ตอนที่ 76 เข้าสู่แคว้นอู๋โจวอย่างเป็นทางการและมาถึงภูเขาเทียเซียน
ตอนที่ 76 เข้าสู่แคว้นอู๋โจวอย่างเป็นทางการและมาถึงภูเขาเทียเซียน
ฉู่เสวียนและอีกห้าคนได้เอาอาวุธเวทย์มนตร์บินได้ออกมา และบินออกจากอาณาเขตของถ้ำจีหยินเพื่อเข้าสู่แคว้นอู๋โจวอย่างแท้จริง
ที่นี่มีอากาศที่ชื้นและร้อนอบอ้าว มีแมลงพิษ และวิญญาณดุร้ายมากมาย…และไม่แน่ว่าอาจมีผู้บ่มเพาะของนิกายพื้นเมืองซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดทุกมุม นี่แหละคือแคว้นอู๋โจวของจริง...ดินแดนที่เต็มไปด้วยอันตรายและความป่าเถื่อน
ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับแคว้นอู๋โจวปรากฎขึ้นมาในใจของฉู่เสวียน เขาได้เก็บรวบรวมข้อมูลทุกประเภทเกี่ยวกับแคว้นอู๋โจวมานานแล้ว
แคว้นอู๋โจวไม่ใช่ดินแดนของอาณาจักรหยูมาก่อน แต่เดิมมันเป็นดินแดนของคนป่าเถื่อนทางตอนใต้ของอาณาจักรหยู แต่หลังจากนั้นแคว้นอู๋โจวก็ถูกนิกายอู๋จี๋เข้ามายึดครองได้สำเร็จเมื่อพันปีก่อน จากนั้นจึงรวมแคว้นอู๋โจวเข้ากับอาณาจักรหยู
นิกายพื้นเมืองในแคว้นอู๋โจวล้วนก่อตั้งขึ้นมาโดยคนป่าเถื่อนทั้งสิ้น
วิธีการทั่วไปของพวกเขาคือการฝึกฝนเทคนิคพิษ การบูชาภูติผีปีศาจ และการกลั่นศพ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นวิถีของสายมารทั้งสิ้น
นิกายอู๋จี๋จึงได้ซึมซับเทคนิคมากมายมาจากพวกเขา จนในที่สุดก็นำหน้านิกายฝ่ายธรรมะทั้งห้าและกลายเป็นนิกายสายมาร ที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรหยู
เป็นเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้นิกายอู๋จี๋รู้ถึงความสามารถของนิกายพื้นเมืองเหล่านี้ในแคว้นอู๋โจวได้เป็นอย่างดี
แม้ว่าพวกเขาจะมีผู้บำเพ็ญแก่นปราณทองคำไม่มากนัก แต่พวกเขาก็สามารถฆ่าผู้บุกรุกในป่าฝน หนองน้ำ และหุบเขาได้อย่างง่ายดาย ด้วยความได้เปรียบที่รู้จักภูมิประเทศของแคว้นอู๋โจวได้ดีกว่าใคร
หลังจากที่ประเมินผลถึงผลได้ผลเสียแล้ว นิกายอู๋จี๋ก็ล้มเลิกความคิดที่จะผนวกแคว้นอู๋โจวเข้าด้วยกันโดยสิ้นเชิง
พวกเขาใช้แคว้นอู๋โจวเป็นเหมือนสวนหลังบ้าน ที่เอาไว้ซื้อขายวัตถุดิบต่างๆเท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงส่งผลให้นิกายพื้นเมืองของแคว้นอู๋โจวได้สร้างสันติภาพกับนิกายอู๋จี๋ขึ้นมา
จนกระทั่งนิกายอู๋จี๋ถูกทำลายลงไป แคว้นอู๋โจวก็ถูกนิกายฝ่ายธรรมะทั้งห้ายึดครองและมอบให้กับนิกายเทียนหยิน
ดังนั้นจึงทำให้เห็นว่าสงครามในครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น.....
หลังจากเคลื่อนตัวมาได้ระยะหนึ่ง พวกเขาก็แยกย้ายกันออกไป เพื่อตรงไปยังเป้าหมายของตน
........
สงครามระหว่างนิกายเทียนหยินและนิกายพื้นเมืองในแคว้นอู๋โจวได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
หมื่นลี้ทางตะวันออกของถ้ำจีหยินล้วนแต่เป็นแนวรบ
โดยธรรมชาติแล้วจึงเป็นไปไม่ได้ที่ฉู่เสวียนและผู้บำเพ็ญช่วงผู้สร้างรากฐานทั้งห้าจะบุกเข้าไปโจมตีแค่ที่เดียว
ในเมื่อพวกเขาได้ออกมาเป็นแนวหน้าในครั้งนี้ ก็จำเป็นจะต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีดับไฟสงครามนี้ลงให้ได้มากที่สุด
ซึ่งพวกเขาคิดว่า ที่สงครามในครั้งนี้รุนแรงและรับมือได้ยากขึ้น ก็เป็นเพราะความแข็งแกร่งของสามนิกายพื้นเมือง อย่าง นิกายพันแมลง นิกายโลหิตพิโรธ และนิกายกลั่นกระดูก
ซึ่งภารกิจที่ถ้ำจีหยินได้รับมาในครั้งนี้คือการโจมตีและเข้ายึดนิกายพันแมลงให้สมบูรณ์
เนื่องจากนิกายพันแมลงนั้น เป็นหนึ่งในสิบสองนิกายที่ทรงอิทธิพลที่สุดในแคว้นอู๋โจว มีอำนาจเหนือนิกายเล็ก ๆ เกือบสามสิบนิกาย ซึ่งที่ผ่านมา ผู้บ่มเพาะชุดแรกและชุดที่สองที่นิกายเทียนหยินส่งมามักจะได้ต่อสู้กับนิกายเล็กๆ ที่อยู่ภายใต้อำนาจของนิกายพันแมลงมาโดยตลอด
และวิธีการโจมตีหลักของพวกเขาคือการใช้แมลงกู่ เทคนิคพิษ การลอบสังหาร...วิธีการฉลาดแกมโกงทุกประเภทไม่มีที่สิ้นสุด ส่งผลให้ผู้บ่มเพาะของนิกายเทียนหยินที่เป็นรองเรื่องเทคนิคสายมารเหล่านี้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ
และในครั้งนี้ หลี่ซวนหมิงและคนอื่น ๆ ต่างก็มีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องจัดการ
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้โจมตีนิกายพันแมลงโดยตรง
แต่พวกเขาได้วางแผนที่จะโจมตีนิกายเล็กๆที่อยู่ภายใต้อำนาจของนิกายพันแมลงให้สิ้นซากลงไปก่อน
ท้ายที่สุดแล้ว นิกายพันแมลงก็เป็นนิกายที่มีผู้บำเพ็ญแก่นปราณทองคำดูแลอยู่
แม้ว่าจะมีเพียงหนึ่งถึงสองคน และด้อยกว่าผู้บำเพ็ญแก่นปราณทองคำของนิกายเทียนหยินมาก
แต่นั่นก็เป็นผู้บำเพ็ญแก่นปราณทองคำ พวกเขาที่เป็นแค่ผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานจะเอาอะไรไปสู้ได้ มันไม่มีที่ว่างให้ผู้บำเพ็ญช่วงสร้างฐานรากอย่างพวกเขาได้อวดอ้างความแข็งแกร่งแน่นอน
“รอดูสถานการณ์ไปก่อน หากสงครามตึงเครียดมาก ข้าก็จะเดินทางไปที่ดาวเคราะห์โลกาวินาศเพื่อหลบเลี่ยงสงครามในครั้งนี้ แทนที่จะอยู่ที่นี่แล้วต้องมาเสี่ยงชีวิต” ฉู่เสวียนพูดกับตัวเอง
สู้ได้ก็สู้ แต่ถ้าสู้ไม่ได้ก็หนี
อย่างไรก็ตาม เขายังมีกระจกโลหิตอยู่ในมือที่สามารถเดินทางไปมาระหว่างสองโลกได้ตามต้องการ
หนึ่งวันต่อมา...
ฉู่เสวียนก็ได้เดินทางมาถึง "ภูเขาเทียเซียน" แล้ว
ซึ่งภูเขาเทียเซียนแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในนิกายที่อยู่ภายใต้อำนาจของนิกายพันแมลง
ที่ประตูมีผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานเพียงหกคนเฝ้าอยู่ เห็นได้ชัดว่าที่นี่ไม่มีผู้บำเพ็ญแก่นปราณทองคำอยู่เลย
แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีคนบอกว่าภูเขาเทียเซียนนั้นมีค่ายกลแปลกประหลาดห่อหุ้มอยู่ ส่งผลให้ผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานในระยะเริ่มต้นสามคนจากสำนักเทียนหยินถูกค่ายกลนั้นโจมตีจนถูกกักขังอยู่ข้างใน และหนึ่งในนั้นก็เป็นศิษย์สายตรงของปรมาจารย์แก่นปราณทองคำของนิกายเทียนหยิน
ฉู่เสวียนจึงได้รับหน้าที่ให้มาช่วยเหลือผู้บ่มเพาะที่ถูกคุมขังไว้ทั้งสามคน
ก่อนที่เขาจะมาถึง เขาก็ได้มองเห็นว่ามีหมอกหนาปกคลุมภูเขาเทียเซียนอยู่จากระยะไกล และยังเห็นว่ามีแสงเวทย์มนตร์จาง ๆ ส่องออกมาจากมัน
“ดูเหมือนว่าหมอกจะไม่หนาเหมือนกับข้อมูลที่ได้มา” ฉู่เสวียนขมวดคิ้วทันที
หลังจากที่เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็เห็นร่างของผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณคนหนึ่งที่นอนเสียชีวิตอยู่บนพื้นอย่างน่าสลดใจ และมนุษย์ที่ตั้งใจจะอพยพออกไป ก็ต้องมาเสียชีวิตลงเพราะสงครามนี้ด้วยเช่นกัน
หวืด!
ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็บินออกมาจากหมอกและพุ่งเข้าหาฉู่เสวียนอย่างรวดเร็ว
เขาจึงได้เคลื่อนตัวถอยหลังทันที
แต่เมื่อมองดูใกล้ ๆ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณของนิกายเทียนหยิน
ในเวลานี้ ที่หน้าอกของเขาได้ยุบลงไปเป็นหลุมลึก และขาขวาหัก รอบตัวของเขามีหนอนสีดำราวกับสายไฟหลายเส้นขดรัดตัวเขาเอาไว้และกัดกินเนื้อหนังของเขาไม่หยุด
แต่ก่อนที่ฉู่เสวียนจะทันได้ถาม ผู้บ่มเพาะคนนั้นก็ได้สิ้นใจลงอย่างน่าอนาถ
ฉู่เสวียนขมวดคิ้วอีกครั้ง
แมลงตัวนั้นคือเส้นลวดโลหะ ซึ่งเป็นแมลงกู่ที่ดีที่สุดของภูเขาเทียเซียน
"เจ้าเป็นผู้บ่มเพาะที่มาที่นี่เพื่อสนับสนุนข้าหรือ? ตามข้ามา! รีบเข้าไปข้างในเร็วเข้า!" เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง
ฉู่เสวียนเงยหน้าขึ้นมองและพบผู้บำเพ็ญช่วงสร้างฐานสองคน
ซึ่งทั้งสองก็ได้สวมชุดคลุมลัทธิเต๋าของนิกายเทียนหยิน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาล้วนมีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย ไม่ใช่คนที่ฉู่เสวียนเคยเห็น
“ดีที่ข้าได้พบพวกเขาทั้งสอง ข้าจะได้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น” ฉู่เสวียนไม่ปฏิเสธและเข้าร่วมทันที
เพราะเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะเดินเข้าไปในภูเขาเทียเซียนเพียงลำพังเหมือนกัน
เนื่องจากหมอกที่ปกคลุมข้างนอกภูเขาแห่งนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าถูกคุกคาม
ใครจะรู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในหมอกนี้บ้าง เมื่อมีหมอกมาบดบัง ก็ทำให้ทัศนวิสัยของพวกเขาแคบลงหลายเท่า
การมีเพื่อนร่วมทีมหลายคน ก็ทำให้การป้องกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลังจากเข้าร่วมแล้ว ทั้งสามก็ได้ถามชื่อของกันและกันออกมา
ในไม่ช้า ฉู่เสวียนก็ได้รู้ตัวตนของพวกเขา ผู้บ่มเพาะร่างกำยำคนนั้นชื่อจ้าวหลวน ส่วนผู้บ่มเพาะร่างผอมสูงมีชื่อว่าโจวหยู ทั้งสองเป็นผู้บ่มเพาะชุดที่สองที่นิกายเทียนหยินได้ส่งมา
แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้ระบุเขตแดนการบ่มเพราะของตนอย่างชัดเจน แต่ฉู่เสวียนก็รู้สึกได้คร่าวๆ ว่าพวกเขาทั้งสองยังอยู่ในระยะเริ่มต้นของช่วงสร้างรากฐาน
ในตอนที่พวกเขาทั้งสามคนกำลังจะบินเข้าไปยังภูเขาเทียเซียน ทันใดนั้นก็มีร่างที่ปกคลุมไปด้วยเลือดได้วิ่งหนีมาทางนี้อย่างเร่งรีบ
“หนีเร็วเข้า! หนีเร็วเข้า!” ดวงตาของชายคนนั้นดูตกตะลึง
แม้ว่าเขาจะเห็นฉู่เสวียนและอีกสองคน แต่เขาก็ไม่คิดที่จะหยุดเลย
ฉู่เสวียนที่เหลือบมองพวกเขาก็ได้เห็นว่ามีเส้นลวดโลหะหลายเส้นพันรอบร่างกายของเขาอยู่ และเริ่มที่จะเจาะเข้าไปในอวัยวะภายใน
แม้ว่าผู้บ่มเพาะคนนี้จะหนีไปไหน เขาก็จะตายอยู่ดี
ฉู่เสวียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอีกครั้ง
ภูเขาเทียเซียนแห่งนี้น่ากลัวจริงๆ หรือ?
จ้าวหลวนยังได้เยาะเย้ยออกมาว่า "ข้ารู้จักบุคคลนั้น เขาเป็นเพียงผู้บ่มเพาะทั่วไปสามารถทะลวงเข้าสู่ช่วงสร้างรากฐานได้ก็เพราะโชคช่วย ไม่ต้องสนใจเขา เดินหน้าต่อไป เข้าไปช่วยเหลือผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานทั้งสามที่ติดอยู่ในนั้นออกมาให้ได้ เพื่อแลกกับคะแนนสนับสนุนจากนิกายโดยตรง 300 คะแนน นี่เป็นโอกาสดีที่ไม่ควรพลาด อย่ากังวล ตามข้ามา”
โจวหยูยังพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พี่จ้าวอยู่ห่างจากขั้นที่ 4 เพียงก้าวเดียวเท่านั้น สหายลัทธิเต๋าฉู่ ไม่ต้องกังวล ด้วยการที่มีพี่จ้าวเป็นผู้นำ เราจะปลอดภัยแน่นอน”
ฉู่เสวียนพยักหน้าเล็กน้อย
ช่วงเวลาถัดจากนั้น....
เขาก็ได้ยินจ้าวหลวนพูดด้วยความสับสนว่า "มันคันมาก ทำไมมันถึงคันขนาดนี้..."
เขาเห็นจ้าวหลวนเกาหลังยิกๆ ด้วยความลำคาญใจ
เมื่อมองย้อนกลับไป เขาก็ต้องประหลาดใจที่พบว่ามีหนอนดักฟังสองตัวอยู่บนหลังของจ้าวหลวน และพยายามที่จะเจาะเข้าไปในร่างกายของเขา
“พวกเจ้าคันหรือเปล่า?” จ้าวหลวนมองไปที่ฉู่เสวียนและโจวหยู
จู่ๆ โจวหยูก็ต้องตกตะลึงที่เห็นว่ามีแมลงสีขาวแปลกๆ สองตัวโผล่ออกมาจากดวงตาของจ้าวหยวน
ทว่าจ้าวหลวนก็ยังไม่รู้ตัว
ฉู่เสวียนจึงได้ตะโกนออกมาว่า "ถอยเร็วเข้า! มีกู่ที่ทรงพลังอยู่แถวนี้!"
เขายอมรับว่าเขาไม่มีเทคนิคพิษที่แยบยลเช่นนี้ แม้แต่จ้าวหลวนเองก็ถูกวางยาพิษโดยที่ไม่รู้ตัว!
โจวหยูได้แต่กลืนน้ำลาย เขาวิ่งหนีไปโดยไม่พูดอะไร
“เฮ้ พวกเจ้า...พวกเจ้าจะไปที่ไหน ทำไมข้าถึงไม่เห็นพวกเจ้าล่ะ?”
ดวงตาของจ้าวหลวนถูกแมลงกู่กินเข้าไปโดยที่ไม่รู้ตัว การมองเห็นนั้นถูกปลอมแปลงโดยแมลงกู่
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉู่เสวียนและโจวหยูหันหลังกลับและวิ่งหนีไปทำไม
“มันคันมาก...มันคันมาก!” จ้าวหลวนรู้สึกได้เพียงอาการคันตามร่างกายของเขา ซึ่งมันก็ค่อยๆ กลายเป็นความเจ็บปวดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ในท้ายที่สุดเขาก็ถูกบังคับให้เกาอย่างบ้าคลั่งจนกระทั่งมีเลือดหยดออกจากรอยขีดข่วนของเล็บ!
ติ่ง.
เลือดของเขาได้หยดลงมาและตกลงบนพื้น
ในตอนนั้นแมลงกู่ที่อยู่รอบๆก็ได้เข้ามารุมกัดกินร่างกาย จนกระทั่งเขาตายไป