บทที่ 13 : ปะทะหวังเยี่ยน!
บทที่ 13 : ปะทะหวังเยี่ยน!
ภายในห้องสมุดชิงหลง บรรยากาศตึงเครียดราวกับจับต้องได้ เด็กผู้หญิงหลายคนขดตัวอยู่ตามมุมห้อง ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น
ส่วนเซียวซิงหยูนั่งอ่านหนังสืออย่างเฉยเมยเเละไม่สะทกสะท้าน
“นายน้อยหวัง ไอ้เด็กนั่นมันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ผมไปสั่งสอนมันให้เองครับ!”
ลูกน้องคนหนึ่งของหวังเยี่ยนขันอาสา แล้วเดินอาดๆไปหาเซียวซิงหยู
“นี่แก…อยู่ห้องไหน?”
เซียวซิงหยูไม่ตอบ เขาขี้เกียจจะเสียเวลากับลูกกระจ็อกเเบบนี้
“เห้ย! ทำเป็นหยิ่งนะมึง! รู้ไหมว่าวันนี้นายน้อยหวังของเราจองห้องสมุดทั้งหลังไว้เเล้ว…อยากอยู่รอดในสถาบันนี้ก็ไสหัวไปซะ!”
ลุงสาม บรรณารักษ์รีบวิ่งมาดึงแขนเสื้อเซียวซิงหยู แล้วกระซิบเบาๆ
“น้องเซียว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำเก่ง รีบออกไปจากที่นี่เถอะ!”
“ลุงสาม ไอ้หน้าปลวกคนนั้นมันเป็นใครหรือ?”
“เขาชื่อหวังเยี่ยน ลูกชายของรองอธิการบดีหวังตงเซิง!”
“อ้อ ที่แท้ก็มีพ่อเป็นรองอธิการบดี ถึงว่ากร่างเชียว” เซียวซิงหยูยิ้มเย็น
“นายไม่มีเส้นสาย อย่าไปยุ่งกับมันเลย เชื่อลุง รีบหนีไปเถอะ!” ลุงสามเตือนด้วยความหวังดี
เเต่ขณะที่ลุงสามกำลังจะดันเซียวซิงหยูออกไป หวังเยี่ยนก็ปรากฏตัวขวางหน้ากระทันหัน
ทันใดนั้น, เขาก็เหลือบมองป้ายชื่อบนหน้าอกของเซียวซิงหยู
“ห้องสาม เซียวซิงหยูสินะ ฉันให้เวลาแกให้ไสหัวไปตั้งนาน แต่แกกลับอยู่หาเรื่องใส่ตัว งั้นก็คุกเข่าขอโทษซะ!”
“แล้วทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ?” เซียวซิงหยูถามอย่างใจเย็น
“ก็เพราะพ่อของฉันคือหวังตงเซิง!”
หวังเยี่ยนพูดชื่อพ่อออกมาอย่างภาคภูมิใจ
เหมือนคนคนนี้จะทำเเบบนี้ทุกที่ทุกเวลา
หวังตงเซิง รองอธิการบดีวิทยาลัยชิงหลง
เขามีอำนาจรองจากอธิการบดีซูหรูหยาน แถมยังเป็นคนดูแลประวัติของนักเรียนอีก
สำหรับคนไม่มีเงินเเละไม่มีเส้นอย่างเซียวซิงหยู หวังตงเซิงมีเป็นร้อยวิธีที่จะสามารถไล่เขาออกได้ทันที
“เซียวซิงหยู! คุกเข่าขอโทษฉันซะ!” หวังเยี่ยนกดดันอีกครั้ง
“คุกเข่าพ่อมึงสิ!”
เซียวซิงหยูไม่พูดมากอีกต่อไป
เขายกเข่าขึ้นแล้วกระแทกเข้าหว่างขาของหวังเยี่ยนอย่างจัง
ปั่กกกกก!!!
“โอ๊ยยยย!!!”
เสียงร้องโหยหวนดังลั่นห้องสมุด
“นายน้อยหวัง! เป็นอะไรรึเปล่าครับ!?”
“ไข่แตกหรือเปล่า ไปโรงพยาบาลกันเถอะ!”
“เซียวซิงหยู! แกกล้าทำร้ายฉัน! แกตายแน่!”
……
อีกด้าน ณ อาคารเรียนปีหนึ่งห้องสาม
เสียงกริ่งหมดคาบดังขึ้น เฉินฉีเหนียนจึงวางชอล์กแล้วพูดว่า
“นักเรียนทุกคน บ่ายนี้เราจะมีคาบเรียนภาคปฏิบัติ เตรียมสัตว์อสูรของตัวเองให้พร้อม อย่าขาดล่ะ”
ทันใดนั้น เสียงโหวกเหวกก็ดังมาจากทางเดิน
“ห้องสมุดชิงหลงเกิดเรื่อง!”
“พวกนายได้ยินหรือเปล่า เซียวซิงหยูห้องสาม กำลังตีกับหวังเยี่ยนห้องหนึ่ง”
“หวังเยี่ยน มันลูกชายรองอธิการบดีไม่ใช่เหรอ? มีใครกล้าหาเรื่องมันด้วยหรอ?”
“ไป…ไปดูกัน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, เฉินฉีเหนียนก็ได้เเต้ถอนหายใจในใจ
ไอ้เด็กเวรนี่ เพิ่งเข้าเรียนได้วันเดียวก็ก่อเรื่องซะแล้ว!
……
หน้าห้องสมุดชิงหลง
เซียวซิงหยูถูกลูกน้องของหวังเยี่ยนรุมล้อม…ส่วนหวังเยี่ยนกุมหว่างขา ตาแดงก่ำ พร้อมตะคอกเสียงต่ำ
“รุมมัน! หักขาไอ้เด็กนี่ซะ!”
คนมุงดูเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ, บรรยากาศเริ่มตึงเครียดถึงขีดสุด
เเต่ทันใดนั้นเอง
เสียงเย็นชาหนึ่งก็ดังขึ้นทันที
“กล้าทะเลาะวิวาทกันในวิทยาลัย ไม่เคารพกฎระเบียบกันเลยรึไง!?”
หญิงสาวผมแดงสะสวยสง่าคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางฝูงชน
เเละเธอคือซูหรูหยาน อธิการบดีของวิทยาลัยชิงหลง
เมื่อเห็นเธอ, ความกร่างของหวังเยี่ยนก็ลดลงอย่างรวดเร็ว
“ท่านอธิการบดีซู”
ซูหรูหยานจ้องหวังเยี่ยนเขม็ง
“ในฐานะลูกชายรองอธิการบดี เธอน่าจะทำตัวให้เป็นแบบอย่างในการเคารพกฎระเบียบ แต่นี่เธอกลับมาทะเลาะวิวาทเสียเอง…เเบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน!?”
หวังเยี่ยนกลัวซูหรูหยานลงโทษ, เขาจึงรีบโยนความผิดทันที
“ท่านอธิการบดีครับ เรื่องนี้ผมไม่ผิด! เซียวซิงหยูเตะหว่างขาผมก่อน ผมเลยต้องสวนกลับ!”
ทุกสายตาจับจ้องไปที่เซียวซิงหยู
ซูหรูหยานเองก็เพิ่งสังเกตเห็นเซียวซิงหยูเป็นครั้งแรก เธอจึงเอ่ยถามทันที
“มันเกิดอะไรขึ้นกันเเน่?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ เซียวซิงหยูก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องสมุดทั้งหมดให้ทุกคนได้ฟัง
……..
“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง…”
“หวังเยี่ยนนี่มันอวดดีเกินไป แค่เป็นลูกชายรองอธิการบดีก็คิดว่าจะรังแกผู้หญิงได้งั้นเหรอ?”
“เซียวซิงหยู ฉันสนับสนุนนาย!”
เรื่องนี้หวังเยี่ยนผิดเต็มๆ, เซียวซิงหยูเลยได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ
เเละทันใดนั้น, เฉินฉีเหนียนก็รีบมาถึงที่เกิดเหตุ
“ท่านอธิการบดีครับ ผมได้สอบถามเรื่องราวทั้งหมดจากบรรณารักษ์แล้ว หวังเยี่ยนเป็นฝ่ายทำผิดกฎก่อนจริงครับ”
ซูหรูหยานมองเฉินฉีเหนียน แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“อาจารย์เฉิน นี่คุณกำลังเข้าข้างนักเรียนของตัวเองอยู่รึเปล่า?”
“เอ่อ…ผมเปล่านะครับ”
“การทะเลาะวิวาทในวิทยาลัย ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องถูกลงโทษ และต้องขอโทษซึ่งกันและกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, หวังเยี่ยนก็ทำท่าแข็งกร้าวขึ้นมาทันที
“ให้ผมไปขอโทษมันเหรอ?
…ไม่มีทาง!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ซูหรูหยานก็หันไปมองเซียวซิงหยู
“แล้วนายล่ะ?”
“ผมไม่ขอโทษหมาหรอก”
ยิ่งได้ยินเเบบนี้, หวังเยี่ยนก็ยิ่งเดือด
“เซียวซิงหยู! แกว่าใครเป็นหมา?”
“ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อเสียหน่อย…แล้วแกจะร้อนตัวไปทำไมล่ะ?”
เมื่อเห็นว่าความขัดแย้งระหว่างทั้งคู่ถึงจุดแตกหักแล้ว ซูหรูหยานจึงตัดสินใจทันที
“ในเมื่อทั้งคู่ไม่ยอมขอโทษ ก็จัดการตามกฎข้อที่ 8”
กฎข้อที่ 8 ของวิทยาลัย:
[นักเรียนมีเรื่องขัดแย้งกัน ไม่ว่าใครถูกใครผิด ต้องแก้ปัญหาด้วย “การประลองบนเวที”]
[ฝ่ายแพ้ต้องขอโทษฝ่ายชนะ]
กฎข้อนี้เป็นกฎที่นักเรียนบ่นกันมากที่สุด…เพราะดูเผินๆแล้วมันไม่มีความยุติธรรมเอาซะเลย
อย่างในกรณีของเซียวซิงหยูกับหวังเยี่ยน ทุกคนต่างเข้าข้างเซียวซิงหยู ซึ่งแสดงว่าเซียวซิงหยูไม่ได้ทำอะไรผิด
คนที่ผิดคือหวังเยี่ยน แต่ถ้าทำตามกฎข้อที่ 8 หากเซียวซิงหยูแพ้หวังเยี่ยนในการประลอง เซียวซิงหยูก็ต้องขอโทษหวังเยี่ยนอยู่ดี
“กฎข้อที่ 8 นี่มันไร้หัวใจสิ้นดี!”
“หวังเยี่ยนผิดชัดๆ ทำไมต้องมาประลองตัดสินว่าใครต้องขอโทษใครด้วย?”
“ได้ยินว่าสัตว์อสูรที่หวังเยี่ยนทำพันธสัญญาด้วยคือเสือดาวฉีกฟ้าหกกรงเล็บ ที่มีสายเลือดระดับตำนานเชียวนะ”
“งานนี้เซียวซิงหยูคงยากที่จะชนะได้”
……
สิบห้านาทีต่อมา
บนลานประลองด้านหลังอาคารเรียนวิทยาลัยชิงหลง
ที่นี่เป็นสถานที่จัดการแข่งขันปรมาจารย์อสูร...หากนักเรียนคนไหนทำผิดกฎข้อที่ 8 ก็จะมาขึ้นเวทีที่นี่
รอบๆเวทีตอนนี้มีผู้คนมากมาย
เซียวซิงหยูคือม้ามืดอัจฉริยะที่เป็นข่าว ส่วนหวังเยี่ยนคือลูกชายรองอธิการบดี
แค่ตัวตนของทั้งคู่ก็ดึงดูดความสนใจได้มากมายแล้ว
ดังนั้น, นักเรียนทั้งวิทยาลัยจึงพากันมาดู โดยมีซูหรูหยานนั่งมองอยู่บนอัฒจันทร์
……..
ที่ห้องเตรียมตัว
เฉินฉีเหนียนตบไหล่เซียวซิงหยู แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เซียวซิงหยู สัตว์อสูรของหวังเยี่ยนมีสายเลือดที่เหนือกว่าหมาป่าวายุนรกของเธอ ถ้าเธอแพ้มันก็ไม่แปลกหรอก…อย่าเสียใจไปล่ะ”
“อาจารย์เฉิน ทำไมอาจารย์ถึงคิดว่าผมจะแพ้ล่ะครับ?” เซียวซิงหยูถามกลับ
“ก็สายเลือดมันต่างกันไง อาจารย์พูดชัดเจนแล้วนะ”
“อาจารย์เฉิน ผมจะชนะการประลองครั้งนี้ภายในสามนาที”
“อะไรนะ!!”
“เธอไปเอาความมั่นใจเเบบนี้มาจากไหนเนี่ย!?”
………………