บทที่ 64 ใช้ทุกอย่างที่มี!
บทที่ 64 ใช้ทุกอย่างที่มี!
"การเป็นคนธรรมดาคงจะลำบากมากสินะ? คุณ...อยากจะก้าวข้ามไปสู่ระดับที่หนึ่งไหม?"
ในความมืด ชวีเหลียงหงกระซิบเบาๆ โน้มตัวเข้ามาใกล้หลี่จิ้งจนแทบจะประชิดใบหน้า พลางหยิบยาเม็ดหนึ่งยื่นให้
"นี่คือยาที่ฉันปรุงขึ้นจากสมุนไพรวิเศษ กินมันเข้าไปแล้วคุณจะสามารถก้าวข้ามไปสู่ระดับที่สอง หลุดพ้นจากชนชั้นล่างสุดของสังคม ก้าวไปสู่ที่สูงกว่า"
หลี่จิ้งมองยาเม็ดนั้น ค่อยๆ ยกมือขึ้นรับมา
ยานั้น เขาไม่มีทางกินแน่นอน
แต่ตัวอย่างที่ส่งมาตรงหน้า ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับไว้
"การได้รับเลือก คุณโชคดีมากนะ คืนนี้คือคืนที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณ"
ชวีเหลียงหงจ้องมองมาด้วยดวงตาดุจสายน้ำ พูดเบาๆ
"คุณวางใจได้เลย ยานี้ปลอดภัยแน่นอน หลังจากกินแล้วก็ให้ถือว่าเราไม่เคยพบกัน ฉันจะไม่บังคับให้คุณทำอะไรทั้งสิ้น พอคุณจากไป จะมีคนอื่นตามไปมอบปีศาจหนูที่ผ่านการเพาะเลี้ยงและฝึกฝนมาแล้วให้คุณหนึ่งตัว แค่คุณเลี้ยงดูมันให้ดี ต่อไปมันจะกลายเป็นกำลังสำคัญบนเส้นทางการฝึกฝนของคุณ"
ขณะพูด เธอดูจะรอไม่ไหว ยื่นมือจับมือของหลี่จิ้งที่ถือยาอยู่ยกขึ้นป้อนที่ปากเขา
หลี่จิ้งร่วมมือเป็นอย่างดี ตามการเคลื่อนไหวของเธอยกยาขึ้นที่ริมฝีปาก จากนั้นก็หยุดการเคลื่อนไหวพร้อมกับยกมืออีกข้างแตะที่หน้าอกของเธอ
???
ชวีเหลียงหง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้เธองุนงง
โดยปกติแล้ว หลี่จิ้งควรจะกินยาอย่างว่าง่าย
แต่เขาไม่เพียงไม่กินยา ยังลงมือแตะต้องตัวเธออีก
นี่มัน...
เกิดอะไรขึ้น?
ก่อนที่ชวีเหลียงหงจะทันคิดว่าเกิดอะไรขึ้น เสียง "โครม" ดังสนั่นในความมืด
แสงฟ้าแลบอันเจิดจ้า ระเบิดขึ้นที่หน้าอกเธอ
ชวีเหลียงหงไม่ทันได้ตั้งตัว ครวญครางเบาๆ ก่อนจะกระเด็นไปชนกำแพงดัง "ปัง" จนกำแพงแตกร้าว
ในความมืด สายตาของหลี่จิ้งเหมือนสายฟ้าสแกนดูแถบพลังชีวิตเหนือศีรษะของชวีเหลียงหง
แถบพลังชีวิต 3312
ลดลงเหลือ 2570
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่จิ้งไม่สามารถทำลายแถบพลังชีวิตได้หมดในครั้งเดียว
แต่เขารู้ดี
แม้จะโจมตีด้วยสุดกำลังในจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว ความเสียหายที่เขาสามารถก่อให้กับผู้ที่อยู่ในระดับสามก็มีจำกัด
โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย หลี่จิ้งสะบัดมือชักดาบเหล็กประจำการของแผนกผู้ช่วยตรวจการออกมา
เติมพลังวิญญาณ!
แสงดาบปรากฏ
หลี่จิ้งไม่พูดพร่ำทำเพลง สะบัดมือขว้างดาบเหล็กออกไปอย่างรุนแรง
"ฉึก!"
โลหิตกระเซ็น
ดาบเหล็กแหวกความมืดปักเข้าที่หน้าอกของชวีเหลียงหง ทะลุหัวใจเธอพร้อมกับตรึงร่างเธอติดกับกำแพงที่แตกร้าว
แถบพลังชีวิตลดลงอีก เหลือ 2346
เห็นแถบพลังชีวิตลดลง หลี่จิ้งสีหน้าไม่เปลี่ยน ยกมือขึ้นอย่างเด็ดขาด
ตอนนี้ชวีเหลียงหงได้สติกลับมาแล้ว แต่เธอไม่มีโอกาสต่อต้านเลย
หากมีการป้องกัน สายฟ้าจากฝ่ามือของหลี่จิ้งคงทำอันตรายเธอไม่ได้
น่าเสียดายที่เธอไม่ได้ป้องกัน
ตอนนี้ทั้งร่างของเธอชา พลังปีศาจทั้งหมดไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
วิชาสายฟ้าโดดเด่นเรื่องพลังหยาง ยังสกัดกั้นการไหลเวียนของพลังปีศาจของเธอในระดับหนึ่งด้วย
เห็นหลี่จิ้งยกมือ ใบหน้าของชวีเหลียงหงที่ซีดขาวอยู่แล้วก็ยิ่งซีดเผือดในพริบตา
"อย่า!"
หลี่จิ้งจะสนใจเธอได้หรือ?
แน่นอนว่าไม่
จัดการคนนี้เสร็จ ข้างนอกยังมีอีกคน
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะปรานี
ฝ่ามือสายฟ้า!
เปิดกำลังเต็มที่ ยิงต่อเนื่อง!
"โครม!"
"โครม!"
"โครม!"
สายฟ้าจากฝ่ามือสามครั้งติดที่ยิงออกไปด้วยสุดกำลัง พุ่งเข้าโจมตีดาบเหล็กที่ปักอยู่ที่หน้าอกของชวีเหลียงหงอย่างแม่นยำ
กระแสไฟฟ้าอันรุนแรงไหลบ่าเข้าสู่ร่างของเธอ
ทำลายทุกอย่างในตัวเธอ ทำให้กำแพงด้านหลังแตกละเอียด
แถบพลังชีวิตเหนือศีรษะที่เคย "แข็งแกร่ง" ของเธอ ลดลงราวกับสายน้ำ หายวับไปในพริบตา
"ได้รับประสบการณ์ +3312"
"เลเวงเพิ่มขึ้นเป็น 14 พลังวิญญาณเพิ่ม +28 คะแนนทักษะ +2"
"เลเวลเพิ่มขึ้นเป็น 15 พลังวิญญาณเพิ่ม +30 คะแนนทักษะ +2"
"คำเตือน: ดาบเหล็กประจำการ (ธรรมดาระดับ 4 58%) เสียหาย"
เสียงแจ้งเตือนไร้อารมณ์ดังขึ้นข้างหูหลี่จิ้งติดต่อกัน
ในเวลาเดียวกัน พลังวิญญาณในร่างที่พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดของเขา ราวกับข้ามธรณีประตูบางอย่าง เข้มข้นขึ้นในคราวเดียวไม่ต่ำกว่าสิบเท่า
มีความรู้สึกเช่นนี้ หลี่จิ้งก็เข้าใจทันที
นี่คือการที่เขาก้าวเข้าสู่ระดับสามสำเร็จ
ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ก้าวเข้าสู่ระดับสองอย่างมึนงง เขาถึงกับไม่รู้ว่าเลื่อนระดับเมื่อไหร่
ครั้งนี้ ความรู้สึกของเขาชัดเจนมาก
ในการรับรู้ พื้นที่เก็บของที่สร้างขึ้นจากมิติพิเศษก็ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมสามเท่า
ระดับสาม
หลี่จิ้งกำมือเปล่าในอากาศ
กำลังจะลองสัมผัสพลังวิญญาณที่เปลี่ยนคุณภาพจนยังไม่คุ้นเคย เสียง "โครม" ก็ดังขึ้นข้างหู รอยมือดำขนาดมหึมาทะลุหลังคาอาคาร กดลงมา
"ชิบหาย!"
หลี่จิ้งเพียงแค่ทันสบถออกมาคำหนึ่ง
รอยมือดำกดลงมาที่ร่าง ทำลายบ้านพักหลังนั้นจนพังทลาย
ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด
เหนือซากปรักหักพังของบ้านเรือน เงาร่างหนึ่งจ้องมองลงมาเบื้องล่างด้วยสายตาเย็นชา พลางโบกมือหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา
"มีเรื่องยุ่งแล้ว ชวีเหลียงหงตายแล้ว"
พูดสั้นๆ จบก็บีบวิทยุแตกคามือ พลางจ้องมองซากปรักหักพังเบื้องล่าง
เสียง "โครม" ดังขึ้น ซากปรักหักพังแยกออก หลี่จิ้งลุกขึ้นยืนทั้งที่เต็มไปด้วยฝุ่นผงและเศษดิน ก่อนเงยหน้าขึ้นมอง
สายตาทั้งสองประสานกัน
บรรยากาศชะงักงันชั่วครู่ เงาร่างนั้นหรี่ตาลง
"ผู้ตรวจการ?"
"แกไม่หนีเหรอ?"
หลี่จิ้งย้อนถาม
"ฆ่าแกก่อนค่อยไปก็ยังไม่สาย"
เงาร่างนั้นแค่นเสียงเย็นชา พลังชั่วร้ายพลันปะทุขึ้นรอบกาย ก่อนโบกมือชักดาบยาวสีเลือดออกมา แล้วโยนขึ้นเบาๆ
ดาบยาวสีเลือดเพียงหลุดจากมือ ก็แปรเปลี่ยนเป็นแสงดาบคมกริบฟันลงมาในทันที
แสงดาบเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
แต่หลี่จิ้งก็ตอบสนองได้ไม่ช้า ยกมือฟาดฝ่ามือสายฟ้าออกไปอย่างรวดเร็ว
"โครม!"
ฝ่ามือสายฟ้าขนาดเท่าถังน้ำปะทะกับแสงดาบที่ฟันลงมา บังคับให้มันถอยกลับไป
หลี่จิ้งฉวยจังหวะลอยตัวขึ้นสู่อากาศ
คนที่บนท้องฟ้านั่น เป็นผู้ฝึกตนระดัยสาม
พลังชั่วร้ายที่ห่อหุ้มร่างพลังระดับขั้นสามนั้นทรงพลังมาก ทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรนัก
แต่หากถูกโจมตีเต็มๆ คงจะมีผลกระทบบ้าง
เมื่อถูกควบคุมด้วยวิชาควบคุมของวิเศษระดับสาม อานุภาพนั้นน่าเกรงขาม ไม่ใช่สิ่งที่จะต้านทานได้ง่ายๆ
ที่แย่ยิ่งกว่าคือ
ในขณะที่แสงดาบวนเวียนต่อสู้กับเขา คนฝั่งตรงข้ามก็กำลังผันมือทำท่าคาถาไม่หยุด ชัดเจนว่ากำลังเตรียมวิชาบางอย่างอยู่
วิชาที่ไม่สามารถปล่อยได้ในทันที มักเป็นวิชาที่มีพลังทำลายล้างมหาศาล
เมื่อเห็นแสงดาบที่ถูกผลักกลับหมุนวนหนึ่งรอบแล้วกำลังจะพุ่งมาอีก หลี่จิ้งรีบกวาดตามองรอบข้าง
ก่อนหน้านี้เมื่อเขาสังหารชวีเหลียงหงก็สร้างความวุ่นวายไม่น้อย พอมาต่อสู้กับคนผู้นี้อีก บ้านเรือนรอบข้างที่เดิมมืดสนิทก็สว่างไสวไปหมด
ชาวบ้านในละแวกนั้นต่างตื่นจากการนอนหลับ
หลังหน้าต่างบางชั้น มองเห็นใบหน้าตื่นตระหนกของประชาชนอยู่ลางๆ
ส่วนด้านล่าง "ผู้โชคดี" สี่คนที่หลบรอดมาได้เพราะรออยู่นอกบ้านก็ทรุดนั่งข้างถนน ใบหน้าซีดขาว
ทำไมหลงอวี่ถึงห้ามใช้วิชาโจมตีในเมืองอย่างเด็ดขาด?
มันเป็นเพราะว่า เมื่อเทพเจ้าต่อสู้กัน มนุษย์ธรรมดาย่อมเดือดร้อน
สำหรับคนธรรมดา การต่อสู้ของผู้ฝึกตนระดับสูงมักนำมาซึ่งภัยพิบัติ
หลักการนี้ หลี่จิ้งเข้าใจดี
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์จริง เขาถึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความรับผิดชอบและความยากลำบากที่แฝงอยู่ในคำว่า "ผู้ตรวจการ"
ต้องไม่ให้ผู้ฝึกตนนอกรีตปล่อยวิชาที่กำลังเตรียมออกมาให้ได้!
หลี่จิ้งกัดฟัน ปลดปล่อยพลังวิญญาณทั้งหมดในร่างออกมา
ภายใต้พลังวิญญาณระดับสาม การโจมตีนับพันสายปรากฏขึ้นด้านหลังเขาในคราวเดียว พุ่งออกไปดุจพายุฝน
การยิงพร้อมกันนับพันครั้ง แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว
ผู้ฝึกตนฝ่ายมารที่อยู่ตรงข้ามเห็นดังนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปหลายครั้ง ไม่สนใจที่จะเตรียมวิชาต่อ ปล่อยพลังชั่วร้ายออกมากางเป็นโล่ขนาดใหญ่
ในขณะเดียวกัน แสงดาบที่เขาควบคุมก็พุ่งมาอีกครั้ง
หลี่จิ้งเห็นดังนั้นก็โบกมือ
"โครม! โครม! โครม!"
เสียงฟ้าร้องดังติดต่อกัน
กระยี่สายฟ้าที่แปรเปลี่ยนมาจากฝ่ามือสายฟ้า ปรากฏในมือเขา
มาถึงจุดนี้ เขาไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกแล้ว
หากต้องการลดความเสียหาย ก็ต้องใช้ทุกวิชาที่มี!
"โครม!"
กระบี่สายฟ้าฟันออกไปตามแนวนอน
แสงดายที่พุ่งมาถูกฟันกระเด็น กระยี่สายฟ้าก็สลายไปพร้อมกัน
ด้วยพลังวิญญาณระดับที่สาม กระบี่สายฟ้าที่เดิมมีคุณค่าในการต่อสู้จริงไม่มากนัก ก็มีประโยชน์ขึ้นมาบ้าง
ฝ่ามือสายฟ้าขนาดเล็กที่ปล่อยออกมาต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว อาจไม่ถึงกับฆ่าคนตาย
แต่ความเข้มข้นของมันเมื่อเทียบกับตอนอยู่ระที่ที่สองแล้วนั้น เป็นคนละเรื่องกันเลย
บวกกับการปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องรวดเร็ว การซัดอะไรกระเด็นไปไม่ใช่เรื่องยาก
ผู้ฝึกตนนอกรีตฝั่งตรงข้ามอาศัยโล่พลังชั่วร้ายต้านทานการโจมตีนับพันที่ยิงมาพร้อมกันได้สำเร็จ เมื่อเงยหน้าเห็นหลี่จิ้งถือกระบี่สายฟ้าฟันแสงดาบของตนกระเด็น สีหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
นี่มัน...
วิชาอะไร?
ฝ่ามือสายฟ้า!?
ขณะที่กำลังประหลาดใจ หลี่จิ้งก็มองมาด้วยสายตาเย็นชา พร้อมกับผลักสองมือออกไป
กระบี่สายฟ้า!
สองมือ!
ผู้ฝึกตนนอกรีตเห็นดังนั้น หัวใจสั่นสะท้าน
หากไม่นับพลังทำลายล้าง
กระบี่สายฟ้านั้นน่าขนลุกจริงๆ
โดยเฉพาะตอนนี้รอบข้างไม่มีสิ่งกีดขวาง กระบี่สายฟ้าในมือหลี่จิ้งจึงเป็นเวอร์ชันความยาวสูงสุด 50 เมตร
กระบี่สายฟ้ายาว 50 เมตร แถมถือสองมือ
ลองถามดูว่ากลัวไหม?
ผู้ฝึกตนนอกรีตสูญเสียความตั้งใจสู้ในทันที
พูดให้ถูกต้องก็คือ
ตอนที่วิชาในมือถูกขัดจังหวะ เขาก็หมดใจสู้แล้ว
เวลาของเขามีจำกัด
และความจริงแล้ว ในยามราตรีมืดมิดนี้ก็เห็นแสงกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากทั่วทุกมุมของเขตเป่ยเฉิง
วินาทีต่อไป ก็มีบางอย่างพุ่งเข้ามา
สำนักตรวจการ ถูกปลุกให้ตื่นแล้ว
จ้องมองหลี่จิ้งอย่างลึกซึ้ง ผู้ฝึกตนนอกรีตไม่พูดพร่ำทำเพลง สลายโล่วิญญาณ ควบคุมแสงดาบหันหัวพุ่งไปทางทะเล
หากจะหนี ต้องหนีไปทางทะเล
หากมุ่งหน้าเข้าแผ่นดิน ไม่มีทางหลุดพ้นการไล่ล่าของผู้ตรวจการได้
หลี่จิ้งเห็นผู้ฝึกตนฝ่ายมารหลบหนี แอบถอนหายใจโล่งอก
หากคนผู้นี้ยอมอยู่สู้ถึงตาย นั่นจะเป็นปัญหาใหญ่แน่นอน
การไล่ตาม หลี่จิ้งไม่คิดจะทำ
แค่การลอยตัวในอากาศ เขาก็พอจะอาศัยวิชาหลีกนภาขั้นสมบูรณ์ลองดูได้
แต่อีกฝ่ายอาศัยวิชาควบคุมของวิเศษหลบหนี
อย่าว่าแต่เขายังไม่ได้เรียนวิชาควบคุมของวิเศษเลย ไม่มีสมบัติล้ำค่าสักชิ้น เขาได้แต่มองอย่างเดียว
มองไปทางที่ผู้ฝึกตนนอกรีตที่หลบหนีไป หลี่จิ้งสลายกระบี่สายฟ้าในมือ ถอนหายใจในใจ
ไต้หง สุดท้ายก็มาไม่ทันสินะ?
เพิ่งคิดเช่นนี้ ในท้องฟ้าไกลๆ ก็พลันปรากฏเงากระบี่นับพัน แหวกผ่านราตรี ไล่ตามทันและพุ่งเข้าโจมตีแสงดาบที่ผู้ฝึกตนฝ่ายมารควบคุมอย่างแม่นยำ
"โครม! โครม! โครม!"
ทุกครั้งที่เงากระบี่ปะทะกับแสงดาบ จะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง
ท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่น แสงดาบที่ผู้ฝึกตนนอกรีตควบคุมก็ถูกทำลายในชั่วพริบตา
เมื่อเห็นภาพในท้องฟ้าไกล หลี่จิ้งดีใจ
จู่โจมวิญญาณ!
ไต้หงมาทันเวลา!
มองดูท้องฟ้าไกลที่เงียบงันไปหลังจากการระเบิดหนึ่งครั้ง หลี่จิ้งอดทึ่งไม่ได้
วิชาของไต้หง เขาอยากเรียนจริงๆ
การโจมตีนับพัน ตอนนี้เขาก็ทำได้
แต่พลังทำลายล้างของไต้หง เกินขีดจำกัดมาก!
แถมการโจมตีของเขายังเป็นรูปกระบี่ด้วย เท่สุดๆ!
น่าเสียดายที่หากเรียนกับไต้หง เขาคงเรียนไม่รอดแน่
ตัวเองมีฝีมือแค่ไหน หลี่จิ้งรู้ดี
เขาเรียนรู้วิชา แม้แต่ขั้นตอนการเรียนรู้ก็ไม่มี
แค่ดูคำแนะนำก็เรียนได้เลย
ประสบการณ์ของคนรุ่นก่อนและการวิเคราะห์เชิงลึกในหน้าซื้อขาย เขาไม่เคยดูเลย
ความเข้าใจส่วนตัว?
ไม่มี
หากต้องกลับไปทำความเข้าใจจริงๆ เท่ากับต้องเริ่มเรียนใหม่ตั้งแต่ต้น
การวิเคราะห์วิชาหนึ่งอย่างละเอียด ต้องใช้พลังงานมากแค่ไหน?
การค้นคว้าจนได้เทคนิคส่วนตัว ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่?
ไต้หงหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนวิชาจู่โจมวิญญาณมานานแล้ว อย่างน้อยก็เจ็ดแปดปี มากสุดอาจถึงสิบกว่ายี่สิบปี
หลี่จิ้งที่ตอนนี้บอกว่าจะทุ่มเทฝึกฝน ก็ไม่ถือว่าสาย
แต่กวาจะเกิดผลลัพธ์ได้ ใครจะรู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการศึกษาค้นคว้าอย่างลึกซึ้ง
แทนที่จะไปขลุกอยู่กับการศึกษา ไม่สู้ใช้ความคิดของตัวเองในการฝึกปฏิบัติจริง คิดค้นเทคนิคต่างๆ ขึ้นมาดีกว่า
เมื่อมีของวิเศษติดตัว การทุ่มเทศึกษาวิชาแค่อย่างเดียวดูจะเป็นการกลับหัวกลับหาง
การเรียนรู้คสถาขั้นสูงหลายๆ อย่าง เหมาะกับเขามากกว่าการจมอยู่กับการศึกษาคาถาแค่อย่างเดียว
พอมีไต้หงมาถึง หลี่จิ้งก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นแล้ว
ผู้ฝึกตนนอกรีตก็ตายไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอีก
พอลงมาถึงซากปรักหักพัง หลี่จิ้งก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูเบอร์ของลู่หยางเฉิง
พอจะกดโทรออก ก็มีแสงวาบสองสายพุ่งขึ้นมาจากทางบาร์ บินมุ่งหน้ามาทางนี้
เพียงชั่วลมหายใจเดียว ลู่หยางเฉิงกับอี้ซิวจู่ก็มาถึง
เห็นหลี่จิ้งแม้จะมอมแมมแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ลู่หยางเฉิงก็อุทานด้วยความดีใจ
"เทียบหวัง นายไม่เป็นไรนะ!?"
"ยังไง? นายหวังให้ฉันเป็นอะไรหรือไง?"
หลี่จิ้งเอียงหัว
"......"
ลู่หยางเฉิงอึ้งไป
หลี่จิ้งเห็นท่าทางแบบนั้นก็หัวเราะ ก้าวเข้าไปต่อยเบาๆ ที่อกเขา แล้วพูดว่า
"ที่นี่ไม่มีปัญหาอะไร แค่เจอเรื่องตื่นเต้นนิดหน่อย พวกนายสองคนเป็นยังไงบ้าง?"
"ก็โอเค ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก"
ลู่หยางเฉิงพยักหน้า พูดด้วยความหวาดหวั่น
"แต่กว่าจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็ใช้เวลาพอสมควร จนกระทั่งที่นี่มีการต่อสู้ แล้วหัวหน้าไต้มาติดต่อ พวกเราถึงรู้ว่านายหายตัวไป"
พูดยังไม่ทันจบ อี้ซิวจู่ก็พูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกผิด
"ขอโทษด้วย พวกเราสองคนช่วยอะไรไม่ได้เลย"
"พวกเราเป็นพี่น้องกัน จะพูดอะไรแบบนั้นทำไม"
หลี่จิ้งโบกมือ พูดว่า
"แม้วิธีการของชวีเหลียงหงจะไม่เก่งกาจอะไร แต่ก็มีของดีอยู่บ้าง ถ้าไม่ใช่เพราะวิชาป้องกันตัวของฉันชำนาญพอ คงต้องพลาดท่าให้เธอแน่ๆ"
พูดพลาง หลี่จิ้งก็ไม่ปล่อยให้หัวข้อสนทนาหยุดอยู่แค่นั้น
"หยุดพูดเรื่องพวกนี้ก่อน ชวีเหลียงหงถูกฉันสังหารและฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังนี่ เธอเป็นปีศาจในร่างมนุษย์ หลังตายจะกลับร่างเดิม พวกนายสองคนช่วยหาศพเธอหน่อย"
พอได้ยินว่าชวีเหลียงหงเป็นปีศาจในร่างมนุษย์ ลู่หยางเฉิงกับอี้ซิวจู่ต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไป
ผู้ใกจนนอกรีต ทำไมถึงมาเกี่ยวข้องกับปีศาจร่างมนุษย์ได้?
แต่ตอนนี้หลี่จิ้งไม่มีอารมณ์จะอธิบายอะไรมากมายกับทั้งสองคน
ไต้หงคงจะมาถึงในอีกไม่นาน ค่อยอธิบายพร้อมกันทีเดียวก็แล้วกัน
เมื่อเทียบกันแล้ว การที่มีปีศาจที่ตายแล้วฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังต่างหากที่สำคัญ
ปีศาจระดับสูง ร่างกายล้วนเป็นของวิเศษ!
-----------
ตอนนี้ค่อนข้างยาว เลยอาจเลทไปบ้างครับ ต้องขออภัยด้วยครับ อีกตอนมาตอน 12:01นะครับผม~