บทที่ 29 แผลร้าย…ก็แค่แผล
###
เรียกได้ว่าหลังจากมีร่างกระดาษทดแทน มู่หลินก็แทบจะไม่สามารถถูกโจมตีด้วยวิชาเวทคำสาปในระดับเดียวกันได้อีกต่อไป แม้แต่คำสาปจากระดับที่สูงขึ้นก็มิอาจทำอะไรเขาได้
และท้ายที่สุด:
“ข้อบกพร่องต่าง ๆ ของการย้ายบาดแผลนั้น มันเป็นปัญหาของข้า ไม่ใช่ของร่างกระดาษทดแทน”
“ตราบใดที่ข้าฝึกฝนให้ร่างกระดาษทดแทนก้าวหน้าขึ้นได้มากพอ การย้ายบาดแผลให้ครบถ้วนก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้น ตราบใดที่ศัตรูมิได้โจมตีข้าจนแหลกสลาย แม้แต่จิตวิญญาณยังถูกบดขยี้ ข้าก็ย่อมไม่ตาย”
“สำหรับข้อจำกัดในเรื่องของพลังเวทที่ร่างกระดาษสามารถรับไว้ได้…ร่างกระดาษทดแทนไม่ได้มีแค่ตัวเดียวนี่!”
เมื่อนึกถึงอนาคตที่ศัตรูเจาะหัวใจหรือบดขยี้ศีรษะของเขาจนเป็นผุยผง แต่เขาก็สามารถอาศัยจิตวิญญาณที่ยังคงอยู่เพื่อย้ายบาดแผลทั้งหมดออกไปได้ มู่หลินก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา
สิ่งที่ทำให้เขาดีใจยิ่งกว่าคือ แม้ในตอนนี้ เขาก็ยังมีวิธีใช้พลังบางอย่างของร่างกระดาษทดแทนได้
“เปิดแท่นบูชา!”
“หึ่ง!”
เมื่อเสียงกระซิบของมู่หลินดังขึ้น แท่นบูชาในตันเถียนของเขาก็เริ่มส่องแสงพลังพิเศษออกมา
แสงพลังนี้เสริมพลังให้กับร่างกระดาษทดแทนบนแท่นบูชา ทำให้ความเชื่อมโยงกับมู่หลินลึกซึ้งยิ่งขึ้น จากนั้นมู่หลินก็พบว่า ด้วยการเพิ่มพลังของแท่นบูชา เขาสามารถย้ายบาดแผลจากร่างจริงไปยังร่างกระดาษทดแทนได้ถึงห้าส่วนจากเดิมที่ย้ายได้เพียงสามส่วน
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ การย้ายบาดแผลนี้ทำได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง
ตราบใดที่มีร่างกระดาษทดแทนในตันเถียน มู่หลินก็สามารถย้ายบาดแผลออกไปได้เรื่อย ๆ ทำให้แผลร้ายแรงกลายเป็นแผลสาหัส แผลสาหัสกลายเป็นแผลเบา และแผลเบากลายเป็นแผลเล็กน้อย
เมื่อนึกถึงจุดนี้ มู่หลินก็หัวเราะออกมาอย่างพอใจ
“พูดไปแล้ว จากนี้ข้าก็คงพูดได้สินะว่า แผลร้าย…ก็แค่แผลฉีดยา!”
แน่นอนว่านี่เป็นแค่ความคิดเท่านั้น เขายังไม่กล้าพูดออกไปจริง ๆ เพราะการจะทำให้แผลร้ายแรงกลายเป็นแผลเบานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
แผลร้ายแรง เช่น การแตกหักของหัวใจหรือสมอง หากย้ายไปยังร่างกระดาษทดแทนก็จะทำให้ร่างกระดาษนั้นมีช่องว่างในอวัยวะสำคัญเหล่านั้น ซึ่งแม้ว่าจะมีพลังเวทอุดมสมบูรณ์ ก็ไม่อาจฟื้นฟูให้กลับคืนมาได้ง่าย ๆ ยิ่งไปกว่านั้น พลังเวทในร่างของเขายังไม่เพียงพอ และถ้าอกหักก็รักษาไม่ได้
“เพราะฉะนั้น จำเป็นต้องฝึกฝนต่อไป และต้องยกระดับร่างกระดาษให้สูงขึ้น!”
เมื่อนึกถึงจุดนี้ มู่หลินก็หันไปดูการเปลี่ยนแปลงในแผงคุณสมบัติของเขา
แล้วเขาก็พบว่า ระดับความชำนาญของคัมภีร์ไท่อินฟื้นคืนชีวิตเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่าจากเดิม
【คัมภีร์ไท่อินฟื้นคืนชีวิต ระดับ 2 ความชำนาญ (1/3300) คุณสมบัติ: การเปิดวิญญาณ รากวิญญาณ (พิธีบูชากระดาษฝังสวรรค์) ร่างกระดาษทดแทน】
นอกจากนี้ เขายังสังเกตเห็นว่าร่างกระดาษทดแทนเองก็มีแผงความชำนาญเช่นกัน และเริ่มต้นที่ระดับ 2
【ร่างกระดาษทดแทน (วิชาพื้นฐาน) ระดับ 2 ความชำนาญ (1/810) คุณสมบัติ: ภาพลวงแยกร่าง การย้ายบาดแผล】
“มีแผงความชำนาญแยก หมายความว่าร่างกระดาษทดแทนจะไม่เพิ่มความชำนาญตามคัมภีร์ไท่อินฟื้นคืนชีวิต แต่ข้าต้องฝึกแยกต่างหาก”
เมื่อคิดถึงจุดนี้ มู่หลินก็ไม่รู้สึกทุกข์ใจ การฝึกแยกกันอาจจะใช้เวลามากขึ้น แต่เนื่องจากวิชาเวทง่ายกว่าการฝึกคัมภีร์มาก ร่างกระดาษทดแทนของเขาจึงน่าจะพัฒนาไปถึงระดับสูงได้ง่ายกว่า
“และที่สำคัญ ร่างกระดาษทดแทนนั้นไม่ได้ใช้ได้แค่สำหรับการย้ายบาดแผล…”
……
หลังจากการเปิดวิญญาณสำเร็จและรากวิญญาณก่อตัว มู่หลินก็ยิ้มอย่างพอใจอยู่นาน จนเมื่อจิตใจของเขาสงบลง เขาก็เริ่มฝึกฝนต่อ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วขณะเขามุ่งมั่นฝึกฝน จนกระทั่งรุ่งเช้าวันถัดมา
ด้วยความปลาบปลื้ม มู่หลินถึงกับไม่รอกินอาหารเช้า รีบไปยังห้องเรียนทันที
การมาของเขาทำให้ผู้คนจำนวนมากล้อมรอบเข้ามาในทันที
“พี่มู่ ท่านมาถึงเช้าเชียว”
“ขยันแบบนี้ ถึงได้ทำให้การพับกระดาษและการวาดภาพของพี่มู่ถึงขั้นระดับปรมาจารย์”
บางคนรู้สึกดีใจกับการมาของมู่หลิน บางคนไม่รู้สึกอะไร และแน่นอนว่าบางคนก็รู้สึกขุ่นเคือง
ขณะที่มู่หลินอยู่ในวงล้อมของผู้คนมากมาย แววตาของพางติ้งกลับมืดมน
ผู้ติดตามของเขาซึ่งเป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์ต่ำบางคน แม้ไม่กล้าท้าทายมู่หลินโดยตรง แต่ก็ปลอบโยนพางติ้งด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ท่านพาง ไม่ต้องไปสนใจนักหรอก การพับกระดาษและการวาดภาพเป็นเพียงศาสตร์รอง ในเมื่อเราฝึกพลังจิต การฝึกฝนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อถึงคราวท่านพางเปิดวิญญาณได้สำเร็จ เขาย่อมต้องตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างท่านกับเขา”
“ใช่แล้ว ถึงตอนนั้น คนพวกนี้ที่สายตาสั้น อยากจะเข้าหาท่านพางก็คงไม่มีโอกาส”
“ท่านพางไม่ควรใส่ใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้”
คำพูดนี้ทำให้พางติ้งยิ้มออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเจ้าพูดถูก เป็นข้าที่หลงโกรธคนพวกนี้เกินไป…”
ด้วยความไม่พอใจและการยกยอจากผู้คนรอบข้าง พางติ้งก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะฝึกฝนอย่างหนักเพื่อยกระดับพลังของตน แล้วเมื่อถึงเวลาเลื่อนขั้น เขาจะได้หัวเราะเยาะมู่หลินให้สาสม
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะจินตนาการภาพนั้นให้จบ สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาก็ทำให้เขาต้องพังทลายลง
เมื่อเสียงกริ่งเริ่มเรียนดังขึ้น หมาเต้าเหรินก็เข้ามาในห้องเรียน
และก่อนที่เขาจะนั่งลง มู่หลินก็ยืนขึ้น
ในตอนแรก การกระทำของมู่หลินไม่ได้ดึงดูดความสนใจของใคร ทุกคนคิดว่าเขามีปัญหาการฝึกวิชาที่ต้องการสอบถามกับหมาเต้าเหริน
แต่แล้ว คำพูดที่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงก็ดังขึ้นในห้องเรียน
“ท่านอาจารย์ ข้าเปิดวิญญาณสำเร็จแล้ว”
เสียงนี้ทำให้ห้องเรียนเงียบลงในทันที และหลังจากผ่านไปชั่วขณะ ก็มีเสียงอุทานที่ไม่เชื่อดังขึ้น
“เป็นไปไม่ได้!”
ผู้ที่แสดงความสงสัยก็คือพางติ้ง เขาไม่มีฐานะหรือความโดดเด่นเท่ามู่หลิน แต่สิ่งที่เขาภาคภูมิใจคือพรสวรรค์รากวิญญาณระดับสองของเขา
ทว่า ตอนนี้ เขาซึ่งมีรากวิญญาณระดับสองยังไม่สามารถเปิดวิญญาณได้ แต่กลับเป็นมู่หลินที่เปิดวิญญาณสำเร็จก่อน สิ่งนี้ทำให้เขารับไม่ได้
ความแปลกใจนี้ไม่ได้มีแค่พางติ้ง หมาเต้าเหรินเองก็ไม่สามารถหาคำตอบได้เช่นกัน
เนื่องจากเขาเคยคิดจะสนับสนุนมู่หลิน จึงเคยสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเขา
ด้วยเหตุนี้ เขารู้ดีว่ามู่หลินแม้จะมีทักษะมรดก แต่ก็เป็นสายที่ไม่เป็นทางการ
เขารู้ด้วยว่าช่างพับกระดาษเป็นสายที่มีความลึกลับ และแม้จะมีความเสี่ยงที่จะตายก่อนเวลา แต่ระดับความสามารถในสายนี้ก็ไม่น้อย ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจว่า มู่หลินที่ไม่มีเบื้องหลังและพรสวรรค์รากวิญญาณไม่ดีนั้น เปิดวิญญาณสำเร็จภายในเวลาเพียงยี่สิบวันได้อย่างไร
“หรือว่าเขาไม่ได้ใช้วิชาของช่างพับกระดาษในการเปิดวิญญาณ?”
แม้จะสงสัยในใจ แต่หมาเต้าเหรินนั้นสุขุมกว่าพางติ้งมาก
ดังนั้น เขาไม่ได้แสดงความสงสัยออกมา หากแต่พูดว่า “เปิดวิญญาณสำเร็จแล้วแน่หรือ?”
“แน่นอนขอรับ”
“ดี งั้นตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าไปทดสอบระดับรากวิญญาณ”
เมื่อพูดจบ เขาก็ออกจากห้องเรียนก่อน มู่หลินจึงรีบตามเขาไป
ระหว่างทาง แม้ไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับสายอมนุษย์เช่นมู่หลิน แต่ด้วยความรับผิดชอบ หมาเต้าเหรินก็บอกความรู้ทั่วไปบางอย่างให้มู่หลิน
“การใช้วิชาระดับดิน หากเปิดวิญญาณสำเร็จภายใน 7 ถึง 33 วัน จะได้รับการประเมินเป็นระดับอี่ แต่ระดับอี่ก็แบ่งเป็นสามขั้น คือ อี่บน อี่กลาง และอี่ล่าง ซึ่งความแตกต่างของระดับนี้จะส่งผลต่อสิทธิประโยชน์ที่ได้รับเช่นกัน”
“ยกตัวอย่างเช่น สิทธิที่สำคัญที่สุดคือเมื่อได้รับการประเมินเป็นระดับอี่แล้ว เจ้าสามารถเข้าไปในหอคัมภีร์เพื่อเลือกวิชาระดับดินได้อีกหนึ่งวิชา โดยระดับอี่ล่างเลือกได้เพียงวิชาระดับดินขั้นต่ำ ระดับอี่กลางสามารถเลือกวิชาระดับดินขั้นกลาง และระดับอี่บนสามารถเลือกได้ถึงวิชาระดับดินขั้นสูง…ถึงแล้ว”
ขณะพูด หมาเต้าเหรินก็พามู่หลินมายังห้องหนึ่ง ที่นั่นมีคนสองคนรออยู่แล้ว
หนึ่งในนั้นเป็นชายชรา อีกคนเป็น…เด็กสาว?
เมื่อเห็นเด็กหญิงที่มีอายุประมาณสิบสองหรือสิบสามปี มู่หลินก็ตกใจเล็กน้อย
สายตาของเขาทำให้เด็กสาวคนนั้นไม่พอใจทันที
“ฮึ!”
เสียงฮึดฮัดเย็นชาดังขึ้น และพลังกดดันอันน่าเกรงขามก็แผ่ออกจากร่างของเด็กสาวพร้อมกับคำพูดเย็นเยียบ
“เจ้าคิดอะไรไม่ดีอยู่สินะ”
“ช.เปล่าขอรับ”