ตอนที่แล้วบทที่ 42 ร่างกระดาษทดแทนที่กำลังจะเลื่อนขั้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 44 คำสาปร่างกระดาษ

บทที่ 43 หากมีเรื่องตัดสินใจไม่ได้ ให้ถามฟิสิกส์ควอนตัม


###

“ฉึก!”

“ฉึก!”

“ฉึก!”

เพื่อเร่งการเลื่อนขั้น มู่หลินลงมือแทงตัวเองอย่างไม่ลังเล

การถ่ายโอนบาดแผลมีความสัมพันธ์กับระดับความรุนแรงของบาดแผลที่ได้รับ ดังนั้นมู่หลินจึงแทงตัวเองอย่างเต็มแรง

ไม่นาน ร่างของเขาก็เต็มไปด้วยบาดแผลเจ็ดถึงแปดแห่ง เลือดค่อย ๆ ไหลออกจากร่างกายเขา

เมื่อเห็นเช่นนั้น มู่หลินก็รีบเตรียมที่จะเชื่อมต่อกับร่างกระดาษทดแทนเพื่อถ่ายโอนบาดแผลไป

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เริ่มกระบวนการนั้น ก็มีเสียงอุทานดังขึ้นข้าง ๆ เขา

“อ๊า…”

พร้อมกับเสียงอุทานนั้น แสงสีเขียวที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตก็ส่องประกายปกคลุมทั่วร่างของมู่หลิน

แล้วเขาก็พบอย่างงุนงงว่า บาดแผลที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นกำลังฟื้นฟูด้วยความเร็วที่เห็นได้ชัด

ก่อนที่เขาจะทันตั้งสติ บาดแผลทั้งหมดก็หายไปโดยสิ้นเชิง

ซึ่งนั่นหมายความว่า เขาแทงตัวเองไปเปล่า ๆ ความเจ็บปวดที่ได้รับกลายเป็นเรื่องสูญเปล่า

“…”

“ใคร…”

มู่หลินรู้สึกไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะการฝึก อีกทั้งนักเรียนในคลาสทางการส่วนใหญ่ก็มักจะมีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อเขา เขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายตั้งใจทำให้เขาเดือดร้อน ทำให้เขาหันไปมองด้วยความโกรธ

แต่แล้วความโกรธของเขาก็สลายไปในทันที

ผู้ที่ลงมือไม่ใช่คนที่เกลียดเขาอย่างชิวซิ่วหรือพวกพ้องของเขา แต่กลับเป็นฉู่หลิงหลัว นักเรียนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาแทน

และที่ทำให้มู่หลินโกรธไม่ลงก็คือ สายตาที่ฉู่หลิงหลัวมองเขานั้นเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์และความห่วงใย ไม่มีวี่แววของความเป็นศัตรูแม้แต่น้อย

“พี่ชายท่านนี้… ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

เสียงยังไม่ทันสิ้นสุด แสงสีเขียวอีกหลายแสงก็ถูกปล่อยออกมาจากมือของฉู่หลิงหลัวและปกคลุมร่างของมู่หลิน

ภายใต้พลังฟื้นฟูของเวทมนตร์ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวานี้ ไม่เพียงแต่บาดแผลใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นจะได้รับการรักษา บาดแผลเก่า ๆ บนร่างของมู่หลินก็ได้รับการเยียวยาจนหายสนิทเช่นกัน

“…”

มู่หลินมองร่างกายที่ไร้บาดแผลของตัวเองโดยที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

ขณะที่เขายืนเงียบ ๆ ฉู่หลิงหลัวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจเมื่อเห็นว่าร่างกายของเขาฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ จากนั้นเธอก็พูดเตือนเขาอย่างอ่อนโยน

“พี่ชายท่านนี้ คราวหน้าเวลาเจ็บตัวระหว่างฝึก ต้องระวังมากกว่านี้นะคะ การบาดเจ็บมันเจ็บปวดมาก…”

คำพูดนี้ทำให้มู่หลินยิ่งรู้สึกอึดอัดยิ่งขึ้น หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้นว่า “เคยคิดบ้างไหม ว่าการฝึกคาถาของข้านั้นต้องอาศัยการทำร้ายตัวเอง”

“อ๊ะ?”

