บทที่ 66 ภารกิจสำเร็จ การจัดการทักษะ
บทที่ 66 ภารกิจสำเร็จ การจัดการทักษะ
คืนนั้น ทั้งเขตเป่ยเฉิงต่างหวาดผวา
ในยุคที่อินเทอร์เน็ตพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
ข่าวการปะทะกันของผู้ฝึกตนระดับสูงที่ชานเมือง แพร่สะพัดไปทั่วโลกออนไลน์ภายในเวลาไม่กี่นาทีหลังเกิดเหตุ
เสียงฟ้าร้องและระเบิดกึกก้องในยามดึก ยิ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับชาวเป่ยเฉิง
ความหวาดกลัวค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่ว
แต่เมื่อเห็นแสงกระบี่นับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ลาดตระเวนทั่วเขตเป่ยเฉิง ผู้คนก็เริ่มสงบสติอารมณ์ลง
เพียงแค่สำนักตรวจการออกมาจัดการ ทุกอย่างก็คงไม่เป็นไร
นี่คือความเชื่อมั่นที่ฝังลึกในจิตใจของประชาชนประเทศหลงอวี่ และเป็นความไว้วางใจที่สำนักตรวจการได้มาด้วยความพยายามและการเสียสละเลือดเนื้อมาอย่างยาวนาน
เหตุการณ์ร้ายแรงอะไรกันที่ทำให้สำนักตรวจการเขตเป่ยเฉิงต้องระดมกำลังขนาดนี้ กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์
ช่วงนี้ เขตเป่ยเฉิงประสบเคราะห์กรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ยังไม่ทันจัดการต้นตอพิษปีศาจจากต่างแดนให้เสร็จสิ้น ก็มีผู้ฝึกตนนอกรีตก่อคดีสะเทือนขวัญ แล้วยังมีเหตุการณ์คืนนี้อีก จะไม่ให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างไร?
ในโลกออนไลน์มีการคาดเดากันไปต่างๆ นานา
และยังมี "ปีศาจร้าย" ที่คอยสร้างความวุ่นวายพยายามสร้างกระแส
แต่เรื่องเหล่านี้ ไม่เกี่ยวกับหลี่จิ้งเท่าไหร่
เขาเพียงแต่ทำหน้าที่ของตน คิดแต่เรื่องงานของตัวเอง
ในฐานะผู้ช่วยตรวจการตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เขาไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนอกเหนือความรับผิดชอบ
ตามคำสั่งของไต้หง
หลี่จิ้งและเพื่อนอีกสองคนรออยู่ที่จุดเกิดเหตุจนกระทั่งเจ้าหน้าที่แผนกผู้ช่วยตรวจการมาถึง จากนั้นจึงนำการเก็บหลักฐานและงานที่เกี่ยวข้อง
พวกเขาทำงานจนถึงตีห้า ทั้งสามคนจึงไปรายงานรายละเอียดต่อไต้หงที่สำนักตรวจการ
ไต้หงให้ความสำคัญกับกรณีที่เกี่ยวข้องกับปีศาจร่างมนุษย์เป็นพิเศษ
แต่เขาไม่ได้พูดอะไรมากกับหลี่จิ้งและอีกสองคน
การสืบสวนคดียังไม่จบ
แต่การสืบสวนต่อไปคงยากแล้ว
ปฏิบัติการจับกุมได้สิ้นสุดลงแล้ว
ภายใต้การสั่งการของเขา สำนักตรวจการได้ปิดล้อมและค้นหาทั่วเขตเป่นเฉิง
ปฏิบัติการใหญ่ขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ ปีศาจ หรือวิญญาณ ถ้าไม่อยากตาย ก็คงต้องหดหัวอยู่เงียบๆ
ในช่วงเวลาแบบนี้ ใครจะกล้าสร้างความวุ่นวาย?
หากไม่จำเป็น ไต้หงก็ไม่อยากตัดสินใจเช่นนี้
แต่เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ต้องใช้กำลังอย่างเพียงพอเพื่อแลกกับความสงบสุขของเขตเป่ยเฉิง
หลังจากฟังรายงานจากหลี่จิ้งและอีกสองคนแล้ว ไต้หงก็ให้พวกเขากลับไปพักผ่อน ส่วนตัวเองเตรียมการแถลงข่าว
ข่าวนี้ต้องเปิดเผยแน่นอน
หนึ่งคือเพื่อระงับข่าวลือ
สองคือเขาไม่สามารถยืนยันได้ว่ายังมีผู้สัมผัสกับของต้องห้ามอีกกี่คน จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้คนเหล่านั้นมาติดต่อเอง
การสัมผัสของต้องห้าม ไม่ได้หมายความว่าต้องตายอย่างแน่นอน
หากได้รับการตรวจสอบทางการแพทย์ทันเวลา และรักษาก่อนที่อาการจะแย่ลงจนเกินเยียวยา ก็มีโอกาสรอดชีวิต
ใกล้เจ็ดโมงเช้า
หลี่จิ้งและอีกสองคนแยกย้ายกันกลับบ้านหลังออกจากสำนักตรวจการ
งานของพวกเขาในฐานะ "ลูกจ้างชั่วคราว" ของหน่วยสืบสวนคดีพิเศษที่ 6 จบลงอย่างสมบูรณ์
การเป็นลูกจ้างชั่วคราวก็มีข้อดี
เรื่องที่เหลือ ไม่ต้องให้พวกเขาสามคนกังวล
กลับถึงบ้านพัก หลี่จิ้งเข้าห้องและปิดประตูทันที
เฉินอวี่หรานวันนี้คงไม่กลับมา
แม้ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอยังคงตรวจสอบกลุ่มต้องสงสัยในเขตเป่ยเฉิง หรือถูกส่งไปทำงานอื่น แต่ในฐานะเจ้าหน้าที่ตรวจการ เธอคงได้พักหายใจก็ต่อเมื่องานทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้วเท่านั้น
หลี่จิ้งนั่งที่ขอบเตียง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเลือกเข้าเว็บไซต์เซียนเสวีย
ไต้หงรักษาคำพูดมาก
หลังจากเขารายงานเสร็จ ไต้หงก็โอนเงินรางวัลล่วงหน้าสองล้านห้าแสนหยวนเข้าบัญชีของเขาโดยไม่ลังเล
ตอนนี้บัญชีของหลี่จิ้งมีเงินสองล้านแปดหมื่นหนึ่งพันหยวน
ต้องยอมรับว่า
มีเงิน ทำให้รู้สึกมั่นคงจริงๆ
แต่เงินที่ควรใช้ ก็ต้องใช้
วิชาควบคุมปราณที่ไต้หงแนะนำ ยังไงก็ต้องซื้อ
เคล็ดวิชาที่สามารถเรียนรู้ได้ของระดับที่สาม มีมากกว่าระดับที่สองมากมาย
ระบบเคล็ดวิชาต่างๆ ก็มีการแบ่งประเภทและคัดกรองที่ละเอียดมากขึ้น
หลี่จิ้งใช้เวลาสักพักในการค้นหาวิชาควบคุมปราณในหมวดเคล็ดวิชาเสริม เมื่อเห็นราคาแล้วก็กัดฟันกดปุ่มซื้อ
-1,500,000
หน้าเว็บไซต์เปลี่ยนไป แสดงคาถาขึ้นมา
พร้อมกันนั้น เสียงแจ้งเตือนไร้อารมณ์ก็ดังขึ้นข้างหู
"พบทักษะทักษะที่สามารถเรียนรู้ได้ วิชาควบคุมปราณ ต้องการเรียนรู้หรือไม่?"
"เรียนี้" หลี่จิ้งพูดในใจ
"เรียนรู้ทักษะติดตัว วิชาควบคุมปราณ สำเร็จ"
พร้อมกับเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นอีกครั้ง หลี่จิ้งรู้สึกได้ชัดเจนว่าความไม่สบายตัวที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงระดับพลังลดลงไปมาก
นี่เพิ่งเริ่มเรียนรู้เท่านั้น
แม้เพิ่งเริ่มเรียนวิชาควบคุมปราณแต่ความรู้สึกก็ดีขึ้นมาก หลี่จิ้งจึงไม่ลังเลที่จะใช้แต้มทักษะ 5 แต้มเพื่อยกระดับวิชาควบคุมปราณให้ถึงขั้นสูงสุด
ในวินาถัดมา ความไม่สบายตัวของเขาหายไปทันที
ทักษะติดตัวอย่างชุดวิญญาณคุ้มกายและวิชาหลีกนภามีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 หมุนเวียนในร่างกายของเขาอย่างเงียบๆ
ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนทันตาเช่นนี้ ทำให้หลี่จิ้งยิ้มกว้าง
ฟังคำแนะนำของไต้หงไม่ผิดจริงๆ
วิชาควบคุมปราณขั้นสมบูรณ์ให้ผลเพิ่มพูนกับเขาอย่างน่าทึ่ง!
ทักษะติดตัวมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 นั้นหมายความว่าอย่างไร? เขาไม่แน่ใจ
แต่เขารู้ว่าด้วยผลของวิชาควบคุมปราณ ข้อจำกัดของเคล็ดวิชาระดัยสองขั้นสมบูรณ์ในมือเขาได้ถูกทำลายลงบางส่วน กลายเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
หลังจากรู้สึกถึงสภาพร่างกายของตน หลี่จิ้งก็แบมือออก
"ฉึ่ก!"
ประกายสาสฟ้าเส้นเล็กๆ กระโดดขึ้นในฝ่ามือของเขาแล้วสลายไป
มองดูประกายไฟฟ้าที่กระโดดขึ้นแล้วสลายไป หลี่จิ้งเลิกคิ้ว
วิชาควบคุมปราณขั้นสมบูรณ์สามารถควบคุมพลังได้ละเอียดถึงขนาดนี้ ไม่ใช่แค่คำโม้เลยจริงๆ
ก่อนหน้านี้ แม้เขาจะสามารถปรับระดับการปล่อยพลังเพื่อเปลี่ยนความรุนแรงของเคล็ดวิชาได้ แต่เนื่องจากประสิทธิภาพพลังของเขาสูงมาก เคล็ดวิชาที่เขาปล่อยออกมาจึงไม่สามารถทำให้เล็กลงได้มากนัก ดูเด่นชัดเกินไป
ตอนนี้มีวิชาควบคุมปราณ เขาถึงกับสามารถทำให้ฝ่ามือสายฟ้าแสดงออกมาเป็นเพียงประกายไฟฟ้าเส้นเล็กๆ ได้
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ยิ่งใหญ่เกินบรรยาย!
วิชาควบคุมปราณ วิเศษจริงๆ!
หลังจากชื่นชมอย่างจริงใจ หลี่จิ้งก็เรียกหน้าต่างสถานะขึ้นมา
เจ้าของ: หลี่จิ้ง
แต้มประสบการณ์: 72/2566
เลเวล: 15
แต้มทักษะ: 5
พลังวิญญาณ: 240
อุปกรณ์: ไม่มี
ทักษะติดตัว: ห้วงฉับพลัน, ชุดวิญญาณคุ้มกาย (5/5), หลีกนภา (5/5), คุวบคุมปราณ (5/5)
ทักษะใช้งาน: ฝ่ามือสายฟ้า (5/5), จู่โจมวิญญาณ(5/5)
มองดูข้อมูลในหน้าต่างสถานะ หลี่จิ้งสังเกตที่เลเวล
ตอนอยู่ที่เลเวง 5 เขามีพลังระดับที่สอง
เขาไม่แน่ใจว่าตอนนั้นเพิ่งข้ามเข้าสู่ระดับที่สองหรือไม่
แต่ที่แน่ใจคือ
การข้ามเข้าสู่ระดับที่สาม เกิดขึ้นตอนเลเวล 15
จากข้อมูลนี้สามารถคาดเดาได้ว่า เกณฑ์การเชื่อมโยงระหว่างการเพิ่มระดับกับเลเวล อาจเพิ่มขึ้นทีละ 5 เลเวล
นั่นหมายความว่าการจะก้าวเข้าสู่ระดัยที่สี่ เขาต้องถึงเลเวลที่ 30
หลังจากคาดเดาในใจ หลี่จิ้งก็ระงับความคิด
เลเวล 30 สำหรับเขาในตอนนี้ดูห่างไกลเกินไป
เกณฑ์แต้มประสบการณ์ในการเพิ่มเลเวลสูงขึ้นเรื่อยๆ ช่วงห่างของแต้มประสบการณ์ที่ต้องการในแต่ละเลเวลก็มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาต้องใช้แต้มประสบการณ์ 2,566 แต้มเพื่อเพิ่มหนึ่งเลเวล
การฆ่าปีศาจระดับที่สองขั้นปลายหนึ่งตัว ถึงจะเพิ่มระดับได้หนึ่งเลเวล
โอกาสที่จะเพิ่มเลเวล ต่อไปคงยากแล้ว
ถ้าอยากข้ามหนึ่งระดับ เขาต้องฆ่าปีศาจที่มีแถบพลังชีวิตอย่างน้อย 5,000 ขึ้นไป
แถบพลังชีวิต 5,000 นั่นต้องเป็นระดับที่สี่แล้ว
หลี่จิ้งหยิบร่างแท้จริงของชวีเหลียงหงจากพื้นที่เก็บของออกมาดู ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วเก็บกลับเข้าไปก่อนล้มตัวลงนอนพัก
ร่างแท้จริงของชวีเหลียงหง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นของดี
แต่ถ้าจะขาย ต้องไปให้หน่วยงานมืออาชีพประเมินมูลค่าก่อน
ปีศาจระดับสูง ต่างจากสิ่งมีชีวิตที่เพิ่งกลายเป็นปีศาจ
ราคาที่จะขายได้ล้วนมีมาตรฐานกำหนดไว้
หากไม่ผ่านการประเมิน จะขายแพงหรือถูกก็ไม่เหมาะสม
นอนหลับสักตื่น แล้วค่อยไปตลาดซื้อขายของวิเศษเพื่อหาผู้เชี่ยวชาญประเมินราคาดู
ปัญหาการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงระดับพลัง ได้แก้ไขด้วยวิชาควบคุมปราณแล้ว
สิ่งที่ต้องจัดการต่อไป ก็คือวิชาควบคุมของวิเศษ
การจะเรียนวิชาควบคุมของวิเศษ แน่นอนว่าต้องเตรียมอาวุธวิเศษที่ถนัดให้พร้อมก่อน
ตอนนี้เขายังมีแต้มทักษะอยู่ แต่ในกระเป๋ามีเงินเหลือแค่หนึ่งล้านสามหมื่นหนึ่งพันหยวน แม้แต่กระบี่วิเศษระดับต่ำสุดก็ยังซื้อไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าการเรียนวิชาควบคุมของวิเศษก็ต้องใช้เงินด้วย
จะสามารถจัดการวิชาควบคุมของวิเศษได้หรือไม่ ต้องดูว่าร่างงูของชวีเหลียงหงจะขายได้ราคาเท่าไหร่