บทที่ 127: เงินแก้ปัญหาทุกอย่างได้
“เอ่อ… ประมาณนั้นเจ้าค่ะ” พอมู่ไป๋ไป่เห็นว่าเสิ่นจวินเฉาเข้าใจผิด เธอก็เกาหัวยิ้มแก้เก้อ และตอบรับมันไปแบบส่ง ๆ
หลังจากนั้นทุกคนก็เดินไปพลางคุยไปพลาง ในไม่ช้าพวกเขาก็เห็นแสงเล็ก ๆ ส่องประกายท่ามกลางความมืด
แสงนั้นเป็นสีฟ้าอมเขียวจาง ๆ ลอยโดดเด่นอยู่กลางอากาศ
“กรี๊ดดด!! นั่นอะไรน่ะ!” หลัวเซียวเซียวรีบไปหลบอยู่ข้างหลังมู่ไป๋ไป่เพราะความหวาดกลัว “คุณหนู นั่นเป็นลูกไฟผีตามตำนานที่เล่าขานใช่หรือไม่?!”
เมื่อจื่อเฟิงได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กหญิง เขาก็รีบไปขวางอยู่ด้านหน้าเพื่อปกป้องทั้ง 2 คนเอาไว้
มู่ไป๋ไป่เองก็รู้สึกตกใจ แต่อย่างน้อยเธอก็เดินทางมาจากยุคปัจจุบันและค่อนข้างยอมรับปรากฏการณ์ประหลาดเช่นนี้ได้บ้าง
คนตัวเล็กคิดอยู่พักหนึ่งแล้วอธิบายให้สหายของตนฟังว่า “ลูกไฟผีที่เจ้าว่าน่าจะเป็นไฟจากฟอสฟอรัส”
“ไฟจากฟอสฟอรัส?” หลัวเซียวเซียวค่อย ๆ ยื่นหน้าออกไปมองด้วยความอยากรู้ “มันคืออะไรหรือเจ้าคะ?”
“ก็… เอ่อ...” มู่ไป๋ไป่เกาหัวเพราะไม่รู้จะอธิบายคำศัพท์สมัยใหม่ให้อีกฝ่ายฟังว่าอย่างไร “แค่ว่า… มันไม่ใช่ไฟจริง ๆ”
“มีคนเคยบอกว่าไฟประเภทนี้มักปรากฏในสุสาน”
“เพราะหลังจากที่ฝังศพมนุษย์ไปได้สักพัก มันก็จะปล่อยบางอย่างลอยขึ้นไปในอากาศ และจะทำให้มีไฟลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นในเวลากลางคืน”
หลังจากที่เด็กหญิงอธิบายอย่างคลุมเครือจบแล้ว คนฟังทั้ง 2 คนก็เข้าใจเพียงครึ่งเดียว ยามนี้ดวงตากลมโตทั้ง 3 คู่ค่อย ๆ หันไปมองภาพตรงหน้า ในขณะที่บรรยากาศเริ่มน่าขนลุกขึ้นเรื่อย ๆ
“ฮ่า ๆๆ” เสิ่นจวินเฉาซึ่งเดินอยู่ข้างหน้าหัวเราะเบา ๆ “ไป๋ไป่ เจ้ารู้อะไรมากกว่าที่ข้าคิดเสียอีก”
“ข้าเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากหรอกเจ้าค่ะ”
“บังเอิญข้าเคยเห็นมันตอนที่อ่านตำรา” มู่ไป๋ไป่รู้สึกขัดเขินกับคำชมนั้น ทำให้ใบหน้ากลมมนแดงขึ้นเล็กน้อย
เสิ่นจวินเฉาลูบหัวคนตัวเล็กเบา ๆ พร้อมกับกล่าวว่า “เรานี่ก็ฉลาดเสียจริง เจ้าสามารถเข้าใจตำราเช่นนี้ได้ตั้งแต่อายุเพียง 4 ขวบครึ่ง เป็นข้าที่รู้สึกละอายยิ่งนัก”
“ต้องบอกว่าลูกไฟผีเป็นอย่างที่ไป๋ไป่พูดเมื่อกี้ มันมักจะปรากฏอยู่ในสถานที่ที่มีหลุมศพอยู่มากมาย”
“สำหรับสาเหตุของการก่อตัวนั้น มีคนเคยกล่าวเอาไว้หลายแบบ สิ่งที่เรียกขานกันบ่อย ๆ ก็คือ วิญญาณผู้บริสุทธิ์”
“แต่ข้าไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องผีสาง”
“เพราะฉะนั้น ข้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ไป๋ไป่พูดมากกว่า ลูกไฟผีเกิดจากศพที่รวมตัวกันมากมายในสุสาน”
“ข้าเองก็ได้ยินมาว่าที่นอกเมืองมีหลุมศพหมู่อยู่ หรือว่ามันจะตั้งอยู่ที่นี่?” หลัวเซียวเซียวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เซียวเซียวดูเหมือนจะคุ้นเคยกับนอกเมืองมาก” เสิ่นจวินเฉามองเด็กหญิงด้วยรอยยิ้มก่อนจะพยักหน้าตอบรับ “ไม่ผิด หลุมศพหมู่อยู่ตรงหน้าเรานี่เอง”
หลัวเซียวเซียวตัวสั่นขึ้นมาทันที “แต่เรากำลังจะไปตลาดผีไม่ใช่หรือเจ้าคะ ทำไมเราถึงต้องมาที่หลุมศพหมู่นี้?”