คำนี้ทำให้ฉู่หลิงหลัวตกตะลึง

เมื่อเธอตั้งสติได้ ก็รีบพนมมือขอโทษมู่หลินด้วยความละอายใจ “ขอโทษค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ”

“ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้โกรธเจ้า ขอบคุณด้วยซ้ำที่ช่วยรักษาบาดแผลให้…”

เนื่องจากร่างกระดาษทดแทนยังไม่พัฒนาไปถึงขั้นสูง หลังจากแทงตัวเองแล้ว มู่หลินยังไม่สามารถถ่ายโอนบาดแผลทั้งหมดไปได้ในทันที

แม้ว่าเขาจะสามารถใช้ทักษะจำศีลเพื่อฟื้นฟูบาดแผลได้ แต่การฟื้นฟูนี้ก็ต้องใช้เวลา และด้วยการฝึกฝนอย่างหนัก ทำให้บาดแผลของเขาไม่เคยหายสนิทและมักจะเจ็บแปลบขึ้นมาเป็นระยะ ๆ

การรักษาด้วยเวทฟื้นฟูของฉู่หลิงหลัวจึงนับเป็นประโยชน์มากสำหรับเขา คำขอบคุณของเขานั้นมาจากใจจริง

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เสียงหนึ่งก็ขัดจังหวะขึ้น

“คุณหนูหลิงหลัว ท่านไม่ต้องขอโทษเขาหรอก”

“จริงด้วย นั่นคือผู้ฝึกวิชามาร การกระทำของเขาชั่วร้ายและโหดเหี้ยม คุณหนูหลิงหลัว ท่านเป็นคนสูงศักดิ์ อย่าไปยุ่งกับเขาเลยจะดีกว่า”

“อ๊ะ? แต่ข้ารู้สึกว่าพี่ชายท่านนี้ก็ดี ไม่ได้มีท่าทางชั่วร้ายอะไร…”

“คุณหนูฉู่ อย่าถูกเขาหลอกเด็ดขาด เขาฝึกคาถาโดยการทำร้ายตัวเอง ใครจะรู้ว่าเขากำลังฝึกเวทมนตร์ชั่วร้ายแบบไหนกัน…”

กลุ่มศิษย์ที่หมายปองฉู่หลิงหลัวพยายามเข้ามาทำความรู้จัก พวกเขาไม่ต้องการให้มู่หลินเข้ามาใกล้ชิดกับเธอจึงพยายามใส่ร้ายเขาเต็มที่

สำหรับมู่หลิน… เขาเลือกที่จะไม่สนใจพวกนั้น

เขารู้ดีว่าตนกับฉู่หลิงหลัวอยู่กันคนละโลก

ที่เธอใช้เวทมนตร์รักษาเขา ไม่ได้หมายความว่าเธอมีความสนใจพิเศษในตัวเขา แต่เป็นเพราะนิสัยอ่อนโยนของเธอที่ปฏิบัติต่อทุกคนเช่นนี้

เมื่อมู่หลินตระหนักถึงเรื่องนี้ และมีเป้าหมายในการแสวงหาความเป็นอมตะและแข็งแกร่งที่สุด เขาจึงไม่คิดจะเสียเวลาไปทะเลาะเบาะแว้งกับชายหนุ่มเหล่านั้น

“ผู้หญิงมีแต่จะทำให้ข้าชักดาบช้าลงเท่านั้น… เอ่อ แต่เหยียนอวิ๋นหยูและอาจารย์ตงไม่ถือว่าเป็นผู้หญิงสำหรับข้า คนหนึ่งเป็นนายทุนของข้า อีกคนเป็นผู้หนุนหลังข้า”

เมื่อฉู่หลิงหลัวถูกกลุ่มคนพาตัวไป มู่หลินก็มีเวลาฝึกฝนต่อ

“ฉึก!” “ฉึก!” “ฉึก!” …

เขาหยิบมีดขึ้นมาและแทงตัวเองอีกหลายครั้ง

จากนั้นก็เชื่อมต่อร่างกระดาษทดแทนและเริ่มถ่ายโอนบาดแผล

“วึบ…”

ภายใต้แสงของคาถา รอยแผลบนร่างของมู่หลินค่อย ๆ เลือนหายไป ในขณะที่ร่างกระดาษทดแทนบนแท่นบูชาภายในตันเถียนก็เพิ่มบาดแผลขึ้นอีกหลายแห่ง

การฝึกถ่ายโอนบาดแผลโดยตรงนี้ทำให้ความเชื่อมโยงระหว่างเขากับร่างกระดาษทดแทนลึกซึ้งยิ่งขึ้น อีกทั้งยังทำให้เขาเข้าใจคาถานี้อย่างถ่องแท้มากขึ้น

ความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้ความชำนาญในการฝึกฝนร่างกระดาษทดแทนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บนแผงพลังงานของเขาปรากฏข้อความ +1 ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

หลังจากแทงตัวเองสิบกว่าครั้ง ข้อความ +1 ก็ปรากฏขึ้นแปดครั้ง และความชำนาญของร่างกระดาษทดแทนก็ได้มาถึงขีดสุด

“วึบ…”

สำหรับคนอื่น ๆ การถึงขีดสุดของความชำนาญหมายถึงทางตัน ไม่สามารถพัฒนาได้อีกต่อไป และได้แต่หวังว่าตนจะได้รับแรงบันดาลใจจากสวรรค์สักวันหนึ่งเพื่อให้คาถานั้นก้าวข้ามขีดจำกัดไปได้

แต่สำหรับมู่หลินนั้นแตกต่างออกไป เมื่อความชำนาญของเขามาถึงขีดสุด มันกลับทำให้เขาเกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นมา ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเขาทำการหมุนเวียนคาถานั้นอีกครั้ง ระดับขั้นของคาถาก็จะเลื่อนขั้นไปได้โดยอัตโนมัติ

“ฉึก!” “วูบ!”

มู่หลินซึ่งเข้าใจสิ่งนี้เป็นอย่างดี จึงแทงมีดเข้าไปที่ตัวเองอีกครั้ง และการแทงครั้งนี้ก็เหมือนกับการแทงทะลุเส้นชีพจรภายในร่างกายของเขา พอมีดแทงเข้ามา ความเข้าใจมากมายก็พลันพุ่งขึ้นมาในใจของเขาราวกับภูเขาไฟปะทุ

“...การสร้างร่างโคลน การจำลองร่าง หากพลังเวทเพียงพอ ข้าก็สามารถสร้างร่างกระดาษทดแทนร่างที่สองได้…”

“...อ๊ะ การถ่ายโอนบาดแผลนี้สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์จากชาติก่อน… ทฤษฎีควอนตัม ปรากฏการณ์พัวพันควอนตัม?”

“...เช่นเดียวกับความเชื่อมโยงระหว่างฝาแฝดที่มีการรับรู้ซึ่งกันและกัน หากคนหนึ่งเสียชีวิต อีกคนก็จะมีความรู้สึกรับรู้ถึงความสูญเสียนั้น… หรือว่านี่คือหลักการของร่างกระดาษทดแทน…”

“...เพราะปรากฏการณ์พัวพันทางควอนตัม ทำให้ร่างกระดาษทดแทนสามารถฝึกฝนได้อย่างเป็นอิสระ และเมื่อตัวร่างกระดาษกลับมา ข้าก็จะได้รับความรู้และประสบการณ์ที่มันได้รับมา… เป็นไปได้สินะ…”

คนพันคนอ่าน *เจ้าสำนักสายเกรียน กับวิชาเซียนสายมั่ว,พวกท่านฝึกเซียน ส่วนข้าทำฟาร์ม,มหาเศรษฐีนักสะสม* ย่อมมีความเข้าใจที่แตกต่างกันไปพันแบบ

การอ่านหนังสือเป็นเช่นนั้น และการฝึกฝนวิชาก็เช่นเดียวกัน

ด้วยเหตุนี้ แม้จะเป็นคาถาเดียวกัน ผู้ฝึกคนละคนกันก็จะได้คุณสมบัติที่ต่างกันไป

เพราะการฝึกฝนในช่วงแรกเป็นเพียงการเลียนแบบโดยไม่ใช้ความเข้าใจส่วนตัว ทำให้คุณสมบัติที่ได้รับยังคงเหมือนกันกับผู้อื่น

แต่เมื่อถึงขั้นเชี่ยวชาญระดับสามขึ้นไป การฝึกฝนของมู่หลินเริ่มผสมผสานเข้ากับความเข้าใจส่วนตัวซึ่งได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ ความคิด และความรู้ของเขาในชาติก่อน ทำให้ตั้งแต่ขั้นนี้เป็นต้นไป คุณสมบัติของคาถานั้นก็เริ่มแตกต่างไปจากของคนอื่น

ดังนั้น มู่หลินไม่รู้ว่าร่างกระดาษทดแทนของคนอื่น ๆ จะได้รับคุณสมบัติอะไรเมื่อเลื่อนขั้นถึงระดับสาม

แต่สำหรับเขา ด้วยประสบการณ์และความคิดอันหลากหลายจากชาติที่แล้ว ทำให้เขาเข้าใจในคุณสมบัติที่ตนเองต้องการอย่างลึกซึ้ง และสามารถค้นพบมันได้อย่างแท้จริง

“ความสามารถในการฝึกร่างแยก ข้าได้มันมาแล้ว!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด