บทที่ 43 หากมีเรื่องตัดสินใจไม่ได้ ให้ถามฟิสิกส์ควอนตัม
###
“ฉึก!”
“ฉึก!”
“ฉึก!”
เพื่อเร่งการเลื่อนขั้น มู่หลินลงมือแทงตัวเองอย่างไม่ลังเล
การถ่ายโอนบาดแผลมีความสัมพันธ์กับระดับความรุนแรงของบาดแผลที่ได้รับ ดังนั้นมู่หลินจึงแทงตัวเองอย่างเต็มแรง
ไม่นาน ร่างของเขาก็เต็มไปด้วยบาดแผลเจ็ดถึงแปดแห่ง เลือดค่อย ๆ ไหลออกจากร่างกายเขา
เมื่อเห็นเช่นนั้น มู่หลินก็รีบเตรียมที่จะเชื่อมต่อกับร่างกระดาษทดแทนเพื่อถ่ายโอนบาดแผลไป
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เริ่มกระบวนการนั้น ก็มีเสียงอุทานดังขึ้นข้าง ๆ เขา
“อ๊า…”
พร้อมกับเสียงอุทานนั้น แสงสีเขียวที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตก็ส่องประกายปกคลุมทั่วร่างของมู่หลิน
แล้วเขาก็พบอย่างงุนงงว่า บาดแผลที่เขาเพิ่งสร้างขึ้นกำลังฟื้นฟูด้วยความเร็วที่เห็นได้ชัด
ก่อนที่เขาจะทันตั้งสติ บาดแผลทั้งหมดก็หายไปโดยสิ้นเชิง
ซึ่งนั่นหมายความว่า เขาแทงตัวเองไปเปล่า ๆ ความเจ็บปวดที่ได้รับกลายเป็นเรื่องสูญเปล่า
“…”
“ใคร…”
มู่หลินรู้สึกไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะการฝึก อีกทั้งนักเรียนในคลาสทางการส่วนใหญ่ก็มักจะมีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อเขา เขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายตั้งใจทำให้เขาเดือดร้อน ทำให้เขาหันไปมองด้วยความโกรธ
แต่แล้วความโกรธของเขาก็สลายไปในทันที
ผู้ที่ลงมือไม่ใช่คนที่เกลียดเขาอย่างชิวซิ่วหรือพวกพ้องของเขา แต่กลับเป็นฉู่หลิงหลัว นักเรียนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาแทน
และที่ทำให้มู่หลินโกรธไม่ลงก็คือ สายตาที่ฉู่หลิงหลัวมองเขานั้นเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์และความห่วงใย ไม่มีวี่แววของความเป็นศัตรูแม้แต่น้อย
“พี่ชายท่านนี้… ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
เสียงยังไม่ทันสิ้นสุด แสงสีเขียวอีกหลายแสงก็ถูกปล่อยออกมาจากมือของฉู่หลิงหลัวและปกคลุมร่างของมู่หลิน
ภายใต้พลังฟื้นฟูของเวทมนตร์ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวานี้ ไม่เพียงแต่บาดแผลใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นจะได้รับการรักษา บาดแผลเก่า ๆ บนร่างของมู่หลินก็ได้รับการเยียวยาจนหายสนิทเช่นกัน
“…”
มู่หลินมองร่างกายที่ไร้บาดแผลของตัวเองโดยที่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ขณะที่เขายืนเงียบ ๆ ฉู่หลิงหลัวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจเมื่อเห็นว่าร่างกายของเขาฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ จากนั้นเธอก็พูดเตือนเขาอย่างอ่อนโยน
“พี่ชายท่านนี้ คราวหน้าเวลาเจ็บตัวระหว่างฝึก ต้องระวังมากกว่านี้นะคะ การบาดเจ็บมันเจ็บปวดมาก…”
คำพูดนี้ทำให้มู่หลินยิ่งรู้สึกอึดอัดยิ่งขึ้น หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้นว่า “เคยคิดบ้างไหม ว่าการฝึกคาถาของข้านั้นต้องอาศัยการทำร้ายตัวเอง”
“อ๊ะ?”
คำนี้ทำให้ฉู่หลิงหลัวตกตะลึง
เมื่อเธอตั้งสติได้ ก็รีบพนมมือขอโทษมู่หลินด้วยความละอายใจ “ขอโทษค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ”
“ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้โกรธเจ้า ขอบคุณด้วยซ้ำที่ช่วยรักษาบาดแผลให้…”
เนื่องจากร่างกระดาษทดแทนยังไม่พัฒนาไปถึงขั้นสูง หลังจากแทงตัวเองแล้ว มู่หลินยังไม่สามารถถ่ายโอนบาดแผลทั้งหมดไปได้ในทันที
แม้ว่าเขาจะสามารถใช้ทักษะจำศีลเพื่อฟื้นฟูบาดแผลได้ แต่การฟื้นฟูนี้ก็ต้องใช้เวลา และด้วยการฝึกฝนอย่างหนัก ทำให้บาดแผลของเขาไม่เคยหายสนิทและมักจะเจ็บแปลบขึ้นมาเป็นระยะ ๆ
การรักษาด้วยเวทฟื้นฟูของฉู่หลิงหลัวจึงนับเป็นประโยชน์มากสำหรับเขา คำขอบคุณของเขานั้นมาจากใจจริง
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ เสียงหนึ่งก็ขัดจังหวะขึ้น
“คุณหนูหลิงหลัว ท่านไม่ต้องขอโทษเขาหรอก”
“จริงด้วย นั่นคือผู้ฝึกวิชามาร การกระทำของเขาชั่วร้ายและโหดเหี้ยม คุณหนูหลิงหลัว ท่านเป็นคนสูงศักดิ์ อย่าไปยุ่งกับเขาเลยจะดีกว่า”
“อ๊ะ? แต่ข้ารู้สึกว่าพี่ชายท่านนี้ก็ดี ไม่ได้มีท่าทางชั่วร้ายอะไร…”
“คุณหนูฉู่ อย่าถูกเขาหลอกเด็ดขาด เขาฝึกคาถาโดยการทำร้ายตัวเอง ใครจะรู้ว่าเขากำลังฝึกเวทมนตร์ชั่วร้ายแบบไหนกัน…”
กลุ่มศิษย์ที่หมายปองฉู่หลิงหลัวพยายามเข้ามาทำความรู้จัก พวกเขาไม่ต้องการให้มู่หลินเข้ามาใกล้ชิดกับเธอจึงพยายามใส่ร้ายเขาเต็มที่
สำหรับมู่หลิน… เขาเลือกที่จะไม่สนใจพวกนั้น
เขารู้ดีว่าตนกับฉู่หลิงหลัวอยู่กันคนละโลก
ที่เธอใช้เวทมนตร์รักษาเขา ไม่ได้หมายความว่าเธอมีความสนใจพิเศษในตัวเขา แต่เป็นเพราะนิสัยอ่อนโยนของเธอที่ปฏิบัติต่อทุกคนเช่นนี้
เมื่อมู่หลินตระหนักถึงเรื่องนี้ และมีเป้าหมายในการแสวงหาความเป็นอมตะและแข็งแกร่งที่สุด เขาจึงไม่คิดจะเสียเวลาไปทะเลาะเบาะแว้งกับชายหนุ่มเหล่านั้น
“ผู้หญิงมีแต่จะทำให้ข้าชักดาบช้าลงเท่านั้น… เอ่อ แต่เหยียนอวิ๋นหยูและอาจารย์ตงไม่ถือว่าเป็นผู้หญิงสำหรับข้า คนหนึ่งเป็นนายทุนของข้า อีกคนเป็นผู้หนุนหลังข้า”
…
เมื่อฉู่หลิงหลัวถูกกลุ่มคนพาตัวไป มู่หลินก็มีเวลาฝึกฝนต่อ
“ฉึก!” “ฉึก!” “ฉึก!” …
เขาหยิบมีดขึ้นมาและแทงตัวเองอีกหลายครั้ง
จากนั้นก็เชื่อมต่อร่างกระดาษทดแทนและเริ่มถ่ายโอนบาดแผล
“วึบ…”
ภายใต้แสงของคาถา รอยแผลบนร่างของมู่หลินค่อย ๆ เลือนหายไป ในขณะที่ร่างกระดาษทดแทนบนแท่นบูชาภายในตันเถียนก็เพิ่มบาดแผลขึ้นอีกหลายแห่ง
การฝึกถ่ายโอนบาดแผลโดยตรงนี้ทำให้ความเชื่อมโยงระหว่างเขากับร่างกระดาษทดแทนลึกซึ้งยิ่งขึ้น อีกทั้งยังทำให้เขาเข้าใจคาถานี้อย่างถ่องแท้มากขึ้น
ความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้ความชำนาญในการฝึกฝนร่างกระดาษทดแทนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บนแผงพลังงานของเขาปรากฏข้อความ +1 ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากแทงตัวเองสิบกว่าครั้ง ข้อความ +1 ก็ปรากฏขึ้นแปดครั้ง และความชำนาญของร่างกระดาษทดแทนก็ได้มาถึงขีดสุด
“วึบ…”
สำหรับคนอื่น ๆ การถึงขีดสุดของความชำนาญหมายถึงทางตัน ไม่สามารถพัฒนาได้อีกต่อไป และได้แต่หวังว่าตนจะได้รับแรงบันดาลใจจากสวรรค์สักวันหนึ่งเพื่อให้คาถานั้นก้าวข้ามขีดจำกัดไปได้
แต่สำหรับมู่หลินนั้นแตกต่างออกไป เมื่อความชำนาญของเขามาถึงขีดสุด มันกลับทำให้เขาเกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นมา ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเขาทำการหมุนเวียนคาถานั้นอีกครั้ง ระดับขั้นของคาถาก็จะเลื่อนขั้นไปได้โดยอัตโนมัติ
“ฉึก!” “วูบ!”
มู่หลินซึ่งเข้าใจสิ่งนี้เป็นอย่างดี จึงแทงมีดเข้าไปที่ตัวเองอีกครั้ง และการแทงครั้งนี้ก็เหมือนกับการแทงทะลุเส้นชีพจรภายในร่างกายของเขา พอมีดแทงเข้ามา ความเข้าใจมากมายก็พลันพุ่งขึ้นมาในใจของเขาราวกับภูเขาไฟปะทุ
“...การสร้างร่างโคลน การจำลองร่าง หากพลังเวทเพียงพอ ข้าก็สามารถสร้างร่างกระดาษทดแทนร่างที่สองได้…”
“...อ๊ะ การถ่ายโอนบาดแผลนี้สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์จากชาติก่อน… ทฤษฎีควอนตัม ปรากฏการณ์พัวพันควอนตัม?”
“...เช่นเดียวกับความเชื่อมโยงระหว่างฝาแฝดที่มีการรับรู้ซึ่งกันและกัน หากคนหนึ่งเสียชีวิต อีกคนก็จะมีความรู้สึกรับรู้ถึงความสูญเสียนั้น… หรือว่านี่คือหลักการของร่างกระดาษทดแทน…”
“...เพราะปรากฏการณ์พัวพันทางควอนตัม ทำให้ร่างกระดาษทดแทนสามารถฝึกฝนได้อย่างเป็นอิสระ และเมื่อตัวร่างกระดาษกลับมา ข้าก็จะได้รับความรู้และประสบการณ์ที่มันได้รับมา… เป็นไปได้สินะ…”
…
คนพันคนอ่าน *เจ้าสำนักสายเกรียน กับวิชาเซียนสายมั่ว,พวกท่านฝึกเซียน ส่วนข้าทำฟาร์ม,มหาเศรษฐีนักสะสม* ย่อมมีความเข้าใจที่แตกต่างกันไปพันแบบ
การอ่านหนังสือเป็นเช่นนั้น และการฝึกฝนวิชาก็เช่นเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้ แม้จะเป็นคาถาเดียวกัน ผู้ฝึกคนละคนกันก็จะได้คุณสมบัติที่ต่างกันไป
เพราะการฝึกฝนในช่วงแรกเป็นเพียงการเลียนแบบโดยไม่ใช้ความเข้าใจส่วนตัว ทำให้คุณสมบัติที่ได้รับยังคงเหมือนกันกับผู้อื่น
แต่เมื่อถึงขั้นเชี่ยวชาญระดับสามขึ้นไป การฝึกฝนของมู่หลินเริ่มผสมผสานเข้ากับความเข้าใจส่วนตัวซึ่งได้รับอิทธิพลจากประสบการณ์ ความคิด และความรู้ของเขาในชาติก่อน ทำให้ตั้งแต่ขั้นนี้เป็นต้นไป คุณสมบัติของคาถานั้นก็เริ่มแตกต่างไปจากของคนอื่น
ดังนั้น มู่หลินไม่รู้ว่าร่างกระดาษทดแทนของคนอื่น ๆ จะได้รับคุณสมบัติอะไรเมื่อเลื่อนขั้นถึงระดับสาม
แต่สำหรับเขา ด้วยประสบการณ์และความคิดอันหลากหลายจากชาติที่แล้ว ทำให้เขาเข้าใจในคุณสมบัติที่ตนเองต้องการอย่างลึกซึ้ง และสามารถค้นพบมันได้อย่างแท้จริง
“ความสามารถในการฝึกร่างแยก ข้าได้มันมาแล้ว!”