บทที่ 74 ปิ่นหยกลึกลับ
อีกด้านหนึ่ง จินเป่าเอ๋อเดินตามท่านประมุขเข้าสู่วิหารในสุด รอบๆนั้นเต็มไปด้วยทรัพย์สมบัตินานาชนิด ทั้งทองคำและอัญมณี รวมถึงศาสตราอาคมและยาแปรธาตุ ตำราลมปราณ พืชศักดิ์สิทธิ์ และค่ายกลต่างๆ
ที่นี่คือสถานที่เก็บสมบัติที่ลึกลับที่สุดของสำนักเพียวเมี่ยว สถานที่ที่นักบำเพ็ญเพียรหลายคนต่างใฝ่ฝันอยากจะเห็นด้วยตาตนเอง เซียวไป่ซานประมุขสำนักมีท่าทางภาคภูมิใจอย่างหายาก
“ศิษย์หลานจิน เจ้าถูกใจสิ่งใดหรือไม่ อย่าได้เกรงใจ หากเจ้าถูกใจก็หยิบไปได้ตามใจเลย!”
จินเป่าเอ๋อเดินตามท่านประมุขอย่างเงียบๆ ไม่สนใจสิ่งใดเลย ดวงตาไม่เหลียวมองสิ่งรอบข้างแม้แต่น้อย ใจเพียงเฝ้าคิดถึงเวลาที่ใกล้จะสิ้นสุดลง นี่ประมุขจะสิ้นชีพในครั้งนี้เหมือนเมื่อชาติก่อนหรือไม่
จนทั้งสองเดินมาถึงส่วนลึกสุด จินเป่าเอ๋อไม่หยุดมองสิ่งใดเลยสักอย่าง ท่าทางเซียวไป่ซานเริ่มจะท้อใจ หรือว่าสมบัติทั้งหมดในวิหารใหญ่แห่งนี้จะไม่ดึงดูดใจเจ้าหนูนี่เลยหรือ นางมีสายตาที่สูงเกินไปหรือเปล่า
“ศิษย์หลานจิน เดินมาหนึ่งชั่วยามแล้ว ยังไม่มีอะไรที่เจ้าเลือกหรือ”
จินเป่าเอ๋อฟังแล้วก็งุนงงเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มพิจารณาสิ่งรอบข้างอย่างช้าๆ ตาไล่กวาดมองเหมือนจะเลือกอะไรสักอย่าง แต่ขณะกำลังจะเอ่ยปากเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง...
“เดินไปข้างหน้าอีกเจ็ดก้าว…”
เสียงที่เงียบงันมาทั้งวันของหลงหลีซิงดังขึ้นพร้อมความเคร่งขรึมที่หาได้ยาก ทำให้คำพูดของจินเป่าเอ๋อต้องกลืนหายไปในคอ นางมีท่าทีแปลกใจ...
ถึงกับทำให้ยอดฝีมือเช่นหลงหลีซิงเอาจริงเช่นนี้ สมบัตินี้ต้องมีอะไรพิเศษแน่นอน จินเป่าเอ๋อรู้สึกตื่นเต้นและสงสัยว่าเป็นสิ่งใด
เซียวไป่ซานยืนมองจินเป่าเอ๋อเดินไปข้างหน้าต่อ ท่าทีสงสัยอย่างมาก ที่ตรงนั้นมีเพียงผนังว่างเปล่าเท่านั้น!
แล้วต่อมาดวงตาของเขาก็เบิกกว้างตะลึงงัน!
จินเป่าเอ๋อยื่นมือออกมาลูบไปตามผนัง ราวกับค้นหาบางสิ่ง แล้วพบหินก้อนหนึ่งที่ยื่นออกมา เมื่อกดลงไปเบาๆ…
ผนังก็เริ่มสั่นไหวรุนแรง และปรากฏกล่องทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสยาวยี่สิบเซนติเมตร สามกล่องออกมาจากผนัง โครงสร้างเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นกลไกพิเศษที่ถูกซ่อนไว้!
“เปิดกล่องซ้ายสุด!”
จินเป่าเอ๋อทำตาม ทันทีที่ยื่นมือไปใกล้ กลับเหมือนมีพลังบางอย่างขวางกั้นไม่ให้เข้าใกล้
“นี่คือ… ค่ายกลป้องกัน”
เซียวไป่ซานรู้สึกประหลาดใจ ก่อนจะก้าวเข้าไปยังก่อนหน้า หยิบยันต์หยกขึ้นมาวางลงบนกล่อง ค่ายกลป้องกันก็หายไปทันที
“สมกับที่คิด! ข้าเคยได้ยินอาจารย์บอกว่า ในวิหารในนี้รวบรวมสมบัติทั้งหมดของสำนักเพียวเมี่ยวตั้งแต่ก่อตั้งขึ้น มีของบางอย่างที่ไม่ทราบที่มา ถูกซ่อนเอาไว้ในวิหารนี้ และเล่าลือกันปากต่อปาก แม้แต่อาจารย์ของข้ายังไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน…”
เขาหันมามองจินเป่าเอ๋อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย นัยน์ตาฉายคำถามออกมาอย่างชัดเจนว่าทำไมนางถึงรู้ว่ามีของซ่อนอยู่ตรงนี้?
จินเป่าเอ๋อชะงักไป นางคิดว่าท่านประมุขคงจะรู้เรื่องสมบัติที่ซ่อนอยู่ตรงนี้แล้วเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่าเขาเองก็ไม่รู้ อย่างไรก็ตาม ท่าทางของนางยังคงสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง
“ข้าเดินจนเหนื่อยแล้ว เลยอยากจะพักพิงกำแพงเท่านั้น และบังเอิญไปพบเข้าพอดี”
จินเป่าเอ๋อกล่าวออกมาอย่างเป็นทางการราวกับว่าพูดจริงจัง ปกปิดความรู้สึกได้ดีจนกระทั่งเซียวไป่ซานเองยังชมว่านางโชคดี
นางไม่รอช้า รีบหยิบของในกล่องขึ้นมา เป็น… ปิ่นหยก?
“ท่านอาวุโส ท่านชอบ… ของแบบนี้หรือ อืม… ก็ดูสวยดีเหมือนกันนะ”
ปิ่นหยกมีรูปร่างแปลกตามาก ลักษณะของหยกเป็นสีเขียวน้ำนม เหมือนกับมีบางสิ่งไหลเวียนอยู่ภายใน ไม่มีการตกแต่งใดๆ เพิ่มเติม มีเพียงลมปราณอ่อน ๆ แผ่ออกมา ราวกับสายฝนโปรยปราย นุ่มนวลอ่อนโยน
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากหลงหลีซิง ราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง
“ฮะ… พวกเขานี่ฉลาดนัก ใช้ค่ายกลป้องกันเพื่อปิดบังลมปราณได้เสียด้วย ถึงว่า ข้าถึงไม่รู้สึกถึงสิ่งใดเลย”
จินเป่าเอ๋อทำท่าจะถาม แต่เซียวไป่ซานพูดขึ้นมาก่อน
“นี่คืออะไรหรือ ปิ่นหยก? บรรพบุรุษเก็บของแบบนี้ไว้ทำไมกัน?”
ดูแล้วนอกจากจะสวยและมีลมปราณอ่อนๆ ก็แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย!
จินเป่าเอ๋อได้ยินก็หันกลับมามองปิ่นหยกอีกครั้ง คิ้วขมวดเล็กน้อย ใช่แล้ว! มันไม่มีอะไรพิเศษจริงๆ แต่มันอาจเป็นไปได้ว่าสิ่งนี้ล้ำค่ามากเกินกว่าพวกนางในระดับนี้จะสามารถมองเห็นได้
“ท่านประมุข ของสิ่งนี้มอบให้ศิษย์เป็นรางวัลได้ไหมเจ้าคะ”
คำพูดนั้นเต็มไปด้วยมารยาทและความเคารพ ไม่มีท่าทีหยิ่งยโสแต่อย่างใด ต้องรู้ว่าตอนนี้นางกับท่านประมุขมีระดับพลังเท่ากัน และท่านประมุขก็เพิ่งจะฉลองครบ 200 ปี ขณะที่นางเพิ่งจะอายุได้เพียง 17 ปี ชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น…
เซียวไป่ซานถึงกับตกใจ นางมีความคิดที่เรียบง่ายและจิตใจหนักแน่นถึงเพียงนี้ ช่างน่าชื่นชมยิ่งนัก!
นอกจากนี้ สำนักเพียวเมี่ยวในอนาคตอาจต้องพึ่งพาพลังของนางอีก เขาจึงยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย
“ในเมื่อเจ้าชอบ ก็ขอมอบให้เจ้าไป…”
จินเป่าเอ๋อได้ยินดังนั้นรีบนำปิ่นหยกเก็บเข้าในคลังสมบัติที่อยู่ในภูมิทัศน์สวรรค์ของนางเพื่อให้หลงหลีซิงเก็บรักษา ในสายตาเซียวไป่ซานนั้นคิดว่านางเพียงเก็บปิ่นหยกเข้าไปในมิติแห่งเก็บของ นึกไปถึงตอนที่เซียนจุนโหลวหยุนเคยลบล้างการควบคุมมิติเก็บของของนางลงต่อหน้าทุกคน และเหยียดหยามนางในวันนั้น…
ใครจะคิดว่าเพียงแค่หนึ่งปีก่อน จินเป่าเอ๋อยังเป็นเพียงศิษย์ในขั้นจินตันระดับกลาง แต่ตอนนี้กลับก้าวสู่ระดับฮวาชินได้! ความก้าวหน้ารวดเร็วเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน นับว่าน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก!
หากนางก้าวหน้าด้วยความเร็วเช่นนี้ อีกไม่กี่ปีข้างหน้า เกรงว่าแม้แต่โหลวหยุนเองก็…
ทันใดนั้น เซียวไป่ซานรู้สึกเย็นวาบขึ้นมากลางหลัง คิดแล้วได้แต่เหงื่อไหลท่วมตัว
ความคิดของโหลวหยุนจะซับซ้อนเพียงใดเขาก็ไม่อาจจัดการได้แล้ว! การเลื่อนจากฮวาชินไปสู่ขั้นรวมร่าง นั้นยากเย็นขนาดไหนเขาย่อมรู้ดี
แม้ว่าจินเป่าเอ๋อจะเป็นอัจฉริยะเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเลื่อนขั้นภายในเวลาไม่กี่ปี!
จินเป่าเอ๋อหยุดฝีเท้าชั่วครู่ มองเซียวไป่ซานที่ยังคงยืนนิ่งเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ จึงเอ่ยอย่างสงสัย
“ท่านประมุข?”
เซียวไป่ซานเงยหน้าขึ้นในขณะที่คิดมากไปแล้ว และตัดสินใจเดินตามจินเป่าเอ๋อออกไป
ขณะที่ทั้งสองเพิ่งก้าวออกจากประตูห้องโถงด้านใน ม่านควันสีม่วงแผ่เข้ามาพร้อมกับลมปราณของเผ่ามารที่รุนแรง และเต็มไปด้วยความอาฆาตฆ่าฟัน
จินเป่าเอ๋อรู้ตัวทันที หยิบดาบสังหารวิญญาณขึ้นมาตั้งรับปะทะกับควันม่วงนั้นในทันที แต่แรงปะทะนั้นทำให้นางถอยหลังออกไปหลายก้าว ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
แม้ว่าจะสามารถยืนได้อย่างมั่นคง แต่มือที่ถือดาบนั้นสั่นสะท้านจนรู้สึกถึงความเจ็บและความอ่อนแรงของแขน แสดงให้เห็นถึงพลังของศัตรูที่รุนแรงเพียงใด “เจ้าเป็นใครกัน?”
ควันสีม่วงนั้นดูท่าจะไม่คาดคิดว่านางจะยังคงยืนหยัดได้ จึงโจมตีซ้ำอีกครั้ง!
“ปัง! ปัง! ปัง!”
เสียงปะทะกับดาบดังชัดเจน จินเป่าเอ๋อในฐานะผู้มีพลังในขั้นฮวาชินถึงกับไม่อาจต้านทานได้ ทำได้เพียงใช้พลังปราณปกป้องตัวเอง
เซียวไป่ซานที่อยู่ข้างๆ เห็นสถานการณ์รุนแรงจึงรีบเข้าช่วยเหลือ ทว่ากลับถูกควันม่วงโจมตีอย่างหนักจนกระอักเลือดและสลบไป นอนแน่นิ่งไร้ชีวิตจิตใจ!
จินเป่าเอ๋อตกตะลึงในทันที ภาพที่เห็นคล้ายกับในชาติที่แล้วไม่ผิดเพี้ยน ทำให้เข้าใจในบัดดลว่าเป็นม่านควันม่วงนี้เองที่สังหารเซียวไป่ซาน และเป็นสาเหตุที่นางถูกกล่าวหาว่าฆ่าเขา! แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่ซูเซียนจือเคยล่อลวงนางในอดีต นางเริ่มสงสัยว่าควันม่วงนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับซูเซียนจือ
กระนั้น การโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามยังคงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นางต้องตั้งสมาธิเพื่อรับมือ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างยาวนาน จินเป่าเอ๋อใช้พลังปราณไปอย่างมหาศาล แต่กลับไม่สามารถทำอันตรายต่อควันม่วงนี้ได้เลย