บทที่ 116 เกาะเหออู ตอนที่ 19
บทที่ 116 เกาะเหออู ตอนที่ 19
เฉินลวี่ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ทั้งที่ภารกิจนี้เป็นระดับกลางแล้ว ทำไมถึงยังมีพวกผู้ทำภารกิจที่ทำตามอำเภอใจแบบนี้อีก
เขาคิดว่าคนประเภทนี้จะมีอยู่แค่ในภารกิจระดับต่ำเท่านั้น
คิดไปคิดมา เขายังคงเห็นว่าเสิ่นชงหรานกับเฟิงอี้เฉินน่าเชื่อถือกว่า และ ทั้งสองคนนี้ก็เป็นเพื่อนร่วมทีมที่ทำสัญญากับพวกเขาเหมือนกัน
เฉินลวี่กล่าวขึ้นว่า “พรุ่งนี้เรามาเริ่มด้วยกันดีกว่า ไปเก็บดินวิญญาณมาสักหน่อยก่อน แล้วค่อยกลับมาสำรวจเรื่องอื่น ๆ”
สำหรับเขาแล้ว การนำดินวิญญาณออกจากที่นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด
เฟิงอี้เฉินปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด “ไม่จำเป็น พวกเธออยู่ด้วยกันสี่คนก็พอแล้ว ฉันกับเพื่อนร่วมทีมไม่ไว้ใจคนทำภารกิจคนอื่น ขอแค่อยู่กันอย่างสงบก็พอแล้ว ไม่ต้องไปทำงานร่วมกันหรอก”
เฉินลวี่อยากจะพูดอะไรต่อ แต่เจ้าโจวที่อยู่ข้าง ๆ ดึงแขนเสื้อเขาไว้ เพื่อบอกให้เขาอย่าฝืน
พวกเขากินอาหารมื้อธรรมดานี้เสร็จก็กลับห้อง บางทีพรุ่งนี้อาจไม่มีอาหารธรรมดา ๆ แบบนี้ให้กินอีก
สามคนจากกลุ่มต้าพั่งไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ที่นั่นมีอาหารทุกอย่างที่นับเป็นของหายากอยู่ครบ ถือว่าที่นี่รวยจริง ๆ อาหารดี ๆ แบบนี้ พวกเขาไม่เคยได้กินมาก่อน
วังเซียน ยังนำเหล้าชั้นดีออกมา เมื่อทั้งสามเห็นเหล้าดี ก็เริ่มเรียกกันเป็นพี่น้องกันอย่างสนิทสนมทันที
มื้อนี้กินกันอย่างสนุกสนาน ตอนเดินกลับยังมีวังเซียน ไปส่งอีกด้วย
“เฮ้อ—วังพี่ชาย พรุ่งนี้ข้าคงต้องขุดดินสักสี่เที่ยวเป็นอย่างต่ำ ถึงตอนนั้นก็แบ่งให้ทุกคนหน่อย จะได้ออกไปใช้ชีวิตดี ๆ กัน” ต้าพั่งพูดด้วยเสียงขี้เมา
วังเซียน พยักหน้า “มีเพียงพวกเจ้าสามคนที่ทำตามสัญญาดีเท่านั้น รอให้พรุ่งนี้เสร็จแล้ว อย่าลืมแวะมาที่บ้านข้านะ”
ต้าพั่ง และ เพื่อนอีกสองคนหัวเราะกันเสียงดัง “แน่นอน ๆ”
หลังจากนั้น พวกเขาก็กลับมาถึงที่พักอย่างปลอดภัย เมื่อวังเซียน เข้ามาในที่พัก เขายังหันไปมองห้องอื่น ๆ รอบ ๆ อีกด้วย พบว่าทุกห้องปิดไฟหมดแล้ว ส่วนจานชามในลานหน้ายังไม่ได้เก็บ เป็นเพราะพวกเขาบอกไว้ก่อนแล้วว่าไม่ต้องนำอาหารมาให้ หากคนอื่นไม่ยอมร่วมมือ
เมื่อคิดถึงสาวสวยสดใสที่เห็นเมื่อตอนเช้า ซึ่งพักอยู่ในห้องใดห้องหนึ่ง วังเซียน ก็รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเขาบังคับให้เขาอยู่บนเกาะช่วงนี้ ป่านนี้เขาคงใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ในเมือง
ต้าพั่ง และ เพื่อนสองคนพักอยู่ด้วยกัน หลังส่งคนเข้าไปในห้องแล้ว วังเซียน มองรอบ ๆ และออกไปพร้อมกับชาวบ้านคนอื่น ๆ
เมื่อวังเซียน หายลับไป สามคนนั้นก็ประคองกันเข้าไปในห้อง น่าเสียดายที่กินเหล้าเสร็จแล้วต้องกลับมาที่นี่ ต้าพั่งบ่นอย่างไม่พอใจ “ถ้าได้พักที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านก็คงดี ที่นั่นดีกว่าที่นี่เยอะ”
แม้ว่าการตกแต่งที่นี่จะไม่เลว แต่ก็เป็นแค่ธรรมดาทั่วไป ไม่เหมือนบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านที่ตกแต่งหรูหรา พักอยู่ที่นั่นคงจะสบายมาก
“พี่ใหญ่ ไว้หลังจากที่สนิทกับหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว ค่อยคุยเรื่องนี้ รับรองว่าทุกอย่างจะราบรื่น”
ต้าพั่งยิ้มรับ และ พยักหน้า เมื่อกลับเข้าห้องแล้ว ทั้งสามไม่ล้างหน้าแปรงฟัน ล้มตัวลงนอนทันที
จนกระทั่งถึงกลางดึก ต้าพั่งรู้สึกว่าร่างกายไม่ปกติ ทั้งตัวเหมือนจะตื่นไม่ตื่น และ รู้สึกเหมือนมีคนเดินอยู่ในห้อง
เริ่มจากบริเวณหน้าประตู มีเสียงฝีเท้าเดินวนไปมาสักพักก็เข้ามาในห้อง เดินวนรอบเตียงที่พวกเขานอนอยู่ ต้าพั่งคิดว่าเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งที่ไม่นอน และ มารบกวนเขา
เขาพยายามจะเปิดปากด่า แต่คอแห้งจนเจ็บ จึงไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้
สุดท้ายก็หลับไปอีกครั้งในสภาพมึน ๆ
เสียงฝีเท้าหยุดอยู่ข้างเตียงของทั้งสองคน ปลายเท้าหันไปทางเตียงที่ต้าพั่งนอนอยู่ และ ยืนนิ่งอยู่นาน
...
เมื่อเสิ่นชงหรานตื่นขึ้น ท้องฟ้าเพิ่งจะสว่าง เธอหันไปมองเฟิงอี้เฉินที่ยังคงหลับอยู่ นาน ๆ ทีที่เธอจะตื่นก่อนเขา
เพื่อไม่ให้รบกวนเพื่อนร่วมห้อง เธอลงจากเตียงอย่างเบามือเบาเท้า เปิดประตูออกไป สูดอากาศยามเช้าของเกาะซึ่งสัมผัสกับใบหน้า ให้ความรู้สึกสดชื่น แตกต่างจากความหนาวเย็นที่เคยมี
เสิ่นชงหรานยืดแขนบิดขี้เกียจออกมา บรรยากาศทั้งลานเงียบสงัด เธอโชคดีที่ตื่นมาแล้วไม่เห็นอะไรน่ากลัวหรือผู้ที่เสียชีวิต
เธอเกาทำผมเล็กน้อย โดยไม่ได้รวบขึ้น แล้วเปิดประตูเดินไปยังลานหน้าบ้าน เมื่อออกไปด้านนอก เธอก็พบว่าทั้งหมู่บ้านเงียบสงบมาก
ก่อนหน้านี้ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เธอเคยอยู่ แม้จะอยู่แถบชานเมือง แต่ก็ไม่ได้เป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพียงแห่งเดียว ทุกเช้าที่เธอตื่นขึ้นมักจะได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกกัน รวมถึงเสียงไก่ขัน และ สุนัขเห่า
เสิ่นชงหรานกอดเสื้อคลุมถักของเธอขึ้น แล้วเริ่มเดินเล่นไปตามหมู่บ้าน ถือเป็นการออกกำลังกายตอนเช้า
ระหว่างเดินเล่น เธอก็ไปถึงบ้านหลังหนึ่งที่เมื่อวานเห็นประตูเปิดอยู่ ตอนนี้ประตูก็ยังเปิดเหมือนเดิม ดูเหมือนว่ายังมีคนในหมู่บ้านที่ตื่นแต่เช้า
ขณะที่เธอกำลังเดินผ่านหน้าบ้านนั้น เธอก็เห็นหญิงคนหนึ่งถือกะละมังพลาสติกใบเล็กออกมา ซึ่งภายในมีน้ำเต็มอยู่
เมื่ออีกฝ่ายเห็นเธอ ซึ่งเป็นคนแปลกหน้า ก็ชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่นานนัก หญิงคนนั้นก็ยกกะละมังแล้วเทน้ำลงที่ต้นกล้าเล็ก ๆ ต้นหนึ่งหน้าบ้านจนหมด
แม้สิ่งก่อสร้างในหมู่บ้านจะสวยงาม แต่ต้นไม้กลับมีน้อย
หลังจากหญิงคนนั้นเทน้ำเสร็จแล้ว เธอก็เดินกลับเข้าบ้านโดยไม่หันมามองเสิ่นชงหรานเลย ต่างจากชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่มักจะแสดงท่าทางอึดอัดเมื่อเห็นคนแปลกหน้าอย่างพวกเธอ
เมื่อรู้สึกว่าตอนเช้าเป็นเวลาที่ร่างกายสดชื่นที่สุด เสิ่นชงหรานยังไม่เดินออกไป เธอจ้องมองไปที่รูปถ่ายบนผนังห้องโถงที่สามารถมองเห็นได้จากนอกประตูอย่างพิจารณา
ไม่นาน เธอก็หันหลังเดินกลับที่พัก
เมื่อกลับมาถึง เธอก็พบว่าเฟิงอี้เฉินตื่นแล้ว และเจอเขาที่หน้าประตูใหญ่ของลาน
“ไปไหนมา?” เฟิงอี้เฉินถามเมื่อไม่เห็นเธอตอนตื่นขึ้นมา เขาคิดว่าเธออาจถูกใครบางคนล่อลวงไป
เสิ่นชงหรานรวบผมขึ้นลวก ๆ “ออกไปเดินเล่นนิดหน่อย ที่นี่เงียบเกินไป”
เมื่อรู้ว่าเธอไม่เป็นอะไร เฟิงอี้เฉินก็หันกลับเข้าไปในห้อง วันนี้เขาคิดว่าคงไม่ต้องคาดหวังว่าจะมีคนเอาอาหารมาให้ โดยเฉพาะถ้าไม่ไปที่ป่า อาหารที่ลานหน้าบ้านคงไม่มาปรากฏอีก
แต่เสิ่นชงหรานที่เดินตามหลังเข้ามายังคงดูเหม่อลอย เมื่อกลับมาถึงห้อง เธอก็จ้องไปยังจุดหนึ่งอย่างใจลอย
เฟิงอี้เฉินไม่ได้ถามเธอตรง ๆ ในฐานะเพื่อนร่วมทีม เขาสามารถรู้ได้ว่าเสิ่นชงหรานต้องการทำอะไรโดยไม่จำเป็นต้องถามถึงเหตุผลทุกอย่าง
ไม่นานเสิ่นชงหรานก็รู้สึกได้ว่าห้องเงียบเกินไป และ ตระหนักว่าเธอเหม่อลอยนานเกินไป
“ในหมู่บ้านนี้มีข้อสงสัยเยอะจนสมองของฉันเริ่มเบลอ”
เฟิงอี้เฉินมองเธอแวบหนึ่ง แล้วหยิบอาหารเช้าของตัวเองออกมา
เสิ่นชงหรานเกาหัวเล็กน้อยก่อนเริ่มกินขนมปัง เธอมีแต่ขนมปัง และ น้ำในคลังเก็บของ ส่วนที่เหลือเป็นของว่างต่าง ๆ
เฟิงอี้เฉินสังเกตว่าเธอหยิบแต่ขนมปัง “เธอไม่เตรียมอาหารร้อนไว้บ้างหรือ?”
เสิ่นชงหรานตอบ “ทำภารกิจแค่ต้องการให้ตัวเองอยู่รอด อาหารก็แค่เตรียมแบบง่าย ๆ ที่ทำให้อิ่ม ไม่ได้คิดถึงอาหารร้อน”
เฟิงอี้เฉินหยิบข้าวปั้นอันหนึ่งออกมาแล้วโยนให้เธอ เสิ่นชงหรานรับไว้โดยไม่รู้ตัว พบว่าข้าวปั้นนั้นยังอุ่นอยู่ “ขอบใจนะ พอออกจากภารกิจนี้แล้ว ฉันจะเตรียมไว้บ้าง”
ขณะเคี้ยวข้าวปั้นอุ่น ๆ ความคิดของเธอก็กลับไปที่ภาพถ่ายที่เห็นในตอนเช้า
ในฝันของเธอ เธอเคยเห็นหน้านั้นถึงสองครั้ง จึงไม่มีทางลืมได้
มันคือชายร่างผอมที่ถูกวังเซียน และ คนของเขาขู่ให้ไปเสี่ยงชีวิต เดิมทีงานศพที่เห็นก่อนหน้านี้ก็คือของชายคนนี้เอง
ตอนนั้นวังเซียน ยังบอกอีกว่า จะส่งดินวิญญาณไปให้ภรรยา และ ลูกของชายคนนี้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหญิงคนนั้นกับเด็กชายคนนั้น
แม้เธอจะอยากถามหญิงคนนั้นเกี่ยวกับเรื่องในหมู่บ้าน แต่ตอนนี้เธอไม่เหมือนก่อนที่มาเพียงลำพัง ทุกอย่างที่เธอทำมีเฟิงอี้เฉินอยู่ด้วย หากเธอพยายามทำอะไรโดยปิดบังเขา มันจะไม่ดีกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมทีมที่เพิ่งเริ่มต้น
..........