บทที่ 134 ความโด่งดังของอันเฉิง
บทที่ 134 ความโด่งดังของอันเฉิง
ขอให้เธอมีอนาคตที่สดใส
ขอให้เธอได้ครองคู่กับคนที่รัก
ขอให้เธอพบความสุขในโลกนี้
คำกล่าวสุดท้ายของบทกวี หันหน้าไปสู่ทะเล ดอกไม้ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ ของไห่จื่อคือคำที่เฉินเฉิงอยากจะพูดกับเจียงลู่ซี และเป็นคำอวยพรที่จริงใจที่สุดจากเขาถึงเธอ
ในครึ่งแรกของชีวิต เด็กสาวคนนี้ต้องทนทุกข์ทรมานมากมาย ในชาติก่อน เธอมีอนาคตที่เจิดจ้า แต่กลับไม่มีเพื่อนหรือคนรักที่พร้อมจะเดินไปด้วยกัน
สำหรับความสุข เจียงลู่ซีอาจจะไม่เคยได้สัมผัส
หากชีวิตนี้มีความสุขแล้ว ใครกันจะใช้ช่วงเวลาที่ดีเยี่ยมในชีวิตมอบชีวิตต่อไปให้กับพระพุทธเจ้าอันเป็นนามธรรม
ในการซ้อมการแสดง ทั้งสองยืนหันหน้าเข้าหาผู้ชมตลอดเวลา
เจียงลู่ซีไม่เคยคิดว่าเฉินเฉิงจะหันมามองเธอในขณะท่องบทสุดท้าย
เจียงลู่ซีสบตากับแววตาอบอุ่นของเฉินเฉิงและนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
“อย่าเพิ่งยืนนิ่งสิ โค้งขอบคุณเถอะ” เฉินเฉิงพูดเบา ๆ หลังจากเอาไมโครโฟนออก
เจียงลู่ซีพยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็ก้มโค้งขอบคุณผู้ชม
เธอรู้ดีว่าคำพูดสุดท้ายนี้ของเฉินเฉิง เขาพูดเพื่อเธอ
ด้วยการแสดงบทกวีของเฉินเฉิงและเจียงลู่ซี สองนักเรียนที่โด่งดังที่สุดของโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งอันเฉิง งานเฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ของโรงเรียนจึงสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ
พิธีกร เซินเย่ขึ้นเวทีพร้อมกับมองไปที่บทในมือก่อนกล่าวว่า “ปีนี้เป็นปีที่ยิ่งใหญ่ของโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งอันเฉิง เรามีนักเรียนที่ทำคะแนนได้ยอดเยี่ยมในการแข่งขันครอบคลุมแปดจังหวัด มีนักเรียนอย่างเจียงลู่ซีที่ได้รับการตอบรับเข้าศึกษาโดยตรงที่มหาวิทยาลัยหัวชิง และบทความของเฉินเฉิงก็ยังโดดเด่นในเขตเจียงหวย ปีนี้ เรามีห้องคอมพิวเตอร์เป็นของโรงเรียน และงานแสดงต้อนรับปีใหม่ของเราก็จัดขึ้นในโรงเรียนเป็นครั้งแรก ขอให้ทุกท่านตั้งตารอ ปีหน้าของโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งอันเฉิงต้องดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน”
เสียงปรบมือดังกึกก้องจากผู้ชม
โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งอันเฉิงรุ่นนี้ จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน
“สวัสดีปีใหม่” หลังจากลงจากเวที เฉินเฉิงยิ้มให้เธอ
“สวัสดีปีใหม่” เจียงลู่ซีกล่าวตอบ
เมื่อสิ้นสุดปีใหม่ ระยะเวลาที่เหลือจนถึงวันตรุษจีนก็อีกไม่นาน
อีกแค่ประมาณหนึ่งเดือนเท่านั้น
และในสัปดาห์ต่อมา อันเฉิง ก็ขายดิบขายดี
นับตั้งแต่ที่ อันเฉิง วางขายในร้านหนังสือต่าง ๆ ทั่วเมือง ด้วยการบอกต่อและคำแนะนำของผู้ที่ได้อ่านแล้วทำให้หนังสือเล่มนี้โด่งดังขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้น สำนักพิมพ์วรรณกรรมอันเฉิงก็ได้ปล่อยกลยุทธ์สำคัญออกมา
เมื่อรู้ว่าผู้เขียนนวนิยาย อันเฉิง นี้ คือเฉินเฉิง ผู้แต่งเรื่อง แสงไฟ และ แม่น้ำอัน ที่มีอายุเพียงสิบเจ็ดปี การรายงานข่าวของสื่อหลายแห่งทั่วทั้งมณฑลได้ทำให้หนังสือชุดแรกจำนวนสามพันเล่มขายหมดทันที
และในสัปดาห์ต่อมา สำนักพิมพ์วรรณกรรมอันเฉิงก็ได้รับคำสั่งซื้อจากร้านหนังสือจำนวนมาก โดยได้พิมพ์เพิ่มอีกห้าหมื่นเล่มและส่งออกไปจำหน่ายทั่วประเทศ แต่ก็หมดเกลี้ยงภายในสัปดาห์เดียว
นี่เป็นสิ่งที่เย่เซิ่งกวง บรรณาธิการใหญ่ของสำนักพิมพ์วรรณกรรมอันเฉิงเองก็ไม่คาดคิดมาก่อน แม้ว่าเขาจะเห็นว่าหนังสือ อันเฉิง ของเฉินเฉิงมีโอกาสจะไปได้ไกลก็ตาม หลังจากที่วางแผนออกเล่มสามพันเล่มแรกเพื่อทดลองตลาดได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม เขาจึงพิมพ์เพิ่มอีกห้าหมื่นเล่ม คิดว่าอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาขายหนึ่งเดือนถึงจะหมด
เล่มแรกที่วางขายสามพันเล่ม ในหกวันแรก แม้ว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีแต่ก็ขายได้เพียงสองพันเล่ม จนกระทั่งอีกหนึ่งพันเล่มสุดท้ายถึงจะขายหมดในวันเดียวเนื่องจากกระแสจากชื่อเสียงของเฉินเฉิงที่ถูกเปิดเผย แต่ว่าจำนวนยอดขายต่อวันจะพุ่งสูงถึงเกือบหมื่นเล่มนั้นก็ถือว่าเกินคาดไปมาก
หากมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของสำนักพิมพ์วรรณกรรมอันเฉิง หนังสือที่ขายดีที่สุดคือนวนิยายเรื่องยาว เมืองในเมืองนอก ของเฉินซื่อ หัวหน้าสำนักวัฒนธรรมอันเฉิงในปัจจุบัน ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2001
นวนิยายเล่มนี้มียอดขายห้าหมื่นเล่มในปี 2001 และถือเป็นหนังสือขายดีของปีนั้น ไม่เพียงแต่ในเมืองอันเฉิง แต่ทั่วทั้งมณฑลฮุยโจวก็มีชื่อเสียง
แต่หนังสือ เมืองในเมืองนอก ของเฉินซื่อนั้นกว่าจะขายได้ห้าหมื่นเล่มใช้เวลาถึงหนึ่งปี โดยเดือนแรกทำยอดขายได้เพียงหมื่นเล่มเท่านั้น
ส่วนหนังสือ อันเฉิง ของเฉินเฉิง เริ่มจากวางขายสามพันเล่มเพื่อทดสอบตลาดในร้านหนังสือหลัก จนถึงยอดขายห้าหมื่นเล่มใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนเท่านั้น
เมื่อหนังสือ อันเฉิง โด่งดังไปทั่วมณฑลฮุยโจว สายโทรศัพท์สั่งซื้อหนังสือจากร้านค้าทั่วประเทศก็หลั่งไหลเข้ามา และไม่เพียงแต่ร้านหนังสือ แต่เว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์รายใหญ่หลายแห่งก็เข้ามาติดต่อขอความร่วมมือเช่นกัน
นี่เป็นเรื่องที่สำนักพิมพ์ระดับล่างไม่อาจรับมือได้ เพราะโรงพิมพ์ของพวกเขาไม่สามารถผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดได้เลย สำนักพิมพ์วรรณกรรมอันเฉิงใช้เวลาพิมพ์ห้าหมื่นเล่มหลังจากที่เฉินเฉิงส่งต้นฉบับขั้นสุดท้ายโดยใช้เวลาในการพิมพ์ครึ่งเดือนเต็ม
ดังนั้น สำนักพิมพ์ระดับมณฑลอย่างสำนักพิมพ์วรรณกรรมฮุยโจวจึงเข้ามามีส่วนร่วม พวกเขาใช้โรงพิมพ์ในเครือข่ายทุกแห่งในมณฑลเร่งพิมพ์หนังสือเล่มนี้ ขณะเดียวกันก็ใช้ทรัพยากรด้านการประชาสัมพันธ์และโฆษณาที่พวกเขามีในการโปรโมท อันเฉิง ของเฉินเฉิง
ทุกคนย่อมรู้ถึงคุณค่าของหนังสือเล่มนี้ในตอนนี้
ไฟกองเล็ก ๆ สามารถเผาผลาญพื้นที่ได้กว้างไกล
หนังสือ อันเฉิง ได้จุดไฟจากเมืองอันเฉิงไปยังมณฑลฮุยโจว และตอนนี้กำลังลามไปทั่วประเทศในเดือนสุดท้ายของปีทางจันทรคติ ไม่มีใครรู้ว่าไฟกองนี้จะลุกลามไปไกลแค่ไหน
แต่เย่เซิ่งกวงและคนในสำ
นักพิมพ์วรรณกรรมอันเฉิงรู้ดีว่า แม้เพียงยอดขายห้าหมื่นเล่มที่ทำได้ในตอนนี้ สำนักพิมพ์วรรณกรรมอันเฉิงก็มั่นใจว่าตนจะอยู่รอดได้
ต้องรู้ว่า แม้แต่สำนักพิมพ์วรรณกรรมฮุยโจวในเมืองหลวงของมณฑลเองก็ไม่ได้มีหนังสือที่มียอดขายสูงถึงห้าหมื่นเล่มในปีนี้ หนังสือที่มียอดขายใกล้เคียงห้าหมื่นเล่มก็ล้วนแต่เป็นหนังสือคลาสสิกจากปีก่อน ๆ ทั้งนั้น