บทที่ 112 เกาะเหออู ตอนที่ 15
บทที่ 112 เกาะเหออู ตอนที่ 15
ชายทั้งสามคนที่ดื่มเหล้ากับหลัวกังเมื่อคืนนี้ อย่างต้าพั่ง และ เพื่อนๆ ที่ยังคงสะลึมสะลือจากอาการเมาค้าง แต่เมื่อเห็นสภาพศพที่น่าสยดสยองตรงหน้า พวกเขาก็มีสติขึ้นมาทันที
พวกเขาอาจใช้ชีวิตเถื่อนๆ แต่มือพวกเขาไม่เคยเปื้อนเลือดใครมาก่อน
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง…” ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเขายังดื่มอยู่กับพวกเขาแท้ๆ ทำไมจู่ๆ ถึงมาตายเงียบๆ ในลานบ้านได้
ต้าพั่งกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดกลัว เมื่อนึกถึงว่าเมื่อคืนนี้เขาดื่มกับหลัวกัง เขามาที่นี่เพื่อหาเงิน ไม่ได้จะมาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมแล้วเข้าคุก
“เมื่อคืนพวกเราก็ดื่มกันจนเมาแล้วก็นอนหลับกันอยู่ที่เดิม เราไม่รู้เลยว่าเขาตายยังไง” ต้าพั่งรีบโบกมือไปมาอย่างร้อนรน
ขณะนั้นเองเฉินลวี่กับเพื่อนๆ ก็ออกมาที่ลานบ้าน เมื่อเห็นศพของหลัวกัง ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาคือการปฏิเสธความเป็นไปได้ของการฆาตกรรม
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร ต้าพั่งก็เริ่มคลายความกังวลลง
ชายที่ยืนข้างหัวหน้าหมู่บ้านแซ่วังถามต้าพั่งขึ้นว่า “ผมจำได้ว่าพวกคุณสี่คนพักกันสองห้อง แล้วทำไมคุณถึงไปอยู่รวมกันในห้องของเขาล่ะ”
ต้าพั่งรีบอธิบาย “บอกแล้วว่าเมื่อคืนพวกเราดื่มกันจนเมา แล้วก็หลับไปหมดเลย”
ชายอีกสองคนก็พยักหน้า “ใช่ครับ เราดื่มกันแล้วก็หลับไป ตอนนี้เพิ่งตื่นกันเอง”
ชายคนนั้นหยุดซักต่อแล้วหันไปมองหัวหน้าหมู่บ้านแซ่วัง
หัวหน้าหมู่บ้านแซ่วังเอ่ยขึ้นว่า “ให้จู้จื้อพาพวกเขามาจัดการศพให้เรียบร้อย เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
ชายคนนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกทันที “ใช่ รีบมาด่วนเลย พวกคุณควรสวมถุงมือมาด้วยก็ดี”
พูดจบเขาก็วางสายไป ทุกคนยืนนิ่งอยู่กับที่ มีกลิ่นคาวเลือดจากศพกระจายไปทั่ว เสิ่นชงหรานต้องยกมือขึ้นปิดจมูกแล้วถอยกลับเข้าไปในห้อง
เฟิงอี้เฉินเห็นเธอเดินกลับห้องก็เดินตามเข้าไปโดยไม่สนใจศพเช่นกัน
เมื่อเข้าห้องแล้วเขาปิดประตูทันที เสิ่นชงหรานโบกมือพัดอากาศตรงหน้าเพื่อไล่กลิ่นคาวออกไป
“คุณเห็นเขาตายอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เช้าเลยเหรอ?”
เฟิงอี้เฉินพยักหน้า “ใช่ ฉันเห็นตั้งแต่เปิดประตูออกมาก็เจอ เลยไปบอกหัวหน้าหมู่บ้าน”
เสิ่นชงหรานพัดกลิ่นคาวออกไปจนรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย “ฉันคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นฝีมือของภูตผี ถ้าเป็นคนธรรมดาทำเราคงต้องได้ยินเสียงอะไรบ้าง”
ที่นี่แทบไม่มีเสียงใดๆ นอกเหนือจากนี้ พวกเขาไม่ได้ดูโทรทัศน์ และ ไม่สามารถใช้โทรศัพท์ของตัวเองได้ ทำให้ทุกคืนหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เข้านอนกันทันที
เฟิงอี้เฉินกล่าวว่า “ใช่ แต่ดูเหมือนว่าหัวหน้าหมู่บ้านกับพวกเขาจะไม่ได้รู้สึกตกใจหรือกลัวอะไรเลย”
เสิ่นชงหรานคิดในใจว่า เมื่อคนในหมู่บ้านนี้สามารถปล่อยให้เพื่อนร่วมหมู่บ้านไปตายได้อย่างไม่แยแส การที่คนบนเกาะมาตายต่อหน้าก็คงไม่ทำให้พวกเขารู้สึกอะไรเลย
“แต่คุณก็คงเห็นตรงนั้นแล้วใช่ไหม ดินนั่นน่ะ”
แม้ว่าศพจะดูดึงดูดสายตา แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนไม่แพ้กันก็คือดินบางอย่างที่อยู่ไม่ไกลจากศพ
ดินดำที่นุ่มเป็นพิเศษนั่นไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับเธอ มันคือดินจากเนินสุสานในป่า
เฟิงอี้เฉินว่า “อาจจะเป็นดินวิญญาณที่เขากินเข้าไป” จะว่ามันถูกอาเจียนออกมาก็เป็นไปได้ หรือบางทีอาจถูกเอาออกมาตอนที่เขาถูกผ่าท้องแล้ววางไว้ตรงนั้น
เสิ่นชงหรานจำได้ว่าคนที่กินดินวิญญาณเข้าไปไม่ได้มีแค่หลัวกัง ยังมีแม่ลูกคู่นั้นอีก “หรือว่า…”
เฟิงอี้เฉินว่า “ก็ขึ้นอยู่กับโชคของพวกเธอแล้วล่ะ ถ้าคนที่สัมผัสดินนั่นต้องตาย พวกเราก็คงเลี่ยงไม่พ้นเหมือนกัน”
เพราะสุดท้ายพวกเขาตั้งใจจะเอาดินวิญญาณออกไปจากที่นี่ให้ได้ บางทีในระหว่างนั้นอาจต้องมีการสัมผัสดินพวกนี้
เสิ่นชงหรานไม่ได้พูดอะไรต่อ ทั้งสองคนตั้งใจเงี่ยหูฟังเสียงความเคลื่อนไหวภายนอก
หลังจากพวกเขาเข้าห้องไปได้ไม่นาน เหล่าชาวบ้านคนอื่นๆ ก็เข้ามาในลานบ้าน แม้จะไม่รู้ว่าจัดการกันอย่างไร แต่ก็ได้ยินเสียงปิดประตูดังเป็นระยะ
พอรอจนสงบลง เสิ่นชงหรานจึงลุกไปเปิดประตู เฟิงอี้เฉินเดินตามออกมา
เมื่อมองออกไป เธอเห็นว่ามีโลงศพตั้งอยู่กลางลาน ชาวบ้านกำลังเคลื่อนย้ายศพลงไปในโลงอย่างไม่รีบร้อน พร้อมกับหยิบอวัยวะภายในต่างๆ ขึ้นมาใส่ตามลงไป
ใบหน้าของเหล่าชาวบ้านไม่อาจซ่อนท่าทีรังเกียจได้ แต่พวกเขาก็ยังใส่ถุงมือแล้วจัดการเก็บกวาด
ดินสีดำที่อยู่ไม่ไกลจากศพยังคงอยู่ตรงนั้น เสิ่นชงหรานมองไปที่ดินดำเหล่านั้นแล้วเอ่ยถามว่า “นี่คือดินวิญญาณที่พวกคุณพูดถึงใช่ไหม”
หัวหน้าหมู่บ้านแซ่วังที่วันนี้มีลูกวอลนัทสองลูกหมุนไปมาในมือ ตอบว่า “คุณเสิ่นน่าจะรู้จักสิ่งนี้ดีอยู่แล้ว ผมคงไม่ต้องพูดอะไรมาก”
เสิ่นชงหรานถามต่อว่า “ทำไมถึงไม่เก็บดินนี้ไปด้วย”
หัวหน้าหมู่บ้านส่ายหน้า “ดินนี้ใช้แล้ว ประสิทธิภาพหมดไปแล้ว” หมายความว่าพวกเขาไม่สนใจดินกองนี้
เสิ่นชงหรานยืนมองพวกเขาจัดการเก็บกวาดจนเสร็จ แล้วชาวบ้านก็มีคนถือถังน้ำมาราดใส่พื้นทันทีเพื่อเริ่มล้างทำความสะอาด
เฟิงอี้เฉินที่ยืนพิงขอบประตูเอ่ยขึ้นว่า “พวกคุณไม่รอให้ตำรวจมาตรวจสอบก่อนหรือ แค่เก็บกวาดหลักฐานทิ้งไปแบบนี้?”
หัวหน้าหมู่บ้านที่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยจากอายุหรี่ตามองเฟิงอี้เฉินด้วยดวงตาขุ่นมัวพลางยิ้ม “ผมรู้ว่าไม่ใช่พวกคุณที่ฆ่าหรอก แต่ในเมื่อพวกคุณพักที่นี่ จะให้ทิ้งศพไว้แบบนี้ก็ไม่ได้ เพราะหมู่บ้านเราไม่มีที่พักอื่นแล้ว”
เสิ่นชงหรานมองดูการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วของพวกเขา แล้วคิดในใจว่านี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่ชาวบ้านทำการเก็บกวาดแบบนี้
พวกเขาจัดการกันอย่างรวดเร็ว ล้างทำความสะอาดพื้นด้วยน้ำอีกหลายครั้งจนมั่นใจว่าคราบต่างๆ หายไปหมด จากนั้นฉีดสเปรย์ปรับอากาศเพื่อขจัดกลิ่นคาว
เป็นมืออาชีพจริงๆ…
...
เมื่อเสียงทำความสะอาดดังขึ้น เฉินลวี่ และ เจ้าโจวก็เปิดประตูออกมาดูสถานการณ์
เมื่อไม่เห็นศพที่ชวนให้คลื่นไส้อีก ใบหน้าของเฉินลวี่ก็ผ่อนคลายลงบ้าง แต่เมื่อเห็นโลงศพที่ตั้งอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ไม่คิดจะทิ้งมันไว้ที่นี่ใช่ไหม?”
หัวหน้าหมู่บ้านหมุนลูกวอลนัทในมือแล้วตอบว่า “แน่นอนว่าไม่หรอก เดี๋ยวจะนำไปไว้ที่อาคารเก็บศพเฉพาะ พวกคุณยังคงพักอยู่ที่นี่ได้”
เฉินลวี่กับเจ้าโจวไม่ขัดข้อง พวกเขามีอุปกรณ์ป้องกันตัว และ รู้ดีว่าเปลี่ยนที่พักคงไม่ช่วยอะไร
ดูเหมือนว่าการสนทนานี้จะไปถึงหูของชายร่างใหญ่สามคน เพราะพวกเขาเองก็เปิดประตูออกมา เมื่อไม่เห็นศพของหลัวกังจึงถอนหายใจออกมาโล่งอก “เฮ้ หัวหน้าหมู่บ้าน เขาตายอย่างน่าสยดสยองแบบนั้นแล้วคุณยังจะให้เราพักที่นี่ต่อไป มันไม่ลำบากเกินไปหน่อยหรือ?”
หัวหน้าหมู่บ้านตอบว่า “ที่นี่ไม่ค่อยมีคนนอกมาอยู่แล้ว เรามีที่พักเท่านี้เอง ถ้าพักที่นี่ไม่ได้ก็ไม่มีที่อื่นให้พัก”
หน้าของต้าพั่งดูไม่ดีขึ้นเลย แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดเรื่องขอย้ายที่พัก เขาก็ยอมรับตามนั้น
หลังจากจัดการเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านร่างกายแข็งแรงก็ช่วยกันยกโลงศพอย่างระมัดระวังออกจากลาน
เมื่อโลงศพนั้นลับตาไป ความกดดันในใจของทุกคนก็บรรเทาลงบ้าง
แต่หัวหน้าหมู่บ้านยังไม่ไป เขาหันมามองทุกคนแล้วกล่าวว่า “แม้จะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น แต่พวกคุณยังคงไปหาดินวิญญาณในป่าได้”
ต้าพั่งขมวดคิ้วหนาๆ และชี้ไปที่ดินดำที่ยังไม่ถูกเก็บกวาดออกไป “บางทีพี่หลัวอาจตายเพราะเจ้านี่ คุณยังให้เราไปหามันอีก มันอะไรกันแน่ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกคุณไม่ไปขุดกันเองแต่กลับให้คนนอกทำแทน”
เขาเริ่มสงสัยแล้วว่า เรื่องดินวิญญาณรักษาโรคอาจเป็นเพียงแค่กลลวง
หัวหน้าหมู่บ้านลดจังหวะหมุนลูกวอลนัทลงแล้วกล่าวว่า “คุณหลัวกังยังเอาดินวิญญาณกลับมาที่ห้อง พวกคุณอยู่ที่นั่นก็ไม่ได้เป็นอะไร อีกอย่างนี่เป็นครั้งเดียวที่พวกเราให้คนนอกเข้ามา ปีหน้าคงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว”
ต้าพั่งยังคงมีความสงสัยอยู่ แต่เขาก็ได้เห็นกับตาว่าดินวิญญาณสามารถขายได้ในราคาสูงลิ่ว นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจมาที่นี่
..........