ตอนที่แล้วบทที่ 39 เพลงใหม่เผยแพร่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 41 ฉันมาเพื่อจับผิด!

บทที่ 40 บนเส้นทางธรรมดา!


บทที่ 40 บนเส้นทางธรรมดา!

ณ วิลล่าของตระกูลเจียง ในเกียวโต

“ไม่ใช่ว่าจะปล่อยเพลงตอนเที่ยงเหรอ? นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ!” เสียงทุ้มของชายวัยกลางคนดังขึ้น

"พ่อคะ ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนั้น? หนูยังไม่รู้สึกกระวนกระวายเลยนะ" เสียงหวานของหญิงสาวตอบกลับ

“เหงื่อซึมหน้าผากขนาดนั้น ลูกยังจะบอกว่าไม่รีบอีกเหรอ?”

เจียงหยูเอ๋อนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความกระวนกระวาย นี้วมือของเธอพยายามกดรีเฟรชหน้าเว็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เจียงเทา พ่อของเธอ นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ คอยเร่งเร้าให้ลูกสาวกดรีเฟรชต่อไปไม่หยุด

หลังจากได้ยินซูชิงเหม่ยร้องเพลง “เสียดายที่ไม่ใช่เธอ” เมื่อคืนก่อน เจียงเทาก็ราวกับถูกกระตุ้นความทรงจำ จนถึงกับสามารถเขียนบทกวีรำลึกถึงรักแรกของตนออกมาได้อย่างรวดเร็ว

ครึ่งหนึ่งของหัวใจเจียงเทาได้กลายเป็นแฟนคลับของซูชิงเหม่ยไปแล้ว เมื่อเขาได้ยินลูกสาวบอกว่าเพลงนี้แต่งโดย “เสวี่ยโจว” และได้เห็นข่าวที่เสวี่ยโจวถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนผลงาน เขาก็เกิดความสนใจขึ้นมาทันที

ด้วยสถานะนักประพันธ์ การถูกกล่าวหาว่า “ลอกเลียนแบบ” เป็นเรื่องที่กระทบจิตใจเจียงเทาอย่างรุนแรง เขาจึงให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ

ลูกสาวของเขาบอกว่า “เสวี่ยโจว” ผู้ถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนแบบผลงาน จะปล่อยเพลงใหม่ตอนเที่ยงวันนี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง

เจียงเทาซึ่งไม่มีธุระอะไรในวันนี้ จึงตัดสินใจมานั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมกับลูกลูกสาวของเขา

ในที่สุด เมื่อเข็มนาฬิกามาถึงเวลาเที่ยงตรง คลิปวิดีโอเพลงใหม่ของเสวี่ยโจวก็ปรากฏขึ้น

เจียงหยูเอ๋อรีบคลิกเข้าไปรับชมแทบจะในทันที

ฉากในวีดีโอยังคงเรียบง่าย ห้องยังคงมีการจัดวางแบบเดิม ชายหนุ่มปริศนาที่ไม่เปิดเผยใบหน้าคนเดิม นั่งดีดกีต้าอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม เหมือนกับเพลงก่อนที่ปล่อยออกมา

“อีกแล้วเหรอ? กีตาร์อีกแล้ว?”

“เหมือนทุกเพลงจะเล่นคู่กับกีตาร์ได้หมดเลยสินะ?”

ข้อความแสดงความคิดเห็นมากมายผุดขึ้นบนหน้าจอ เห็นได้ชัดว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่กำลังรอคอยเพลงนี้ ไม่ใช่แค่เจียงหยูเอ๋อกับพ่อของเธอเท่านั้น

วิดีโอของเสวี่ยโจวในครั้งนี้มีพัฒนาการขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยในตอนเริ่มต้นวีดีโอได้มีการใส่ชื่อเพลงเข้ามาด้วย

"เส้นทางธรรมดา"

ชื่อเพลงฟังดูเรียบง่าย ไม่หวือหวา

ไม่นานนัก ชายหนุ่มในวิดีโอก็เริ่มบรรเลงกีตาร์  ทำนองเพลงที่แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยแผ่วเบาค่อย ๆ ดังขึ้น

แม้จะเป็นเพียงเสียงกีตาร์เรียบง่าย แต่ทุกโน้ตเสียงกลับสื่อถึงเรื่องราวอันลึกซึ้งของชายผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน เพียงแค่ห้วงทำนองเริ่มต้น ก็สามารถพาผู้ฟังดำดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ได้ในพริบตา

จากนั้น เสียงร้องที่ใสกังวานแต่แฝงไปด้วยความโศกเศร้าเช่นเดียวกับทำนองก็เริ่มดังขึ้น:

“เดินร่อนเร่วนเวียนอยู่บนเส้นทาง”

“เธอจะไปไหม via via”

“เย่อหยิ่งถือดีแต่เปราะบาง”

“นั่นคือตัวฉันเองในอดีต”

เจียงหยูเอ๋อเบิกตากว้างและปรบมือเบาๆ “ดูเหมือนจะไม่เลวเลยนะ!”

เธอไม่ทันสังเกตว่าพ่อของเธอนั่นนั่งอึ้งไปแล้ว เพลงนี้อาจไม่ส่งผลกระทบต่อเจียงหยูเอ๋อที่ยังเด่นและไร้ซึ่งความกังวลมากนัก แต่สำหรับเจียงเทา ชายวัยกลางคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย เพลงนี้กลับเหมือนคมมีดที่กรีดลึกเข้าไปในจิตวิญญาณ

เมื่อครั้งที่ ปู้ซู่แต่งเพลงนี้ขึ้นมาในโลกเดิม เขาได้ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตและความรู้สึกทั้งหมดของเขาไว้ในบทเพลงนี้ พูดง่ายๆ ก็คือเพลงนี้เขียนขึ้นเพื่อให้คนที่มีเรื่องราวในชีวิตได้ฟัง

ในวิดีโอ เสียงร้องที่ใสกังวานแต่แฝงไปด้วยความโศกเศร้ายังคงดังต่อไป:

“อารมณ์ร้อนขี้หงุดหงิด”

“เธอจะไปไหน via via”

“คำถามปริศนาที่ไม่มีคำตอบกลับ”

“เธอยังตั้งใจฟังเรื่องที่เล่าอยู่ไหม?”

เจียงเทาเหม่อมองไปที่หน้าจอ ราวกับกำลังย้อนกลับไปยังความทรงจำในอดีต

ความรักครั้งแรก เพื่อนในวันวาน พวกเขาที่เคยสาบานร่วมกันว่าจะเป็นนักเขียนด้วยกัน จะเขียนเรื่องราวของพวกเขาให้คนทั้งโลกได้อ่าน

ตอนนี้พวกนายอยู่ที่ไหนกันนะ?

ในตอนนั้น เรื่องราวที่พวกเราเขียนในตอนนั้นไม่มีใครสนใจ พวกเราอาศัยอยู่ในห้องใต้ดินเล็ก ๆ ที่เกียวโต นอนเบียดกันบนเตียงเดี่ยวแคบ ๆ กินหมั่นโถวจิ้มน้ำเปล่าประทังชีวิต

ส่งต้นฉบับไปนับครั้งไม่ถ้วน ก็ถูกปฏิเสธกลับมานับครั้งไม่ถ้วน บรรณาธิการบอกว่าเรื่องราวของพวกเราไม่ดีพอ

พวกนายยังเคยตะโกนด้วยความโกรธว่า "เรื่องราวของพวกเรามันดีขนาดนี้! คุณได้ตั้งใจอ่านมันจริง ๆ หรือเปล่า?!"

พวกเราเคยเมาจนขาดสติ ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดกลางสายฝน

"เรื่องราวดี ๆ แบบนี้ ทำไมไม่มีใครอ่านวะ?!"

หลายปีผ่านไป เด็กหนุ่มที่เคยตะโกนกู่ร้องกลางสายฝนคนนั้นไม่มีอีกแล้ว

เรื่องราวของพวกเราอาจไม่มีใครรู้จักอีกต่อไป ฉันอยากเล่ามันออกมา อยากให้คนอื่นได้ฟัง

แต่ว่า... จะมีใครอยากฟังมันมันบ้างไหม?

ความเสียใจและบาดแผลจากความล้มเหลวมากมายได้กลายเป็นคำถามในเนื้อเพลงท่อนนี้:

“เธอยังตั้งใจฟังเรื่องที่เล่าอยู่ไหม?”

ความรู้สึกเศร้าและความหดหู่ท่วมท้นหัวใจของเจียงเทา ก่อนที่เขาจะทันได้ครุ่นคิดถึงความรู้สึกเหล่านั้น ท่อนฮุกของเพลงก็ดังขึ้น:

“ฉันเคยข้ามผ่านทั้งภูเขาและมหาสมุทร”

“และเคยพานพบผู้คนมากมาย”

“ฉันเคยมีทุกสิ่ง”

“และมันก็สลายไปในพริบตาราวกับหมอกควัน”

“ฉันเคยสูญเสีย สิ้นหวัง และหมดสิ้นหนทางไป”

“จนกระทั่งฉันค้นพบว่าความธรรมดานั้นคือคำตอบเดียวที่แท้จริง”

เจียงเทาราวกับถูกสายฟ้าฟาด เขานั่งนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม เสียงเพลงเหล่านี้เสมือนสายฟ้าที่ฟาดลงมา ราวกับค้อนหนักๆที่ทุบลงไปที่หัวใจของเขา ทำให้ทั้งร่างของเขาชาหนึบ และหัวใจเต้นระรัว

หลังจากล้มเหลวที่เกียวโต เขาก็ไม่ยอมแพ้ เขาเดินทางไปยังหางโจว เซี่ยงไฮ้ และแม้กระทั่งภูเขาในกุ้ยโจว

ข้ามผ่านภูเขาและมหาสมุทร พบพานผู้คนมากมาย นี่ไม่ใช่ภาพสะท้อนของชีวิตในช่วงแรกของเขาหรอกหรือ?

เจียงเทารู้สึกว่าทั้งร่างกายกำลังสั่นเทา

เพลงนี้... เหมือนแต่งขึ้นเพื่อเขาเลยไม่ใช่หรือ?

ในความเป็นจริง หลายคนที่กำลังฟังเพลงนี้อยู่ในขณะนี้ก็รู้สึกเช่นเดียวกับเจียงเทา

เพลง "เส้นทางธรรมดา" ที่กลายเป็นเพลงยอดนิยมในโลกเดิม ไม่ได้โด่งดังขึ้นเพราะเทคนิคการแต่งเพลงหรือความยากในการร้อง แต่เพราะความลึกซึ้งของปรัชญาชีวิตที่ถูกถ่ายทอดผ่านบทเพลงนี้

ท่วงทำนองที่เรียบง่าย เสียงร้องที่สงบสุขุม แต่กลับสอดแทรกความยากลำบากและอุปสรรคของชีวิตไว้อย่างลึกซึ้ง

ทุกคนสามารถได้ยินส่วนหนึ่งของตัวเองในเพลงนี้ และค้นพบความรู้สึกที่สอดคล้องกัน

เพลงนี้คือการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ทั้งหมด

นี่คือพลังของบทเพลงที่ดี

"ครั้งหนึ่งฉันเคยทำลายทุกสิ่งที่มี"

"เพียงเพราะอยากหนีไปตลอดกาล"

"ครั้งหนึ่งฉันเคยจมอยู่ในความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด"

"พยายามดิ้นรนแต่ไม่สามารถหลุดพ้น"

"ครั้งหนึ่งฉันเคยเป็นเหมือนเธอ เหมือนเขา เหมือนดอกไม้และหญ้าข้างทาง"

"สิ้นหวัง แต่ก็ยังคงมีความหวัง"

"หัวเราะ ร้องไห้ และใช้ชีวิตที่แสนธรรมดา"

ในชีวิตมนุษย์ ใครกันบ้างที่ไม่เคยพบกับความล้มเหลว ใครกันที่ไม่เคยดิ้นรนต่อสู้?

เมื่อมองย้อนกลับไป จริง ๆ แล้วเราก็เป็นเหมือนคนอื่น ๆ รอบตัว เหมือนหญ้าและดอกไม้ริมทาง

ความเจ็บปวด ความยากลำบาก และการดิ้นรนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และในที่สุด ทุกอย่างก็กลายเป็นชีวิตที่แสนธรรมดา

"เวลาเงียบงัน ผ่านไปอย่างนี้"

“วันพรุ่งนี้กำลังมา”

"สายลมที่พัดผ่าน เส้นทางยังคงยาวไกล"

"เรื่องราวของเธอเล่าถึงไหนแล้ว"

เสียงเพลงค่อยๆ จางหายไป มือที่ดีดกีตาร์หยุดลง ดนตรีเงียบสงบ และเพลงก็จบลง

ทว่าท่วงทำนองและเสียงร้องยังคงก้องอยู่ในหัวของผู้ฟังทุกคน

เรื่องราวชีวิตของฉันเล่ามาถึงไหนแล้ว?

ฉันยังคงเล่าต่อไปหรือไม่?

และฉันอยากจะเล่าต่อไปหรือเปล่า?

“โอ้โห เพลงนี้...”

เจียงหยูเอ๋ออ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง ด้วยความรู้ด้านดนตรีและประสบการณ์ทางดนตรีที่มีอยู่เพียงน้อยนิดของเธอไม่สามารถอธิบายความรู้สึกต่อเพลงนี้ได้

รู้แค่ว่ามันเพราะมาก

เพราะมากจริงๆ!

และที่สำคัญ มันยังเป็นเพลงที่มีสไตล์แตกต่างจาก "เสียดายไม่ใช่เธอ" อย่างสิ้นเชิง!

นี่เสวี่ยโจวตั้งใจทำแบบนี้เหรอ?

เขาตั้งใจแต่งเพลงที่มีสไตล์ต่างกันสุดขั้ว เพื่อแสดงความสามารถที่หลากหลายของตัวเอง ให้ทุกคนเห็นว่าเขานั้นสุดยอดแค่ไหนกัน?

คนที่ลอกเลียนแบบคนอื่นจะเก่งขนาดนี้ได้จริงหรือ?

"พ่อว่าเพลงนี้เป็นยังไงบ้าง?"

เจียงยวี่เอ๋อร์หันไปถามความคิดเห็นของพ่อโดยไม่รู้ตัว เพราะเธอรู้ดีว่าการตัดสินว่าเพลงนี้ดีหรือไม่ ไม่สามารถตัดสินได้ด้วยตัวคนเดียว

แล้วถ้าเธอชอบ แต่พ่อของเธอไม่ชอบล่ะ?

แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นน้ำตาบนใบหน้าของพ่อ

เจียงหยูเอ๋อตกใจ ถามด้วยความประหลาดใจ  "พ่อ... พ่อร้องไห้อีกแล้วเหรอ?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด