บทที่ 15 รวมตัวมหาอำนาจ
บทที่ 15 รวมตัวมหาอำนาจ
หลังจากผ่านไปนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่ราชินีผึ้งจะงอกปีกเป็นครั้งที่ 60 ลู่หยางก็ได้ทำการสังหารมันลงด้วยลูกไฟ
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะการพยายามต่อสู้กับบอสโดยมีมานาอันน้อยนิดไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเร่งหาอุปกรณ์ให้เร็วกว่านี้เพื่อให้การต่อสู้ผ่านพ้นไปอย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น
ลู่หยางเก็บอุปกรณ์ที่ดรอปลงมาบนพื้น ก่อนที่เขาจะทำการตรวจดูคุณสมบัติ
ออเนตลองโบ (ระดับเงิน)
พลังโจมตี 6-18
พลังกาย +3
พลังชีวิต +2
นี่คืออุปกรณ์ระดับสูงสุดสำหรับนักธนูในหมู่บ้านเริ่มต้นที่สามารถใช้งานได้จนถึงดันเจียนเลเวล 8 ซึ่งอุปกรณ์อีกสองชิ้นที่ดรอปลงมาก็คือไอรอนริงระดับเหล็กและแบล็คคริมตัลบราเซอร์ระดับเหล็ก
ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าเขาจะได้รับเครื่องประดับป้องกันข้อมือมาอีกชิ้น และด้วยอุปกรณ์ชิ้นนี้มันก็ทำให้ชายหนุ่มมีกำไล, แหวน, ผ้าคลุมและไม้เท้าครบแล้ว เหลือเพียงชุดเกราะที่มีดรอปเฉพาะในดันเจียนเท่านั้น
ชายหนุ่มดูเวลาแล้วได้พบว่าตอนนี้เป็นช่วง 6 โมงเช้าแล้ว เขาจึงใช้คัมภีร์ย้อนกลับเพื่อกลับไปยังเมืองเซนต์กอลล์และมุ่งหน้าไปยังจัตุรัสทางทิศตะวันออก
จัตุรัสทางทิศตะวันออกคือตลาดที่ผู้เล่นนำสิ่งของมาแลกเปลี่ยนกัน เนื่องมาจากพื้นที่บริเวณนี้เป็นที่โล่ง และหลังจากที่ผู้เล่นหลาย ๆ คนเล่นเกมมาตลอดทั้งวัน พวกเขาจึงนำไอเท็มที่ไม่ได้ใช้งานมาแลกเปลี่ยนกับผู้เล่นคนอื่น ๆ
ลู่หยางหาที่ว่างตั้งแผงขายของ ซึ่งหลังจากเวลาผ่านพ้นไปไม่นานผู้เล่นมนุษย์ 2 คนที่เดินผ่านแผงของเขาก็ส่งเสียงร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ จนทำให้ทุกคนหันมามองด้วยความสงสัย
“เฮ้ย! อุปกรณ์ระดับเหล็ก... อุปกรณ์ระดับเงิน ไม่น่าเชื่อว่ามันมีอยู่เยอะขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?!”
“ไหน ๆ ๆ ตรงไหนมีอุปกรณ์ระดับเหล็กกับอุปกรณ์ระดับเงิน?”
ในช่วงเวลานี้การได้มีอุปกรณ์ระดับทองแดงสักชิ้นก็เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมากแล้ว เพราะผู้เล่นโดยส่วนใหญ่ยังคงใช้อุปกรณ์เริ่มต้นที่ทางระบบได้แจกมา
“เวอร์เกินไปหรือเปล่า! ตอนนี้แม้แต่หัวหน้ากิลด์ฉันก็ยังไม่มีอุปกรณ์ระดับเหล็กใส่เลยนะ แล้วมันจะมีอุปกรณ์ระดับเงินโผล่มาในตลาดได้ยังไง”
“เชี่ย! นี่มันอุปกรณ์ระดับเหล็กกับระดับเงินจริง ๆ ด้วย รีบส่งข้อความหาหัวหน้ากิลด์เร็วเข้า ก่อนที่ของพวกนั้นจะถูกใครซื้อตัดหน้าไป!!”
“ผมส่งภาพไปให้หัวหน้าแล้ว ตอนนี้เขากำลังรีบมา”
ฝูงชนรีบเข้ามามุงแผงขายของของลู่หยางด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเมื่อพวกเขาทำการตรวจสอบคุณสมบัติของอุปกรณ์ที่อยู่ในแผง มันก็ทำให้ผู้เล่นหลายคนอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
เมื่อมีคนมารวมตัวกันฝูงชนก็ขยายขนาดมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งลู่หยางก็รู้ดีอยู่แล้วว่าปฏิกิริยาของผู้เล่นจะเป็นแบบนี้ เพราะในอดีตมันจำเป็นจะต้องรอถึงวันที่ 3 หลังจากเกมเปิดฉงป้าฟงหยุนจากกิลด์โอเวอร์ลอร์ดถึงจะฆ่าราชาหมาป่าด้วยผู้เล่นเลเวล 8 จำนวนมากกว่า 100 คนได้สำเร็จและได้รับอุปกรณ์ระดับเงินชิ้นแรกมาในเวลานั้น
“พี่ชาย มีดเล่มนี้ลดลงมาเหลือสัก 5 เหรียญเงินได้ไหม? ถ้าลดได้ฉันยินดีจะจ่ายเงินเดี๋ยวนี้เลย”
“คทาโฟกัสเซอร์ราคาเท่าไหร่? ฉันจะซื้อไปให้แฟน”
…
ความประหลาดใจมักจะผ่านไปไวเสมอ เมื่อผู้เล่นบางคนดึงสติกลับมาได้แล้วพวกเขาก็เริ่มสอบถามราคาด้วยความคาดหวัง
ลู่หยางเผยรอยยิ้มโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่เขาจะวางป้ายราคาอุปกรณ์ไว้ที่แผง
เมื่อได้เห็นราคาทุกคนก็ส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง
“มีดเล่มเดียวราคา 2 เหรียญทองเนี่ยนะ?! นี่มันพยายามปล้นกันชัด ๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันยังมีเงินไม่ถึง 2 เหรียญเงินเลย”
เงินจำนวน 1 เหรียญทองเท่ากับ 100 เหรียญเงิน ดังนั้นราคามีด 2 เหรียญทองก็มีมูลค่าเท่ากับ 200 เหรียญเงิน
“จะบ้ารึไง! หมวกระดับเหล็กราคา 3 เหรียญทองเลยงั้นเหรอ แบบนี้ใครมันจะไปซื้อไหว”
ราคาของลู่หยางทำให้ผู้เล่นทุกคนตกตะลึง ซึ่งในระหว่างที่ผู้เล่นจำนวนมากกำลังส่งเสียงฮือฮากันอยู่นั้น มันก็มีเสียงตวาดดังขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน
“หลบไปซะ อย่ามาขวางทาง!”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ทุกคนก็สะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ และเมื่อพวกเขามองไปยังต้นเสียงทุกคนก็ได้เห็นกลุ่มผู้เล่นที่กำลังเดินคุ้มกันผู้เล่นอาชีพโจรคนหนึ่งมาหน้าแผงของลู่หยาง
โจรคนนั้นมองไปยังลู่หยางที่นั่งอยู่ที่พื้นด้วยสายตาอันโหดเหี้ยม ก่อนที่เขาตวาดออกมาว่า
“ไอ้หนู ของพวกนี้ฉันเหมาหมดเลย!”
ลู่หยางรู้จักโจรคนนี้ดี โดยชายคนนี้มีชื่อว่าแบล็คบลัด ซึ่งเป็นเจ้าของสตูดิโอเกมมืออาชีพแห่งหนึ่ง
หลังจากแบล็คบลัดไม่สามารถทำเงินจากเกมในก่อนหน้านี้ได้อีกต่อไป เขาจึงนำพาลูกน้องมากกว่า 100 คนมาตั้งกิลด์และรับสมัครผู้เล่นผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่า 5,000 คนเข้ามาภายในเกมเซคคัลเวิลด์ ซึ่งพวกเขาได้ใช้กำลังคนที่มีมากกว่ากดขี่ข่มเหงรังแกผู้เล่นคนอื่น ๆ ด้วยพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ
อย่างไรก็ตามการกระทำของพวกเขาก็ได้ดึงดูดผู้คนที่มีนิสัยคล้าย ๆ กันมารวมตัวด้วยกันอีกเป็นจำนวนมาก จนทำให้ในตอนนี้ผู้เล่นที่ชอบข่มเหงรังแกผู้อื่นมีจำนวนอยู่มากกว่า 10,000 คนแล้ว
ในชาติก่อนตอนที่ลู่หยางเพิ่งจะก่อตั้งกิลด์ได้ไม่นาน พวกเขาก็ถูกแบล็คบลัดเอาเปรียบด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่างมากมาย ถึงแม้หลังจากที่เขาได้รับหัวใจแห่งเทพอสูรและกลับมาแก้แค้นได้สำเร็จ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าลู่หยางจะยกโทษให้กับชายคนนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นในชาติที่แล้วชายหนุ่มยังได้ทำลายกิลด์ของแบล็คบลัดด้วยมือของตัวเอง จนทำให้ทั้งคู่กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ไม่มีทางกลับมาผูกมิตรกันได้อีกแล้ว
“ทั้งหมด 100 เหรียญทอง” ลู่หยางพูด
“ไอ้หนู แกอยากตายมากใช่ไหมถึงได้มาเรียกเก็บเงินจากพวกเรา!” พรรคพวกของแบล็คบลัดกรูเข้ามาล้อมรอบลู่หยางเอาไว้
“ถ้าพูดมากกว่านี้พวกเราจะฆ่าแก!!”
“พี่น้องพวกเรามีจำนวนมากกว่า 5,000 คน ถ้าแกยังกล้าต่อรองราคากับหัวหน้า เชื่อฉันเถอะว่าชีวิตของแกไม่ตายดีแน่ ๆ”
“หลังจากนี้อย่าคิดที่จะออกจากเซฟโซนอีกเลย เพราะไม่ว่าเราจะเจอแกกี่ครั้ง แต่พวกเราก็จะสังหารแกทุกครั้ง”
“ฆ่ามันซะตอนนี้เลยดีไหมเนี่ย!”
…
คำขู่จากนักเลงมากกว่า 20 คนทำให้ผู้เล่นธรรมดาโดยรอบรู้สึกหวาดกลัว พวกเขาจึงตีตัวถอยห่างออกไปในระยะไกลเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกลูกหลง
“ครั้งนี้ผู้เล่นคนนั้นซวยแล้วแน่ ๆ ถึงแม้เขาจะไม่อยากขายอุปกรณ์ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกบังคับให้ขายออกไปอยู่ดี”
“ใช่! พวกเราเพิ่งเจออันธพาลพวกนี้ช่วงบ่ายเมื่อวานนี้เอง พวกมันไม่คิดจะฟังเหตุผลอะไรด้วยซ้ำ”
“เขาควรจะทำยังไงดีเนี่ย?”
ระหว่างที่ฝูงชนกำลังพูดคุยกัน ลู่หยางก็กำลังก้มหน้าลงเอามือประสานรองอยู่ใต้คางคล้ายกับว่าเขากำลังถูกกดดันอย่างหนัก
แบล็คบลัดพอใจกับการกระทำของลูกน้องตัวเองมาก และเมื่อเขารู้สึกว่าถึงเวลาแล้วเขาจึงเดินไปด้านหน้าลู่หยางและพูดออกมาด้วยท่าทางอันหยิ่งยโส
“ฉันให้ตัวเลือกแก 2 ทางว่าจะยกของพวกนี้ให้ฉัน แล้วฉันจะถือว่าพวกมันเป็นค่าสมัครเข้าร่วมทีมชั้นยอดภายในกิลด์ของฉัน หรือไม่ฉันก็จะฆ่าแกซ้ำ ๆ จนทำให้แกไม่สามารถออกจากเซฟโซนได้ตลอดชีวิต เอาล่ะฉันขอแนะนำให้แกคิดดูให้ดี ๆ”
นี่คือกลยุทธ์ปกติที่แบล็คบลัดใช้ในการเก็บหนี้ในโลกแห่งความเป็นจริง เพียงแต่ในตอนนี้เขาลืมตัวไปว่าตัวเองกำลังอยู่ในเกม
ลู่หยางไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่เขาจะตอบกลับออกไปด้วยประโยคสั้น ๆ
“ไสหัวไปซะ!”
“อะไรนะ? พูดอีกทีซิ” แบล็คบลัดจ้องไปยังลู่หยางด้วยแววตาอันดุดัน
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองหัวหน้าอันธพาลด้วยแววตาอันเย็นชาและพูดว่า
“ฉันบอกว่าไสหัวไปซะ! ไม่ได้ยินรึไง?”
เหตุการณ์นี้ทำให้ลูกน้องของแบล็คบลัดทุกคนรู้สึกตกตะลึง เพราะไม่มีใครคิดว่าจะมีคนกล้าพูดกับหัวหน้าของพวกเขาแบบนี้
ถ้านี่คือโลกแห่งความเป็นจริง แบล็คบลัดคงสั่งให้พวกเขากระทืบลู่หยางจนพิการไปแล้ว และเนื่องมาจากพวกเขากำลังอึ้งอยู่มันจึงไม่มีใครเอ่ยปากด่าชายหนุ่มขึ้นมา
แน่นอนว่าผู้เล่นโดยรอบก็รู้สึกตกตะลึงไม่แพ้กัน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวีรกรรมของแบล็คบลัดแต่ละเรื่องเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากแค่ไหน
แม้เกมจะเพิ่งเปิดให้บริการวันแรก แต่อันธพาลพวกนี้ก็ฆ่าคนเกลื่อนกลาดจนกลายเป็นเรื่องฮือฮาในหมู่ผู้เล่นส่วนใหญ่ คนที่โดนฆ่าก็อยากจะกลับมาแก้แค้น แต่เมื่อพวกเขาได้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นกิลด์ใหญ่ที่มีสมาชิกมากกว่า 5,000 คน พวกเขาก็ทำได้เพียงแต่ข่มความโกรธเอาไว้โดยไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย
อย่างไรก็ตามลู่หยางกลับได้ยั่วยุแบล็คบลัดเข้าไปแล้วจริง ๆ มันจึงทำให้ผู้เล่นบางส่วนอดที่จะเป็นห่วงชายหนุ่มขึ้นมาไม่ได้
ทันใดนั่นเองมันก็มีเสียงร้องคำรามอันเยือกเย็นดังขึ้นมาจากด้านหลังของกลุ่มคน และเมื่อพวกเขาได้หันมองไปตามเสียงพวกเขาก็ได้เห็นผู้เล่นอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา
“แบล็คบลัด นายยังไม่เลิกนิสัยเดิมสินะ นายคิดว่าที่นี่คือเกมเดิมหรือไง?” ผู้นำของผู้เล่นกลุ่มใหม่ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
ลู่หยางรู้จักผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดี เพราะเขาคือฉงป้าฟงหยุน ผู้นำกิลด์โอเวอร์ลอร์ด 1 ใน 10 ผู้ทรงอำนาจในชาติก่อน แล้วถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ดุดันแต่เขาก็ไม่เคยรังแกคนอ่อนแอ ซึ่งในหลาย ๆ ครั้งคนที่เคยขัดแย้งกับฉงป้าก็ยังคงนับถือในนิสัยของชายคนนี้
เมื่อแบล็คบลัดได้เห็นฉงป้า สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เพราะเมื่อเทียบกับกิลด์ขนาด 30,000 คนของฉงป้าแล้ว กิลด์ขนาด 5,000 กว่าคนของแบล็คบลัดนี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย
“ฉงป้า! นายหมายความว่ายังไง?!” แบล็คบลัดถามเสียงสั่น
“นายพูดอะไร? ฉันก็แค่มาซื้อของ เฮ้! พวกฉันจะซื้อของพวกนี้ทั้งหมดเอง นายเสนอราคามาได้เลย” ฉงป้าไม่สนใจแบล็คบลัดและเดินตรงไปหาลู่หยางในทันที
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังจะเอ่ยปากพูดออกไปนั้น จู่ ๆ มันก็ได้มีเสียงแหบแห้งของชายชราดังขึ้นมาจากทางซ้ายมือ
“เดี๋ยวก่อน!”
เมื่อลู่หยางหันไปมองเขาก็ได้พบกับผู้เล่นอีกกลุ่มหนึ่ง โดยผู้นำของคนกลุ่มนี้คือชายชราอารมณ์ดีที่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าอยู่เสมอ
“ว่าไงน้องชายฉงป้า บังเอิญจริง ๆ ที่พวกเรากำลังต้องการดาบสองมืออยู่พอดี ช่วยเห็นแก่หน้าฉันและยกอาวุธชิ้นนั้นให้พวกเราได้ไหมล่ะ?”
แน่นอนว่าลู่หยางย่อมรู้จักชายชราวัยประมาณ 60 ปีคนนี้ด้วย โดยอีกฝ่ายคือประธานบริษัทที่ติดอันดับฟอร์จูน 500 ซึ่งถือได้ว่าเป็นบริษัทที่โด่งดังในระดับโลก
แม้ชายชราจะเป็นนักเล่นเกมจากยุค 80 และมีอายุมากแล้ว แต่เขาก็ยังคงชื่นชอบการเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อเกมเสมือนจริงเกมแรกได้เปิดให้บริการ ชายชราก็ยกธุรกิจให้ลูกชายและนำเงินทุนนับร้อยล้านเครดิตเข้าสู่เกม
ด้วยเงินทุนปริมาณมหาศาลและนักกีฬาอีสปอร์ตรุ่นเก๋า มันจึงทำให้พวกเขาโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และได้กลายเป็น 1 ใน 10 ผู้ทรงอำนาจเซิร์ฟเวอร์เกมภายในจีน ซึ่งผู้คนก็ตั้งฉายาให้ชายชราคนนี้ว่าตาแก่ผู้ซุกดาบเอาไว้ใต้รอยยิ้ม
ชื่อของชายชราคือฉือมู่ และถึงแม้รูปร่างภายนอกของตาแก่คนนี้จะดูใจดี แต่อย่าไปหลงรูปลักษณ์อันหลอกลวงพวกนี้เชียว แม้แท้ที่จริงชายชราจะมีอายุมากกว่า 60 แล้วแต่รูปร่างภายนอกเขาก็ยังดูเหมือนชายวัย 40 ต้น ๆ เท่านั้น
นอกจากนี้กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างของฉือมู่ยังแน่นมากยิ่งกว่ากล้ามเนื้อของหนุ่มสาวส่วนใหญ่เสียอีก รูปร่างของตัวละครก็เป็นเพียงแค่ผลงานที่ชายชราจงใจทำให้ตัวเองแก่ลงเพื่อหลอกล่อให้ศัตรูตายใจ เพียงแค่การปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์แค่นี้ก็เพียงพอจะพิสูจน์ได้แล้วว่าฉือมู่คือตาเฒ่าที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์มากขนาดไหน
ฉงป้าระแวงฉือมู่อยู่ไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่กิลด์ของพวกเขาออกมาประกาศรับสมัครผู้เล่นบนอินเตอร์เน็ต ทั้งคู่ก็เคยทำสงครามแย่งชิงนักเล่นเกมกันมาก่อนแล้ว ซึ่งในคราวนั้นฉงป้าก็ถูกชายชราเล่นงานมาจนเจ็บแสบเลยทีเดียว
“ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์! ฉันจองอาวุธพวกนี้เอาไว้หมดแล้ว” ฉงป้ากล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
เอ่อ…คงไม่ได้จะเป็นศัตรูทั้งหมดหรอกเน๊าะ