ตอนที่แล้วบทที่ 16 อีกครั้งกับไก่ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18 เฉือนคม

บทที่ 17 ความโหดร้าย


บทที่ 17 ความโหดร้าย

หัวหน้าหมู่บ้านเก่าจู่ ๆ ก็หันศีรษะไปมองใครบางคน ก่อนจะตะโกนลั่นว่า “จางเอ้อร์เถี่ย ออกมานี่เดี๋ยวนี้!”

ในกลุ่มคนมีชายวัยกลางคนผิวคล้ำอยู่คนหนึ่ง ซึ่งก็คือ จางเอ้อร์เถี่ยแห่งตระกูลจาง

ในตอนนั้นเอง จางเอ้อร์เถี่ยหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว สะดุ้งถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว

แต่ฝูงชนก็ถอยห่างจากเขาทันที ทำให้เกิดวงกลมว่างเปล่ารอบตัวเขา

จ้าวต้าหู่ไม่พูดอะไร รีบพุ่งเข้าไป คว้าผมของจางเอ้อร์เถี่ยดึงออกจากกลุ่มคน โยนลงกับพื้น แล้วใช้เท้าเหยียบใบหน้าของเขาไว้

กลุ่มคนตระกูลจ้าวเข้ามาล้อมพร้อมท่าทางดุดัน พวกเขาช่วยกันต่อยเตะและรุมทำร้ายจางเอ้อร์เถี่ย

“โอ๊ย โอ๊ย! ช่วยด้วย!”

จางเอ้อร์เถี่ยกอดหัวขดตัวบนพื้น ส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับถูกเชือด หัวของเขาเต็มไปด้วยเลือดในเวลาไม่นาน

“หัวหน้าหมู่บ้าน โปรดไว้ชีวิตเถอะ!”

ภรรยาของจางเอ้อร์เถี่ยวิ่งเข้ามา คุกเข่าลงบนพื้น อ้อนวอนว่า “เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน แม่ไก่ตัวนั้นเข้ามาในลานบ้านของเรา พี่เอ้อร์เถี่ยก็จับได้ ตอนแรกตั้งใจจะคืนให้ แต่ฉันหิวมาก และ ป่วยเพราะโดนฝน พี่เอ้อร์เถี่ยจึงอยากให้ฉันบำรุงร่างกาย จึงกินไก่ตัวนั้นไป”

พูดจบ จ้าวต้าเหนียงก็เดินเข้ามาตบใบหน้าของภรรยาจางเอ้อร์เถี่ยเสียงดังจนเธอล้มกลิ้งลงไปในโคลน

จ้าวต้าเหนียงพูดด้วยความโกรธจัดว่า “นังแพศยา กล้าดียังไงถึงมากินแม่ไก่บ้านฉัน ใครให้ความกล้ากับแก?”

ทันใดนั้น ลูกสะใภ้ของตระกูลจ้าวก็เข้ามารุมจับตัวภรรยาจางเอ้อร์เถี่ย แล้วบีบเค้นเธอ ใช้เข็มจิ้มเธอ ทำให้เธอร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างน่าสลด

บรรยากาศเช่นนี้ ทำให้ชาวบ้านต่างหวาดกลัวจนตัวสั่น

ในตอนนั้นเอง จางต้าเถี่ยก้าวออกมา คุกเข่าลงตรงหน้าหัวหน้าหมู่บ้านเก่า กราบหัวคำนับแล้วพูดว่า “หัวหน้าหมู่บ้าน พี่ชายของข้าทำผิดไป ข้ายอมรับโทษ และ ขอชดใช้ เราจะจ่ายค่าไก่ให้ท่าน”

“ชดใช้?”

หัวหน้าหมู่บ้านเก่าหัวเราะเยาะว่า “แม่ไก่ตัวนั้นสามารถออกไข่ได้ พวกเจ้าจ่ายคืนได้หรือ?”

จางต้าเถี่ยพูดเสียงสั่นเครือว่า “ที่บ้านยังมีข้าวเหลืออยู่บ้าง”

นั่นเป็นข้าวที่เขาได้มาจากการขายลูกสาวไป

หัวหน้าหมู่บ้านเก่ามองไปที่ลูกชาย

จ้าวต้าหู่เข้าใจทันที จึงคว้าตัวจางต้าเถี่ยแล้วผลักให้ไปเอาข้าวมา

ส่วนจางเอ้อร์เถี่ย และ ภรรยายังคงถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่อง

เมื่อจ้าวต้าหู่แบกถุงข้าวกลับมา กลุ่มคนตระกูลจ้าวจึงหยุดการทำร้าย

ชาวบ้านที่มองอยู่เห็นจางเอ้อร์เถี่ยที่บาดเจ็บทั่วตัว แขนขาบิดเบี้ยวจนเหมือนกระดูกหัก สภาพน่าสงสารเกินบรรยาย ภรรยาของเขาก็ไม่ต่างกัน ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลเข็ม เลือดไหลเลอะเทอะไปทั่ว

จางต้าเถี่ยจึงรีบพยุงทั้งสองกลับบ้านไป

หัวหน้าหมู่บ้านเก่ามองชาวบ้านทุกคน สีหน้าขึงขัง และ พูดว่า “เห็นกันแล้วใช่ไหม? นี่คือบทลงโทษสำหรับผู้ที่ทำผิด และ พยายามหลอกข้า! ข้าหายังไม่เจอไก่ตัวผู้ของข้า ใครเป็นคนขโมยก้าวออกมายอมรับซะ มิฉะนั้น จางเอ้อร์เถี่ยจะเป็นตัวอย่างให้พวกเจ้าได้เห็น!”

ชาวบ้านต่างตัวสั่น ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา

หัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้ว หันไปถามจ้าวต้าหู่ว่า “ตรวจค้นทุกบ้านแล้วหรือยัง?”

จ้าวต้าหู่พยักหน้าตอบ “ค้นหมดทุกบ้านแล้ว พบเพียงขนไก่ในบ้านของจางเอ้อร์เถี่ยเท่านั้น”

สายตาของหัวหน้าหมู่บ้านเป็นประกาย เขาหัวเราะเย็น ๆ แล้วสั่งว่า “ไป! ดมลมหายใจของพวกเขา ถ้าใครกินเนื้อไก่ กลิ่นปากจะต้องไม่เหมือนเดิม”

จ้าวต้าหู่ยิ้มเยาะก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วสั่งให้ชาวบ้านแต่ละคนอ้าปากและเป่าลมหายใจออกมา

เสี่ยวโก่วนั่งหมอบอยู่ที่พื้น เงยหน้ามองฟางจือสิงด้วยความกังวล

ในไม่ช้าจ้าวต้าหู่ก็เดินมาถึงฟางจือสิง

“ต้าเหนียว!”

จ้าวต้าหู่มองฟางจือสิงด้วยสายตาดูถูก พูดเยาะเย้ยว่า “อ้าปาก”

ฟางจือสิงให้ความร่วมมือ อ้าปากแล้วเป่าลมหายใจออกมา

จ้าวต้าหู่ดมแล้วก็ถอยห่างออกไปทันที พลางปิดจมูกพูดเสียงดัง “ทำไมกลิ่นปากเหม็นอย่างนี้ แกไปกินอะไรมา?”

“นั่นไม่ใช่กลิ่นเหม็น แต่มันคือกลิ่นยา”

ฟางจือสิงแก้ตัว “ข้าป่วย เลยหาสมุนไพรในภูเขามาต้มกินเอง”

จ้าวต้าหู่ยังไม่ค่อยเชื่อ เขาลองแตะหน้าผากของฟางจือสิงแล้วก็พบว่ามีไข้

เขาจึงรีบถอยห่างแล้วพูดเสียงดุดัน “ไปไกล ๆ เลย อย่ามาติดเชื้อข้า”

ฟางจือสิงหันกลับบ้านอย่างไม่สนใจ

เมื่อถึงบ้าน เสี่ยวโก่วพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ดีนะที่เจ้าเตรียมการไว้ก่อน กินใบชงชุนเพื่อกลบกลิ่น”

ฟางจือสิงยังคงมีสีหน้าหนักใจ เขากัดฟันพูดว่า “หนีได้ครั้งนี้ แต่คงหนีไม่ได้ตลอดไป”

คืนวันนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว

รุ่งเช้าวันถัดมา หมู่บ้านก็เต็มไปด้วยเสียงร่ำไห้เศร้าโศก

จางเอ้อร์เถี่ยไม่รอดเสียชีวิตไปแล้ว! ภรรยาของเขาก็หมดสติขั้นโคม่า คาดว่าคงไม่รอดเช่นกัน

วันนี้ฝนไม่ได้ตก ท้องฟ้าครึ้มเล็กน้อยแต่มีแนวโน้มว่าจะสดใส

เช้าตรู่ ฟางจือสิงกับเสี่ยวโก่วที่ยังป่วยเดินออกจากบ้าน

อาการป่วยของทั้งสองไม่ดีขึ้น กลับดูเหมือนจะแย่ลง

ฟางจือสิงยังพอฝืนตัวได้ ส่วนเสี่ยวโก่วดูทรุดหนักจนเดินโซเซ

ทั้งสองกัดฟันสู้ เดินออกจากหมู่บ้านตามปกติเพื่อมุ่งหน้าไปล่าสัตว์ในป่าลึก

“ต้าเหนียว!”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงเรียกเขาจากข้างหลัง

ฟางจือสิงหันกลับไปมอง ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อย เห็นกลุ่มคนของจ้าวต้าหู่เดินเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

“จ้าวอา หวัดดีตอนเช้าครับ!” ฟางจือสิงฝืนยิ้มพลางโค้งคำนับ

จ้าวต้าหู่เดินขึ้นมา พูดยิ้มแย้มว่า “ต้าเหนียว จะไปล่าสัตว์หรือ?”

ฟางจือสิงตอบอย่างรวดเร็ว “ก็ไปลองดวงดูครับ”

จ้าวต้าหู่พยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจะคุยกับเจ้าสักหน่อย เรากำลังขาดลูกธนู เจ้าช่วยแบ่งลูกธนูให้ข้าหน่อยได้ไหม?”

ใจของฟางจือสิงเต้นรัว แต่ก็รีบยื่นกระบอกธนูส่งให้ด้วยรอยยิ้ม “จ้าวอาท่านเกรงใจไปแล้ว ข้าก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับลูกธนูอยู่แล้ว เอาไปได้เลยครับ”

จ้าวต้าหู่ยิ้มกว้าง พูดอย่างพึงพอใจว่า “เจ้านี่ช่างมีน้ำใจ! ถ้าอย่างนั้น วันนี้ถ้าเราล่าสัตว์ได้ จะแบ่งให้เจ้าส่วนหนึ่ง”

ฟางจือสิงตอบอย่างสุภาพ “ขอบคุณมากครับ”

จ้าวต้าหู่ไม่พูดอะไรต่อ หิ้วกระบอกธนูเดินจากไปพร้อมกับกลุ่มคนอย่างอารมณ์ดี

ฟางจือสิงมองตามพวกเขาจากไป ใบหน้าเริ่มหม่นหมองลงเรื่อย ๆ

เสี่ยวโก่วโกรธจนพูดว่า “นี่มันข่มเหงกันเกินไป พวกมันไม่แม้แต่จะทำทีเหมือนเป็นการขอยืมแล้ว!”

ฟางจือสิงกระซิบกลับว่า “หัวหน้าหมู่บ้านกับครอบครัวเริ่มโหดร้ายขึ้นทุกวัน แบบนี้เหมือนต้องการตัดหนทางของข้าเลย”

เสี่ยวโก่วถามว่า “แล้วจะทำยังไงล่ะ ไม่มีธนูแล้วเราจะล่าสัตว์ยังไง?”

