแกผู้เล่นคนอื่น ๆ ด้วยพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ

อย่างไรก็ตามการกระทำของพวกเขาก็ได้ดึงดูดผู้คนที่มีนิสัยคล้าย ๆ กันมารวมตัวด้วยกันอีกเป็นจำนวนมาก จนทำให้ในตอนนี้ผู้เล่นที่ชอบข่มเหงรังแกผู้อื่นมีจำนวนอยู่มากกว่า 10,000 คนแล้ว

ในชาติก่อนตอนที่ลู่หยางเพิ่งจะก่อตั้งกิลด์ได้ไม่นาน พวกเขาก็ถูกแบล็คบลัดเอาเปรียบด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่างมากมาย ถึงแม้หลังจากที่เขาได้รับหัวใจแห่งเทพอสูรและกลับมาแก้แค้นได้สำเร็จ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าลู่หยางจะยกโทษให้กับชายคนนี้ได้

ยิ่งไปกว่านั้นในชาติที่แล้วชายหนุ่มยังได้ทำลายกิลด์ของแบล็คบลัดด้วยมือของตัวเอง จนทำให้ทั้งคู่กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ไม่มีทางกลับมาผูกมิตรกันได้อีกแล้ว

“ทั้งหมด 100 เหรียญทอง” ลู่หยางพูด

“ไอ้หนู แกอยากตายมากใช่ไหมถึงได้มาเรียกเก็บเงินจากพวกเรา!” พรรคพวกของแบล็คบลัดกรูเข้ามาล้อมรอบลู่หยางเอาไว้

“ถ้าพูดมากกว่านี้พวกเราจะฆ่าแก!!”

“พี่น้องพวกเรามีจำนวนมากกว่า 5,000 คน ถ้าแกยังกล้าต่อรองราคากับหัวหน้า เชื่อฉันเถอะว่าชีวิตของแกไม่ตายดีแน่ ๆ”

“หลังจากนี้อย่าคิดที่จะออกจากเซฟโซนอีกเลย เพราะไม่ว่าเราจะเจอแกกี่ครั้ง แต่พวกเราก็จะสังหารแกทุกครั้ง”

“ฆ่ามันซะตอนนี้เลยดีไหมเนี่ย!”

คำขู่จากนักเลงมากกว่า 20 คนทำให้ผู้เล่นธรรมดาโดยรอบรู้สึกหวาดกลัว พวกเขาจึงตีตัวถอยห่างออกไปในระยะไกลเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกลูกหลง

“ครั้งนี้ผู้เล่นคนนั้นซวยแล้วแน่ ๆ ถึงแม้เขาจะไม่อยากขายอุปกรณ์ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกบังคับให้ขายออกไปอยู่ดี”

“ใช่! พวกเราเพิ่งเจออันธพาลพวกนี้ช่วงบ่ายเมื่อวานนี้เอง พวกมันไม่คิดจะฟังเหตุผลอะไรด้วยซ้ำ”

“เขาควรจะทำยังไงดีเนี่ย?”

ระหว่างที่ฝูงชนกำลังพูดคุยกัน ลู่หยางก็กำลังก้มหน้าลงเอามือประสานรองอยู่ใต้คางคล้ายกับว่าเขากำลังถูกกดดันอย่างหนัก

แบล็คบลัดพอใจกับการกระทำของลูกน้องตัวเองมาก และเมื่อเขารู้สึกว่าถึงเวลาแล้วเขาจึงเดินไปด้านหน้าลู่หยางและพูดออกมาด้วยท่าทางอันหยิ่งยโส

“ฉันให้ตัวเลือกแก 2 ทางว่าจะยกของพวกนี้ให้ฉัน แล้วฉันจะถือว่าพวกมันเป็นค่าสมัครเข้าร่วมทีมชั้นยอดภายในกิลด์ของฉัน หรือไม่ฉันก็จะฆ่าแกซ้ำ ๆ จนทำให้แกไม่สามารถออกจากเซฟโซนได้ตลอดชีวิต เอาล่ะฉันขอแนะนำให้แกคิดดูให้ดี ๆ”

นี่คือกลยุทธ์ปกติที่แบล็คบลัดใช้ในการเก็บหนี้ในโลกแห่งความเป็นจริง เพียงแต่ในตอนนี้เขาลืมตัวไปว่าตัวเองกำลังอยู่ในเกม

ลู่หยางไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่เขาจะตอบกลับออกไปด้วยประโยคสั้น ๆ

“ไสหัวไปซะ!”

“อะไรนะ? พูดอีกทีซิ” แบล็คบลัดจ้องไปยังลู่หยางด้วยแววตาอันดุดัน

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองหัวหน้าอันธพาลด้วยแววตาอันเย็นชาและพูดว่า

“ฉันบอกว่าไสหัวไปซะ! ไม่ได้ยินรึไง?”

เหตุการณ์นี้ทำให้ลูกน้องของแบล็คบลัดทุกคนรู้สึกตกตะลึง เพราะไม่มีใครคิดว่าจะมีคนกล้าพูดกับหัวหน้าของพวกเขาแบบนี้

ถ้านี่คือโลกแห่งความเป็นจริง แบล็คบลัดคงสั่งให้พวกเขากระทืบลู่หยางจนพิการไปแล้ว และเนื่องมาจากพวกเขากำลังอึ้งอยู่มันจึงไม่มีใครเอ่ยปากด่าชายหนุ่มขึ้นมา

แน่นอนว่าผู้เล่นโดยรอบก็รู้สึกตกตะลึงไม่แพ้กัน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวีรกรรมของแบล็คบลัดแต่ละเรื่องเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากแค่ไหน

แม้เกมจะเพิ่งเปิดให้บริการวันแรก แต่อันธพาลพวกนี้ก็ฆ่าคนเกลื่อนกลาดจนกลายเป็นเรื่องฮือฮาในหมู่ผู้เล่นส่วนใหญ่ คนที่โดนฆ่าก็อยากจะกลับมาแก้แค้น แต่เมื่อพวกเขาได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นกิลด์ใหญ่ที่มีสมาชิกมากกว่า 5,000 คน พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่ข่มความโกรธเอาไว้โดยไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย

อย่างไรก็ตามลู่หยางกลับได้ยั่วยุแบล็คบลัดเข้าไปแล้วจริง ๆ มันจึงทำให้ผู้เล่นบางส่วนอดที่จะเป็นห่วงชายหนุ่มขึ้นมาไม่ได้

ทันใดนั่นเองมันก็มีเสียงร้องคำรามอันเยือกเย็นดังขึ้นมาจากด้านหลังของกลุ่มคน และเมื่อพวกเขาได้หันมองไปตามเสียงพวกเขาก็ได้เห็นผู้เล่นอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา

“แบล็คบลัด นายยังไม่เลิกนิสัยเดิมสินะ นายคิดว่าที่นี่คือเกมเดิมหรือไง?” ผู้นำของผู้เล่นกลุ่มใหม่ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ

ลู่หยางรู้จักผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดี เพราะเขาคือฉงป้าฟงหยุน ผู้นำกิลด์โอเวอร์ลอร์ด 1 ใน 10 ผู้ทรงอำนาจในชาติก่อน แล้วถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ดุดันแต่เขาก็ไม่เคยรังแกคนอ่อนแอ ซึ่งในหลาย ๆ ครั้งคนที่เคยขัดแย้งกับฉงป้าก็ยังคงนับถือในนิสัยของชายคนนี้

เมื่อแบล็คบลัดได้เห็นฉงป้า สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เพราะเมื่อเทียบกับกิลด์ขนาด 30,000 คนของฉงป้าแล้ว กิลด์ขนาด 5,000 กว่าคนของแบล็คบลัดนี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย

“ฉงป้า! นายหมายความว่ายังไง?!” แบล็คบลัดถามเสียงสั่น

“นายพูดอะไร? ฉันก็แค่มาซื้อของ เฮ้! พวกฉันจะซื้อของพวกนี้ทั้งหมดเอง นายเสนอราคามาได้เลย” ฉงป้าไม่สนใจแบล็คบลัดและเดินตรงไปหาลู่หยางในทันที

ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังจะเอ่ยปากพูดออกไปนั้น จู่ ๆ มันก็ได้มีเสียงแหบแห้งของชายชราดังขึ้นมาจากทางซ้ายมือ

“เดี๋ยวก่อน!”

เมื่อลู่หยางหันไปมองเขาก็ได้พบกับผู้เล่นอีกกลุ่มหนึ่ง โดยผู้นำของคนกลุ่มนี้คือชายชราอารมณ์ดีที่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าอยู่เสมอ

“ว่าไงน้องชายฉงป้า บังเอิญจริง ๆ ที่พวกเรากำลังต้องการดาบสองมืออยู่พอดี ช่วยเห็นแก่หน้าฉันและยกอาวุธชิ้นนั้นให้พวกเราได้ไหมล่ะ?”

แน่นอนว่าลู่หยางย่อมรู้จักชายชราวัยประมาณ 60 ปีคนนี้ด้วย โดยอีกฝ่ายคือประธานบริษัทที่ติดอันดับฟอร์จูน 500 ซึ่งถือได้ว่าเป็นบริษัทที่โด่งดังในระดับโลก

แม้ชายชราจะเป็นนักเล่นเกมจากยุค 80 และมีอายุมากแล้ว แต่เขาก็ยังคงชื่นชอบการเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อเกมเสมือนจริงเกมแรกได้เปิดให้บริการ ชายชราก็ยกธุรกิจให้ลูกชายและนำเงินทุนนับร้อยล้านเครดิตเข้าสู่เกม

ด้วยเงินทุนปริมาณมหาศาลและนักกีฬาอีสปอร์ตรุ่นเก๋า มันจึงทำให้พวกเขาโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และได้กลายเป็น 1 ใน 10 ผู้ทรงอำนาจเซิร์ฟเวอร์เกมภายในจีน ซึ่งผู้คนก็ตั้งฉายาให้ชายชราคนนี้ว่าตาแก่ผู้ซุกดาบเอาไว้ใต้รอยยิ้ม

ชื่อของชายชราคือฉือมู่ และถึงแม้รูปร่างภายนอกของตาแก่คนนี้จะดูใจดี แต่อย่าไปหลงรูปลักษณ์อันหลอกลวงพวกนี้เชียว แม้แท้ที่จริงชายชราจะมีอายุมากกว่า 60 แล้วแต่รูปร่างภายนอกเขาก็ยังดูเหมือนชายวัย 40 ต้น ๆ เท่านั้น

นอกจากนี้กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างของฉือมู่ยังแน่นมากยิ่งกว่ากล้ามเนื้อของหนุ่มสาวส่วนใหญ่เสียอีก รูปร่างของตัวละครก็เป็นเพียงแค่ผลงานที่ชายชราจงใจทำให้ตัวเองแก่ลงเพื่อหลอกล่อให้ศัตรูตายใจ เพียงแค่การปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์แค่นี้ก็เพียงพอจะพิสูจน์ได้แล้วว่าฉือมู่คือตาเฒ่าที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์มากขนาดไหน

ฉงป้าระแวงฉือมู่อยู่ไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่กิลด์ของพวกเขาออกมาประกาศรับสมัครผู้เล่นบนอินเตอร์เน็ต ทั้งคู่ก็เคยทำสงครามแย่งชิงนักเล่นเกมกันมาก่อนแล้ว ซึ่งในคราวนั้นฉงป้าก็ถูกชายชราเล่นงานมาจนเจ็บแสบเลยทีเดียว

“ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์! ฉันจองอาวุธพวกนี้เอาไว้หมดแล้ว” ฉงป้ากล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

เอ่อ…คงไม่ได้จะเป็นศัตรูทั้งหมดหรอกเน๊าะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด