บทที่ 139 แมลงทมิฬกัดกินปีศาจ
บทที่ 139 แมลงทมิฬกัดกินปีศาจ
ยกเว้นประสาทการมองเห็นแล้ว ประสาทสัมผัสอื่นๆ ของอู๋เซี่ยนล้วนบอกเขาว่า ข้างหน้ามีแม่น้ำโลหิตที่เต็มไปด้วยวิญญาณอาฆาตร้ายแรง
แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้อู๋เซี่ยนไม่คิดเชื่อง่ายๆ และก็ไม่คิดปฏิเสธอย่างง่ายดายเช่นกัน
เขาย่อตัวลงเล็กน้อย ยกมือขึ้นวางลอยเหนือพื้นห่างออกไปราวสามสิบเซนติเมตร ร่างกายเริ่มสั่นเล็กน้อยจากการยืนขาข้างเดียวเป็นเวลานาน โชคดีที่การทรงตัวของเขาดีกว่าคนทั่วไปอยู่บ้าง
คาถาหนามดิน!
นิ้วมือของอู๋เซี่ยนสะบัดเบาๆ ปลดปล่อยคาถาออกมา แต่กลับไม่มีอะไรสัมผัสอยู่เบื้องล่าง ทำให้สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนทันที เท้าที่กำลังจะก้าวไปจึงหยุดค้างไว้กลางอากาศ
คาถาหนามดินนี้เป็นคาถาระดับล้ำค่า
ผลลัพธ์คือการปลดปล่อยหนามหนึ่งหนามที่มีขนาดหนึ่งลูกบาศก์เมตร รูปทรงสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจผู้ใช้ หนามที่อู๋เซี่ยนปลดปล่อยออกไปเมื่อครู่คือหนามเตี้ยหนาเตอะสูงเพียงสามสิบเซนติเมตรที่ผุดขึ้นมาใต้ฝ่ามือเขา
ถ้าพื้นข้างล่างเป็นพื้นเรียบ หนามควรจะชนกับฝ่ามือของเขาพอดี
สามสิบเซนติเมตรแม้จะดูสิ้นเปลือง แต่ก็เป็นความสูงที่ดีที่สุด เพราะหากต่ำกว่านี้ อู๋เซี่ยนจะทรงตัวได้ยาก และหากสูงกว่านี้ หนามจะกีดขวางทางเดิน ทำให้อู๋เซี่ยนเดินต่อไปลำบาก
แต่ทว่าหนามกลับไม่ปรากฏขึ้น
นี่แสดงว่าเบื้องล่างใต้เท้าเขามีแม่น้ำลึกที่ไม่ทราบระดับจริงๆ เด็กหญิงหาได้หลอกเขาไม่!
“ลงมาเถอะ!”
“มาอยู่กับพวกเราสิ!”
“ทุกคนล้วนอยู่ในสายโลหิต มาสิ มาอยู่กับเราด้วย”
กลิ่นคาวโลหิตฉุนเฉียวคละคลุ้งขึ้นมา วิญญาณอาฆาตเบื้องล่างไม่หยุดเรียกหาอู๋เซี่ยน ร่างของพวกมันกระแทกกับบ่อโลหิตเบื้องล่าง ไม่หยุดหย่อน มีร่างหนึ่งโผล่ขึ้นมา ก็ถูกอีกตนหนึ่งผลักลงไปอีก เหมือนปลาคาร์ปแย่งอาหารในสระ…
เสียงเหล่านี้ทำให้ในหัวของอู๋เซี่ยนฉายภาพอันน่าหวาดผวา เขารู้สึกโล่งใจที่ยังหลับตาอยู่ ไม่ต้องเห็นภาพน่าสะพรึงเบื้องหน้า
ครู่หนึ่ง กลิ่นคาวเลือดก็พลันหายไป
เด็กหญิงส่งเสียงยินดีบอกอู๋เซี่ยน “แม่น้ำไน่หายไปแล้ว พี่ชายใหญ่เดินต่อไปได้แล้ว”
อู๋เซี่ยนชะงักไปเล็กน้อย
หายไปแล้วหรือ?
ทันใดนั้น อู๋เซี่ยนก็หวนนึกถึงคำพูดของยมทูตที่ว่า ทางหวงเฉวียนนี้ผันแปรไม่หยุด ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกขณะ คำพูดของพวกมันอาจไม่ใช่แค่เรื่องโกหกเสียทีเดียว บางคำพูดอาจจะจริงอยู่บ้าง
การโกหกเก้าทีผสมความจริงหนึ่ง จึงจะหลอกคนได้อย่างแนบเนียนที่สุด
อู๋เซี่ยนใช้เกราะหนามทดสอบ เมื่อยืนยันว่าพื้นเบื้องหน้าเป็นพื้นแข็งจึงก้าวเดินไป
ยิ่งเดินไปข้างหน้า
การเดินก็ยิ่งลำบากขึ้น
แม่น้ำไน่สาขาเล็กที่เต็มไปด้วยวิญญาณอาฆาตและโลหิต กองทัพมดผีที่กลืนกินทุกสรรพสิ่ง ใบมีดขนาดหนาที่ฟันคนขาดสะพาย แลหุบเหวลึกที่ไม่มีทางปีนขึ้นมาได้…
ทุกก้าวเต็มไปด้วยอันตราย
โชคดีที่เด็กหญิงคอยเตือนและช่วยอู๋เซี่ยนผ่านไปได้อย่างปลอดภัย ทำให้เขาแทบไม่มีบาดแผลแม้เพียงรอยขีดข่วน
ปู่ของเด็กหญิงคนนั้นตักเตือนหลานสาวให้รักษาระยะห่างจากคนเป็นอย่างอู๋เซี่ยนอยู่ตลอด แต่เด็กหญิงยังคงดื้อรั้นช่วยเหลือเขา ทำให้อู๋เซี่ยนเริ่มวางใจเธอเพียงเล็กน้อย
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใด แต่ดูเหมือนชายชราจะยอมแพ้ เสียงของเขาหายไปเหมือนกับนักพรตและนักบวช ไม่ปรากฏให้ได้ยินอีกเลย
เมื่อจำนวนก้าวลดน้อยลง
อู๋เซี่ยนเริ่มสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในร่างกาย ผิวของเขาเย็นลงมาก อุณหภูมิร่างกายเกือบจะเท่ากับอุณหภูมิรอบๆ กลิ่นของมนุษย์ค่อยๆ จางหายไป แทนที่ด้วยกลิ่นซากศพจางๆ ผิวของเขาเริ่มแข็งทื่อและซีดเหมือนคนตาย
ดูราวกับว่าเขากำลังเปลี่ยนสภาพไปเป็นผู้ตาย
แต่กระนั้น อู๋เซี่ยนรู้สึกได้
มีเพียงรูปลักษณ์ภายนอกของเขาเท่านั้นที่กำลังแปรเปลี่ยนจากผู้เป็นไปสู่ผู้ตาย
เกราะเกล็ดดำและหนังสไตล์ล้ำแฟชั่นของเขา แปรเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสำหรับศพที่เยือกเย็น ปกปิดความอบอุ่นแห่งชีวิตของเขาไว้ภายใน
เมื่อเดินถึงก้าวที่ยี่สิบสี่ สถานการณ์ที่อู๋เซี่ยนไม่อยากพบเจอที่สุดก็เกิดขึ้น!
“พี่ชายใหญ่ ระวังตัว…เขามาแล้ว…อยู่ข้างหลังท่าน!”
“ชู่ เงียบเสียสิ เด็กน้อย เจ้าอย่าเพิ่งพูดอะไร!”
ครั้งนี้ เสียงนั้นเป็นเสียงแหบแห้งของชายผู้หนึ่ง
ขณะเดินผ่านก้าวเมื่อครู่ อู๋เซี่ยนได้พูดคุยกับเด็กหญิง ซึ่งทำให้อู๋เซี่ยนได้มองเห็นสภาพรอบตัวผ่านสายตาของเธอ นอกจากนี้ยังทำให้เขารู้ว่ามีบางอย่างที่บัณฑิตไม่ได้โกหก
สิ่งนั้นก็คือ มีผีตนหนึ่งกำลังเฝ้ามองเขาอยู่ห่างๆ!
ผีตนนั้นสวมชุดขาว ผมยาวรุงรัง มีรอยเลือดไหลจากหน้าอกจนถึงปลายเท้า ใบหน้าขาวซีดไร้ชีวิต ดวงตาแฝงด้วยความอาฆาตที่ทำให้คนหวาดผวา
เมื่ออู๋เซี่ยนเดินมาถึงก้าวที่ยี่สิบห้า
ผีชุดขาวตนนั้นก็เริ่มเคลื่อนไหว
เพียะ!
ผีชุดขาวฟาดลงบนบ่าอู๋เซี่ยน
อู๋เซี่ยนไม่หันหลังกลับ แต่สะบัดโล่ไปยังด้านหลังทันที
ฟึ่บ!
โล่ฟาดลงไปอย่างไร้เป้าหมาย
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ความว่างเปล่าที่ไร้ตัวตน อู๋เซี่ยนสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างพุ่งผ่านไปใกล้ๆ ร่างกายของเขา มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เสียงแหวกอากาศชวนขนลุก
“ฟู่…”
หนังตาซ้ายของอู๋เซี่ยนกระตุกขึ้นทันใด เมื่อครู่เขารู้สึกได้ถึงลมหายใจเย็นเยียบปนกลิ่นคาวศพที่พัดมาใกล้ถึงหนังตาซ้าย ทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย เกือบจะลืมตาขึ้นมอง แต่ก็ยังฝืนอดกลั้นไว้ได้
เมื่อเห็นว่าอู๋เซี่ยนยังอดทน ผีชุดขาวก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น มันใช้ปลายนิ้วเย็นเฉียบแนบลงบนหนังตาของอู๋เซี่ยน และค่อยๆ กดลง เหมือนต้องการจะควักดวงตาของเขาออกมา!
ฟึ่บ!
อู๋เซี่ยนปล่อยเกราะหนาม หนามแหลมพุ่งขึ้นจากใบหน้าของเขา บังคับให้มือผีชุดขาวผละออกไป แต่ก็แค่หยุดการโจมตีของมันได้ชั่วคราว
เขายังต้องหลับตาอยู่ ไม่อาจรับรู้สิ่งรอบตัวได้
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป สิ่งที่รอเขาอยู่ก็มีแต่ความตาย
เขาเหมือนกับสัตว์ร้ายที่กำลังตื่นตระหนกจากการถูกล่า รู้ตัวว่ามีภัยร้ายอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของนักล่า เมื่อใดที่นักล่าลั่นไก เขาก็ต้องร่วงลงทันที
ผีชุดขาวตนนั้นไม่จำเป็นต้องฆ่าเขาด้วยซ้ำ เพียงแค่ทำให้อู๋เซี่ยนลืมตาหรือเปลี่ยนท่าที ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
แววตาอู๋เซี่ยนฉายแววเด็ดเดี่ยว
แม้แต่นักล่าเองก็อาจถูกสัตว์ร้ายตลบหลังได้เช่นกัน!
“ในเมื่อข้าไม่อาจมองเห็นได้…ก็จะใช้สิ่งที่มองเห็นได้แโจมตีทนข้าแล้วกัน!”
“คาถาแมลงกัดกิน!”
แซ่กแซ่ก ครืดคราด…
ทันใดนั้นมือของอู๋เซี่ยนก็มีแมลงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า จากสัมผัสที่ได้รับ อู๋เซี่ยนรู้ว่าแมลงพวกนี้แต่ละตัวใหญ่โตพอๆ กับด้วงเขี้ยวเล็ก น้ำหนักเยอะ และทั้งขาและกระดองเต็มไปด้วยหนามแหลมคม
หากไม่ได้มีผิวหนาแต่กำเนิด เพียงแค่แมลงเหล่านี้ไต่อยู่บนมือก็คงทำให้อู๋เซี่ยนบาดเจ็บได้แล้ว
มีแมลงทมิฬแห่งสายน้ำทั้งสิ้นยี่สิบตัวส่งเสียงหึ่งๆ ติดตามผีชุดขาวไปอย่างไม่หยุดยั้ง ในที่สุดผีชุดขาวที่คอยล้อเล่นกับอู๋เซี่ยนก็ถูกห้อมล้อมด้วยแมลงทมิฬเหล่านี้
ผีชุดขาวร้องออกมาอย่างตกใจ “นี่มันตัวอะไร…”
ฉึบ ฉึบ!
เสียงบดขยี้ดังขึ้นหลายครั้ง แมลงทมิฬบางส่วนถูกเหยียบจนแหลกสลายไป แมลงเหล่านี้ช่างเปราะบางเสียจริง
แต่ผีชุดขาวก็เริ่มกรีดร้องด้วยเสียงอันแหลมคม เนื้อของมันถูกแมลงทมิฬกัดแทะ แมลงเหล่านั้นบางตัวแม้กระทั่งเจาะเข้าสู่ผิวหนังของมันและกัดกินอวัยวะภายใน!
ถึงอวัยวะภายในจะไม่ได้จำเป็นต่อการมีชีวิตของผีร้ายเหล่านี้ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างวิญญาณ และการกัดกินอวัยวะภายในก็ทำให้พวกมันเจ็บปวดได้เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อแมลงเจาะเข้าสู่ภายในแล้ว ก็ไม่อาจจะนำออกมาได้ง่ายๆ!