ตอนที่แล้วบทที่ 127: เงินแก้ปัญหาทุกอย่างได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 129: ไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจ (เปิดให้อ่านฟรีวันที่ 31 ธ.ค. 67)

บทที่ 128: ศาลาหมื่นอสูร


ตลาดผีนั้นแตกต่างไปจากจินตนาการของมู่ไป๋ไป่มาก

ทีแรกเธอคิดว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผีสางนางไม้จนต้องดูน่ากลัว

แต่นอกจากสุสานและหินก้อนใหญ่ที่เธอเพิ่งเดินผ่านมา ตลาดผีแห่งนี้กลับดูไม่ต่างจากตลาดธรรมดาในเมืองหลวงที่คึกคักมากนัก

อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่มาเยือนตลาดต่างก็เหมือนกับพวกเธอ พวกเขาสวมชุดคลุมสีดำ มีหมวกคลุม มีหน้ากากปิดบังใบหน้า ทำให้มองไม่เห็นทั้งรูปร่างและหน้าตาที่แท้จริง

“ที่นี่มีอาหารขายอยู่จริง ๆ” หลัวเซียวเซียวเดินผ่านร้านซาลาเปาพลางมองดูอย่างสงสัย “อีกทั้งยังหอมมากด้วย”

“เพราะว่า ‘ผี’ ที่นี่ยังต้องกินเหมือนกัน” เสิ่นจวินเฉาเดินนำเด็กอีก 3 คนเข้าสู่ส่วนของตลาดผีช้า ๆ “มีสถานที่แห่งหนึ่งในตลาดผีที่เรียกกันว่า ‘ศาลาหมื่นอสูร’ ซึ่งเป็นกิจการที่เกี่ยวกับสัตว์แปลกทุกชนิด”

“ศาลาหมื่นอสูร?” มู่ไป๋ไป่รีบคว้าแขนเสื้อของเด็กชายมาจับ “พี่จวินเฉา เจ้าตัวโตน่าจะอยู่ที่นั่น เรามุ่งหน้าไปที่แห่งนั้นก่อนแล้วช่วยเจ้าตัวโตออกมากันเถอะ”

“อย่าได้รีบร้อน สถานที่ที่ถูกเรียกว่าศาลาหมื่นอสูรนั้นพิเศษมาก ถ้าเข้าไปข้างในเจ้าจะต้องเชื่อฟังข้า อย่าได้ทำอะไรหุนหันพลันแล่น” เสิ่นจวินเฉากล่าวเสียงจริงจัง

มู่ไป๋ไป่กับหลัวเซียวเซียวพยักหน้าซ้ำ ๆ เป็นการบ่งบอกว่าพวกเธอจะเชื่อฟังอย่างแน่นอน

มีเพียงจื่อเฟิงเท่านั้นที่ทำหน้าเรียบนิ่งขณะจ้องมองไปที่ศาลาสูงซึ่งตั้งอยู่สุดถนน

ดูเหมือนว่าเขาจะสัมผัสได้ถึงอันตรายจึงแยกเขี้ยวขู่

“จื่อเฟิง!” มู่ไป๋ไป่สังเกตเห็นท่าทีแปลกประหลาดของเด็กหนุ่ม เธอจึงถอนหายใจแล้วรีบกวักมือเรียกเขา

จื่อเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปหาผู้เป็นนายอย่างเชื่อฟังแล้วนั่งลง ในขณะที่สายตาจับจ้องไปที่อีกฝ่าย “คุณ…หนู มีอะไรหรือ?”

“ข้าจะมีเรื่องอะไรได้อีก” เด็กหญิงหยิบห่อกระดาษชิ้นใหญ่ออกมาจากอ้อมแขนแล้วยื่นให้เขา “นี่ ข้าซื้อเตรียมเอาไว้ให้ท่านตอนที่ข้าเดินผ่านตลาดยามบ่าย”

เด็กหนุ่มขยับจมูกดมของในมือคนตรงหน้า ก่อนที่เขาจะเปิดห่อกระดาษออกด้วยความสับสน แล้วพบว่าข้างในมีเนื้อตุ๋นหอมกรุ่น

“รับนี่ไปกินสิ” มู่ไป๋ไป่ลูบหัวเขาเบา ๆ เพื่อเป็นการปลอบใจเขา “หลังจากเราเข้าไปด้านในแล้ว ท่านจะต้องเชื่อฟังข้ากับพี่จวินเฉา เข้าใจหรือไม่?”

จื่อเฟิงซึ่งปกติแล้วดูเหมือนจะเชื่อฟังคำสั่งของเธอ แต่จริง ๆ เขาก็ยังคงทำอะไรตามความรู้สึกตัวเอง

จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาไปเห็นบางสิ่งที่อยู่ข้างใน แล้วถูกกระตุ้นให้คลุ้มคลั่ง หากเป็นเช่นนั้นมันจะกลายเป็นหายนะของแท้

ดังนั้น วันนี้ตอนที่เธอลงจากเขา เธอได้แวะซื้อเนื้อตุ๋นชิ้นใหญ่เอาไว้เผื่อล่วงหน้า

นั่นเป็นเพราะจื่อเฟิงจะสงบลงก็ต่อเมื่อเขามีอะไรกินเท่านั้น

ดูเหมือนว่าอาหารที่เตรียมมาจะมีประโยชน์อย่างไม่คาดคิด

“อืม” จื่อเฟิงพยักหน้ารับโดยถือเนื้อเอาไว้นิ่ง หลังจากนั้นเขาก็พูดตะกุกตะกักว่า “คุณหนู เจ้าตัวโต…ยัง…ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”

มู่ไป๋ไป่ชะงักไปชั่วครู่ เธอเม้มปาก ส่ายหัวเบา ๆ แล้วตอบตามความจริงว่า “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ข้าจะพามันกลับมาไม่ว่ามันจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม”

“นี่เป็นคำมั่นที่ข้าให้กับท่านได้”

ขณะนั้นเด็กหญิงเห็นดวงตาของจื่อเฟิงแดงขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะก้มศีรษะลง หยิบเนื้อชิ้นใหญ่ขึ้นมากัดกินคำใหญ่ แล้วพึมพำพูดคำว่า “อร่อย”

ส่วนหลัวเซียวเซียวที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างก็แอบปาดน้ำตา

“ไปกันเถอะ” เสิ่นจวินเฉาพูดขึ้นเบา ๆ “เข้าไปหาเจ้าตัวโตกัน”

ในเวลาเดียวกัน ที่เชิงเขาวัดฮู่กั๋ว

เซียวถังอี้ติดตามอวี้เซิ่งมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในขณะที่เขาเล่นเหรียญทองแดงที่ปลายนิ้วมือ “ดูเหมือนจะมีคนเล่นตุกติก”

เขากับอวี้เซิ่งเพิ่งจะเดิมพัน 5 ครั้งติดต่อกัน แล้วอีกฝ่ายก็ชนะทั้ง 5 ครั้ง

สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่มีอะไรจะพูด และทำได้เพียงติดตามชายหนุ่มลงจากเขาไปตลาดผีเพื่อตามหาเจ้าตัวเล็กที่ก่อปัญหาไปทั่ว

“ท่านอ๋อง ท่านไม่มีหลักฐาน ท่านจะกล่าวหาคนอื่นลอย ๆ เช่นนี้ไม่ได้” อวี้เซิ่งพูดจบแล้วก็ยกไหสุราที่เขานำติดมือมาด้วยขึ้นดื่ม

“ข้าทำผิดต่อท่านหรือไม่?” เซียวถังอี้พูดเสียงเย็น แต่ก็แทบจะเถียงอีกฝ่ายไม่ได้เลย “การเดิมพันเมื่อกี้นี้ไม่นับ ที่ข้าร่วมเดินทางไปกับท่านด้วยท่านจะต้องมีของตอบแทน”

“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน สุราที่ท่านเคยพูดถึงจะต้องถูกส่งไปที่จวนของข้าภายหลัง”

อวี้เซิ่งหันกลับไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาซับซ้อน “ท่านอ๋อง ท่านไม่ยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลยจริง ๆ”

เด็กหนุ่มทำเป็นไม่สนใจคนพูด และพุ่งตรงไปยังหลุมศพหมู่อย่างรวดเร็ว

“ช้าก่อน ถ้าท่านต้องการเข้าตลาดผี ท่านจะต้องไปที่เมืองเพื่อเอาโคมสีแดง 2 อันก่อน” นักฆ่าหนุ่มพยายามห้ามอีกคนไว้ “ไม่เช่นนั้นท่านจะเข้าไปไม่ได้”

“นอกจากนี้ หน้ากากของท่านโดดเด่นเกินไป ท่านต้องหาอะไรมาปกปิดมันเอาไว้ มิฉะนั้นคนอื่นจะจำท่านได้ในทันที”

“ทำไมต้องกังวลด้วย?” เซียวถังอี้กลอกตามองคนที่พูดเตือน “ค่อยไปหยิบเอาที่ประตูก็ได้”

“ท่านกำลังจะไปตามหาคนไม่ใช่หรือ?”

“ถ้าท่านมัวแต่โอ้เอ้เช่นนี้ต่อไป เดี๋ยวก็รุ่งสางพอดี ถึงเวลานั้นมู่ไป๋ไป่จะไม่กลายเป็นอาหารของ ‘มนุษย์กินคน’ ไปแล้วหรือ?”

อวี้เซิ่งถึงกับพูดไม่ออก เหตุใดเมื่อก่อนเขาถึงไม่เคยรู้เลยว่าเซียวถังอี้จะปากจัดได้ขนาดนี้?

ลืมมันไปเสีย ตอนนี้มีบางอย่างที่เขาจะต้องพึ่งพาเด็กหนุ่มคนนี้อยู่ ดังนั้นเขาจึงต้องอดกลั้นมันเอาไว้

พอตกลงกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้ง 2 คนก็เร่งมุ่งหน้าไปที่ทางเข้าตลาดผี

ยามนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน ปัจจุบันผู้คนจำนวนมากได้มาเยือนตลาดผี หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็สุ่มเลือกเป้าหมายที่เหมาะสม ก่อนที่จะลอบเข้าไปหาพวกเขา ทำให้พวกเขาหมดสติ และคว้าโคมไฟสีแดง 2 อันไปจากมือของคนพวกนั้น

“ถ้าองค์หญิงหกสามารถเข้าไปในตลาดผีได้แล้ว นั่นหมายความว่าคนที่พานางมาที่นี่จะต้องคุ้นเคยกับตลาดผีมาก” อวี้เซิ่งดึงเสื้อคลุมสีดำที่เขาเพิ่ง ‘เก็บ’ มาระหว่างทาง แล้ววิเคราะห์ความเป็นไปได้ให้เซียวถังอี้ฟังด้วยเสียงกระซิบ “ถ้าเช่นนั้น ในเวลานี้องค์หญิงหกมีแนวโน้มว่าจะเข้าไปในศาลาหมื่นอสูรเรียบร้อยแล้ว”

“เพราะที่นั่นทำการค้าเกี่ยวกับสัตว์”

“ข้าเคยเห็นกับดักสัตว์ที่องค์หญิงหกพบบนภูเขา รูปแบบของมันพิเศษมากซึ่งดูคล้ายกับสิ่งที่คนของศาลาหมื่นอสูรใช้จับสัตว์มาก”

“ใช่” เด็กหนุ่มตอบเสียงเรียบ ขณะที่มองไปรอบ ๆ ด้วยสายตานิ่งเฉย ราวกับว่าเขาเป็นคนที่แค่มาเยี่ยมชมตลาดผีจริง ๆ

อวี้เซิ่งที่เห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจขณะกล่าวว่า “คุณชายเซียว ในเมื่อท่านมาถึงที่นี่แล้ว ท่านควรให้ความร่วมมือกันสักนิด ไม่เช่นนั้นมันคงจะไม่คุ้มค่าที่ข้าจะมอบสุราชั้นดีให้กับท่าน”

“ศาลาหมื่นอสูรเปิดในตลาดผีมากี่ปีแล้ว?” จู่ ๆ เซียวถังอี้ก็ถามขึ้นมา

นักฆ่าหนุ่มตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โดยไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงถามคำถามนี้ขึ้นมา แต่เขาก็ยังคงตอบตามความจริงไปว่า “เท่าที่ข้าจำได้ ศาลาหมื่นอสูรมีมาตั้งแต่ตลาดผีถูกเปิด”

“ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ คนของศาลาหมื่นอสูรออกล่าสัตว์ใกล้กับวัดฮู่กั๋วไปกี่ครั้งแล้ว?” เด็กหนุ่มถามคำถามต่อไป

อวี้เซิ่งนิ่งเงียบไป

วัดฮู่กั๋วไม่ใช่สถานที่ธรรมดา หากพบว่ามีคนเข้ามาล่าสัตว์ เรื่องนี้จะถูกรายงานขึ้นไปตามขั้นตอน

และมันเป็นไปไม่ได้ที่นายพรานพวกนี้จะเคลื่อนไหวได้โดยไม่มีใครรู้

ถึงแม้ว่าภูเขาลูกนี้จะเป็นสถานที่ที่ใหญ่โตมาก แต่หากมีใครออกล่าสัตว์เป็นเวลานาน มันจะต้องถูกค้นพบแน่นอน

“ท่านกำลังสงสัยว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติหรือไม่?” อวี้เซิ่งขมวดคิ้ว ในขณะที่คิดถึงเด็ก ๆ ที่ถูกคนของแคว้นหนานซวนลักพาตัวไปเมื่อไม่นานมานี้

“ข้าไม่เชื่อเรื่องบังเอิญ” เซียวถังอี้ยักไหล่ “ก่อนที่ไทเฮาจะเสด็จมาสวดมนต์ขอพรที่วัดฮู่กั๋ว พื้นที่รอบ ๆ วัดก็เงียบสงบดี”

“จนกระทั่งตอนนี้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?”

“ทำไมจู่ ๆ คนพวกนั้นถึงเริ่มออกล่าอีกครั้ง”

คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้สีหน้าของอวี้เซิ่งค่อย ๆ มืดมนลง “เป็นข้าที่ประมาทเอง หากเราพบองค์หญิงหกแล้ว ข้าจะรายงานเรื่องนี้ให้ฝ่าบาททราบทันที”

ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกัน พวกเขาก็เดินไปถึงห้องใต้หลังคา

ตอนที่เซียวถังอี้กับอวี้เซิ่งกำลังจะเดินเข้าไป พวกเขาก็ถูกชายคนหนึ่งขวางเอาไว้ “คุณชายทั้ง 2 วันนี้ศาลาหมื่นอสูรเต็มแล้ว”

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ตื่นเต้น ๆ พวกไป๋ไป่จะตามหาเจ้าตัวโตเจอไหมนะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด