ตอนที่แล้วก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 4 มือสังหารระดับมนุษย์ชั้นเอก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 6 สังหารยามวิกาล

ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 5 ศาลาสังหารโลหิต


ก่อตั้งองค์กรมือสังหารในโลกบำเพ็ญเพียร ตอนที่ 5 ศาลาสังหารโลหิต

“ระบบ ตรวจสอบภารกิจทั้งหมดในตอนนี้”

[ภารกิจหลัก: สังหารเจ้าเมืองหลินเทียน และกงเฟิ่งผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสาม เป็นก้าวแรกของศาลาสังหารโลหิต]

(รางวัล: มือสังหารระดับมนุษย์ชั้นเอก *5, มือสังหารระดับมนุษย์ชั้นโท *20)

[ภารกิจย่อย 2: ทำภารกิจซื้อขายให้ครบหนึ่งร้อยครั้ง (1/100)]

(รางวัล: ดาบอำพันทองคำ *10 (ระดับนิลขั้นสูง))

[ภารกิจย่อย 3: ทำภารกิจซื้อขายให้ครบหนึ่งพันครั้ง (1/1000)]

(รางวัล: พระสูตรไท่ซูบทที่สาม (ระดับจักรพรรดิ))

(...)

เยี่ยหมิงมองดูภารกิจมากมายที่ระบบแสดง รู้สึกว่าหนทางยังอีกยาวไกล

“ช่างเถิด เรื่องเหล่านี้ค่อยคิดทีหลังก็แล้วกัน”

“เกือบลืมไปแล้ว นำมือสังหารระดับมนุษย์ชั้นเอกออกมาดูก่อนว่ามีระดับเคลื่อนวิญญาณขั้นใด หากเหมือนกับหลัวจวินที่มีระดับเคลื่อนวิญญาณขั้นหกขึ้นไป ก็นับว่าโชคดี”

เยี่ยหมิงมองดู

เบื้องหน้าปรากฏแสงสีขาวสว่างวาบ

ชายหนุ่มรูปงามสวมชุดยาวแบบบัณฑิตเดินออกมา เขาใส่อุปกรณ์ที่ช่วยในการมองเห็นข้างหนึ่ง มือถือพัดพับ บนพัดมีตัวอักษร “วางแผนใต้หล้า” สามตัว เขียนอย่างงดงาม

เมื่อชายหนุ่มเห็นเยี่ยหมิง เขาก็ก้มลงคุกเข่าข้างหนึ่ง กล่าวคารวะว่า “ซวนหลวนเทียนคารวะเจ้าศาลา”

ในเวลานี้ เบื้องหน้าเยี่ยหมิงก็ปรากฏข้อมูลของอีกฝ่าย

[ชื่อ: ซวนหลวนเทียน]

[สถานะ: มือสังหารระดับมนุษย์ชั้นเอกแห่งศาลาสังหารโลหิต]

[ระดับตบะ: ระดับเคลื่อนวิญญาณขั้นหก]

[วิชาเวท: วิชาลับประตูพิเศษ, เนตรสังเกตการณ์, ฝ่ามือละลายกระดูก, ...]

[คำอธิบาย: มาจากโลกศิลปะการต่อสู้ระดับกลาง เคยมีสมญานามว่า ‘สติปัญญาอันดับหนึ่งในใต้หล้า’ เป็นหนึ่งในสามปรมาจารย์ยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่]

เยี่ยหมิงมองดู พยักหน้าเล็กน้อย

แม้ว่าระดับตบะของบุรุษผู้นี้จะด้อยกว่าหลัวจวิน แต่จากคำว่า ‘สติปัญญาอันดับหนึ่งในใต้หล้า’

แสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์ของบุรุษผู้นี้เหนือกว่าหลัวจวินหลายเท่า!

บังเอิญว่าตอนนี้เขาขาดผู้จัดการและผู้ดูแล

บุรุษผู้นี้มาได้ทันเวลาพอดี

ท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นถึงผู้อยู่เบื้องหลังขององค์กรมือสังหาร

คงไม่สามารถมานั่งอยู่ที่นี่ และรับคำขอจากผู้อื่นได้

คงไม่เหมาะสม

เยี่ยหมิงคิดในใจ มองดูซวนหลวนเทียนด้วยสายตาที่เป็นประกาย

ซวนหลวนเทียนไม่รู้ว่าเจ้าศาลาเบื้องหน้ากำลังคิดอันใด แต่เขาก็ไม่กล้าเอ่ยถาม

ท้ายที่สุดแล้ว ชีวิตของเขาอยู่ในกำมือของเยี่ยหมิง

เพียงแค่เยี่ยหมิงคิด ระบบก็สามารถลบพวกเขาออกไปได้

เยี่ยหมิงกล่าวว่า “ลุกขึ้นเถิด”

“ขอบพระคุณเจ้าศาลา”

ซวนหลวนเทียนลุกขึ้นอย่างช้า ๆ มองเยี่ยหมิงด้วยความเคารพ

“เรื่องราวของศาลาสังหารโลหิตต่อไปนี้ ข้าจะมอบหมายให้เจ้าจัดการ เข้าใจหรือไม่”

“ข้าเข้าใจ การได้ทำงานให้เจ้าศาลา เป็นเกียรติอย่างยิ่ง!”

ซวนหลวนเทียนมีสีหน้าดีใจเล็กน้อย

ด้วยสติปัญญาของเขา ทำให้เขามองเห็น

เส้นทางของศาลาสังหารโลหิตในอนาคตย่อมต้องยิ่งใหญ่!

การที่เขาสามารถเป็นผู้จัดการของขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง!

“อีกอย่าง คนเหล่านี้ข้าจะมอบหมายให้เจ้าจัดการ”

เยี่ยหมิงมองดู

แสงสว่างสิบสายปรากฏขึ้น

มือสังหารระดับมนุษย์ชั้นโทสิบคนปรากฏตัวขึ้น

พวกเขาก้มลงคุกเข่าข้างหนึ่ง กล่าวพร้อมกันว่า “คารวะเจ้าศาลา!”

ซวนหลวนเทียนได้ยินเช่นนั้น จึงกล่าวคารวะเยี่ยหมิงอีกครั้ง “รับคำสั่งจากเจ้าศาลา ข้าน้อยจะทำทุกวิถีทาง เพื่อพัฒนาศาลาสังหารโลหิต”

เยี่ยหมิงพยักหน้า

……

ณ เวลาเดียวกัน เมืองหลินเทียน จวนเจ้าเมือง

“ช่างเหลือเชื่อ ช่างเหลือเชื่อ ใครกันที่ทำเช่นนี้ กล้าลงมือกับเนี่ยงเอ๋อร์!”

“คิดว่าข้า หลินเทียนเฟิง เป็นเพียงหุ่นเชิดอย่างนั้นหรือ?”

ชายวัยกลางคนสวมชุดยาว กอดร่างไร้ศีรษะเอาไว้ สีหน้าบิดเบี้ยว

จากนั้น หลินเทียนเฟิงลุกขึ้นยืน มองดูสาวใช้ที่ใบหน้าซีดเผือด “กล่าวมา! ใครกัน!”

“เรียน… เรียนท่านเจ้าเมือง อีก… อีกฝ่ายสวมหน้ากาก ข้า… ข้าน้อยมองไม่เห็นใบหน้าของเขา รู้เพียงว่าเฉินกงเฟิ่งถูกสังหารในทันที จากนั้นนายน้อยก็……”

สาวใช้คุกเข่าลงกับพื้น ศีรษะแนบชิดกับพื้น

น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเสียงร้องไห้

“ตามที่เจ้ากล่าว เหตุใดคนผู้นั้นถึงไม่สังหารเจ้า?”

หลินเทียนเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร

สามารถคาดเดาได้

ในวินาทีถัดมา หากสาวใช้ผู้นี้กล้าโกหก ชีวิตของนางคงจะจบสิ้น

“ข้า… ข้าน้อยไม่รู้……”

สาวใช้รู้สึกถึงจิตสังหารที่รุนแรงขึ้น จึงรีบกล่าวต่อว่า “แต่ข้าน้อยรู้ว่าเขามาจากที่ใด……”

“กล่าวมา!”

“ได้ยินมาว่าเขามาจากศาลาสังหารโลหิต”

“ศาลาสังหารโลหิต?”

หลินเทียนเฟิงเลิกคิ้ว เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

“เจ้าค่ะ” สาวใช้รีบพยักหน้า กล่าวต่อว่า “ข้า… ข้าน้อย ยังจำคำพูดของเขาได้”

“กล่าวมา!”

“ผู้ที่สังหารเจ้า คือขุยจิน……”

สาวใช้กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา กลัวว่าเจ้าเมืองหลินเทียนเฟิงจะโกรธแค้น

“ขุยจิน……”

หลินเทียนเฟิงหรี่ตาลง

ศาลาสังหารโลหิต เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ขุยจิน เขารู้จัก

เมื่อสัปดาห์ก่อน เด็กนั่นเคยมาตะโกนอยู่หน้าจวนเจ้าเมือง

เรื่องราวของบุตรชาย เขารู้ดี

หลินเทียนเฟิงคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่

แม้ยังเด็ก ก็ต้องทำเรื่องเหลวไหลเป็นธรรมดา

เขารักบุตรชายอย่างยิ่ง ตราบใดที่เรื่องราวไม่เกินขอบเขต เขาก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น

เมื่อไม่กี่วันก่อน เขาไม่ได้ยินเสียงของเด็กนั่น

เขาคิดว่าหลินเนี่ยงคงจะจัดการไปแล้ว

แต่ในฐานะที่เป็นบิดา เขาก็ไม่ได้ทำสิ่งใด ปล่อยให้เป็นไป

ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาเสียใจก็คือ

เด็กนั่นยังมีชีวิตอยู่ หากเขารู้ เขาก็คงจะลงมือด้วยตนเอง

“สารเลวน้อย กล้าดีอย่างไร!”

หลินเทียนเฟิงมีแววตาที่เย็นชา ปลดปล่อยกลิ่นอายระดับรวมวิญญาณระยะสูงสุดออกมา ทำให้สาวใช้ข้างกายแทบจะหายใจไม่ออก

ทันใดนั้น ชายร่างกำยำผมสั้นสวมชุดเทาก็เดินเข้ามา

เขากล่าวคารวะหลินเทียนเฟิง “ท่านเจ้าเมือง”

หลินเทียนเฟิ่งจึงเก็บกลิ่นอาย ทำให้สาวใช้ข้างกายโล่งใจ

“เจิ้งกงเฟิ่ง มีเรื่องอันใดหรือ?”

ชายร่างกำยำผู้นั้น คือเจิ้งหยวน หนึ่งในกงเฟิ่งผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามของเมืองหลินเทียน

เหมือนกับเฉินกงเฟิ่ง มีระดับตบะระดับรวมวิญญาณระยะกลาง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด