บทที่ 544 เมืองโวกิน
บทที่ 544 เมืองโวกิน
“คุณเรย์!”
หลังจากกลับมาถึงขบวนรถ เหล่าชาวเผ่าเขาเดียวต่างพากันแสดงสีหน้าเคารพนับถือในดวงตา พลางส่งเสียงเชียร์อย่างกระตือรือร้น
การเคารพในพลังของผู้แข็งแกร่งได้ฝังลึกอยู่ในสายเลือดของพวกเขา และในเวลานี้ ความเคารพนั้นก็แสดงออกมาอย่างชัดเจน
“ไม่มีอะไรแล้ว! เดินทางต่อไปได้!”
เรย์ลินกลับเข้าไปนั่งในเปลือกหลังของหอยทากขนาดยักษ์ ท่าทีสงบเรียบเฉย
แท้จริงแล้ว การต่อสู้กับพ่อมดระดับหนึ่งสองคนก็ไม่ได้ใช้พลังอะไรนัก แต่ที่ทำให้เรย์ลินพึงพอใจคือชิปในสมองที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการใช้พลังของพวกเขามาได้
“ติ๊ง! วิเคราะห์เวทไฟระดับหนึ่งได้ 15 คาถา ระดับสอง 7 คาถา และระดับสามอีก 1 คาถา!”
เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากชิป รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเรย์ลิน
เนื่องจากความแตกต่างของกฎเกณฑ์ของโลก โลกแห่งลาวาจึงไม่สามารถใช้แบบแผนคาถาจากโลกพ่อมดได้โดยตรง จำเป็นต้องผ่านกระบวนการแปลงสภาพ
ถ้าพ่อมดคนอื่นเป็นผู้ทำการแปลงนี้ คงต้องเสียเวลามากในการศึกษาค้นคว้า ต้องทำการวิเคราะห์ทีละคาถา ซึ่งเป็นงานที่ซับซ้อนยิ่ง
แต่เมื่ออยู่ในมือของเรย์ลิน คาถาเหล่านี้ถูกวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็วและพร้อมใช้งานในทันที ทำให้เขามีวิธีการโจมตีเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
“ดูจากแบบนี้แล้ว ก่อนจะถึงเมืองโวกิน ข้าก็อาจจะฟื้นพลังส่วนใหญ่กลับมาได้…” แสงประกายเจิดจ้าในดวงตาของเรย์ลิน ก่อนที่เขาจะค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง
หลังจากหยุดพักชั่วครู่ ขบวนพ่อค้าขนาดใหญ่ก็เริ่มเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ อีกครั้ง
เหล่าชาวเผ่าเขาเดียวต่างรู้สึกเบาใจเป็นอย่างมาก เพราะมีเรย์ลินผู้แข็งแกร่งคอยคุ้มกัน ไม่ว่าจะเป็นโจรกลางป่าหรือภัยพิบัติจากธรรมชาติหรือสัตว์ร้ายต่างๆ ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องกังวลอีก
แท้จริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น เพราะมีเรย์ลินคอยอยู่ด้วย พวกเขาไม่เพียงแต่รอดพ้นจากภัยธรรมชาติหลายครั้ง แต่เขายังช่วยขบวนพ่อค้าฝ่าวิกฤตอันตรายใหญ่ๆ ไปได้หลายครั้ง
เมื่อเวลาผ่านไป เหล่าชาวเผ่าเขาเดียวในขบวนแทบจะยกย่องเรย์ลินเสมือนเทพเจ้า เพราะทุกครั้งที่ออกมาค้าขายก่อนหน้านี้ มักต้องสูญเสียผู้คนไปกว่าครึ่ง ทั้งยังต้องเสียทรัพยากรจำนวนมาก ซึ่งไม่เคยมีครั้งไหนที่จะเดินทางได้อย่างสบายเช่นนี้
เมื่อถึงเวลาต้องจากกัน ชาวเผ่าเขาเดียวทั้งหลายล้วนแสดงความอาลัยอาวรณ์ออกมาอย่างชัดเจน หัวหน้าขบวนพ่อค้ายังพยายามเชิญชวนเรย์ลินให้อยู่ต่อ โดยให้คำมั่นว่าแม้แต่ผู้รู้เองก็ไม่อาจห้ามเขาได้
แต่เรย์ลินจะยอมอยู่ได้อย่างไร? เขายิ้มและจากไปอย่างสงบ
เมืองโวกินเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนแห่งไฟและหนาม
ทั้งเมืองตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายกว้างใหญ่สีเหลืองอ่อน มีลมแรงพัดผ่านพาเอาฝุ่นคลุ้งฟุ้งไปทั่ว ดูแห้งแล้งและรกร้าง
แต่เรย์ลินรู้ดีว่าพื้นที่นี้นับว่าดีมากแล้ว ในโลกแห่งลาวา ใดๆ ที่ไม่มีแม่น้ำลาวาคือสถานที่เหมาะสมกับสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา เว้นแต่สิ่งมีชีวิตธาตุไฟล้วน คงไม่มีเผ่าไหนอยากอาศัยอยู่ใกล้ลาวาทั้งวัน ในทะเลทรายนี้ แม้จะมีอุณหภูมิสูงไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วไม่ต่างจากทะเลทรายในโลกพ่อมดมากนัก นับว่าเป็นสถานที่ดีทีเดียว
“ช่างน่าอัศจรรย์กับเผ่าต่างๆ เหล่านี้…”
เมื่อเดินเข้าไปในเมืองโวกิน เรย์ลินพบกับสิ่งปลูกสร้างที่ต่างจากโลกพ่อมด ทั้งยังมีลักษณะแปลกประหลาดโดยเฉพาะผู้คนต่างเผ่าที่เดินกันขวักไขว่ไปมา ทำให้เรย์ลินอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
ในสายตาเขา สิ่งมีชีวิตที่เดินไปมาล้วนแต่เป็นสิ่งมีชีวิตต่างเผ่า
เรย์ลินรู้สึกขึ้นมาอย่างฉับพลันว่า ชาวเผ่าเขาเดียวที่เขาเจอมาตลอดนั้นนับว่าใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด อย่างน้อยรูปร่างภายนอกยังพอคล้ายมนุษย์ แต่ในเมืองนี้กลับไม่เหมือนกันเลย
หากจะบอกว่าพวกที่มีดวงตาหลายดวงและแขนขามากมายยังนับว่า "ธรรมดา" แต่ทันทีที่เรย์ลินเห็นหนอนตัวใหญ่สีเขียวสวมหมวก ถือไม้เท้าในมือเล็กๆ และกำลังโต้เถียงกับเจ้าของร้านอย่างเมามัน เขารู้สึกราวกับสายใยบางอย่างในจิตใจได้ขาดผึงลง
แม้แต่ในการผจญภัยในโลกพ่อมดที่ผ่านมา เรย์ลินยังคงอยู่ในดินแดนที่มนุษย์เป็นชนชาติหลัก แม้ว่าในทวีปกลางจะมีเผ่าพันธุ์ต่างๆ มากมาย แต่มนุษย์ก็ยังครอบครองความเป็นผู้นำอยู่ ส่วนพวกเผ่าอื่นนั้นต้องหลบอยู่ในเงามืด เพื่อความอยู่รอด พวกลูกครึ่งที่มีรูปร่างใกล้เคียงมนุษย์จึงเป็นกลุ่มที่พอจะมีที่ยืนอยู่ได้
แต่ที่นี่ เรย์ลินเห็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเดินขวักไขว่จนเขารู้สึกว่า ตัวเองกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าไปเสียเอง
ความโดดเดี่ยวเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่ และอดไม่ได้ที่จะสัมผัสถึงมันอย่างละเอียด
“ไม่แปลกใจเลยที่มีบันทึกโบราณกล่าวว่า การพิชิตโลกต่างมิติเป็นการฝึกฝนอย่างมหาศาลสำหรับพ่อมด หากคิดดูดีๆ มันช่างยากเย็นนัก…โดยเฉพาะการเผชิญหน้าทั้งโลกเพียงลำพัง มันช่าง…บ้าคลั่งเหลือเกิน…”
เรย์ลินพึมพำ สายตาของเขาราวกับมีเปลวเพลิงลุกโชน “ช่างน่าลองเสียจริง…ความรู้สึกของการพิชิตโลกทั้งใบอย่างสมบูรณ์…”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หันมาสนใจเรื่องสำคัญ
เรย์ลินขวางทางสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่มีสองหัวสีเขียวซึ่งน้ำอะไรบางอย่างหยดออกมาจากปากอย่างต่อเนื่อง
“ข้าต้องการข้อมูลบางอย่าง มีที่ไหนที่สามารถหามาให้ข้าได้? ถ้าเจ้าพาข้าไปได้ อันนี้จะเป็นของเจ้า!”
เรย์ลินหยิบแร่สีชมพูชิ้นหนึ่งออกมาโยนเล่นต่อหน้ามัน ทันใดนั้นสายตาของสิ่งมีชีวิตสองหัวก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที
“ข้า…จะพาเจ้าไป!”
หัวทางซ้ายของสิ่งมีชีวิตสองหัวที่มีท่าทางซื่อๆ พูดออกมาอย่างขาดเป็นห้วงๆ ราวกับแต่ละคำใช้พลังมหาศาลในการเปล่งออกมา
“ดีมาก! เจ้านำทางไปได้” เรย์ลินเผยรอยยิ้มที่มุมปาก
…
“ที่…นี่แหละ!” สิ่งมีชีวิตสองหัวดูจะคุ้นเคยกับถนนหนทางในเมืองโวกินดีมาก ขาอันใหญ่โตของมันก้าวแต่ละก้าวได้หลายเมตร ตอนแรกมันยังห่วงว่าเรย์ลินจะตามไม่ทัน แต่เมื่อเห็นสีหน้าสงบนิ่งของเรย์ลิน มันจึงเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งมาถึงตรอกเงียบๆ แห่งหนึ่ง สิ่งมีชีวิตสองหัวจึงหันกลับมาและพูดด้วยน้ำเสียงติดขัด
“ใช่หรือ?” เรย์ลินเงยหน้ามองเงาของอาคารใหญ่ที่ทอดลงมาจนบดบังแสงอาทิตย์ ทำให้บริเวณนี้ตกอยู่ในความมืด
รอบข้างเงียบสงัดไม่มีใครผ่าน มีบรรยากาศเย็นเยียบแผ่ซ่านอยู่เบาๆ
“ฮ่าฮ่า! มาดูกันว่าเจ้านำอะไรมาให้พวกเรา?”
สิ่งมีชีวิตอีกตนที่มีตัวเขียวมรกต มีแขนขาเหมือนตั๊กแตน กำลังปีนป่ายลงมาจากกำแพง หัวเป็นสามเหลี่ยมและดวงตาสีแดงก่ำฉายแววอาฆาต
“พวกเจ้าเป็นเผ่าแมลงหรือเผ่าปีก? ช่างเถอะ ไม่ว่าเผ่าไหน แต่เนื้อของเจ้าจะต้องขายได้ราคาดีให้พ่อฮอคแน่…”
ขณะสิ่งมีชีวิตตนนั้นพูด สิ่งมีชีวิตรูปร่างแปลกประหลาดอื่นๆ ก็ปรากฏตัวออกมาจากเงามุมต่างๆ ของตรอก สีหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมกระหายเลือด
“ข้ารู้แล้ว ข้ารู้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้…” เรย์ลินถอนหายใจราวกับหมดหนทาง “ทำไมทุกครั้งที่ข้าตั้งใจจะทำธุรกิจดีๆ พวกเจ้าต้องบังคับให้ข้าใช้กำลังจัดการด้วยนะ…”
เรย์ลินถอนหายใจพลางแสดงสีหน้าขบคิดอย่างพอดิบพอดี ทว่าท่าทางของเขากลับทำให้พวกมันรู้สึกหนาวเยือกในใจ ราวกับว่าพวกมันได้ทำผิดร้ายแรงบางอย่าง
“ดีจริง! ในห้องแสดงตัวอย่างของข้า ยังขาดตัวอย่างจากโลกต่างมิติอยู่มากพอดี…”
เรย์ลินบิดนิ้วมือ ขณะหยิบมีดผ่าตัดสีเงินสดออกมาจากเสื้อคลุม สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมและนอบน้อมในเวลาเดียวกัน
…
“ไม่! ข้าขอร้อง ปล่อยข้าไปเถอะ! ข้าไม่รู้อะไรเลย พวกนั้นบังคับข้า…”
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง บริเวณตรอกที่มีกลิ่นคาวเลือดโชยไปทั่ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดอื่นหลงเหลืออยู่ ยกเว้นเพียงสิ่งมีชีวิตสองหัวที่คุกเข่าขอร้องด้วยความหวาดกลัว
เพียงแต่ครั้งนี้เป็นหัวอีกข้างที่เอ่ยปาก เสียงของมันเป็นเสียงแหลมเหมือนของผู้หญิง
“งั้นหรือ?” เรย์ลินเช็ดมีดผ่าตัดสีเงินในมือ สายตาเขาฉายแววเย้าหยันที่ทำให้สิ่งมีชีวิตสองหัวเหมือนถูกกระตุ้นให้หวาดกลัวจนตัวสั่น
"ข้ารู้แล้ว! ข้ารู้ว่าในเมืองโวกินใครเป็นคนที่รู้ข่าวสารดีที่สุด คนคนนั้นก็คือลุงจี้เค่อ จริงๆ นะ! เขารู้เรื่องของอีกหลายทวีปด้วยซ้ำ ข้าพาเจ้าไปหาเขาได้เดี๋ยวนี้เลย!"
เมื่ออยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย สิ่งมีชีวิตสองหัวนี้ก็ไหวพริบดี มันคิดเร็วและในที่สุดก็หาเส้นทางรอดเดียวของตัวเองเจอได้ ก่อนที่มีดผ่าตัดของเรย์ลินจะทำหน้าที่ของมัน
“ดีมาก! พาข้าไปหาเขา!” มีดผ่าตัดหยุดค้างอยู่ห่างจากดวงตาของสิ่งมีชีวิตสองหัวแค่หนึ่งมิลลิเมตร ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเย็นๆ ของเรย์ลิน
“ขอรับ ท่าน ข้าจะพาท่านไปเดี๋ยวนี้…” เสียงของสิ่งมีชีวิตสองหัวสั่นสะท้านแทบร้องไห้ มันอยากตายไปเสียเดี๋ยวนั้น หากไม่ใช่เพราะบังเอิญตัวเองอยู่ในช่วงพักตัวและให้พี่น้องออกหน้ามา มันไม่มีวันยุ่งกับตัวอันตรายอย่างเรย์ลินแน่นอน
แต่ตอนนี้จะพูดอะไรก็ไม่ช่วยอะไรแล้ว มันรู้ดีว่าถ้าตัวเองไม่สามารถพาเรย์ลินไปถึงที่นั่นได้ทันที หรือช่วยให้เขาได้สิ่งที่ต้องการ สิ่งเดียวที่รอคอยอยู่ก็คือการกลายเป็นเศษเนื้อและกระดูกกองอยู่บนพื้นเท่านั้น!
สิ่งมีชีวิตสองหัวนี้ถือว่าเป็นคนในพื้นที่จริงๆ ไม่นานมันก็พาเรย์ลินมายังสถานที่ใต้ดินขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ทันทีที่เข้ามาในที่แห่งนี้ สีหน้าของเรย์ลินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ความร้อนแรง และกลิ่นอายแห่งความตายที่ประสานกันไปมา ทำให้ความหนาแน่นของอนุภาคพลังงานธาตุมืดในที่แห่งนี้เพิ่มขึ้นสูง
“ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ หากคนธรรมดามาอยู่เกรงว่าไม่นานก็คงจะมีปัญหาทางจิตแน่…”
เรย์ลินลูบคางตามสิ่งมีชีวิตสองหัวเข้าไปข้างใน
“ไอ้หนังแถบเอ๋ย ทำไมวันนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ คงจะอยากลงพนันสักสองสามตาใช่ไหม?” เสียงดังลั่นพร้อมกับการตบไหล่ของสิ่งมีชีวิตสองหัวนั้นจากนักรบหัวกระทิงตัวใหญ่ที่ขาขวาขาดไป ใช้ขาเทียมโลหะอันใหญ่ทดแทน
เรย์ลินย่นจมูก เขาได้กลิ่นสารเสพติดจากร่างของนักรบหัวกระทิงต้นตอของกลิ่นนั้นมาจากเครื่องดื่มสีแดงเลือดในมือของมัน ดูเหมือนว่าจะเป็นเหล้าจากโลกต่างมิติ
“ไม่ใช่ ข้ามาหาลุงจี้เค่อ เจ้าดูสิ…” สิ่งมีชีวิตสองหัวชี้ไปที่เรย์ลิน ก่อนจะกระซิบกับนักรบหัวกระทิงด้วยท่าทางนอบน้อม
“เข้าไปได้!”
นักรบหัวกระทิงมองเรย์ลินอีกครั้ง อาจเพราะรูปร่างที่ดูบอบบางของเขาทำให้นักรบหัวกระทิงรู้สึกตายใจและปล่อยให้เขาผ่านไป
..........