บทที่ 41 ฉันมาเพื่อจับผิด!
บทที่ 41 ฉันมาเพื่อจับผิด!
"เพลงนี้..."
ณ เมืองเจียงโจว ภายในห้องเช่าเล็ก ๆ
ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าสิวเขรอะ สวมแว่นหนา นั่งเหม่อลอยอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ วิดีโอที่กำลังเล่นอยู่คือเพลง "เส้นทางที่ธรรมดา" ซึ่งเขากำลังดูซ้ำไปซ้ำมา
เขาคือ ฉางเหว่ย หรือที่รู้จักกันในโลกออนไลน์ว่า "Lonely God" ซึ่งเป็นวิดีโอครีเอเตอร์ในหมวดเพลงต้นฉบับผู้โด่งดังจากเว็บไซต์มือสมัครเล่น แต่เขายังมีบัญชีรองอีกชื่อหนึ่งว่า "ราชาคีย์บอร์ด" ซึ่งเพิ่งจะโด่งดังเมื่อไม่นานมานี้ จากการกล่าวหาว่า “เสวี่ยโจว” ก๊อปปี้ผลงานเพลง จนนำไปสู่การโต้เถียงกับ “เงือกสาวนักร้อง” วิดีโอครีเอเตอร์ชื่อดัง และกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกโซเชียล
เช่นเดียวกับผู้คนมากมายที่ตั้งใจติดตามเรื่องนี้ ฉางเหว่ยเฝ้ารออยู่หน้าเว็บไซต์มือสมัครเล่นตั้งแต่เช้าเพื่อรอฟังเพลงใหม่ของเสวี่ยโจว
แต่ในใจเขากลับเต็มไปด้วยความดูถูกและเคลือบแคลง เขาคิดว่าเสวี่ยโจวคงถูกกดดันจนต้องรีบแต่งเพลงใหม่ออกมาในเวลาอันสั้น เพื่อพยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง
ฉางเหว่ยไม่เชื่อว่าครีเอเตอร์หน้าใหม่บนแพลตฟอร์มมือสมัครเล่นจะสามารถแต่งเพลงที่เป็นระดับทองออกมาได้สองเพลงติดต่อกันในเวลาอันสั้น
ใช่แล้ว เพลง "เสียดายไม่ใช่เธอ" ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์เพลงมากมายว่ามีศักยภาพที่จะเป็น "เพลงทอง" ได้
แน่นอนว่าความสำเร็จของเพลงยังขึ้นอยู่กับการโปรโมทและช่องทางการเผยแพร่ หากเสวี่ยโจวได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพลงนี้ก็มีโอกาสที่จะโด่งดังเป็นพลุแตก
ด้วยความยอดเยี่ยมของเพลง "เสียดายที่ไม่ใช่เธอ" การที่จะเขียนเพลงที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันในเวลาเพียงสองสัปดาห์นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ฉางเหว่ยจึงคิดว่าเสวี่ยโจวคงถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์กดดันอย่างหนัก จนต้องยอมปล่อยเพลงใหม่ออกมาอย่างเร่งรีบ
เขายังเตรียมบทความวิจารณ์อันคมคายไว้พร้อมแล้ว เพื่อที่จะ "ถล่ม" เสวี่ยโจวให้ต้องหนีออกจากแพลตฟอร์มมือสมัครเล่นและวงการเพลงต้นฉบับ
รอแค่ให้เพลงใหม่ออกมา บทความที่มีความยาวนับพันคำนี้ก็พร้อมจะเผยแพร่ทันที
เวลาเที่ยงตรง เพลงใหม่ของเสวี่ยโจวก็ได้รับการปล่อยออกมาตามกำหนด
ฉางเหว่ยหัวเราะเยาะหยัน "กล้าปล่อยออกมาจริงๆ สินะ?"
"ไม่มีอะไรต้องพูด ในเมื่อคุณกล้าปล่อย ฉันก็กล้าวิจารณ์" ฉางเหว่ยคิดในใจพลางคลิกเข้าไปฟังเพลงทันที
ไม่กี่นาทีต่อมา เพลง "เส้นทางที่ธรรมดา" ก็จบลง
ฉางเหว่ยเงียบงันไปชั่วขณะ เขาเหลือบมองบทความโจมตีที่เตรียมเอาไว้ แล้วจู่ๆ ก็พบว่ามันอาจจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
เนื้อหาในบทความนั้นกล่าวหาเสวี่ยโจวว่าไร้ความสามารถ ต้องพึ่งพาการลอกเลียนแบบ ซึ่งเป็นการทำลายวงการเพลงอินดี้ ถ้อยคำที่รุนแรงและทรงพลังเหล่านั้นเหมาะสำหรับการประณามคนที่ก๊อปปี้ผลงานผู้อื่นอย่างแท้จริง
แต่หลังจากได้ฟังเพลง "เส้นทางธรรมดา" แล้ว ใครจะยังกล้ากล่าวหาเสวี่ยโจวว่าลอกเลียนแบบอีก?
คนที่ลอกเลียนแบบจะสามารถสร้างสรรค์เพลงที่มีคุณภาพระดับนี้ได้เชียวหรือ?
แต่ฉางเหว่ยก็ยังคงไม่ยอมแพ้ เขาพยายามค้นหาเพลงที่คล้ายคลึงกันในความทรงจำ แต่ก็ไม่พบเพลงใดที่เหมือนหรือเทียบเคียงกับเพลง "เส้นทางที่ธรรมดา" เลย
ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ฉางเหว่ยผู้ซึ่งตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับเสวี่ยโจว หลังจากได้ฟังเพลงนี้จบ ก็เกิดความรู้สึกสะท้อนใจ คิดถึงช่วงเวลาที่ตัวเองเพิ่งเข้ามาในแพลตฟอร์มมือสมัครเล่น จากวิดีโอครีเอเตอร์โนเนมที่ไม่มีใครรู้จัก ค่อยๆ ฟันฝ่าอุปสรรคจนมีผู้ติดตามหลายแสนคน
ความรู้สึกนี้ทำให้น้ำตาของเขาคลอเบ้า
เพลงนี้แม้จะมีท่วงทำนองเรียบง่ายและฟังสบาย แต่กลับสามารถปลุกความทรงจำของผู้ฟังให้หวนนึกถึงช่วงเวลาแห่งยากลำบากและความพยายาม สร้างความรู้สึกร่วมและความเศร้าโศกอย่างบอกไม่ถูก
ไม่ได้การ!
ฉันมาเพื่อจับผิดนะ!
มีสติหน่อยเว้ย!
เพลงนี้ต้องมีจุดบกพร่อง มีช่องโหว่แน่แค่ต้องหาเจอ!
ฉางเหว่ยจึงตั้งใจฟังอีกครั้ง
แต่ผลลัพธ์กลับเป็นเช่นเดิม
บ้าชะมัด ทำไมเพลงนี้ถึงได้เพราะขนาดนี้?
หาข้อผิดพลาดไม่เจอเลย!
ด้วยความหวังสุดท้าย ฉางเหว่ยเลื่อนลงไปดูความคิดเห็น หวังว่าจะพบแรงบันดาลใจในการวิจารณ์บ้าง แต่สิ่งที่เขาพบกลับทำให้เขาตะลึง
"โอ้พระเจ้า! ฉันเป็นผู้ชายอายุเข้าเลขสามแล้ว ฟังเพลงนี้แล้วร้องไห้เลย!"
"ฉันเป็นสาวห้าวอายุยี่สิบกว่า ฟังแล้วร้องไห้เหมือนกัน!"
"หนูเป็นเด็กอายุ 10 กว่าขวบฟังแล้วร้องไห้เหมือนกัน!"
"ผมเป็นลูกอ๊อดที่ยังว่ายน้ำอยู่ยังฟังแล้วน้ำตาไหลพราก!"
"เม้นบนเล่นเยอะไป อย่าล้อเล่นกับเพลงดีๆ สิ"
"เพลงนี้ดีจริงๆ ดีกว่าเพลง 'เสียดายที่ไม่ใช่เธอ' อีก เสวี่ยโจวสุดยอดจริงๆ พูดแล้วทำได้"
"อยากรูนักว่าไอ้พวกที่ชอบวิจารณ์จะบอกว่าเพลง 'เส้นทางธรรมดา' มันคล้ายกับเพลงไหนอีก?"
"นักวิจารณ์: ฆ่าฉันเลยดีกว่า!"
ฉางเหว่ยรู้สึกหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ สภาพจิตใจของเขาตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากที่คนในคอมเมนต์บอกเลย เพลงนี้กำลังจะฆ่าเขาให้ตายจริงๆ!
บ้าเอ๊ย! ฉันหาเรื่องด่าเพลงนี้ไม่เจอเลย!
แต่แล้วฉางเหว่ยก็คิดได้ว่า ถ้าหาเรื่องด่าไม่ได้ ก็เป็นเพราะฉันไม่เก่งพอ
ใน Weibo มีคนที่ปั่นข่าวลือเพื่อโจมตีซูชิงเหม่ยและเสวี่ยโจวอยู่ ซึ่งดูเหมือนจะมีอิทธิพลมาก คนพวกนั้นต้องหาจุดที่สามารถโจมตีได้แน่ๆ เมื่อถึงตอนนั้นฉันก็แค่ตามน้ำไปก็พอ
ฮ่า ๆ ฉันนี่มันฉลาดจริง ๆ!
ขณะเดียวกัน ณ เมืองหลินเจียง ภายในรถตู้ส่วนตัว
"เพลงนี้..."
เซิ่นเหยาวางมือถือที่เพิ่งเปิดฟังเพลง "เส้นทางธรรมดา" จบ เธอหันไปมองเฉินจื่อ ผู้จัดการส่วนตัว
วันนี้เซิ่นเหยามีงานอีเวนต์โปรโมตของแบรนด์เสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่งเช่นกัน แต่แบรนด์นี้เป็นเพียงแบรนด์ระดับรอง ซึ่งมีชื่อเสียงน้อยกว่าแบรนด์ใหญ่ที่ซูชิงเหม่ยเป็นพรีเซนเตอร์มาก
การได้รับงานพรีเซนเตอร์แบรนด์ต่าง ๆ มักขึ้นอยู่กับระดับความดังและความนิยมของดารา เซิ่นเหยาเป็นดาราระดับสอง จึงได้รับงานระดับเดียวกัน
ทั้งที่เดบิวต์พร้อมกัน อยู่บริษัทเดียวกัน แต่คนหนึ่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่ง ได้รับทั้งทรัพยากรและงานพรีเซนเตอร์ระดับท็อป ในขณะที่เธอต้องจำยอมรับงานที่ด้อยกว่าถึงสองระดับ ความแตกต่างนี้สร้างความเจ็บปวดในใจเซิ่นเหยาอย่างแสนสาหัส
เธอไม่อาจทนไยืนมองคนอื่นยืนอยู่ท่ามกลางสปอตไลต์ ในขณะที่ตัวเองต้องยืนอยู่ข้างๆ ราวกับเป็นเพียงตัวประกอบอีกต่อไป
เพื่อพลิกสถานการณ์นี้ เธอจึงไม่ลังเลที่จะหย่าร้างเพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ใส่ชื่อบริสุทธิ์ และใช้วิธีการสกปรกต่างๆ นาๆ เพื่อทำลายชื่อเสียงของซูชิงเหม่ย
เหตุการณ์ "เสวี่ยโจวลอกเลียนแบบ" คือโอกาสทองที่จะโจมตีซูชิงเหม่ยอีกครั้ง เซิ่นเหยาจึงไม่คิดที่จะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
เช้าวันนี้ หลังจากเสร็จงานโปรโมต เซิ่นเหยารีบเข้าแพลตฟอร์มมือสมัครเล่นทันที โดยไม่แม้แต่จะแวะทานข้าว เมื่อเห็นว่าเสวี่ยโจวปล่อยเพลงใหม่ออกมาจริงๆ เธอก็ตื่นเต้นอย่างมาก
เธอกดเล่นเพลงในทันทีในรถตู้ พร้อมกับเปิดเสียงให้ดังที่สุด ไม่ใช่เพื่อที่จะฟังเพลง แต่เพื่อให้ทีมงานได้ฟังและเตรียมพร้อมที่จะวิจารณ์ว่าเสวี่ยโจวลอกเลียนแบบ หวังจะลากซูชิงเหม่ยให้จมลงไปกับเรื่องนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเพลงจบลง ทุกคนในรถต่างก็นิ่งเงียบ
นอกจากเฉินจื่อแล้ว ในรถยังมีผู้ช่วยอีกสามคน
แม้พวกเขาเหล่านี้จะไม่ใช่นักร้องมืออาชีพ แต่ด้วยการฟังและคลุกคลีอยู่ในวงการนี้ทุกวัน พวกเขาก็มีความสามารถในการวิจารณ์เพลงเหนือกว่าคนทั่วไป
ทุกคนฟัง "เส้นทางธรรมดา" แล้วต่างตกอยู่ในภวังค์ พยายามหาข้อบกพร่องของเพลงนี้แต่กลับไม่พบอะไรเลย
โดยเฉพาะเฉินจื่อ ซึ่งมีอายุมากที่สุดในกลุ่ มและผ่านประสบการณ์ในวงการบันเทิงมานาน เธอผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย
เพลง "เส้นทางธรรมดา" ทำให้เธอรู้สึกสะเทือนใจมากเป็นพิเศษ
ทันทีที่เซิ่นเหยาเอ่ยจบ เฉินจั๋วรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่มุมตาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า
"เซิ่นเหยา เธอเป็นนักดนตรีมืออาชีพ เธอคิดว่ายังไงบ้าง"
คำพูดนี้มีความหมายว่า "ฉันคิดไม่ออกแล้ว เธอเป็นมืออาชีพ ช่วยกันหน่อยสิ"
เซิ่นเหยาไม่คิดว่าเฉินจื่อจะพูดแบบนี้ ทำเอาเธอถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แล้วก้มหน้าครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดเธอก็พูดว่า
"เพลงนี้มันชัดเจนว่าใช้ดนตรีประกอบไม่ดี! มีกีตาร์อย่างเดียวมันจะแสดงพลังของเพลงนี้ออกมาได้ยังไง ควรจะใช้เปียโนกับเครื่องสายเข้าไป…อา?"
เซิ่นเหยาพูดไปได้ครึ่งทางก็สังเกตเห็นสีหน้าประหลาดใจของเฉินจื่อและคนอื่นๆ เธอจึงได้สติขึ้นมา
ไม่ใช่ว่ากำลังหาจุดด้อยของเพลงนี้อยู่เหรอ?
แล้วทำไมฉันถึงคิดหาวิธีที่จะทำให้เพลงนี้ดีขึ้นแทนล่ะ?
ยิ่งไปกว่านั้น การใช้ดนตรีประกอบเพียงอย่างเดียวนั้นไม่ถือว่าเป็นจุดด้อยด้วยซ้ำ เพียงแค่กีตาร์ตัวเดียวยังสามารถทำให้คนฟังรู้สึกสะเทือนใจได้ขนาดนี้ นั่นยิ่งเป็นการพิสูจน์ว่าเพลงนี้ยอดเยี่ยมแค่ไหนไม่ใช่หรือ?
และยิ่งทำให้เห็นชัดเจนว่าเสวี่ยโจวไม่ได้ลอกเลียนแบบ!
เซิ่นเหยาไม่ยอมแพ้ เธอคลิกเล่นเพลงอีกครั้งเพื่อฟังและดูการเล่นกีตาร์ของเสวี่ยโจวอย่างละเอียด
ทันใดนั้น เฉินจื่อก็ขมวดคิ้ว
"มีอะไรเหรอ?"
เซิ่นเหยาคิดว่าเธอพบจุดบกพร่อง จึงรีบถาม
เฉินจื่อชี้ไปที่ชายที่ปิดบังใบหน้าในวิดีโอ "เซิ่นเหยา เธอไม่คิดเหรอว่าผู้ชายคนนี้ดูคุ้น ๆ บ้างเหรอ?"
เซิ่นเหยาเพ่งมองอีกครั้ง แล้วก็ขมวดคิ้วเช่นกัน "พอพี่พูดแบบนี้ ฉันก็รู้สึกเหมือนจะคุ้นอยู่บ้าง แต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร"
เฉินจั๋วกระซิบเบา ๆ "ดูคล้ายหลินโจวไหม?"
เซิ่นเหยาตกใจเล็กน้อย แล้วส่ายหัว "หลินโจว?! เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าเขาแต่งเพลงได้ในระดับนี้ ฉันจะหย่ากับเขาหรือ? แล้วอีกอย่าง ถ้าเขาแต่งเพลงได้ ฉันจะไม่รู้ได้ยังไง?"
เฉินจื่อมองหน้าจอมือถืออีกครั้งแล้วพยักหน้า "อาจจะเป็นฉันคิดมากไปเอง"
ทั้งสองคนดูวิดีโอการแสดงเพลง "เส้นทางที่ธรรมดา" ซ้ำอีกครั้ง และก็ได้ข้อสรุปเหมือนกันอย่างหนึ่ง
เพลงนี้มีคุณภาพสูงมาก จนไม่สามารถหาข้อบกพร่องได้เลย
ส่วนการปล่อยข่าวลือว่าเสวี่ยโจวลอกเลียนแบบ? นั่นคงไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว
เหตุผลก็ง่ายๆ เพราะในวงการเพลงจีนตอนนี้ยังไม่มีเพลงในแนวเดียวกันเพลงไหนที่เหนือกว่าเพลง "เส้นทางธรรมดา" เลย ถ้าจะกล่าวหาว่าเขาลอกเลียนแบบ แล้วเขาจะไปลอกเลียนแบบใคร ในเมื่อผลงานของเขายอดเยี่ยมที่สุดแล้ว?
เฉินจื่อตรวจสอบเว็บไซต์บันเทิงและ Weibo ต่างๆ แน่นอนว่า ตอนนี้ทิศทางของกระแสได้เปลี่ยนไปแล้ว
"เส้นทางธรรมดา" กลายเป็นชื่อเพลงที่ขึ้นอันดับที่ห้าสิบในเทรนด์ฮอตเสิร์ช คอมเมนต์ต่างๆ ล้วนชื่นชมเพลงนี้ ทุกคนต่างยกย่องว่าเพลงนี้ทำให้พวกเขาหวนนึกถึงความผิดหวังและความยากลำบากในอดีต
ต้องเข้าใจว่าเสวี่ยโจวเป็นแค่วิดีโอครีเอเตอร์หน้าใหม่ในแพลตฟอร์มมือสมัครเล่น การที่สามารถติดเทรนด์ได้ถือเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์มากแล้ว
แม้แต่วิดีโอครีเอเตอร์ที่มีผู้ติดตามเป็นล้านคนยังยากที่จะติดเทรนด์ แต่เสวี่ยโจวกลับติดเทรนด์ฮอตเสิร์ชมาสามวันติด
ต้องบอกเลยว่าเขาคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ!
ไม่เพียงแค่แฟนเพลงเท่านั้นที่ชื่นชมเพลงนี้ นักวิจารณ์เพลงชื่อดังหลายคนก็อดใจไม่ไหวที่จะออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเพลง "เส้นทางธรรมดา"
เอ๋อร์หวง นักวิจารณ์เพลงที่มีผู้ติดตาม 5 ล้านคนใน Weibo กล่าวว่า: "ทำนองที่เรียบง่ายแต่กลับทำให้คุณรู้สึกทั้งสะเทือนใจและโศกเศร้า นี่แหละคือพลังของดนตรี!"
ศาสตราจารย์ด้านดนตรี สวีอี้โจว แสดงความเห็นว่า: "การใช้คอร์ดแบบ trip-hop ถ่ายทอดเสียงของคนธรรมดา มันเต็มไปด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ บอกเล่าเรื่องราวของการเดินทางที่ไม่ธรรมดาของชีวิต"
นักวิจารณ์เพลงจากเพนกวินมิวสิค ที่ใช้ ID ว่า “คนบ้าดนตรี” กล่าวว่า: "นี่คือสไตล์ใหม่ของโฟล์คซองสมัยใหม่ เนื้อเพลงที่อบอุ่นและเศร้าสร้อย ทำให้ผู้ฟังรู้สึกสงบและย้อนคิดถึงช่วงเยาว์วัย ความธรรมดาไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นทิศทาง! ขอคารวะทุกคนที่ธรรมดาแต่ยิ่งใหญ่!"
พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นนักดนตรีและนักวิจารณ์เพลงที่มีชื่อเสียง มักเเสดงความเห็นที่ตรงไปตรงมาเสมอ พวกเขาเคยวิพากษ์วิจารณ์ซูชิงเหม่ยในแง่ลบด้วยซ้ำอดีต ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะเข้าข้างเธอ ซึ่งทำให้คำวิจารณ์ของพวกเขายิ่งมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมากขึ้น
การที่ทั้งสามคนนี้ให้ความเห็นในแง่บวกต่อเพลง "เส้นทางธรรมดา" ยิ่งตอกย้ำว่าเพลงนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและไม่มีข้อกังขาในคุณภาพของมัน
สิ่งนี้ยิ่งทำให้ความคิดเห็นของพวกเขามีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้ไม่มีใครพูดถึงเรื่องเสวี่ยโจวลอกเลียนแบบอีกต่อไป
ทุกคนรู้ดีว่าคนที่สามารถเขียนเพลงอย่างเพลง "เส้นทางธรรมดา" ออกมาได้ ไม่มีทางเป็นพวกขี้ก็อปอย่างแน่นอน
ระดับฝีมือของเขาเหนือกว่านักแต่งเพลงส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ คนแบบนี้ยังต้องใช้วิธีก็อปปี้ผลงานคนอื่นอีกเหรอ?
แฟนๆ ของซูชิงเหม่ยที่ถูกกดดันในช่วงสองวันที่ผ่านมา ต่างก็ตื่นเต้นและออกมาแสดงความคิดเห็น:
"ซูชิงเหม่ยทำงานร่วมกับนักดนตรีที่ยอดเยี่ยม คนบางคนก็คงแค่หมั่นไส้เพราะทำไม่ได้แบบเธอ!"
"ไอ้พวกที่พูดว่าซูชิงเหม่ยร้องเพลงลอกเลียนแบบหายหัวไปไหนแล้ว?"
"โผล่หัวออกมาได้แล้ว วันสองวันก่อนยังกร่างอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?"
"ขอบคุณเสวี่ยโจวที่ช่วยคืนความบริสุทธิ์ให้กับชิงเหม่ยของเรา!"
ในขณะเดียวกัน ซูชิงเหม่ยที่เพิ่งเสร็จจากอีเวนด์โปรโมตแบรนด์ และเดินลงจากเวที คำถามแรกที่เธอถามคือ:
"เพลงเป็นยังไงบ้าง?"