บทที่ 16 อีกครั้งกับไก่
บทที่ 16 อีกครั้งกับไก่
เสียง “โอ้ โอ้~” ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของไก่ตัวผู้ตัวใหญ่ขนสีแดงดำแซมกัน บนหัวมีหงอนสีแดงสด ส่วนหางกางออกเหมือนพัดใหญ่ มันเดินยักย้ายราวกับไม่สนใจใคร ท่าทีสง่างาม และ ภูมิฐาน
ฟางจือสิง และ เสี่ยวโก่วสบตากัน
“ไก่ของหัวหน้าหมู่บ้านเก่า!”
“ดูอ้วนดีนะ!”
ทั้งคน และ หมาก็ดูจะมีใจตรงกัน พลางสอดส่ายสายตามองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว
“ไม่มีใครอยู่แถวนี้…”
เสี่ยวโก่วเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะกระซิบบอก
ฟางจือสิงทำท่าไม่ใส่ใจ แต่ก็ค่อย ๆ จับคันธนูแล้วดึงลูกธนูออกมา
ขณะนั้นเอง ไก่ตัวผู้ก็หันหลังให้พอดี
ฟิ้ว! ลูกธนูพุ่งทะยานออกไป!
หัวไก่ตัวผู้สะบัดลง มันล้มโครมลงกับพื้นด้วยขาทั้งสองที่ดิ้นทุรนทุรายสองสามครั้งก่อนจะนิ่งสนิท
ลูกธนูดอกนี้พุ่งเข้าตรงดวงตา มันตายโดยไม่ทันได้ขันเสียงสักแอะ
ฟางจือสิงเก็บธนูอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบไก่ตัวผู้ยัดใส่ตะกร้าหวายขาด ๆ
จากนั้น เขาก็ตรวจดูรอบ ๆ อีกครั้งเพื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น
“เร็วเข้า กลับบ้านเอาไปทำไก่ตุ๋นกัน!”
เสี่ยวโก่วตื่นเต้นมาก พูดออกมาพร้อมน้ำมูกย้อย
ฟางจือสิงที่หัวใจเต้นแรงกลับใจเย็นผิดปกติ ส่ายหน้าพูดว่า “อย่าเพิ่ง เราไม่ควรกินไก่ในหมู่บ้านนะ”
เสี่ยวโก่วรีบเถียง “กลัวอะไร ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นคนทำ”
ฟางจือสิงตอบด้วยท่าทีจริงจัง “ถ้าหัวหน้าหมู่บ้านเก่ารู้ว่าไก่ตัวผู้ของเขาหายไป เขาต้องสงสัยว่าใครขโมยไปกินแน่ ๆ ฉันเกรงว่าเขาจะค้นหาทุกบ้านเลยทีเดียว กลิ่นเลือดไก่ก็แรง ขนไก่ก็เยอะ ไหนจะกลิ่นหอมของไก่ย่างอีก จะปิดบังยังไงไหว?”
เสี่ยวโก่วสะดุ้งเล็กน้อย
นึกดูแล้วก็จริง ต่อให้ฟางจือสิงจัดการเลือดไก่หมดแล้วและเผาขนไก่ไปทั้งหมด ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดกลิ่นให้หมดจด
“แล้วจะทำยังไงดี?” เสี่ยวโก่วถาม
ฟางจือสิงนิ่งคิดไปครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ออกไปนอกหมู่บ้านก่อน ค่อยว่ากัน”
ทั้งคน และ หมาจึงไม่ได้กลับบ้าน แต่เดินออกจากหมู่บ้านตามแผน จนไกลออกไปเรื่อย ๆ
เทือกเขาฝูหนิวมีภูเขาล้อมรอบหลายลูก
ชีวิตในเขตภูเขาเช่นนี้ นอกจากจะมีภูเขามาก ต้นไม้มาก แม่น้ำมากแล้ว สิ่งที่มากกว่าคือถ้ำที่มีอยู่มากมายเหลือเกิน
ฟางจือสิง และ เสี่ยวโก่วปีนขึ้นไปบนยอดเขาแห่งหนึ่ง ไม่นานก็พบถ้ำ
โชคดีที่ถ้ำนี้ไม่รั่ว ไม่เพียงแต่แห้ง ยังมีใบไม้แห้งสะสมอยู่เหมือนถูกลมพัดเข้ามาในถ้ำ
“อืม ที่นี่แหละ”
ฟางจือสิงตั้งใจดึงไก่ตัวผู้จากตะกร้าออกมา ถอนขน ผ่าท้องเอาเครื่องในออก แล้วค่อย ๆ ย่างไฟ
ขณะที่ฟางจือสิงกำลังยุ่งอยู่ เสี่ยวโก่วก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ มันรับหน้าที่เฝ้าระวังรอบถ้ำนอกถ้ำ
“ว๊าบ ว๊าบ!”
ไม่นานนัก ฟางจือสิงได้ยินเสียงเรียกจึงรีบถือธนูวิ่งออกไป
เมื่อมองดูอย่างตั้งใจ เขาเห็นเสี่ยวโก่วกำลังยืนอยู่หน้าพุ่มไม้เตี้ย ๆ พร้อมกระดิกหางไปมา
ฟางจือสิงวิ่งไปถามว่า “มีอะไรเหรอ?”
เสี่ยวโก่วหันกลับมาแลบลิ้นออกมาเชิงโอ้อวดแล้วถามว่า “นี่เป็นพริกภูเขาป่าหรือเปล่า?”
ฟางจือสิงตาเป็นประกาย เขารีบก้มลงดูอย่างละเอียด พบว่าต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้ามีใบเขียวสด และมีผลสีแดงเล็ก ๆ เป็นรูปนิ้วมืออยู่กลางพุ่ม ใบไม้สีเขียวล้อมรอบผลพริกสีแดงซึ่งมีก้านตั้งตรงและรูปทรงคล้ายกรวยขนาดเล็ก
“ใช่เลย ‘พริกชาวฟ้า’ นี่แหละ”
ฟางจือสิงดีใจมาก เขาเป็นคนชอบกินเผ็ด ชีวิตนี้ขาดรสเผ็ดไม่ได้ แม้จะเคยเป็นริดสีดวงก็ยังไม่เลิกกิน
เขารีบเก็บพริกชาวฟ้ามาหอบหนึ่ง แล้วพากลับไปที่ถ้ำ บดมันบนหินเพื่อทำเป็นน้ำพริกเผ็ด ๆ
เวลาผ่านไปจนเกือบถึงตอนเที่ยง
ในที่สุด ไก่ตัวผู้ก็สุก หนังภายนอกสีเหลืองกรอบมันเยิ้ม กลิ่นหอมของไก่ย่างฟุ้งกระจายไปทั่วถ้ำจนลอยออกไปนอกถ้ำ
เสี่ยวโก่วที่เฝ้าระวังอยู่ข้างนอกเริ่มร้อนรน พูดขึ้นว่า “เสร็จหรือยัง? อย่าคิดจะกินคนเดียวนะ!”
ฟางจือสิงดึงน่องไก่ออกมา ทาน้ำพริกเผ็ดลงไปแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “พูดอะไรน่ะ ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย”
กัดลงไปคำหนึ่ง น้ำเผ็ดร้อนระเบิดในปาก!
“อื้ม! อร่อยสุดยอด!”
ฟางจือสิงกินอย่างมีความสุข รู้สึกพึงพอใจจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้
ตอนนั้นเอง เสี่ยวโก่ววิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าเดือดดาลแล้วร้องขึ้นว่า “นี่ไง! ฉันก็รู้อยู่แล้ว!”
ฟางจือสิงเลียปากเล็กน้อยแล้วตอบว่า “รู้อะไร ฉันไม่ได้แอบกิน…”
พูดไม่ทันจบ เสี่ยวโก่วก็โพล่งขึ้นว่า “โกหกน่ะสิ! ไม่ได้แอบกินงั้นเหรอ? น่องไก่ทั้งอันนั้นน่ะ หรือว่าหมาเป็นคนกินไป?”
ฟางจือสิงเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “นายจะรู้อะไร ฉันแค่ลองชิมให้ก่อน เผื่อมันมีพิษ”
เสี่ยวโก่วทนไม่ไหว กระโจนเข้าไปแล้วพูดว่า “น่องไก่อีกข้างของฉัน! ปีกไก่ก็ของฉันด้วย!”
ฟางจือสิงไม่พูดอะไร ดึงหัวไก่ และ คอไก่ยัดใส่ปากเสี่ยวโก่วพลางพูดอย่างจริงจังว่า “หัวกับคอนี่อร่อยกว่าตั้งเยอะ”
เสี่ยวโก่วส่งเสียงครางในลำคอ ดวงตาฉายแววโกรธจัด
แต่กลิ่นหอมของเนื้อไก่ และ น้ำพริกในปากก็ทำให้เขาหยุดไม่ได้ กลับก้มหน้ากัดกินอย่างรวดเร็ว เพลิดเพลินสุด ๆ
ฟางจือสิงเห็นดังนั้นก็หัวเราะ “เห็นไหม ฉันดีกับนายขนาดไหน?”
