บทที่ 46 เสวี่ยโจวไม่มีทางเป็นเขา!
บทที่ 46 เสวี่ยโจวไม่มีทางเป็นเขา!
หลินโจวและซูชิงเหม่ยขึันลิฟต์ลงมายังลานจอดรถใต้ดินของตึกสำนักงานที่บริษัทเทียนหยุนเอนเตอร์เทนเมนต์ โดยมีโจวหยุนขับรถมารอรับอยู่ก่อนแล้ว
ส่วนจางหงกำลังเจรจาธุรกิจกับนิตยสาร TIME ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำในวงการแฟชั่นที่หลินโจวรู้จักเป็นอย่างดี การได้ขึ้นปกนิตยสารฉบับนี้ถือเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับศิลปินดาราทุกคน
จุดประสงค์ของการเจรจาครั้งนี้คือการหารือเรื่องการถ่ายปกของซูชิงเหม่ย ซึ่งตารางงานของเธอตอนนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากคว้าแชมป์ในรายการ "I Am a Singer" ในรอบที่ผ่านมา
"พี่หงบอกว่าเราคงต้องเชิญอาจารย์เสวี่ยโจวมาทานข้าวสักมื้อ หวังว่าจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับเขาได้ ถ้าหากมีเพลงใหม่เขาก็อาจจะนึกถึงพวกเราก่อน" โจวหยุนพูดพลางเลียนแบบท่าทางของจางหง
ซูชิงเหม่ยคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า "ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน และก็ไม่มีช่องทางติดต่อเขาด้วย"
โจวหยุนหัวเราะคิกคัก "พี่ชิงเหม่ย พี่คือซูชิงเหม่ยนะคะ ไม่จำเป็นต้องถามหาช่องทางติดต่อผู้ชายหรอก เขาต้องมาหาพี่เองแน่ๆ!"
ซูชิงเหม่ยเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า "เขาไม่ใช่คนแบบนั้น"
"หืม?" โจวหยุนทำหน้างุนงง "พี่ชิงเหม่ยยังไม่เคยเจอตัวเขาเลยไม่ใช่เหรอคะ แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นคนแบบไหน?"
ซูชิงเหม่ยมองออกไปนอกหน้าต่างรถ พูดเรียบๆ ว่า "ลางสังหรณ์น่ะ"
โจวหยุนยักไหล่ แล้วขับรถต่อไป
หลินโจวทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น แสร้งทำเป็นจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า
ใช่แล้ว งานของเขาคือการจับตาดูซูชิงเหม่ย ดังนั้นตอนนี้เขาจึงมองใบหน้าด้านข้างของเธอ อดคิดไม่ได้ว่าสัมผัสที่ 6 ของผู้หญิงน่ากลัวจริงๆ ถึงขนาดรู้ว่า "เสวี่ยโจว" ไม่ใช่คนที่จะสนใจดาราดังอย่างเธอ
แน่นอนว่า การที่เขาไม่สนใจนี้ไม่ได้เป็นเพราะซูชิงเหม่ยไม่สวยพอ
ตรงกันข้าม เพราะเธอสวยและมีชื่อเสียงมากเกินไปต่างหาก หลังจากที่เขาผ่านชีวิตแต่งงานที่ไม่มีความสุขมา ตอนนี้เขาจึงเริ่มมีอาการ PTSD กับดาราสาวสวย เขาคิดว่าการใช้ชีวิตคู่นั้น ควรเลือกคนที่อ่อนโยนและมีกิริยามารยาทดีมากกว่า
ซูชิงเหม่ยคงรู้สึกได้ถึงสายตาของหลินโจวที่จับจ้องมาที่ใบหน้าของเธอ เธอจึงค่อยๆ ขยับตัว แนบหน้าผากกับกระจกรถ ให้เขาเห็นเพียงด้านหลังศีรษะของเธอเท่านั้น
จากนั้นเธอก็ค่อยๆ ปล่อยให้เปลือกตาหนักอึ้งปิดลง วันนี้เธอเหนื่อยมากจริงๆ ช่วงเช้าต้องไปร่วมงาน กว่าจะได้กินข้าวก็บ่ายโมง แล้วยังต้องรีบกลับมาบริษัทเพื่อซ้อมเต้นในช่วงบ่ายอีก
ไม่นานนัก ซูชิงเหม่ยก็ผล็อยหลับไป ใบหน้าด้านข้างแนบอยู่กับกระจกรถ ร่างกายผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
โจวหยุนใช้จังหวะที่รถติดไฟแดงหันมามอง อดยิ้มไม่ได้
แทบจะไม่ค่อยได้เห็นพี่ชิงเหม่ยผ่อนคลายแบบนี้เลย อาจจะเป็นเพราะมีคนคอยปกป้องทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นหรือเปล่านะ?
การให้พี่หลินมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของพี่ชิงเหม่ย ดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดจริงๆ
หลินโจวเหลือบมองซูชิงเหม่ยที่หลับสนิท จึงรีบปรับโทรศัพท์เป็นโหมดสั่นอย่ามีมารยาท ไม่นานหลังจากนั้นโทรศัพท์ของเขาก็สั่นสองครั้งติดกัน
เมื่อหยิบขึ้นมาดู เขาก็พบว่าเป็นข้อความส่วนตัวหลายข้อความจากแพลตฟอร์มมือสมัครเล่น:
"สวัสดีอาจารย์เสวี่ยโจว ผมเป็นผู้อำนวยการฝ่ายดนตรีของบริษัทซิงคง ทางเรามีความสนใจเกี่ยวกับลิขสิทธิ์เพลง 'เส้นทางธรรมดา' ของคุณ ไม่ทราบว่าคุณสนใจจะขายลิขสิทธิ์ไหมครับ?"
"สวัสดีครับ ผมเป็นรองหัวหน้าแผนกแต่งเพลงของค่ายจี้กวาง ทางเรากำลังมองหานักแต่งเพลงที่มีศักยภาพอยู่พอดี นี่เบอร์โทรของผมครับ ถ้าคุณสนใจติดต่อผมได้ทุกเวลาเลยครับ"
"อาจารย์เสวี่ยโจว ผมจากแผนกดนตรีของบริษัทซานเย่า คุณสนใจรับแต่งเพลงตามออเดอร์ไหมครับ? เรื่องค่าตอบแทนสามารถพูดคุยกันได้"
หลินโจวอดแปลกใจไม่ได้ที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างซิงคง จี้กวาง และซานเย่า ต่างพากันส่งข้อความมาติดต่อเขา ยิ่งไปกว่านั้น ในกล่องข้อความยังเต็มไปด้วยการติดต่อจากสตูดิโอเพลง นักร้อง และบริษัทตัวแทนอีกมากมาย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นการขอซื้อเพลงทั้งสิ้น
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นที่ต้องการของวงการเพลงขนาดนี้
นอกจากบริษัทและสตูดิโอเหล่านี้แล้ว ยังมีข้อความจากคนที่เขาคาดไม่ถึงอีกคน:
"สวัสดีค่ะ อาจารย์เสวี่ยโจว ฉันเฉินจื่อนะคะ เซิ่นเหยาประทับใจในเพลงใหม่ของอาจารย์มากๆ พวกเราชื่นชมในพรสวรรค์ด้านดนตรีของอาจารย์จริงๆ ไม่ทราบว่าอาจารย์จะมีเวลาว่างไปทานข้าวด้วยกันบ้างไหมคะ?"
'สมแล้วที่เป็นผู้จัดการมืออาชีพ' หลินโจวคิดในใจ 'เมื่อกี้จางหงเพิ่งพูดถึงเรื่องจะเชิญไปทานข้าว ทางนี้เฉินจื่อก็ส่งข้อความมาแล้ว'
หลินโจวตัดสินใจตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา: "ขอโทษครับ ผมไม่ได้อยู่ในประเทศตอนนี้"
เฉินจื่อยังคงไม่ยอมแพ้: "อ้อ เป็นอย่างนั้นนี่เอง ไม่เป็นไรค่ะ งั้นขอถามอาจารย์เสวี่ยโจวหน่อยค่ะ สะดวกเพิ่มเพื่อนในวีแชทหรือคิวคิวไหมคะ? เซิ่นเหยาอยากจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการแต่งเพลงกับอาจารย์น่ะค่ะ"
หลินโจวอดขำไม่ได้ แม้เซิ่นเหยาจะเรียนคณะดนตรีเหมือนกับเขา แต่เธอเก่งเพียงด้านการร้องเพลงเท่านั้น ส่วนการแต่งเพลงนั้น เธอแทบไม่มีพรสวรรค์เลย
เธอจะมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการแต่งเพลงอะไรได้?
คงแค่อยากสร้างความสนิทสนม แล้วก็ขอเพลงสินะ?
หลินโจวตอบกลับ: "ขอโทษครับ ที่นี่เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ผมอยากพักผ่อน ไว้โอกาสหน้าดีกว่านะครับ ไว้โอกาสหน้า"
"เขาว่ายังไงบ้าง?"
ที่บ้านของเซิ่นเหยา เธอถามเฉินจื่อด้วยความร้อนใจ
เฉินจื่อยื่นโทรศัพท์ที่มีข้อความตอบกลับของเสวี่ยโจวให้เธอดู:
"เขาปฏิเสธอีกแล้วเหรอ? เขาไม่รู้หรือว่าฉันเป็นใคร?"
เฉินจื่อตอบอย่างจนใจ "ฉันบอกชื่อเธอไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สนใจ คงเพราะตอนนี้มีบริษัทบันเทิงมากมายติดต่อเขา แถมอาจจะมีนักร้องที่ดังกว่าเราด้วย"
เซิ่นเหยาเงียบไป
พูดถึงตอนนี้ คนที่เขาร่วมงานด้วยคือซูชิงเหม่ย ซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่าเธอถึงสองระดับ และดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จะไม่ใช่แค่เรื่องงานธรรมดาๆ เสียด้วย
เดิมทีเธอตั้งใจจะใช้ประเด็นเรื่อง "เสวี่ยโจวลอกเลียนแบบ" ฉุดซูชิงเหม่ยลงมา แต่ใครจะคิดว่าวิดีโอครีเอเตอร์ธรรมดาๆ จากแพลตฟอร์มมือสมัครเล่นจะมีความสามารถขนาดนี้ เพียงวันเดียวเขาก็ปล่อยเพลง "เส้นทางธรรมดา" ที่สร้างความสั่นสะเทือนให้วงการเพลง
นักแต่งเพลงอัจฉริยะแบบนี้ ใครบ้างจะไม่อยากคว้าตัวไว้?
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เซิ่นเหยาให้เฉินจื่อติดต่อเสวี่ยโจวเพื่อขอเพลงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ก็ถูกปฏิเสธอีก
"พี่เฉิน พี่ว่าเสวี่ยโจวคนนี้อยู่ต่างประเทศจริงๆ เหรอ?"
ด้วยความที่ยังไม่ยอมรับว่าเสน่ห์ของตัวเองอาจไม่พอ เซิ่นเหยาจึงมองเฉินจื่อด้วยสายตาไม่ยอมแพ้
เฉินจื่อชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดแพลตฟอร์มมือสมัครเล่น เปิดเพลง "เส้นทางธรรมดา" ของเสวี่ยโจว
ในวิดีโอปรากฏภาพชายคนหนึ่งที่ไม่เปิดเผยใบหน้า นั่งกอดกีตาร์พลางร้องเพลงอย่างผ่อนคลาย เสียงใสกังวานแต่แฝงความเศร้าลึกๆ
"เธอรู้สึกคุ้นกับเสียงของผู้ชายคนนี้ไหม?" เฉินจื่อถามขึ้นขณะที่เซิ่นเหยากำลังทำหน้างุนงง
เธอนึกย้อนไปถึงตอนที่เฉินจื่อเคยพูดว่ารู้สึกคุ้นกับเสวี่ยโจวมาก่อน แต่ตอนนั้นเธอไม่ได้ใส่ใจ คราวนี้เมื่อตั้งใจฟังดีๆ เธอก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"จริงด้วย... เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน"
เฉินจื่อค่อยๆ เอ่ยออกมา "ฉันยังรู้สึกว่า... เสียงของเขาเหมือนหลินโจวมาก"
เซิ่นเหยาชะงัก นึกถึงตอนที่เฉินจื่อเคยพูดเรื่องนี้มาก่อน แต่ตอนนั้นเธอปัดทิ้งไปด้วยความคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
พอได้ยินเฉินจื่อพูดอีกครั้ง เซิ่นเหยาส่ายหน้าโดยอัตโนมัติ:
"ไม่มีทาง ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด! หลินโจวจะแต่งเพลงแบบนี้ได้ยังไง?"
ในความทรงจำของเซิ่นเหยา แม้อดีตสามีคนนี้จะไม่ถึงกับไร้ค่า เขามีหน้าตาดีและเป็นคนละเอียดรอบคอบ แต่นั่นก็เป็นเพียงข้อดีผิวเผินเท่านั้น
แต่ในด้านการแต่งเพลง? เธอไม่เคยคิดว่าเขาจะมีพรสวรรค์ถึงขนาดนั้น อีกทั้งเขายังเป็นคนไร้ความทะเยอทะยาน ไม่มีเป้าหมายในชีวิต คิดเพียงแค่ว่าการดูแลและปกป้องเธอให้ดีก็เพียงพอแล้ว
แต่เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไร?
เธอต้องการผู้ชายที่เจิดจรัสไปด้วยแสงแห่งความสำเร็จ!
ผู้ชายที่สามารถพาเธอก้าวไปสู่จุดสูงสุด!
ไม่ใช่แค่การเป็นสามีที่ดี เป็นผู้ชายที่ดีเพียงอย่างเดียว
ในจิตใต้สำนึกของเซิ่นเหยา ภาพลักษณ์ของหลินโจวได้ถูกกำหนดตายตัวไว้แล้ว – เขาเป็นได้แค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้น เสวี่ยโจวคนนี้ไม่มีทางเป็นเขาได้!
'แม้เสียงจะคล้ายกัน แม้แต่ในชื่อเสวี่ยโจวก็มีคำว่า "โจว" เหมือนกัน แต่นั่นจะพิสูจน์อะไรได้?'
ถ้าหลินโจวมีพรสวรรค์แบบเสวี่ยโจวจริง เธอจะหย่ากับเขาทำไม?
"ก็ได้ ตอนนี้ต้องตั้งใจซ้อมร้องเพลงให้ดีกว่า รอบหน้าในรายการ I Am a Singer ยังไงก็ต้องรักษาอันดับสี่ไว้ให้ได้!" เฉินจื่อถอนหายใจ ไม่พูดถึงเรื่องหลินโจวอีก
เซิ่นเหยาพยักหน้า "เพลง 'เส้นทางธรรมดา' ไม่เหมาะกับผู้หญิง แค่เสวี่ยโจวไม่แต่งเพลงให้ซูชิงเหม่ย ฉันก็ไม่กลัวเธอแล้ว"
"แต่..." เฉินจื่อเอ่ยเตือนอย่างระมัดระวัง "นอกจากซูชิงเหม่ย คนอื่นๆ ก็เก่งเหมือนกันนะ"
"..." คำพูดนั้นทำให้เซิ่นเหยานิ่งงัน เพราะในรอบที่แล้วเธอได้เพียงอันดับเจ็ด นั่นหมายความว่า ไม่ใช่แค่ซูชิงเหม่ยเท่านั้น แต่ยังมีนักร้องอีกถึงห้าคนที่เหนือกว่าเธอ
เซิ่นเหยาเงียบไปชั่วขณะ ความมั่นใจที่เพิ่งแสดงออกมาเมื่อครู่เริ่มสั่นคลอน
โจวหยุนขับรถมาถึงลานจอดรถใต้ดินของหมู่บ้านเสวี่ยเหม่ย แม้รถจะจอดสนิทแล้ว แต่ซูชิงเหม่ยยังคงไม่ตื่น เมื่อโจวหยุนจะปลุก หลินโจวก็รีบยกมือห้ามเอาไว้
โจวหยุนแลบลิ้นน้อยๆ พลางส่งสายตาให้หลินโจว แล้วไม่พูดอะไรอีก มองซูชิงเหม่ยด้วยสายตาเปี่ยมรอยยิ้ม
ตอนนี้ซูชิงเหม่ยเอนกายพิงอยู่ที่หน้าต่างรถ ผมยาวที่รวบเป็นหางม้าทิ้งตัวลงบนหัวเข่า ใบหน้าด้านข้างที่หันมาทางโจวหยุนและหลินโจวขาวนวลและมีสีแดงระเรื่อ
หน้าอกขยับขึ้นลงเบาๆ ตามจังหวะลมหายใจ ริมฝีปากบางเผยอเล็กน้อย ลิ้นเลียริมฝีปากสีแดงระเรื่อเป็นครั้งคราว ดูน่าเอ็นดูจนบรรยายไม่ถูก
โจวหยุนยกมือปิดปากกลั้นหัวเราะคิกคัก เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของหลินโจว เธอจึงอดกระซิบถามไม่ได้:
"พี่หลินคะ พี่อยู่กับพี่ชิงเหม่ยมาตั้งหลายคืนแล้ว ยังไม่เคยสังเกตเห็นเหรอคะว่าเธอชอบเลียริมฝีปากตอนหลับ?"
คำพูดของเธอชวนให้เข้าใจผิดมาก หลินโจวรีบอธิบาย:
"ผมแค่อยู่ห้องเดียวกับคุณซูเท่านั้น ไม่ได้นอนด้วยกัน"
"อ๋อ" โจวหยุนทำเสียงรับรู้ ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงใสซื่อ "ฉันก็หมายถึงแบบนั้นแหละ นี่พี่คิดไปไกลถึงไหนกันคะ?"
หลินโจวพูดไม่ออก ชัดเจนว่าเธอต่างหากที่เป็นคนพูดจากำกวม
ในจังหวะนั้นเอง ซูชิงเหม่ยพลันลุกขึ้นนั่งตัวตรง มือเรียวยกขึ้นจัดผมที่ยุ่งเล็กน้อยให้เข้าที่ ใบหน้าดูเหมือนจะแดงขึ้นกว่าเดิม
โจวหยุนรีบพูด "พี่ชิงเหม่ย ตื่นแล้วเหรอคะ?"
ซูชิงเหม่ยตอบรับด้วยการพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะผลักประตูลงจากรถ หลินโจวรีบตามลงมาติดๆ แต่แทนที่ซูชิงเหม่ยจะเดินตรงไปที่ลิฟต์ เธอกลับย้อนมาที่หน้าต่างฝั่งคนขับ กระซิบบอกโจวหยุนเสียงเบา:
"ฉันไม่ได้นอนกับเขา"
โจวหยุนอึ้งไป แล้วหัวเราะคิกคัก "พี่ชิงเหม่ยได้ยินหมดเลยเหรอ? นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้พี่หน้าแดงสินะ!"
ซูชิงเหม่ยหันไปมองหลินโจวที่ยืนอยู่ไม่ไกล ก่อนจะหันกลับมาจ้องโจวหยุนเขม็ง "ห้ามพูดเรื่อยเปื่อยนะ!"
โจวหยุนรู้นิสัยของซูชิงเหม่ยดี ว่าลึกๆ แล้วเธอไม่ได้เย็นชาไร้หัวใจอย่างที่ภาพลักษณ์ภายนอกเป็น - จึงไม่รู้สึกหวั่นเกรงแต่อย่างใด เธอยกมือขึ้นทำสัญญาณ OK พลางยิ้มกว้าง
"ค่า ค่า ไม่พูดแล้ว" โจวหยุนรับคำ ก่อนจะแอบกระซิบต่อ "แต่พี่ชิงเหม่ยคะ พี่หลินหล่อจริงๆ นะ ยิ่งมองยิ่งหล่อด้วย อ้อ... แล้วตอนนอนเขากรนไหมคะ?"
ซูชิงเหม่ยหมุนตัวเดินจากไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ส่วนหลินโจวที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ได้ยินบทสนทนากระซิบกระซาบของทั้งคู่ เขาเห็นเพียงโจวหยุนยกมือป้อมๆ ขึ้นโบกให้กำลังใจเขา
หลินโจวคิดว่าเป็นแค่การให้กำลังใจระหว่างเพื่อนร่วมงาน จึงไม่ได้คิดอะไรมาก และเดินตามซูชิงเหม่ยเข้าลิฟต์ไป
ภายในลิฟต์ ทั้งสองต่างเงียบไม่ได้พูดอะไรกัน บรรยากาศเงียบงัน แต่กลับรู้สึกสงบและอุ่นใจอย่างน่าประหลาด
เมื่อถึงบ้าน ซูชิงเหม่ยก็รีบขึ้นชั้นสองตามปกติ แต่เมื่อถึงกลางบันได จู่ๆ เธอก็หยุดชะงัก หันกลับมาเรียกหลินโจว ริมฝีปากขยับเล็กน้อยด้วยความลังเล ก่อนจะเอ่ยออกมา:
"ฉันไม่ได้เลียริมฝีปากตอนนอนนะ วันนี้แค่... แค่เหนื่อยเท่านั้นเอง"
หลินโจวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ "อ้อ...ครับ"
ยังไม่ทันที่เขาจะได้เรียบเรียงความคิด ซูชิงเหม่ยก็วิ่งตึงๆ ขึ้นบันไดหายไปยังชั้นสองเสียแล้ว
หลินโจวส่ายหน้าเบาๆ แม้จะเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่อาจเข้าใจความคิดของผู้หญิงได้อยู่ดี
ซูชิงเหม่ยก็เป็นแบบนี้ เงือกสาวนักร้องก็เป็นแบบนี้ เขานึกถึงวิดีโอใหม่ของเธอที่เพิ่งได้ดู ซึ่งไม่เพียงแต่กล่าวถึงเขาเท่านั้น แต่ยังจับเขาไปย่างบนเตาไฟเสียอีก