บทที่ 65 ราชาอสูรผู้เย่อหยิ่ง
เจ้าอสูรน้อยดูเหมือนจะตกใจจนหดตัวกลับไป กอดหัวร้องไห้ "โอ้ แม่เจ้า! มนุษย์คนนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน! ราชาอสูร ข้าทำไปเพื่อท่านนะ! ฮือ ๆ"
“ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจ้าชอบรังแกผู้อ่อนแอตั้งแต่เมื่อไร”
เสียงหัวเราะเยาะดังมาจากในจิตสำนึกของจินเป่าเอ๋อ นางจึงปล่อยมือออกมา พร้อมกับถอนหายใจ
"ท่านอาวุโส ข้าพูดเลยนะ ตอนข้าจับเจ้าตัวน้อยนี้มาได้ ข้าถูกหลอกตั้งกี่ครั้ง! โดนโยนลงไปในรังงู เก็บสมุนไพรพิษ แถมโดนไล่ล่าโดยอสูรขั้นรวมร่างอีกเจ็ดตัว! ทั้งหมดเป็นฝีมือของเจ้าตัวแสบนี้ล้วนๆ!"
เมื่อนึกถึงวันวาน นางได้ผ่านการฝึกฝนมาครึ่งปี จนเลื่อนระดับเป็นขั้นปลายของจินตัน และตัดสินใจกลับมาในป่าชุ่ยหวง เพื่อเสริมสร้างพละกำลังและความเร็วอีกครั้ง ทว่าราชาอสูรเทียนซูเมื่อกลับมาถึงก็ขลุกตัวอยู่ในรัง ไม่ยอมออกมาเสียเลย!
กระทั่งวันหนึ่งเขาโยนเจ้าตัวเล็กนี้มาให้ บอกว่าจะมาเป็นคู่ฝึกฝนของนาง ดูเผิ ๆ เจ้าตัวเล็กอาจดูบอบบาง แต่ระดับพลังนั้นแน่นอนว่าเป็นขั้นรวมร่าง แม้สู้ไม่ได้ แต่ความเร็วในการหลบหนีของมันนั้นจัดว่าเร็วเหลือเชื่อ! ขลุกอยู่อย่างนี้นานถึงสามเดือนทีเดียว
ในระหว่างนี้ หลงหลีซิงก็ดูดซับพลังและหลับใหลต่อไปอย่างไร้การตอบสนองใด ๆ
"อ้อ"
หลงหลีซิงรู้นิสัยการฝึกฝนของจินเป่าเอ๋อดี นางเป็นพวกฝึกทั้งพละกำลังและกายภาพ ไม่ใช่เพียงแค่พูดลอยๆ ทุกวันนี้นางมีความเร็วและพละกำลังเทียบเท่าผู้ฝึกฝนขั้นรวมร่างได้อย่างไม่น้อยหน้า แต่เจ้าตัวเล็กนี้ยังหลบหนีหลอกล่อนางได้อย่างต่อเนื่อง…
"ข้าจำได้ว่าเจ้าบอกว่าเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้วใช่หรือไม่"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของจินเป่าเอ๋อที่เคยผ่อนคลายก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที "ใช่! อีกหนึ่งเดือนเท่านั้น…"
ในชาตินี้ นางมีโอกาสเผชิญหน้ากับซูเซียนจือน้อยกว่าที่เคย ไม่รู้ว่าสิ่งต่างๆ จะซ้ำรอยในอดีตหรือไม่…
"ข้าจะปิดด่านฝึกฝน! ท่านอาวุโส หากท่านรู้สึกเบื่อหน่าย ท่านสามารถออกไปเดินเล่นได้ ข้าได้ปลดผนึกข้อจำกัดของเซียนฝู่แล้ว"
หลงหลีซิงหยุดนิ่งไป เขาเองก็รู้สึกแปลก เมื่อครั้งอยู่ในที่กักขังแห่งนี้ เขาไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปกี่ปี ทั้งหลับใหลและตื่นขึ้นมาราวกับชีวิตไร้จุดหมาย กระทั่งแทบลืมเลือนว่าดวงอาทิตย์เป็นเช่นไร…ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่นางแสดงความเป็นห่วงว่าเขาจะรู้สึกเบื่อหรือไม่ ความรู้สึกนี้ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นในใจของเขา ทว่าก็ยากจะอธิบายได้
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ จินเป่าเอ๋อจึงคุ้นชินกับความเงียบนี้ และในช่วงเวลาถัดมา ป่าชุ่ยหวงก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง บรรดาสัตว์อสูรต่างตื่นเต้นยินดีที่ได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
เพียงแต่ ณ ถ้ำลึกในป่า มีเสือสีขาวตัวใหญ่ นอนเอื่อยๆ ดูไร้ชีวิตชีวา
ไม่นาน ร่างเล็กสีน้ำตาลก็พุ่งตรงมายังถ้ำ เมื่อมาถึงก็เริ่มบ่นเสียงแหลมสูงอย่างเกรี้ยวกราด
"ฝ่าบาท! ขอท่านช่วยข้าด้วย! มนุษย์หญิงผู้นั้นช่างไร้ยางอายจริงๆ! นางพูดกลับกลอก แล้วยังรังแกข้า! ฮือๆๆๆ"
เจ้าตัวเล็กบ่นพลางทำท่าทางเกินจริง ดูเหมือนอยากให้คนอื่นช่วยแก้แค้นให้ แต่เมื่อสังเกตเห็นว่าราชาอสูรยังคงนอนเงียบ ไม่ขยับเขยื้อน เจ้าตัวเล็กก็เริ่มรู้สึกงงงวย
"ฝ่าบาท ท่านเป็นอะไรไปหรือ"
เสือขาวหันมามองเจ้าอสูรน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้มและปลงตก จากนั้นจึงเอนกายลงนอนทอดถอนหายใจ
“เฮ้อ… เจ้าไม่เข้าใจหรอก! ข้านี่เป็นถึงราชาอสูรเชียวนะ! ไม่รู้ว่าตอนนั้นข้าคิดอะไร ถึงได้เปลี่ยนร่างเป็นเจ้าเหมียวขาวตามนางไป แล้วยังเผยตัวตนออกมาอีก… ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป คงดูเหมือนว่าข้าเป็นฝ่ายรุกใส่นางยังไงยังงั้น!”
เจ้าอสูรน้อยลูบหางตัวเองและเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย: หรือไม่ใช่ล่ะ?
เมื่อครานั้น มันยังต้องยอมแปลงร่างให้ใหญ่โตและน่าเกลียดเพื่อแสดงละคร เป็นเหตุผลที่ดีให้นางมนุษย์นั้นรับไว้ดูแล
แต่กลับกลายเป็นว่านางไม่เล่นตามน้ำ ปฏิเสธไปดื้อๆซะอย่างนั้น
แถมราชาอสูรของมันยังกล้าตามตื๊อไม่ปล่อยอีกต่างหาก คิดแล้วมันรู้สึกอดแปลกใจไม่ได้!
คิดพลาง เจ้าอสูรน้อยก็ยื่นมือเล็กๆ ไปตบปลอบใจที่เล็บของเสือขาวยักษ์ (ก็เพราะมันเอื้อมได้แค่นั้นนั่นแหละ!)
“ฝ่าบาท ข้าว่ามนุษย์นางนั้นก็ดูจะชอบท่านอยู่นะ! สามเดือนที่ข้าได้อยู่ร่วมกับนาง นางพูดถึงท่านอยู่บ่อยๆ เลยล่ะ”
ขอโทษนะ… อสูรต้องขออนุญาตโกหกเพื่อท่าน!
เมื่อเสือขาวได้ยินเช่นนั้น หูก็ตั้งขึ้นทันที ดวงตาแอบมองไปอย่างแผ่วเบา แต่ก็อดเผยรอยยิ้มที่มุมปากไม่ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งที่ปนด้วยความดีใจที่พยายามเก็บซ่อนเอาไว้
“จริงหรือ? นางเอ่ยถึงข้าจริงๆ หรือ?”
เจ้าอสูรน้อยก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างจริงจังไปตามบทบาท
ขอโทษนะ! อสูรต้องโกหกอีกแล้ว!
เมื่อได้รับการยืนยันจากเจ้าอสูรน้อย เสือขาวก็ยืนขึ้นอย่างกระตือรือร้นแล้วเดินมุ่งหน้าไปด้านนอกทันที
“เอาเถอะ ในเมื่อนางดูจะรุกหนักขนาดนี้ ข้าจะยอมให้โอกาสเจอข้าสักครั้งก็ได้!”
พูดจบแค่เพียงชั่วพริบตา ร่างยักษ์ก็หายลับไปถึงหน้าทางออกถ้ำแล้ว…
เจ้าอสูรน้อยแอบทำหน้ามืดมน นางมนุษย์เพศหญิงนั่นไม่ใช่ว่าจะใช้วิชามอมใจอสูรหรือเปล่านะ? ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมฝ่าบาทของมันถึงได้กลายเป็น…เอ๊ะ คำนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ? มันจำไม่ได้จริง ๆ!
“ฝ่าบาท รอด้วย! นางไปปิดด่านบำเพ็ญเพียรยังไม่ออกมานะขอรับ!”
แต่เสียงยังไม่ทันขาดคำ เงาขาวตรงหน้าทางเข้าถ้ำก็หายวับไปแล้ว…
หนึ่งเดือนผ่านไป ในช่วงเที่ยงของวันหนึ่ง
ท้องฟ้าที่เคยสว่างสดใส กลับถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกมืดครึ้ม ลมพัดกระโชกแรงจนต้นไม้สั่นไหวอย่างรุนแรง…
“ตูม!!”
เสียงก้องสะท้อนดังสนั่นทั่วป่า ทำให้บรรดาอสูรทั้งหลายพากันหนีด้วยความหวาดกลัว อสูรขั้นสูงต่างรีบคาบลูกน้อยกลับรัง ส่วนอสูรขั้นล่างต่างพากันหาที่หลบใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เจ้าตัวน้อยพยายามวิ่งหนีสุดชีวิต แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ในมุมเล็ก ๆ ด้วยความสั่นกลัว…
เพียงชั่วพริบตา พลังวิญญาณจากรอบๆ ป่าเริ่มไหลเข้าสู่ศูนย์กลางรอบๆ ถ้ำแห่งหนึ่ง ไม่เกินสองนาที พลังวิญญาณทั้งป่าก็ถูกดึงเข้ามาที่จุดเดียว แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น พลังวิญญาณจากทั่วป่าค่อยๆ ไหลรวมเข้าสู่จุดศูนย์กลางอย่างไม่หยุดหย่อน…
ภายในถ้ำ จุดแสงขาวเล็กๆ จำนวนมากหมุนเวียนอยู่รอบกายนางสาวน้อย ดูราวกับจะพยายามเข้าสู่จุดตันเถียน แต่นางกลับปฏิเสธไม่ให้พลังเหล่านั้นเข้าไป
พลังวิญญาณที่เข้มข้นทำให้เจ้ามังกรที่กำลังหลับต้องตื่นขึ้นมา รวมถึงเจ้าไก่น้อยที่ตาลุกวาว รีบบินออกมาอย่างรวดเร็ว มองพลังที่อยู่ตรงหน้าอย่างละโมบ ก่อนจะคว้ากินอย่างไม่รอช้า แต่เพียงไม่กี่คำก็ถูกเจ้ามังกรคว้าตัวกลับไปทันที…
“เจ้ากินจุ! เจ้าไม่เห็นหรือไรว่านั่นเป็นพลังที่นายของเจ้าอาจต้องใช้ในยามที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บตอนข้ามขั้น หากเจ้ากินหมด นางจะใช้อะไรฟื้นฟูร่างกาย จะข้ามขั้นได้อย่างไร?”
เจ้าไก่น้อยที่เพิ่งถูกโยนลงพื้นยังไม่ทันได้บ่น ก็ได้ยินคำพูดนั้นแล้วจึงค่อย เข้าใจ ความเสียใจฉายชัดเต็มใบหน้า
“จิ๊บจิ๊บจิ๊บ…”
ข้าผิดไปแล้ว…
แต่หลงหลีซิงไม่มีเวลาจะสนใจมัน ดวงตาภายในอัญมณีจับจ้องไปที่จินเป่าเอ๋อ ในนั้นมีความเป็นห่วงที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ทันได้รู้ตัว
เขารู้มานานแล้วว่าจินเป่าเอ๋อมีปีศาจในใจ จึงไม่เคยเห็นด้วยกับการที่นางจะเร่งข้ามขั้นเร็วเกินไป แต่นางกลับดื้อรั้นไม่ยอมฟัง ตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนจนแข็งแกร่งขึ้น ทำให้ต้องข้ามขั้นสู่ระดับหลอมจิตในเวลาอันรวดเร็ว…
ซึ่งการข้ามขั้นสู่หลอมจิตนั้นแตกต่างจากการข้ามขั้นในระดับจินตันและระดับหยวนอิง ตอนนั้นยังมีค่ายคุ้มกันป้องกันให้ แต่การข้ามสู่ระดับหลอมจิตนี้ นางจะต้องยอมรับการชำระล้างจากสายฟ้าสวรรค์ ซึ่งค่ายคุ้มกันไม่อาจต้านทานได้!
หากถูกสายฟ้าสวรรค์ฟาดและนางมีจิตใจที่ไม่มั่นคงพอ นางมีโอกาสที่จะปลดปล่อยปีศาจในใจออกมา และอาจถูกมันกลืนกินในทันที กลายเป็นอสูรสังหารที่ไม่มีวันหวนกลับ!