“ดีบ้าดีนี่สิ!”เสี่ยวโก่วบ่นพึมพำ
ทั้งคนทั้งหมากินไก่ตัวผู้จนเกลี้ยง ไก่ตัวนี้หนักใช้ได้ ทำเอาท้องของทั้งคู่แน่นตึงจนกินไม่ไหว
“นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันกินจนท้องตึง” ฟางจือสิงนอนลงลูบท้องอย่างพึงพอใจ
เสี่ยวโก่วพยักหน้า “สำคัญที่ได้รสเผ็ด มันอร่อยสุด ๆ จนฉันเหงื่อแตกเลย”
ฟางจือสิงลูบหน้าผากที่ยังรู้สึกร้อนอยู่พลางตอบว่า “เหงื่อออกหน่อยก็ดี เผื่อจะหายไข้”
เสี่ยวโก่วล้มตัวลงนอน มองฝนที่ตกกระหน่ำอยู่ข้างนอก ตาปรือด้วยความง่วง
ฟางจือสิงก็นั่งอยู่ข้างกองไฟอุ่น ๆ เริ่มค่อย ๆ หลับตาลง
…
“พ่อ เล้าไก่ของเราถูกฝนถล่มแล้ว!”
จ้าวต้าหู่วิ่งมาหาพ่อของเขาด้วยความร้อนรน แจ้งว่าไก่ตัวผู้ และ แม่ไก่อีกสี่ตัวในเล้าหายไปหมดแล้ว
“ว่าไงนะ?”
หัวหน้าหมู่บ้านเก่าใจหายทันที แม่ไก่ออกไข่ได้ทุกวัน ทำให้บ้านมีไข่กิน ไข่สามารถฟักเป็นลูกเจี๊ยบตัวใหม่ หรือเอาไปแลกข้าวสารมาได้ จะให้เสียหายไม่ได้เด็ดขาด
ส่วนไก่ตัวผู้ก็สำคัญมาก ขาดมันไป แม่ไก่ออกไข่ฟักเป็นลูกเจี๊ยบไม่ได้เลย
ในปีที่เกิดทุพภิกขภัยแบบนี้ ไก่ห้าตัวนี้มีค่าเกินกว่าจะเสียไปได้
“รีบไปตามหาไก่!”
หัวหน้าหมู่บ้านเก่าสั่งการ พร้อมกับเรียกทุกคนในบ้านตระกูลจ้าวทั้งชายหญิงแก่เด็กให้ออกไปตามหาไก่
ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาพบแม่ไก่สามตัว
เหลือไก่ตัวผู้ และ แม่ไก่อีกตัวที่ยังไม่เจอ
จ้าวต้าหู่พูดเสียงเข้มว่า “พ่อ พวกเราออกตามหาทั้งใน และ นอกหมู่บ้านหมดแล้ว แต่ก็ไม่เจอเลย!”
หัวหน้าหมู่บ้านเก่าหน้าตึงตอบว่า “ไก่ไม่มีทางวิ่งไปที่ไหนไกล ๆ เอง มันต้องยังอยู่ในหมู่บ้านแน่นอน”
จ้าวต้าหู่สีหน้าเปลี่ยนไป เอ่ยขึ้นอย่างตกใจ “หรือว่ามีใครจับไก่ของเราไป?”
หัวหน้าหมู่บ้านเก่าเงยหน้ามองท้องฟ้า ฝนเพิ่งหยุดตกได้ไม่นาน ตอนนี้ก็ยามค่ำแล้ว
เขาหยิบฆ้องทองแดงออกมา แล้วตีดัง “ดัง ดัง ดัง”
ไม่นานนัก ชาวบ้านแต่ละครอบครัวก็มารวมตัวกันที่หน้าหมู่บ้าน รวมถึงฟางจือสิง และ เสี่ยวโก่วที่เพิ่งกลับจากข้างนอกมาได้ไม่นาน
“หัวหน้าหมู่บ้าน มีเรื่องอะไรหรือ?” ไป๋เอ้อร์ส่าว ถามอย่างหมดแรง
หัวหน้าหมู่บ้านเก่ามองชาวบ้านแต่ละคนด้วยสายตาเย็นชาแล้วกล่าวเสียงทุ้มว่า “มีคนขโมยไก่จากบ้านของฉันไป!”
ชาวบ้านต่างหันมองหน้ากัน สลับมองซ้ายมองขวา
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวเสียงดังว่า “ใครที่ขโมยออกมายอมรับด้วยตัวเองเสีย อย่าให้ฉันต้องไปลากออกมา ไม่เช่นนั้นฉันจะไม่ปล่อยไว้แน่”
ไม่มีใครออกมายอมรับ
ไม่นานนัก จ้าวต้าหู่กับพรรคพวกก็วิ่งเข้ามาในมือถือขนไก่อยู่ เดินไปหาหัวหน้าหมู่บ้านเก่าแล้วกระซิบอะไรบางอย่าง
..........