ตอนที่ 8 เสริมพลัง เวทมนตร์?
"ถูกต้อง กรณีนั้นจึงไม่ใช่ครั้งแรกที่ฆาตกรลงมือ" นาตาชายืนยันด้วยความมั่นใจ
"ดูเหมือนว่าหัวหน้าจอร์จ และทีมของเขาจะยังปกปิดข้อมูลบางอย่างจากเรา" โคลสันหัวเราะเบาๆ เพราะเป็นไปได้ไหมที่ทีมสืบสวนจะไม่คิดในแบบที่พวกเขาคิดกัน?
ท้ายที่สุด นี่คือหน่วยเฉพาะกิจที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องครั้งใหญ่ และทุกคนในทีมล้วนมีประสบการณ์สืบสวนอาชญากรรมที่โชกโชน มีใครบ้างที่ไม่มีผลงานในการไขคดีสำคัญๆ?
พวกเขาไม่ใช่คนโง่แน่นอน
ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าพวกตำรวจ มีท่าทีสงวนท่าทีเล็กน้อยกับพวกเขาเหล่าเอฟบีไอ แต่โคลสันไม่ได้รู้สึกขุ่นเคือง เพราะเขาเองไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ เป้าหมายเดียวของเขาคือหาตัวฆาตกรและสร้างการติดต่อกับเขา
ส่วนเรื่องเครดิตในการไขคดี เขาไม่จำเป็นต้องมี
ด้วยเป้าหมายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้สึกขุ่นเคืองเรื่องเหล่านี้
ถ้าทีมสืบสวนสามารถหาตัวฆาตกรได้โคลสันก็ยินดีอย่างยิ่ง
"เขตที่ฆาตกรลงมือต่อเนื่องคือในย่านควีนส์ การที่เราต้องสำรวจพื้นที่กว้างขนาดนี้ มันน่าจะต้องใช้การค้นหาในวงกว้าง"
"ด้วยประชากรเจ็ดถึงแปดแสนคนในควีนส์ คุณคงนึกภาพออกว่ามันยากแค่ไหน" โคลสันพูดอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นจึงหันไปหานาตาชา "และนี่แหละที่เราต้องการคุณเพื่อตามหาคำตอบด้วยวิธีอื่น นาตาชา"
"ดูเหมือนว่าฉันต้องปฏิบัติภารกิจคนเดียวแล้ว"
นาตาชาเลิกคิ้วแสดงท่าทางที่แสนจะเย้ายวนซึ่งแม้แต่ฝนก็ไม่อาจปกปิดได้
"ฉันจะจัดการหาข้อมูลตรงจากทีมสืบสวนและจะแจ้งคุณทันทีเมื่อพบสิ่งใหม่ๆ"
"ว่าแต่ คุณจะทำยังไงถ้าหาเขาเจอ?"
โคลสันถามด้วยความสงสัย
"ฉันจะทำยังไง? แบบเดิม, สังเกตการณ์" นาตาชาตอบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหมุนตัวจากไป
............
ตูม! ตูม! ตูม!
ฝนยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่อง
ในบ้านหลังเล็กของเขา ปี้เซียวถอดฮู้ดและหมวกออก ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออก แล้วโยนลงในเครื่องซักผ้า หลังจากเริ่มการซักอัตโนมัติแล้ว เขาเดินเปลือยไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ
เสื้อผ้าและร่างกายของเขาล้วนส่งกลิ่นดินปืนที่แรงออกมา เนื่องจากการยิงปืนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการอยู่กลางสายฝนที่ตกหนัก ร่างกายของเขาก็เปียกโชกไปด้วย
ขณะล้างตัว เขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย
มันยังคงเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย ราวกับว่าทั้งร่างกายกำลังแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน ทุกเซลล์ กระดูก ผิวหนัง อวัยวะ และความคิดต่างๆ กำลังยกตัวขึ้นอย่างมีความสุข
มันเป็นการก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการที่ไม่เหมือนใครในชีวิต อบอุ่นและมหัศจรรย์มาก
สายน้ำจากฝักบัวกระทบกับร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง ละอองน้ำโปรยปรายเบาๆลูบไล้กล้ามเนื้อและผิวหนังที่ซีดเผือกของเขาอย่างอ่อนโยน
"ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ...ความรู้สึกนี้มันคือ..."
ปี้เซียวยกมือขึ้น มองที่ปลายนิ้วซึ่งแผ่แสงสีทองอ่อนๆ ออกมาอย่างน่าพิศวง พลังงานลึกลับที่เกิดจากการสังหารแก๊งที่แล้ว ในช่วงแรกมันอ่อนแอจนเขาแค่ใช้มันเพื่อเรืองแสงคล้ายไฟฉายได้เท่านั้น
แต่ตอนนี้ หลังจากสังหารสมาชิกของแก๊งมือปืนเอร์มาโน เดล ทุกคน พลังงานในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกถึงพลังงานนี้ชัดเจนมากขึ้นและสามารถใช้งานมันได้ตามสัญชาตญาณ
ตัวอย่างเช่น ในตอนนี้ หากเขาต้องการ เขาสามารถปล่อยลำแสงจากปลายนิ้วของเขาได้ ซึ่งคล้ายกับเลเซอร์จากผลปีศาจ Pika Pika no mi สำหรับพลังนั้น ปี้เซียวไม่แน่ใจ แต่เขารู้สึกว่าหากปล่อยพลังทั้งหมดในรูปแบบของลำแสง มันคงเพียงพอที่จะระเบิดอาคารขนาดร้อยตารางเมตรได้
หัวใจของปี้เซียวเต็มไปด้วยความยินดี เขารู้สึกได้ว่าเขากำลังก้าวไปสู่เส้นทางที่ไม่มีมนุษย์ใดจะตามเขาทันอีกแล้ว
เขารู้สึกขอบคุณผู้ที่มีส่วนในการทำให้เขาเติบโต เขาหวังว่าถึงแม้พวกนั้นจะต้องไปอยู่ในนรก ก็คงรอวันที่เขาจะตามไปเก็บเกี่ยวพวกเขาอีกครั้ง แม้ว่าตอนนั้นอาจจะไม่มีความหมายอะไรแล้วสำหรับเขา
สำหรับพลังงานนี้ เขาตั้งชื่อมันว่า "เวทมนตร์"
การปรากฏตัวของเวทมนตร์ทำให้ปี้เซียว มีแนวทางใหม่ๆ ในการพัฒนาตนเอง แรกเริ่มเขาคิดว่าเขาเดินตามเส้นทางของการเสริมความแข็งแกร่งทางร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่การปรากฏของเวทมนตร์ทำให้เขามีเส้นทางที่กว้างขึ้น
ท้ายที่สุด ไม่ว่าซุปเปอร์แมน จะเก่งแค่ไหน ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเวทมนตร์ที่ทรงพลัง
ปี้เซียวไม่ต้องการที่จะมีจุดอ่อน
บางทีเขาควรติดต่อกับคามาร์-ทัช อย่างน้อยเพื่อให้เข้าใจในศาสตร์เวทมนตร์ให้มากขึ้น
เพราะความรู้...จะไม่มีวันทรยศเขา
แสงที่ปลายนิ้วของปี้เซียว ค่อยๆ จางลง เขาล้างร่างกายที่เต็มไปด้วยคราบดินปืนอย่างละเอียด เช็ดผมและร่างกายให้แห้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เรียบง่าย ด้วยกางเกงยีนส์ เสื้อยืด และรองเท้าหนัง
เป็นสไตล์ที่เรียบง่ายแต่ก็เข้ากับยุคสมัย ดูเยาว์วัยและหล่อเหลือเกิน โดยเฉพาะในสภาพร่างกายที่ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งมาแล้ว ปี้เซียวเหมือนเป็นไม้แขวนเสื้อที่ทำให้ใส่ชุดไหนก็ดูดีไปหมด
เขาเดินไปยังห้องนั่งเล่น เปิดตู้เย็น นำส่วนผสมออกมามากมาย เตรียมอาหารในปริมาณมหาศาล
ทุกครั้งหลังจากการสังหารและการได้รับพลังเพิ่มขึ้น มื้ออาหารครั้งใหญ่ก็จะตามมา เป็นเหมือนพิธีกรรม คล้ายๆ กับฮันนิบาล หลังจากฆ่าเหยื่อ
แตกต่างกันตรงที่ฮันนิบาล กินเนื้อคน แต่ปี้เซียวฆ่าเพื่อดึงสาระสำคัญแห่งชีวิตมาหล่อเลี้ยงตัวเอง
หลังจากเตรียมอาหารโต๊ะใหญ่เสร็จเรียบร้อย ในบรรยากาศฝนตกกระหน่ำและแสงไฟสลัวๆ ปี้เซียวนั่งลงและเพลิดเพลินกับอาหาร พร้อมด้วยความหิวโหยจากการสังหาร มันเป็นกระบวนการที่แสนวิเศษ
ขณะที่ดื่มด่ำกับอาหารและความอิ่มหนำ เขาก็ครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ
ในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมา การล้างบางแก๊งค์และสมาชิกแก๊งในควีนส์ของเขาก่อให้เกิดความตื่นตระหนกและความวุ่นวายไม่น้อย ปี้เวียวมักจะเตรียมการอย่างรอบคอบก่อนจะสังหารแต่ละครั้ง โดยเฉพาะการใช้อาวุธปืน
สภาพร่างกายและความแข็งแรงของกระดูกทำให้เขาไม่ต้องกังวลกับแรงสะท้อนของปืน และด้วยความเร็วในการตอบสนองและการมองเห็นที่ไวเป็นพิเศษ เขาสามารถยิงได้อย่างแม่นยำ ราวกับนักแม่นปืนในกองทัพที่ยิงเป้าหมายที่ไม่เคลื่อนที่
พูดได้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะ หรือจริงๆ แล้วได้วิวัฒน์จนกลายเป็นอัจฉริยะไปแล้ว การฝึกซ้อมการยิง? ไม่จำเป็น ที่จุดเกิดเหตุหลังการฆ่า เขายิงหลายครั้งด้วยปืนที่หลงเหลือจากเหยื่อในที่เกิดเหตุ จดจำช่วงเวลาที่ลั่นไกด้วยความจำและความจำของกล้ามเนื้อของเขาเอง
จากการต่อสู้ระยะประชิด เขาค่อยๆ เปลี่ยนไปสู่การใช้อาวุธปืนมากขึ้น
การฝึกฝนนี้ทำให้ทักษะการยิงของเขาสมบูรณ์แบบผ่านการต่อสู้จริง ซึ่งยังทำให้ ตำรวจเข้าใจผิดว่าฆาตกรคือมือปืนฝีมือเยี่ยม ทั้งที่รูปลักษณ์อายุน้อยของเขาดูไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านประสบการณ์การยิงมามาก
สิ่งเดียวที่เขาต้องระวังให้มากคือคราบดินปืนและการกำจัดพลาสติกหุ้มเท้า