บทที่ 295 การตามหาจี้หยก
ผู้เฒ่าจางพยักหน้า “ดีแล้ว”
“ท่านปู่ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือขอรับ”
จางหยางกดเสียงต่ำถาม แม้ว่าท่านปู่จะพยายามปิดบังเพียงใด แต่เขาก็ยังจับความผิดปกติได้บ้าง
ยิ่งกว่านั้นเขายังสงสัยว่าท่านปู่กับทาโนมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน
“มีเรื่องบางอย่าง ข้าจะบอกเจ้า เข้ามาข้างใน”
ผู้เฒ่าจางไม่คิดจะปิดบังจางหยาง จึงพาเขาเข้าไปในห้องของทาโน
“ผู้เฒ่าจาง”
เมื่อเห็นผู้เฒ่าจางเข้ามา ทาโนยิ้มอย่างดีใจ เขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ขาของตนแล้ว และยาของผู้เฒ่าจางก็ออกฤทธิ์ได้ผลดีมาก
แต่เมื่อเห็นสีหน้าของผู้เฒ่าจางที่เคร่งขรึม รอยยิ้มของทาโนก็จางลง
“ในเมืองหลวง ตอนนี้มีประกาศจับเจ้าแล้ว”
ทั้งจางหยางและทาโนตาโตด้วยความตกใจ
“บอกว่าเจ้าเป็นนักโทษหลบหนี”
ผู้เฒ่าจางจ้องมองทาโนเมื่อพูดประโยคนี้อย่างไม่ละสายตา สังเกตปฏิกิริยาของเขา
ทาโนหน้าซีดเผือดทันที ความเคียดแค้นฉายชัดในดวงตา
“ข้าไม่ใช่นักโทษ!”
แต่เขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่อาจเรียกได้ว่าดีเลย
แต่อย่างไรก็ตาม องค์ชายอันก็สมควรถูกกำจัดแล้ว!
“ข้าเชื่อเจ้า”
ผู้เฒ่าจางพูดด้วยความเชื่อมั่น จางหยางขมวดคิ้วแน่น สงสัยว่าทำไมท่านปู่ถึงไว้ใจทาโนมากขนาดนี้
ทาโนถามอย่างเร่งรีบ “บนประกาศจับนั้น มีคนอื่นด้วยหรือไม่”
“มีแค่เจ้าเท่านั้น”
ทาโนรู้สึกเหมือนแรงทั้งหมดหายไป หากมีเพียงเขาคนเดียว นั่นหมายความว่าคนที่เหลือถูกจับหมดแล้ว
มือของเขาที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มกำแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา
“ไม่ว่าเจ้าจะคิดทำอะไรก็ตาม รอให้หายดีก่อน หากไม่เช่นนั้น ไม่เพียงจะทำอะไรไม่ได้ เจ้าจะต้องสังเวยชีวิตตัวเองไปด้วย”
ผู้เฒ่าจางมองเห็นความผิดปกติในท่าทีของทาโน จึงเตือนเขาสักคำ
แต่ทาโนกลับไม่ได้สนใจท ผู้เฒ่าจางจึงขมวดคิ้วและบอกให้จางหยางออกไปข้างนอกกับเขา
“พรุ่งนี้เจ้าไปสืบข่าวมาหน่อย ข้ากลัวว่าหากมีทหารมาตรวจสอบ อาจจะค้นมาถึงที่นี่”
“ทราบแล้ว ท่านปู่”
จางหยางพยักหน้ารับคำสั่ง
แต่เมื่อถึงกลางดึก ร่างหนึ่งที่โค้งงอเล็กน้อยก็ค่อยๆ ผลักประตูออกและเดินออกไปด้านนอก
ทาโนไม่อยากให้ทั้งสองคนต้องเดือดร้อน เพราะจี้หยกที่เขามีอยู่ก็หายไปแล้ว ตอนนี้แม้แต่จะหาความช่วยเหลือก็ยังทำไม่ได้ บางทีถูกจับไปอาจจะดีกว่า
“เจ้าจะไปไหน”
เสียงที่เต็มไปด้วยความเยาว์วัยดังขึ้นมาจากข้างหลังของทาโน
หัวใจของทาโนเต้นแรง นี่เขามองไม่เห็นจางหยางอยู่เลยหรือ
“ท่านปู่ของข้าอุตส่าห์ช่วยชีวิตเจ้า ข้าย่อมต้องแน่ใจว่าแผลของเจ้าจะหายดี เจ้ากลับเข้าไปนอนเถอะ”
“มีแค่ข้าคนเดียว...มันจะเป็นอะไรไป”
ทาโนปิดตาลง ทุกอย่างรอบตัวมืดสนิท
จางหยางขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขารังเกียจความคิดที่ว่าคนๆ หนึ่งจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้เพียงเพราะอยู่ตัวคนเดียว
“เจ้าเพียงคนเดียวก็มีค่าในตัวเองไม่ใช่หรือ”
จางหยางก้าวเข้ามาอุ้มทาโนขึ้น แม้ว่าตัวเขาจะผอมบางกว่าแต่ก็อุ้มทาโนได้โดยไม่ยากลำบาก
“เอาเป็นว่า ชีวิตนี้ของเจ้า ท่านปู่ข้าอุตส่าห์ช่วยไว้แล้ว อย่าคิดจะทิ้งมันง่ายๆแบบนี้”
“เจ้า…”
ทาโนมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง คำพูดในใจกลับไม่อาจเปล่งออกมาได้
ความเศร้าในใจที่เคยมีกลับจางหายไปบ้าง
จางหยางตรวจดูแผลของทาโนให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรเปิดออก ก่อนจะคลุมผ้าให้ “รีบพักผ่อนเสียเถอะ”
“...เดี๋ยวก่อน”
เมื่อเห็นว่าจางหยางกำลังจะเดินออกไป ทาโนก็เรียกเขาไว้
จางหยางหันกลับมา มองด้วยความสงสัย
“เจ้าพอจะเห็นจี้หยกอันหนึ่งไห? ข้าเคยแขวนมันไว้ที่เอว”
“เจ้าห้อยไว้ที่เอวหรือ” จางหยางนึกถึงเรื่องที่ทาโนต้องการหาของเมื่อวาน “สิ่งที่เจ้าอยากหาเมื่อวานก็คือจี้หยกนั่นหรือ”
“ใช่ แต่ของที่เจ้าหยิบมาให้ข้านั้นไม่มีจี้หยกอยู่ด้วย”
น้ำเสียงของทาโนเต็มไปด้วยความกังวล ดูเหมือนว่าจี้หยกนี้มีความสำคัญกับเขาอย่างมาก
จางหยางคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเห็น “ข้าไม่เห็น”
“มันอาจจะหล่นอยู่ระหว่างทางหรือเปล่า”
ทาโนรีบถามอย่างร้อนใจ ตอนนั้นจางหยางเป็นคนพาเขามาที่นี่ อาจจะขอให้จางหยางช่วยตามหาให้ได้
จางหยางไม่ได้ปฏิเสธ “พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปดูให้ แต่ไม่แน่ว่าจะเจอ”
“ขอบคุณเจ้ามาก”
ทาโนไม่ได้ตอบคำพูดครึ่งหลังของจางหยาง เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรหากไม่สามารถหาเครื่องรางหยกที่หายไปเจอ
ทาโนนอนลืมตาจนกระทั่งฟ้าสาง
เมื่อจางหยางนำอาหารเช้ามาให้ แสงอาทิตย์จากภายนอกทำให้ทาโนต้องหรี่ตา ความรู้สึกเปียกชื้นที่ขอบตาและความเหนื่อยล้าถาโถมเข้ามา
“กินข้าวแล้วก็พักผ่อนให้ดี”
จางหยางสังเกตเห็นท่าทีเหนื่อยล้าของทาโน
หลังจากทาโนทานอาหารเสร็จ จางหยางก็ออกจากบ้านตามที่สัญญาไว้
เขาสะพายตะกร้าพร้อมถือมีด ดูเหมือนชาวบ้านที่ไปเก็บสมุนไพร
เมื่อมุ่งหน้าไปยังทิศทางของกระท่อมไม้ จางหยางเห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งยืนล้อมหน้ากระท่อมอยู่
เขาทำเป็นไม่สนใจและเดินตรงไป
“เฮ้ ตรงนี้ห้ามผ่าน ไปอีกทางเถอะ”
ทหารราชองครักษ์สองคนยืนขวางทางเขาไว้
จางหยางมองพวกเขาแล้วแสดงสีหน้าหวาดกลัวเหมือนชาวบ้านทั่วไปที่เห็นเจ้าหน้าที่
“ขะ…ข้างหน้ามีเรื่องอะไรหรือ”
“ไม่มีอะไรที่เจ้าต้องรู้”
ทหารราชองครักษ์โบกมือไล่ให้จางหยางรีบออกไป
จางหยางทำท่าทางอยากรู้อยากเห็นแต่หวาดกลัว ก่อนจะค่อยๆ เดินจากไป
เมื่อแน่ใจว่าเขาห่างจากสายตาของทหารแล้ว จางหยางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ก่อนหน้านี้เขามองดูพื้นบริเวณรอบๆ แล้ว แต่ก็ไม่พบจี้หยก และใกล้กับกระท่อมนั้นเอง…
จางหยางคิดว่าจี้หยกไม่น่าจะตกอยู่แถวนั้น เพราะหลังจากที่เขาพาทาโนกลับบ้าน เขาก็ได้กลับมาที่กระท่อมเพื่อทำความสะอาดร่องรอยทั้งหมด หากมีของตกอยู่ เขาคงเห็นแล้ว
เขาเดินตรวจดูพื้นอย่างระมัดระวังอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่พบจี้หยก
เมื่อไม่พบจี้หยก จางหยางไม่รีบกลับบ้าน แต่ไปยังวัดร้างแห่งหนึ่งเพื่อพบเพื่อนบางคนและสืบข่าวเรื่องนักโทษหลบหนี
“ไอ้หนู ครึ่งเดือนนี้เจ้าหายหัวไป พอมาอีกที ก็ถามเรื่องแบบนี้เลย ไม่เห็นหัวพวกข้าเลยนะ”
ชายในชุดขอทานจัดผ้าพันศีรษะของเขาไปด้านหลังและบ่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธคำขอของจางหยาง
เขาพาจางหยางเข้าไปในวัดร้าง ที่ซึ่งมีขอทานอยู่หลายคน
ชายคนนั้นถามข่าวกับหลายคน ก่อนจะรวบรวมข้อมูลและให้คำตอบแก่จางหยาง
“องค์ชายอันเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แถมยังได้รับรางวัลจากฮ่องเต้เสียอีก เป็นลูกชายฮ่องเต้นี่มันดีจริงๆ”
ชายคนนั้นพึมพำ
จางหยางล้วงเงินตำลึงหนึ่งออกจากอกเสื้อและส่งให้เขาอย่างเงียบๆ “ช่วยสืบเรื่องพวกที่ถูกจับด้วย อีกไม่กี่วันข้าจะกลับมา”
“ได้เลย”
ชายขอทานรับเงินตำลึงด้วยสีหน้าพึงพอใจ
หลังจากออกจากวัดร้าง จางหยางเดินกลับบ้านช้าๆ ขบคิดเรื่องของทาโนไปด้วย
การพยายามลอบสังหารองค์ชายอันอย่างนั้นหรือ
เขาไม่แน่ใจว่าควรเรียกคนพวกนั้นว่าโง่หรือว่ากล้ากันแน่
การพยายามสังหารเชื้อพระวงศ์ในเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เมื่อกลับถึงบ้าน จางหยางบอกทาโนะถึงสถานการณ์ต่างๆ เมื่อทาโนะได้ยินว่าหาจี้หยกไม่พบ สีหน้าของเขาก็หม่นลงอย่างเห็นได้ชัด