“หรือว่า… ทางเข้าตลาดผีอยู่ในหลุมศพหมู่?”
เด็กหญิงพูดเสียงเบาลงเรื่อย ๆ นางทำเหมือนกับว่ามีบางสิ่งที่น่ากลัวกำลังจ้องมองนางอยู่ในความมืด
“ถูกต้อง” เสิ่นจวินเฉาพยักหน้าชื่นชมที่อีกฝ่ายคาดเดาถูก “เพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกบังเอิญเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทางเข้าตลาดผีจึงตั้งอยู่ด้านหลังหลุมศพหมู่”
“เจ้าจะสามารถเห็นมันได้ก็ต่อเมื่อเดินผ่านลูกไฟผีไป”
มู่ไป๋ไป่รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กชาย ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกชื่นชมคนผู้นี้ขึ้นมา
ที่นี่มีหลุมศพเป็นจำนวนมากจึงทำให้เกิดไฟจากฟอสฟอรัส หากคนปกติมาพบเห็นมันเข้าก็คงจะหันหลังวิ่งหนีไปด้วยความหวาดกลัวอย่างแน่นอน
“ไป๋ไป่ ถ้าเจ้ากลัวก็จับมือข้าไว้” เสิ่นจวินเฉาพูดพร้อมกับยื่นมือออกมาตรงหน้าเด็กหญิง “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าอย่าได้ตกใจ แล้วก็ไม่ต้องวิ่งหนี”
“แต่จำไว้ให้ดีว่าเจ้าจะต้องตามข้ามาติด ๆ”
มู่ไป๋ไป่คิดอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นว่าทั้งหลัวเซียวเซียวกับจื่อเฟิงก็ดูหวาดกลัวไม่น้อย เธอจึงจับมือเสิ่นจวินเฉาเอาไว้
ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะเป็นคนที่น่าเชื่อถือที่สุด
ขณะที่เด็กทั้ง 4 กำลังพูดคุยกันอยู่ พวกเขาก็เห็นหลุมศพหมู่
สถานที่แห่งนี้ว่ากันว่าเป็นหลุมศพขนาดใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงพื้นที่รกร้างว่างเปล่า
บางครั้งเราจะเห็นป้ายหลุมศพที่ทำมาจากแผ่นไม้ปักอยู่บนพื้น ถึงแม้ว่ามันจะมืดไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
จากนั้นเสิ่นจวินเฉาก็เดินนำเด็กทั้ง 3 คนวนไปเวียนมาในสุสาน
ในตอนที่พวกมู่ไป๋ไป่กำลังรู้สึกมึนงงกับทิศทาง ในที่สุดพวกเธอก็เห็นก้อนหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างหน้าโดยที่บนนั้นมีตัวอักษรตัวใหญ่เขียนเอาไว้
‘มนุษย์หลงเวียนวน’
“นี่คือโลกผี” เสิ่นจวินเฉาอธิบาย “การก้าวเข้าไปที่นี่หมายความว่าเราได้เข้าสู่ตลาดผีแล้ว”
“ถ้าเราเดินเข้าไปประมาณ 1 ถ้วยชา*ก็จะมองเห็นทางเข้าตลาดผี”
*1 ถ้วยชา = 15 นาที
“ในตอนกลางวันสถานที่แห่งนี้เป็นแบบนี้หรือไม่?” มู่ไป๋ไป่เอามือแตะหินก้อนใหญ่อย่างสงสัย “มันจะไม่แปลกไปหน่อยหรือถ้ามีคนเห็นตัวอักษรพวกนี้ตอนกลางวัน”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” เสิ่นจวินเฉาจูงมือพวกมู่ไป๋ไป่เดินเข้าไปข้างในขณะที่กล่าวว่า “ครั้งสุดท้ายที่ข้าเดินผ่านที่นี่ตอนกลางวัน ข้าเองก็ไม่เห็นหินก้อนนี้”
“หา?” คนตัวเล็กรู้สึกประหลาดใจ “เป็นไปได้อย่างไร หรือว่าหินก้อนนี้จะมีขาเดินไปเองได้? แล้วมันก็จะปรากฏตัวเฉพาะในเวลากลางคืน แล้วกลางวันก็จะไปซ่อนไม่ให้ใครเห็น”
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน” เด็กชายส่ายหัวตอบ “อย่างไรก็ตาม ข้าได้ยินมาว่าผู้ที่ก่อตั้งตลาดผีเหมือนจะมีความรู้วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย*”
*วิชาฉีเหมินตุ้นเจี่ย (奇門遁甲) เป็น 1 ใน 3 สุดยอดวิชาพยากรณ์ของจีน เป็นวิชาที่บรรพกษัตริย์จีน แม่ทัพสมัยก่อนต้องเรียนรู้ เพื่อใช้ในการทำศึกสงคราม การปกครองบ้านเมือง และดูแลประชาชน
“เพราะเหตุนี้ สถานที่นี้จึงจะปรากฏเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น”
“ลึกลับมาก!” ยิ่งมู่ไป๋ไป่ฟังเรื่องราวของตลาดผีมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกสนใจมันมากขึ้นเท่านั้น แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองหินก้อนใหญ่ที่มีข้อความ ‘มนุษย์หลงเวียนวน’ อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เธอไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาดไปหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าจะมีหมอกค่อย ๆ เพิ่มขึ้นที่ด้านหลัง ซึ่งหมอกนั้นก็ทำให้เธอเหมือนจมอยู่ใต้น้ำจนมองไม่เห็นอะไรเลย
“ใครน่ะ!”
หลัวเซียวเซียวอุทานเสียงดังทำให้มู่ไป๋ไป่ต้องหันกลับมาก่อนจะเห็นโคมไฟ 2 ดวงส่องสว่างอยู่ข้างหน้าไม่ไกล และมีหลายคนที่สวมชุดคลุมสีดำยืนอยู่ใต้โคมไฟเหล่านั้น
คนตัวเล็กเงยหน้าพูดขึ้นว่า “เรามาถึงแล้ว!”
ที่ทางเข้าตลาดผี มี ‘ผีน้อย’ 2 ตนกำลังคอยตรวจสอบตัวตนของผู้มาเยือน
ตอนนี้มีไม่กี่คนยืนอยู่ข้างหน้ามู่ไป๋ไป่โดยที่ทุกคนถือโคมแดงอยู่ในมือ ทางด้าน ‘ผีน้อย’ ทั้ง 2 เพียงแค่เหลือบมองพวกเขาแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าไป
แต่พอพวกมู่ไป๋ไป่มาถึง คนพวกนั้นก็ก้าวมาขวางเอาไว้
“2 คนนี้ยังเป็นเด็กอยู่ไม่ใช่หรือ?” ‘ผีน้อย’ มองไปที่มู่ไป๋ไป่กับหลัวเซียวเซียว “ท่านไม่รู้กฎของตลาดผีหรืออย่างไรว่าไม่อนุญาตให้เด็กเข้าไป?”
“ข้ารู้ชัดเจน” เสิ่นจวินเฉายิ้มก่อนจะหยิบก้อนเงิน 2 ก้อนออกมาจากแขนเสื้อแล้วมอบให้อีกฝ่าย “ข้าหวังว่าพวกท่านทั้ง 2 จะสามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ได้”
‘ผีน้อย’ ทั้ง 2 หันมามองหน้ากันชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าให้กันและรับเงินมา แล้วโบกมือ “รีบเข้าไปเร็วเข้า เจ้าจะเจอมนุษย์กินคนอยู่ข้างใน หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นเราจะไม่สนใจ”
เสิ่นจวินเฉาขอบคุณอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มแล้วพาพวกมู่ไป๋ไป่เข้าไปข้างใน
“จริงดั่งที่เขาพูดกันว่าเงินแก้ปัญหาทุกอย่างได้…” มู่ไป๋ไป่ลอบถอนหายใจ ในที่สุดเธอก็นึกถึงมนุษย์กินคนที่ ‘ผีน้อย’ 2 ตนนั้นพูดถึง และเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
“พี่จวินเฉา ที่พวกเขาบอกว่ามนุษย์กินคนคืออะไรหรือ? ให้ตายเถอะ คนพวกนั้นจะจับเด็กกินหรืออย่างไร?”
หลัวเซียวเซียวเองก็จ้องหน้าคุณชายเสิ่นด้วยความรู้สึกประหม่าปนหวาดกลัว
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” เด็กชายตอบยิ้ม ๆ “แต่ตราบใดที่พวกเจ้าติดตามข้าตลอดทาง พวกเจ้าจะไม่เป็นไร”
“...” มู่ไป๋ไป่ที่ได้ยินดังนี้ก็พูดไม่ออก
“มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว” หลัวเซียวเซียวซึ่งน้ำตาคลอเบ้ารีบคว้าแขนเสื้อของคนตัวเล็กมาจับไว้แน่น “คุณหนู เรารีบไปตามหาเจ้าตัวโตแล้วรีบกลับกันเถอะเจ้าค่ะ”