ตอนที่ 77 สิ่งเดียวที่เราสามารถพึ่งพาได้ในตอนนี้คือผู้เป็นอมตะ
ตอนที่ 77 สิ่งเดียวที่เราสามารถพึ่งพาได้ในตอนนี้คือผู้เป็นอมตะ
อีกด้านหนึ่ง
ฉู่เสวียนและโจวหยูที่วิ่งออกมาได้มายืนอยู่ไม่ไกลจากทางออกของหมอก
ทว่าในตอนนั้นก็ได้มีเสียงเย็นยะเยือกดังมาจากด้านหลังของพวกเขา “ฮึ่ม คิดจะหนีหรือ? ฝากชีวิตของพวกเจ้าไว้กับข้าดีกว่า!”
กลิ่นไอของความบ้าคลั่นพัดมาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
โจวหยูที่ไม่ทันได้ตั้งตัวไม่สามารถโต้ตอบได้เลย เขาถูกโจมตีไปที่ด้านหลังอย่างแรงจนหัวใจของเขาหลุดออกมาเต้นตุบๆ อยู่บนพื้น
ทันใดนั้นร่างสีแดงเลือดก็ปรากฏขึ้นด้านหลัง ฉู่เสวียนได้พยายามป้องกันการโจมตีอันรุนแรงของมัน
มันคือหุ่นเชิดโลหิต!
ฉู่เสวียนรีบตอบโต้ออกไปอย่างดุเดือดและใช้โอกาสจากการโจมตีนี้รีบวิ่งหนีออกไปจากกลุ่มหมอกทันที
"ภูเขาเทียเซียนแห่งนี้อันตรายมาก ตอนนี้ข้าไม่สามารถรับมือกับมันได้เลย เห็นทีข้าจะต้องไปที่ดาวเคราะห์โลกาวินาศเสียแล้ว " ฉู่เสวียนมองไปยังกลุ่มหมอกเบื่องหน้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด แล้วส่ายหัวออกมา
...
บนดาวเคราะห์โลกาวินาศ
ฉู่เสวียนกลับมานั่งขัดสมาธิอยู่ในค่ายกลอีกครั้ง
เขาเป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของพายุเฮอริเคน วิญญาณชั่วร้ายทั้งหมดในค่ายกลได้รวมตัวหมุนวนเข้ามาหาเขา
"ไม่เพียงพอยังไม่เพียงพอ แม้ว่าข้าจะมีพลังชั่วร้ายจำนวนมหาศาล แต่ข้าก็ยังต้องพยายามอย่างมากเพื่อทะลวงผ่านไปยังเขตแดนที่สูงกว่านี้ให้ได้ เหตุผลก็คือคุณสมบัติของข้านั้นยังต่ำเกินไป"
เขาครุ่นคิดและอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณสมบัติของเขาไม่ดี
รากฐานทางจิตวิญญาณแบ่งออกเป็นระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง และระดับสูงสุด
นอกเหนือจากรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสูงสุดแล้ว ยังมีรากฐานทางจิตวิญญาณระดับปฐพีและรากฐานทางจิตวิญญาณระดับสวรรค์อีกด้วย และนั่นถือว่าเป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยาก
เมื่อมองดูทั่วทั้งอาณาจักรหยู ฉู่เสวียนได้ยินว่าเมื่อสี่ร้อยปีก่อน ต้นกล้าวิญญาณที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณของธาตุไฟที่ดีที่สุดได้ปรากฏตัวขึ้น
เดิมทีนิกายเสินกังต้องการตัวเขา แต่นิกายอัคคีสวรรค์ของอาณาจักรเยว่ทางตอนใต้ก็ได้มาแย่งชิงต้นกล้าวิญญาณที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณธาตุไฟระดับสูงไปเสียก่อน
เป็นเพราะเหตุนี้เองที่นิกายเสินกังจึงได้ขัดแย้งกับนิกายอัคคีสวรรค์มาโดยตลอด
ส่วนรากฐานทางจิตวิญญาณของฉู่เสวียนเป็นเพียงรากฐานทางจิตวิญญาณธาตุไม้ระดับกลางเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเหมาะสำหรับการฝึกทักษะที่มีลักษณะของไม้มากกว่า
ซึ่งเหตุผลที่เขาสามารถบ่มเพราะได้ด้วยความเร็วที่ "น่าอัศจรรย์" นั้นก็เพราะช่องว่างขนาดใหญ่ของอัตราการไหลของเวลาระหว่างทวีปชางเสวียนและดาวเคราะห์ไห่หลันชิงแห่งนี้
ในสายตาคนอื่นอาจคิดว่าเขาฝึกฝนเพียงเดือนเดียว แต่จริงๆ แล้วเขาฝึกฝนอย่างหนักติดต่อกันเป็นเวลาสิบเดือน!
ทว่าในตอนนั้น จู่ๆ ฉู่เสวียนก็จำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“นอกจากรากฐานทางจิตวิญญาณแล้ว ผู้บ่มเพาะยังมีร่างวิญญาณด้วย รากทางจิตวิญญาณและร่างวิญญาณล้วนมีติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถสร้างขึ้นในภายหลังได้ อย่างไรก็ตามหากข้าต้องการชดเชยรากทางจิตวิญญาณ อย่างน้อยที่สุดข้าก็ต้องไปให้ถึงระดับแก่นปราณทองคำให้ได้เสียก่อน ดังนั้นสำหรับข้าในตอนนี้ การชดเชยร่างวิญญาณถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด”
“ข้ารู้มาว่ามีเทคนิคที่สามารถขุดร่างวิญญาณของผู้อื่นออกมาและต่อเข้ากับร่างกายของตัวเองได้ วิธีการนี้เป็นเทคนิคที่ไร้มนุษยธรรม จะต้องเอาเลือดไปสังเวยให้กับสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก เพื่อสร้างร่างวิญญาณของตนเองขึ้นมาใหม่”
ซึ่งเขาก็ได้อ่านเจอเทคนิคนี้ใน "พระสูตรกลั่นโลหิตปีศาจ" ว่ามันคือวิธีการสร้างร่างวิญญาณขึ้นมาใหม่
อย่างไรก็ตามเงื่อนไขที่ต้องแลกเปลี่ยนก็รุนแรงมาก
ฉู่เสวียนไม่เคยพิจารณาเรื่องนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เขาต้องการเร่งการฝึกฝนของตนเอง เขาจึงต้องนำเรื่องนี้มาพิจารณาอีกครั้ง
ใน "พระสูตรกลั่นโลหิตปีศาจ" มีสามวิธีในการสร้างร่างวิญญาณขึ้นมาใหม่"
วิธีแรกคือร่างวิญญาณน้ำแข็ง เขาต้องดูดซับวัตถุวิญญาณที่เป็นน้ำแข็งทุกวัน จะให้ดีต้องดูดซับในสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด ด้วยวิธีนี้จึงจะสามารถบรรลุร่างวิญญาณน้ำแข็งได้ หลังจากเสร็จสิ้น ทุกการเคลื่อนไหวสามารถเรียกน้ำแข็งออกมาได้
วิธีที่สองคือร่างวิญญาณโลหิต ซึ่งจะต้องแช่ตัวในเลือดของอสูรที่อยู่ในช่วงสร้างรากฐาน 49 ชนิดเป็นเวลา 49 วัน ร่างกายจะค่อยๆดูดซับเลือดของอสูรชนิดใหม่เข้ามา หลังจากประสบความสำเร็จ การไหลเวียนของเลือดในร่างกายก็จะเร็วขึ้นและพลังของการบ่มเพาะทางกายภาพในการต่อสู้ระยะประชิดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
วิธีที่สาม ร่างวิญญาณไม้ชั่วร้าย เขาจะต้องดูดซับวัตถุวิญญาณธาตุไม้ทุกๆ สามวัน ให้ครบ 33 ครั้ง เพื่อให้ร่างวิญญาณไม้ชั่วร้ายสมบูรณ์ หลังจากเสร็จสิ้น ความเร็วในการสมานแผลจะเร็วอย่างมาก และการป้องกันทางกายภาพก็จะเพิ่มขึ้นและยังสามารถควบคุมไม้ได้อีกด้วย
ฉู่เสวียนคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า....
ร่างวิญญาณน้ำแข็งและร่างวิญญาณโลหิตนั้นไม่ใช่วิธีที่จะทำกันได้ง่ายๆ
แม้ว่าร่างวิญญาณน้ำแข็งจะดี แต่คุณสมบัติของมันก็ไม่สอดคล้องกับตัวเขา และสถานที่เย็นจัดก็หายาก
ส่วนร่างวิญญาณโลหิตยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เขาจะไปหาอสูรระดับสร้างรากฐานถึง 49 ชนิดมาจากที่ไหน?
ในทางตรงกันข้าม ร่างวิญญาณไม้ชั่วร้ายดูเหมือนจะง่ายกว่ามาก เพราะข้อกำหนดของมันไม่ซับซ้อน และวิธีการก็ไม่ยาก เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าจะไปหาวัตถุวิญญาณธาตุไม้บนดาวเคราะห์ดวงนี้มาจากไหน
“ดูเหมือนว่าข้าต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อค้นหามัน”ฉู่เสวียนลุกขึ้นยืนทันทีและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับดาบบังเหินเทียนกังของเขา
...
ที่ชานเมืองตงหู
มนุษย์เห็ดประหลาดสามตัวได้ตกลงมาบนพื้นอย่างแรง พวกมันกระตุกสองสามครั้งแล้วหยุดเคลื่อนไหว
หวังกังเจี้ยนและถังจินชวนหายใจเข้าลึก ๆ ติดต่อกัน ก่อนที่กล้ามเนื้อของพวกเขาจะผ่อนคลายลง
หวังกังเจี้ยนเหลือบมองถังจินชวนที่ตอนนี้มีร่างกายผ่ายผอม แล้วยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “เหล่าถัง ร่างอ้วนๆของนายยังไม่เพียงพอ”
ถังจินชวนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว “มนุษย์เห็ดประหลาดพวกนี้หนังเหนียวเป็นบ้า ฉันโจมตีติดต่อกันไปหลายครั้งแต่พวกมันก็ไม่ตายสักที จนร่างของฉันไม่เหลือไขมันให้ควบแน่นเป็นหอกแล้ว”
เมื่อถังจินชวนพูดจบ หวังกังเจี้ยนก็โบกมือทันที ผู้รอดชีวิตที่ดูการต่อสู้มาเป็นเวลานานก็รีบวิ่งเข้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
พวกเขาเทน้ำมันเบนซินใส่ร่างทั้งสามแล้วเริ่มจุดไฟ
ไฟก็ลุกโชนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
มนุษย์เห็ดส่งเสียงร้องโอดครวญออกมา จนในที่สุดเสียงนั้นก็แผ่วเบาลง
หวังกังเจี้ยนและถังจินชวนได้แต่เงียบขณะที่มองดูร่างทั้งสามถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ร่างทั้งสามนี้แต่ก่อนก็เป็นสมาชิกสามคนของบริษัทรักษาความปลอดภัยเฮยเฟิง พวกเขานั้นซื่อสัตย์และภัคดีต่อองค์กรมาตลอด
แต่ในเวลาเพียงวันเดียว พวกเขาก็ได้กลายร่างเป็นเห็ด และกลายเป็นมนุษย์เห็ดที่น่าสะพรึงกลัว
สิ่งที่หวังกังเจี้ยน, ถังจินชวนและคนอื่น ๆ ทำได้ในตอนนี้คือการเผาร่างของพวกเขาเพื่อให้แน่ใจว่า "เชื้อเห็ดซอมบี้" ที่น่ากลัวนี้จะไม่ปล่อยสปอร์ไปสู่คนอื่นๆ
ในเวลานี้ ก็มีร่างหนึ่งเดินเข้ามา
คนที่ลงมาจากรถบัสคือ หวังหยงลูกพี่ลูกน้องของหวังกังเจี้ยน
หวังกังเจี้ยนดูมีความสุขและถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทันทีว่า "ได้รับการติดต่อหรือเปล่า?"
หวังหยงส่ายหัว "เราไม่ได้รับการติดต่อเลย และยังๆได้รับข่าวร้ายอีกด้วย"
หวังกังเจี้ยนแสดงสีหน้าน่าเกลียดออกมาทันที "ไหนบอกมาสิ”
หวังหยงลดเสียงลง" มีคนสองสามคนจากแก๊งฉวนปางใจดียอมบอกเรื่องนี้กับผม เมืองหลงเจียงถูกคุกคามแล้ว ตอนนี้แม้แต่เย่หนานเทียนก็หายตัวไป และในบรรดาผู้บัญชาการทั้งสี่คน มีเพียงเซียงซิงเท่านั้นที่รอดชีวิต กองทัพหลินเจียง... แตกสลายแล้ว”
สีหน้าของหวังกังเจี้ยนเปลี่ยนเป็นตกตะลึงไปชั่วขณะ
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเพียงหนึ่งเดือนหลังจากที่มนุษย์เห็ดประหลาดนี้ปรากฏขึ้นมา สถานการณ์จะย่ำแย่ถึงจุดนี้
แม้แต่เมืองหลงเจียง ซึ่งเป็นฐานทัพของกองทัพหลินเจียงก็ได้กลายเป็นเมืองของมนุษย์เห็ดไปแล้ว
แม่ทัพหลินเจียงอย่างเย่หนานเทียน ผู้อยู่เหนือธรรมชาติขั้นที่ 4 ผู้ปลุกพลังขึ้นมาได้ก็หายไปเช่นกัน!
“ฉัน…”หวังกังเจียนต้องการพูดบางอย่าง แต่เขาก็สั่นกลัวเกินกว่าจะพูดมันออกมาได้
หวังหยงและถังจินชวนจึงเข้ามาประคองเขาอย่างรวดเร็ว
หวังหยงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "พี่ เราควรเข้าร่วมกับแก๊งฉวนปางฉันได้ยินมาว่าพวกเขาสามารถขับไล่กลุ่มมนุษย์เห็ดออกไปได้ชั่วคราว บางทีพวกเขาอาจมีวิธีในการรับมือก็เป็นได้"
หวังกังเจียนยิ้มอย่างขมขื่น
แก๊งฉวนปางและกองทัพหลินเจียงไม่ค่อยจะเป็นมิตรกันมากนัก
เขาเป็นทหารผ่านศึกของกองทัพหลินเจียง และบริษัทรักษาความปลอดภัยเฮยเฟิงก็อยู่ภายใต้กองทัพหลินเจียงมาโดยตลอด แต่ตอนนี้หากว่าเขาต้องการจะเข้าร่วมกับแก๊งฉวนปาง อีกฝ่ายจะยอมตกลงด้วยอย่างนั้นหรือ ?
“หัวหน้า ฉันขอแนะนำให้เราไปหาผู้ฝึกฝนอมตะอีกครั้งจะดีกว่า” ถังจินชวนกล่าวอย่างจริงจัง “กองทัพหลินเจียงไม่ใช่องค์กรที่แข็งแกร่งที่สุดอีกต่อไป สิ่งเดียวที่เราสามารถพึ่งพาได้คือผู้ฝึกฝนอมตะเท่านั้น”
“ต่อให้ไปหนึ่งหรือสองครั้งแล้วไม่เจอ เราก็ต้องไปหาครั้งที่สามและสี่ต่อ ความจริงใจเท่านั้นที่จะช่วยให้เขาใจอ่อนต่อเราได้ ไม่ว่าผู้ฝึกฝนอมตะต้องการสิ่งใด เราก็ต้องหามาให้เขา!”
หวังกังเจี้ยนถอนหายใจ “เอาล่ะ… ไม่ว่าแก๊งฉวนปางหรือผู้ฝึกฝนอมตะก็คงต้องลองมันทั้งสองทางเลยล่ะกัน หวังหยงไปที่แก๊งฉวนปาง ส่วนเหล่าถังนายไปเชิญผู้ฝึกฝนอมตะที่โรงแรมห่าวไท่”