บทที่ 40 บนเส้นทางธรรมดา!
บทที่ 40 บนเส้นทางธรรมดา!
ณ วิลล่าของตระกูลเจียง ในเกียวโต
“ไม่ใช่ว่าจะปล่อยเพลงตอนเที่ยงเหรอ? นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ!” เสียงทุ้มของชายวัยกลางคนดังขึ้น
"พ่อคะ ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนั้น? หนูยังไม่รู้สึกกระวนกระวายเลยนะ" เสียงหวานของหญิงสาวตอบกลับ
“เหงื่อซึมหน้าผากขนาดนั้น ลูกยังจะบอกว่าไม่รีบอีกเหรอ?”
เจียงหยูเอ๋อนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความกระวนกระวาย นี้วมือของเธอพยายามกดรีเฟรชหน้าเว็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เจียงเทา พ่อของเธอ นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ คอยเร่งเร้าให้ลูกสาวกดรีเฟรชต่อไปไม่หยุด
หลังจากได้ยินซูชิงเหม่ยร้องเพลง “เสียดายที่ไม่ใช่เธอ” เมื่อคืนก่อน เจียงเทาก็ราวกับถูกกระตุ้นความทรงจำ จนถึงกับสามารถเขียนบทกวีรำลึกถึงรักแรกของตนออกมาได้อย่างรวดเร็ว
ครึ่งหนึ่งของหัวใจเจียงเทาได้กลายเป็นแฟนคลับของซูชิงเหม่ยไปแล้ว เมื่อเขาได้ยินลูกสาวบอกว่าเพลงนี้แต่งโดย “เสวี่ยโจว” และได้เห็นข่าวที่เสวี่ยโจวถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนผลงาน เขาก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที
ด้วยสถานะนักประพันธ์ การถูกกล่าวหาว่า “ลอกเลียนแบบ” เป็นเรื่องที่กระทบจิตใจเจียงเทาอย่างรุนแรง เขาจึงให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ
ลูกสาวของเขาบอกว่า “เสวี่ยโจว” ผู้ถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนแบบผลงาน จะปล่อยเพลงใหม่ตอนเที่ยงวันนี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง
เจียงเทาซึ่งไม่มีธุระอะไรในวันนี้ จึงตัดสินใจมานั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมกับลูกลูกสาวของเขา
ในที่สุด เมื่อเข็มนาฬิกามาถึงเวลาเที่ยงตรง คลิปวิดีโอเพลงใหม่ของเสวี่ยโจวก็ปรากฏขึ้น
เจียงหยูเอ๋อรีบคลิกเข้าไปรับชมแทบจะในทันที
ฉากในวีดีโอยังคงเรียบง่าย ห้องยังคงมีการจัดวางแบบเดิม ชายหนุ่มปริศนาที่ไม่เปิดเผยใบหน้าคนเดิม นั่งดีดกีต้าอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม เหมือนกับเพลงก่อนที่ปล่อยออกมา
“อีกแล้วเหรอ? กีตาร์อีกแล้ว?”
“เหมือนทุกเพลงจะเล่นคู่กับกีตาร์ได้หมดเลยสินะ?”
ข้อความแสดงความคิดเห็นมากมายผุดขึ้นบนหน้าจอ เห็นได้ชัดว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่กำลังรอคอยเพลงนี้ ไม่ใช่แค่เจียงหยูเอ๋อกับพ่อของเธอเท่านั้น
วิดีโอของเสวี่ยโจวในครั้งนี้มีพัฒนาการขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยในตอนเริ่มต้นวีดีโอได้มีการใส่ชื่อเพลงเข้ามาด้วย
"เส้นทางธรรมดา"
ชื่อเพลงฟังดูเรียบง่าย ไม่หวือหวา
ไม่นานนัก ชายหนุ่มในวิดีโอก็เริ่มบรรเลงกีตาร์ ทำนองเพลงที่แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยแผ่วเบาค่อย ๆ ดังขึ้น
แม้จะเป็นเพียงเสียงกีตาร์เรียบง่าย แต่ทุกโน้ตเสียงกลับสื่อถึงเรื่องราวอันลึกซึ้งของชายผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน เพียงแค่ห้วงทำนองเริ่มต้น ก็สามารถพาผู้ฟังดำดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ได้ในพริบตา
จากนั้น เสียงร้องที่ใสกังวานแต่แฝงไปด้วยความโศกเศร้าเช่นเดียวกับทำนองก็เริ่มดังขึ้น:
“เดินร่อนเร่วนเวียนอยู่บนเส้นทาง”
“เธอจะไปไหม via via”
“เย่อหยิ่งถือดีแต่เปราะบาง”
“นั่นคือตัวฉันเองในอดีต”
เจียงหยูเอ๋อเบิกตากว้างและปรบมือเบาๆ “ดูเหมือนจะไม่เลวเลยนะ!”
เธอไม่ทันสังเกตว่าพ่อของเธอนั่นนั่งอึ้งไปแล้ว เพลงนี้อาจไม่ส่งผลกระทบต่อเจียงหยูเอ๋อที่ยังเด่นและไร้ซึ่งความกังวลมากนัก แต่สำหรับเจียงเทา ชายวัยกลางคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย เพลงนี้กลับเหมือนคมมีดที่กรีดลึกเข้าไปในจิตวิญญาณ
เมื่อครั้งที่ ปู้ซู่แต่งเพลงนี้ขึ้นมาในโลกเดิม เขาได้ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตและความรู้สึกทั้งหมดของเขาไว้ในบทเพลงนี้ พูดง่ายๆ ก็คือเพลงนี้เขียนขึ้นเพื่อให้คนที่มีเรื่องราวในชีวิตได้ฟัง
ในวิดีโอ เสียงร้องที่ใสกังวานแต่แฝงไปด้วยความโศกเศร้ายังคงดังต่อไป:
“อารมณ์ร้อนขี้หงุดหงิด”
“เธอจะไปไหน via via”
“คำถามปริศนาที่ไม่มีคำตอบกลับ”
“เธอยังตั้งใจฟังเรื่องที่เล่าอยู่ไหม?”
เจียงเทาเหม่อมองไปที่หน้าจอ ราวกับกำลังย้อนกลับไปยังความทรงจำในอดีต
ความรักครั้งแรก เพื่อนในวันวาน พวกเขาที่เคยสาบานร่วมกันว่าจะเป็นนักเขียนด้วยกัน จะเขียนเรื่องราวของพวกเขาให้คนทั้งโลกได้อ่าน
ตอนนี้พวกนายอยู่ที่ไหนกันนะ?
ในตอนนั้น เรื่องราวที่พวกเราเขียนในตอนนั้นไม่มีใครสนใจ พวกเราอาศัยอยู่ในห้องใต้ดินเล็ก ๆ ที่เกียวโต นอนเบียดกันบนเตียงเดี่ยวแคบ ๆ กินหมั่นโถวจิ้มน้ำเปล่าประทังชีวิต
ส่งต้นฉบับไปนับครั้งไม่ถ้วน ก็ถูกปฏิเสธกลับมานับครั้งไม่ถ้วน บรรณาธิการบอกว่าเรื่องราวของพวกเราไม่ดีพอ
พวกนายยังเคยตะโกนด้วยความโกรธว่า "เรื่องราวของพวกเรามันดีขนาดนี้! คุณได้ตั้งใจอ่านมันจริง ๆ หรือเปล่า?!"
พวกเราเคยเมาจนขาดสติ ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดกลางสายฝน
"เรื่องราวดี ๆ แบบนี้ ทำไมไม่มีใครอ่านวะ?!"
หลายปีผ่านไป เด็กหนุ่มที่เคยตะโกนกู่ร้องกลางสายฝนคนนั้นไม่มีอีกแล้ว
เรื่องราวของพวกเราอาจไม่มีใครรู้จักอีกต่อไป ฉันอยากเล่ามันออกมา อยากให้คนอื่นได้ฟัง
แต่ว่า... จะมีใครอยากฟังมันมันบ้างไหม?
ความเสียใจและบาดแผลจากความล้มเหลวมากมายได้กลายเป็นคำถามในเนื้อเพลงท่อนนี้:
“เธอยังตั้งใจฟังเรื่องที่เล่าอยู่ไหม?”
ความรู้สึกเศร้าและความหดหู่ท่วมท้นหัวใจของเจียงเทา ก่อนที่เขาจะทันได้ครุ่นคิดถึงความรู้สึกเหล่านั้น ท่อนฮุกของเพลงก็ดังขึ้น:
“ฉันเคยข้ามผ่านทั้งภูเขาและมหาสมุทร”
“และเคยพานพบผู้คนมากมาย”
“ฉันเคยมีทุกสิ่ง”
“และมันก็สลายไปในพริบตาราวกับหมอกควัน”
“ฉันเคยสูญเสีย สิ้นหวัง และหมดสิ้นหนทางไป”
“จนกระทั่งฉันค้นพบว่าความธรรมดานั้นคือคำตอบเดียวที่แท้จริง”
เจียงเทาราวกับถูกสายฟ้าฟาด เขานั่งนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม เสียงเพลงเหล่านี้เสมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมา ราวกับค้อนหนักๆที่ทุบลงไปที่หัวใจของเขา ทำให้ทั้งร่างของเขาชาหนึบ และหัวใจเต้นระรัว
หลังจากล้มเหลวที่เกียวโต เขาก็ไม่ยอมแพ้ เขาเดินทางไปยังหางโจว เซี่ยงไฮ้ และแม้กระทั่งภูเขาในกุ้ยโจว
ข้ามผ่านภูเขาและมหาสมุทร พบพานผู้คนมากมาย นี่ไม่ใช่ภาพสะท้อนของชีวิตในช่วงแรกของเขาหรอกหรือ?
เจียงเทารู้สึกว่าทั้งร่างกายกำลังสั่นเทา
เพลงนี้... เหมือนแต่งขึ้นเพื่อเขาเลยไม่ใช่หรือ?
ในความเป็นจริง หลายคนที่กำลังฟังเพลงนี้อยู่ในขณะนี้ก็รู้สึกเช่นเดียวกับเจียงเทา
เพลง "เส้นทางธรรมดา" ที่กลายเป็นเพลงยอดนิยมในโลกเดิม ไม่ได้โด่งดังขึ้นเพราะเทคนิคการแต่งเพลงหรือความยากในการร้อง แต่เพราะความลึกซึ้งของปรัชญาชีวิตที่ถูกถ่ายทอดผ่านบทเพลงนี้
ท่วงทำนองที่เรียบง่าย เสียงร้องที่สงบสุขุม แต่กลับสอดแทรกความยากลำบากและอุปสรรคของชีวิตไว้อย่างลึกซึ้ง
ทุกคนสามารถได้ยินส่วนหนึ่งของตัวเองในเพลงนี้ และค้นพบความรู้สึกที่สอดคล้องกัน
เพลงนี้คือการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ทั้งหมด
นี่คือพลังของบทเพลงที่ดี
"ครั้งหนึ่งฉันเคยทำลายทุกสิ่งที่มี"
"เพียงเพราะอยากหนีไปตลอดกาล"
"ครั้งหนึ่งฉันเคยจมอยู่ในความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด"
"พยายามดิ้นรนแต่ไม่สามารถหลุดพ้น"
"ครั้งหนึ่งฉันเคยเป็นเหมือนเธอ เหมือนเขา เหมือนดอกไม้และหญ้าข้างทาง"
"สิ้นหวัง แต่ก็ยังคงมีความหวัง"
"หัวเราะ ร้องไห้ และใช้ชีวิตที่แสนธรรมดา"
ในชีวิตมนุษย์ ใครกันบ้างที่ไม่เคยพบกับความล้มเหลว ใครกันที่ไม่เคยดิ้นรนต่อสู้?
เมื่อมองย้อนกลับไป จริง ๆ แล้วเราก็เป็นเหมือนคนอื่น ๆ รอบตัว เหมือนหญ้าและดอกไม้ริมทาง
ความเจ็บปวด ความยากลำบาก และการดิ้นรนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และในที่สุด ทุกอย่างก็กลายเป็นชีวิตที่แสนธรรมดา
"เวลาเงียบงัน ผ่านไปอย่างนี้"
“วันพรุ่งนี้กำลังมา”
"สายลมที่พัดผ่าน เส้นทางยังคงยาวไกล"
"เรื่องราวของเธอเล่าถึงไหนแล้ว"
เสียงเพลงค่อยๆ จางหายไป มือที่ดีดกีตาร์หยุดลง ดนตรีเงียบสงบ และเพลงก็จบลง
ทว่าท่วงทำนองและเสียงร้องยังคงก้องอยู่ในหัวของผู้ฟังทุกคน
เรื่องราวชีวิตของฉันเล่ามาถึงไหนแล้ว?
ฉันยังคงเล่าต่อไปหรือไม่?
และฉันอยากจะเล่าต่อไปหรือเปล่า?
“โอ้โห เพลงนี้...”
เจียงหยูเอ๋ออ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง ด้วยความรู้ด้านดนตรีและประสบการณ์ทางดนตรีที่มีอยู่เพียงน้อยนิดของเธอไม่สามารถอธิบายความรู้สึกต่อเพลงนี้ได้
รู้แค่ว่ามันเพราะมาก
เพราะมากจริงๆ!
และที่สำคัญ มันยังเป็นเพลงที่มีสไตล์แตกต่างจาก "เสียดายไม่ใช่เธอ" อย่างสิ้นเชิง!
นี่เสวี่ยโจวตั้งใจทำแบบนี้เหรอ?
เขาตั้งใจแต่งเพลงที่มีสไตล์ต่างกันสุดขั้ว เพื่อแสดงความสามารถที่หลากหลายของตัวเอง ให้ทุกคนเห็นว่าเขานั้นสุดยอดแค่ไหนกัน?
คนที่ลอกเลียนแบบคนอื่นจะเก่งขนาดนี้ได้จริงหรือ?
"พ่อว่าเพลงนี้เป็นยังไงบ้าง?"
เจียงยวี่เอ๋อร์หันไปถามความคิดเห็นของพ่อโดยไม่รู้ตัว เพราะเธอรู้ดีว่าการตัดสินว่าเพลงนี้ดีหรือไม่ ไม่สามารถตัดสินได้ด้วยตัวคนเดียว
แล้วถ้าเธอชอบ แต่พ่อของเธอไม่ชอบล่ะ?
แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นน้ำตาบนใบหน้าของพ่อ
เจียงหยูเอ๋อตกใจ ถามด้วยความประหลาดใจ "พ่อ... พ่อร้องไห้อีกแล้วเหรอ?"