ฟางจือสิงลูบมีดล่าสัตว์ของเขา ก่อนจะถอนหายใจ “ต้องพึ่งสิ่งนี้แล้วล่ะ”

ทั้งคน และ หมามุ่งหน้าเดินขึ้นภูเขาไป ข้ามระยะทางประมาณเจ็ดถึงแปดลี้ เสี่ยวโก่วก็ทรุดตัวลงนอนกับพื้น

“ไม่ไหวแล้ว ฟางจือสิง!”

เสี่ยวโก่วครวญครางด้วยความเจ็บปวด ร้องโอดโอยว่า “ฉันมองเห็นดาวเต็มตาไปหมด หัวหมุนไปหมดแล้ว ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ”

ฟางจือสิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะอุ้มเสี่ยวโก่วขึ้นมา พลันรู้สึกได้ว่าร่างของมันร้อนระอุ หัวใจเต้นแรงเหมือนกลอง และหายใจหนักหน่วง

“แย่แล้ว!”

ฟางจือสิงทำอะไรไม่ถูก ขมวดคิ้วเป็นปม

ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง

ฟางจือสิงหันขวับไปมอง เห็นคนสองคนเดินเข้ามา ดวงตาของเขาเหลือบลงอย่างระแวดระวัง

“จ้าวซานแย่?”

เขารู้จักคนสองคนนี้ดี

หนึ่งในนั้นคือชายวัยห้าสิบ อีกคนเป็นชายวัยสามสิบ ซึ่งก็คือพี่ชายคนที่สามของหัวหน้าหมู่บ้านเก่า และลูกชายของเขาคือ จ้าวต้าจื้อ

จ้าวซานแย่ยิ้มพลางพูดว่า “ต้าเหนียว ทำอะไรอยู่ตรงนี้?”

ฟางจือสิงอุ้มเสี่ยวโก่วถอยหลังทีละก้าว ยิ้มแห้ง ๆ แล้วพูดว่า “ออกมาล่าสัตว์น่ะ ท่านมาทำอะไรที่นี่?”

จ้าวซานแย่เห็นท่าทีแล้ว ยิ้มเย็นลงพลางพูดว่า “ต้าเหนียว ฉันเคยคิดว่านายเป็นแค่ไอ้โง่ ฆ่าได้ง่าย ๆ แต่ไม่คิดว่านายจะรอบคอบนัก หลุดมือฉันไปไม่รู้กี่ครั้ง”

ฟางจือสิงรู้สึกสะท้านใจแต่แสร้งยิ้มโง่ ๆ แล้วพูดว่า “จ้าวซานแย่ ท่านพูดเรื่องอะไรน่ะ ข้าไม่เข้าใจเลย”

“ไม่เข้าใจก็ดี!”

จ้าวซานแย่ยิ้มด้วยความเย้ยหยันพลางพูดรำพึงว่า “เมื่อสมัยฉันยังหนุ่ม เคยเจอทุพภิกขภัยที่หนักหนากว่าครั้งนี้อีก คนกินลูกของตัวเองเป็นเรื่องปกติ นายเคยกินเนื้อเด็กไหม?”

ฟางจือสิงรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว ค่อย ๆ วางเสี่ยวโก่วลง

จ้าวต้าจื้อเห็นท่าทีแล้วคิดว่าฟางจือสิงจะหนี จึงชักมีดล่าสัตว์ออกมาแล้วพูดเสียงเหี้ยมว่า “อย่าคิดหนี ฉันจะให้แกตายเร็ว ๆ”

ฟางจือสิงค่อย ๆ วางตะกร้าหวายขาด ๆ ลง

จ้าวซานแย่หัวเราะเย็นแล้วพูดว่า “คิดจะหนีก็หนีไป แต่คิดว่าจะวิ่งหนีจากเราได้หรือ?”

ฟางจือสิงสูดลมหายใจเข้าลึก พลันชักมีดล่าสัตว์ออกมาแล้วปักลงบนพื้น

“อ๊าโฮ่ โฮ่~~”

..........

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด