บทที่ 100 ไม่กลัวโดนจับเรื่องแอบคบกันเหรอ?
บทที่ 100 ไม่กลัวโดนจับเรื่องแอบคบกันเหรอ?
เฉินหยวนนึกถึงเนื้อเพลงท่อนหนึ่งที่ร้องว่า...
บนโลกนี้ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของกันและกันได้อย่างแท้จริงหรอก... ส่วนเนื้อร้องท่อนหลังฉันจำไม่ได้แล้ว
เมื่อกี้เขาก็แค่รู้สึกว่าเซี่ยซินหยู่น่ะเวอร์เกินไป งี่เง่าเป็นเด็กน้อยขี้แพ้ชัด ๆ
เขาก็แค่พูดเล่น แซวไปงั้น ๆ เธอกลับทำเป็นจริงจังซะอย่างนั้น
ลองเอาใจเขามาใส่ใจเธอสิ ถ้าเป็นเขา เขาคงไม่เป็นแบบนี้หรอก
แต่ในตอนนี้...
หลังจากที่เซี่ยซินหยู่ลืมตาขึ้น เธอก็พองแก้มแล้วเป่าเทียนบนเค้กจนดับ
ห้องที่ไร้แสงไฟจากเทียนก็พลันตกอยู่ในความมืดมิด
"ไม่... ไม่เปิดไฟเหรอ?"
เพราะเฉินหยวนนั่งใกล้สวิตช์ไฟ แต่เขายังไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้น เซี่ยซินหยู่จึงถามด้วยความสงสัย
"... รอแป๊บนึง"
เฉินหยวนพูดสองคำนี้ออกมาอย่างตะกุกตะกัก จนถึงตอนนี้หัวใจของเขายังเต้นแรงอย่างผิดปกติ
เหมือนมีกวางน้อยวิ่งชนกันอยู่ในอก
หยวนเป่า...
เธอเรียกฉันว่าหยวนเป่าเหรอ?
ไม่สิ เธอไปเอาฉายาแบบนี้มาจากไหนกัน? ฉันไม่เคยเห็นใครเรียกแบบนี้มาก่อนเลยนะ?
บอกมาตามตรงเถอะ ไปลอกใครเขามาหรือเปล่า?
อะไรนะ ลอกฉันเหรอ...?
อ๋อ งั้นไม่เป็นไร
แต่เสียงในใจที่ดังแวบขึ้นมาเมื่อกี้นี้...
ฉันจะได้ยินมันอีกไหมนะ?
แน่นอน ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างอื่นนะ แค่อยากฟังเฉย ๆ
ขอร้องล่ะ ซินเป่า อัดเสียงให้อีกสักรอบได้ไหม ฉันจะให้เงินเธอเอง
"เมื่อวานฉันบอกแล้วไงว่าจะบอกคำอธิษฐานที่ขอพรกับเทพเจ้าเค้กในวันนี้ให้นายฟัง แต่นายลองทายดูสิว่าฉันขออะไรไป?" เซี่ยซินหยู่ถือโอกาสที่อยู่ในความมืด มองไม่เห็นหน้ากันเอ่ยถามขึ้น
เอ่อ...
ฉันเดาว่าเธอขอนี่แน่ ๆ เลย
ขอให้หยวนเป่าได้เข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับฉัน!
"เรื่อง... เรื่องอะไรเหรอ?" เฉินหยวนถามด้วยความคาดหวัง
เธอจะบอกคำอธิษฐานของเธอให้ฉันฟัง นั่นหมายความว่าเธอจะพูดประโยคนี้อีกครั้งใช่ไหม?
งั้นเดี๋ยวนะ ขอฉันเปิดเครื่องบันทึกเสียงก่อนได้ไหม?
ไม่ใช่ว่าฉันอยากฟังนะ เพื่อนฉันต่างหากที่อยากฟัง...
"เพราะคำอธิษฐานวันเกิดฉันขอไปแล้ว ตอนที่ปล่อยโคมไฟแมวเมื่อวานไง" เซี่ยซินหยู่อธิบายอย่างเป็นธรรมชาติ "วันนี้ในเมื่อเป็นการขอพรกับเทพเจ้าเค้ก แถมเราก็กินเค้กด้วยกัน ฉันก็เลยคิดว่าจะขอพรให้นายด้วยเลยแล้วกัน"
"งั้นมันก็เปลืองสิ? ต่อให้เราคนละข้อ เทพเจ้าเค้กก็จัดการให้ได้อยู่แล้ว"
"อืม..."
เซี่ยซินหยู่ได้แต่ถอนหายใจกับเฉินหยวนที่ยังมัวแต่คิดจะเอาเปรียบเทพเจ้าในเวลานี้ สมกับเป็นเขา ฉลาดแกมโกงจริง ๆ แม้แต่เทพเจ้าก็ยังเอาเปรียบเขาไม่ได้
แต่เธอก็ฉลาดเหมือนกัน "ไม่เปลืองหรอก คำอธิษฐานของฉันมันยิ่งใหญ่มาก ถ้าท่านช่วยให้เราสมหวังได้ มันก็คุ้มค่าแล้ว"
"จริง ๆ แล้ว... ฉันเดาไม่ออกเลย"
ถ้าให้เดาเอาเองเฉินหยวนคงเดาไม่ถูกหรอก ใครจะไปอวยพรวันเกิดให้คนอื่นกันล่ะ
"งั้นนายพูดมาตรง ๆ เลยดีกว่า" เซี่ยซินหยู่ถามด้วยความอยากรู้ "ถ้าเป็นนายอธิษฐานกับเทพเจ้าเค้ก แล้วเผื่อแผ่มาถึงฉันด้วย นายจะขออะไร?"
"ถ้าเป็นฉัน..."
จริง ๆ แล้ววันนี้ ตอนที่เฉินหยวนเห็นเซี่ยซินหยู่วางแผนเป็นเรื่องเป็นราว แม้กระทั่งช่วงปิดเทอมฤดูร้อนปีหน้า เฉินหยวนก็เพิ่มน้ำหนักให้กับแผนของตัวเองเช่นกัน
ถ้าเป็นพร ขอไปก็ไม่เป็นจริงหรอก
แต่ถ้าเป็นเป้าหมาย เขาคิดว่าการพูดออกมามันเหมือนจะเป็น 'คำศักดิ์สิทธิ์' ที่มีพลังกระตุ้นมากกว่า
ดังนั้น เงื่อนไขเบื้องต้นที่ทำให้เขาพูดออกมาได้ก็บรรลุแล้ว
นั่นคือ เธอถาม
แล้วเขาก็ตอบ
"ฉันคิดว่า เราจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ด้วยกันได้"
ค่ำคืนอันเงียบสงัด
คนทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันในห้องต่างมองหน้ากันอย่างเงียบ ๆ แม้ว่าสายตาจะไม่สามารถโฟกัสได้ แต่ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะเห็นใบหน้าของกันและกัน
จากนั้นก็เป็นความเงียบงันอีกครั้ง
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
เฉินหยวนไม่ได้ฟังเสียงในใจของเซี่ยซินหยู่ เพราะเขาเองก็ไม่ได้ยินเสียงในใจของตัวเองเหมือนกัน
โลกภายในไม่เคยสงบเช่นนี้มาก่อน
ขอบคุณความมืดมิดนี้เช่นกัน ที่ไม่ได้เผยให้เห็นความตื่นตระหนกของเขา
ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้เปิดเผยความยินดีของเซี่ยซินหยู่ออกมา
"นายพูดเองนะ"
ในที่สุด เซี่ยซินหยู่ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน เธอพยายามเก็บอาการดีใจไว้ พยายามทำท่าทางจริงจัง พูดอย่างตั้งใจว่า "ถ้าผิดคำพูดล่ะ จะทำยังไง?"
ถ้าผิดคำพูดล่ะ ฉันตายแน่
เหลือเวลาอีกแค่ปีครึ่งในชั้นมัธยมปลาย ฉันจะเปลี่ยนใจได้ยังไง?
ถึงแม้ในใจจะมั่นใจมาก แต่พูดแบบนี้มันก็เกินจริงไปหน่อย เขาจึงพูดอย่างอ้อมค้อมว่า "ไม่มีทางหรอก"
เพื่อควบคุมอารมณ์ เซี่ยซินหยู่จึงยิ้มแต่ไม่ส่งเสียงออกมา หางตาโค้งเป็นเสี้ยวพระจันทร์ พยายามไม่แสดงอารมณ์ออกมา แล้วกระแอมไอเบา ๆ เพื่อปรับอารมณ์ "ฉันรู้ว่านายจะไม่ผิดคำพูดหรอก แต่นายจะล้มเลิกไหมล่ะ?"
ถ้าไม่พึ่งพาพลังพิเศษ เฉินหยวนก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะล้มเลิกหรือเปล่า?
การเรียนรู้ต้องอาศัยความพยายามก็จริง แต่พรสวรรค์เป็นตัวกำหนดขีดจำกัด
เซี่ยซินหยู่เป็นเด็กที่ขยันจริง ๆ แต่ภายใต้ทรัพยากรทางการศึกษาที่ธรรมดาแบบนั้น เธอยังสามารถแข่งขันกับเด็กเก่งจากภูมิภาคที่พัฒนาแล้วซึ่งได้รับสิทธิพิเศษทางการศึกษาได้อย่างไม่น้อยหน้า นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา
ส่วนตัวเขาเอง ตอนเข้าเรียนผลการเรียนก็ใช้ได้ มีความฉลาดหลักแหลมอยู่บ้าง แต่ถึงแม้จะเอาอันดับตอนเข้าเรียนไปเทียบกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย คะแนนของเขาก็ไม่ถึง 570 คะแนนอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น ความยากของชั้นมัธยมปลายยิ่งมากขึ้นไปอีก ช่องว่างก็จะยิ่งกว้างขึ้น
คนที่มีพรสวรรค์ธรรมดา มีความฉลาดหลักแหลมเล็กน้อย ขีดจำกัดสูงสุดที่ทำได้ อาจจะแค่ประมาณ 600 คะแนน
"ไม่หรอก เหนื่อยก็ดู 'ดวงดาวที่เปลี่ยนไป' ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่" เฉินหยวนพูดอย่างมั่นใจ
การพยายามก้าวไปข้างหน้าอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าไม่พยายามก้าวไปข้างหน้า ก็ไม่มีวันไปถึงฝั่งฝันได้!
เหนื่อยกันหมดแหละ ใครมันจะไม่เหนื่อยบ้างวะ? ช่างแม่งสิ ฉันก็จะเรียน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เรียนให้บ้าคลั่งไปเลย! เกาะติดเหอหงเทา ลากมันมาเรียนด้วยกันเลย!
“อืม ฉันเชื่อนายนะ”
ยังคงเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความเชื่อใจเช่นเคย แต่ในขณะเดียวกัน เซี่ยซินหยู่ก็รู้สึกว่าตัวเองควรจะให้กำลังใจเขาสักหน่อย “ถ้าคะแนนเราต่างกันไม่เกินสามสิบคะแนน ฉันจะสมัครเรียนมหาลัยเดียวกับนาย”
เธอคิดแบบนั้นจริง ๆ
ถ้าไม่มีเฉินหยวน ในวันนั้น เธอคงกลายเป็นดวงดาวไปตามหาพวกเขาแล้ว
ถ้าเฉินหยวนไม่ได้ไปเซ่าเซียง ด้วยนิสัยของเธอ ไม่ว่าจะยังไง เธอก็จะพยายามหาเงินมาคืนให้ได้ แม้ว่าการเรียนและสุขภาพจะพังทลายลงก็ตาม
ถ้าเขาไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอตลอด ในวันเกิดนี้ เธอที่อยู่ที่เซี่ยงไฮ้อย่างโดดเดี่ยว คงไม่มีวันปรารถนาให้คำอธิษฐานเป็นจริงได้ขนาดนี้
เพราะมีเขาอยู่ ผืนดินที่เธอยืนอยู่จึงผลิบาน ดอกไม้ ต้นไม้ ลมพัด ใบไม้ไหว เหมือนมีวิญญาณมากมายร่ายรำอยู่รอบตัว เสียงน่ารักนับไม่ถ้วนต่างก็ตะโกนบอกเธออย่างตื่นเต้นว่า: ไปด้วยกันนะ
ชีวิตฉันลำบากกว่าคนอื่นนิดหน่อย
ดังนั้น ฉันจึงกลัวการสูญเสียมากยิ่งขึ้น
แม้แต่การแสดงความรู้สึก ก็ไม่กล้าตรงไปตรงมามากเกินไป กลัวว่าจะทำให้ความสุขในอนาคตหายไป
แล้วต้องชดใช้ด้วยดอกเบี้ยที่เรียกว่า ‘ความเสียใจไปตลอดชีวิต’
เด็กสาวมัธยมปลายคนไหนจะสามารถเก็บกดความรู้สึกในช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดได้กัน?
ฉันแค่อยากให้ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่แค่ดอกไม้ไฟที่สว่างวาบเพียงชั่วครู่
“คำพูดแบบนี้ สำหรับผู้ชายแถบตะวันออกเฉียงใต้แล้ว มันดูอวดดีไปหน่อยนะ”
หลังจากที่เซี่ยซินหยู่พูดอย่างจริงใจ เฉินหยวนกลับตอบแบบไม่โรแมนติกเอาเสียเลย
“อ่า... ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูถูก หรือดูแคลนนายนะ ฉันแค่หมายถึงว่า ตอนสมัครเรียน เราสามารถเลือกมหาลัยที่ใกล้กันหน่อยได้” เซี่ยซินหยู่รีบอธิบาย
“ใครจะไปเลือกมหาลัยที่คะแนนสูงกว่าตัวเองได้ล่ะ?”
เซี่ยซินหยู่บอกว่าเธอไม่ได้ยอมแพ้ เธอก็ยินดีที่จะทำเช่นนั้นจริง ๆ
แต่ในความเป็นจริง นี่คือการเสียสละ
“อืม โอเค งั้นเราสู้ไปด้วยกันนะ!”
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มแปลก ๆ เซี่ยซินหยู่จึงยิ้มและเปลี่ยนเรื่อง เธอตัดสินใจที่จะไม่พูดเรื่องนี้ต่อ
แต่การยอมรับเรื่องนี้โดยปริยาย ไม่ใช่สิ่งที่เฉินหยวนจะทำ
“ก่อนหน้านี้ไม่มีเป้าหมาย ก็เลยทำแบบขอไปที”
เฉินหยวนผู้มีเวลาเรียนเป็นสองเท่าของคนอื่น สัญญาโดยไม่ลังเล “เธอเองก็อย่าหยุดอยู่กับที่ล่ะ ไม่งั้นเมื่อถึงตอนนั้น ฉันคงต้องรอเธอแล้ว”
“…”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เซี่ยซินหยู่ก็ถึงกับอึ้งไป
ปกติเวลาพูดแบบนี้ เฉินหยวนจะพูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่น เหมือนกับยอมรับว่าตัวเองเป็นฝ่ายไล่ตาม
แต่ตอนนี้ เขาพูดจริงจังมาก
เหมือนกับทุกครั้งที่เขาให้สัญญา พูดแล้วต้องทำให้ได้
แบบนี้มัน เท่มากเลยนะ
เซี่ยซินหยู่ตัดสินใจที่จะเชื่อมั่นในตัวเขา “โอเค ฉันจะพยายาม 625 คะแนนแค่นั้น คงไม่สามารถรั้งฉันให้อยู่ที่ไห่ตงได้หรอก”
มณฑลไห่ตงมีมหาลัย 985 อยู่แค่แห่งเดียว คือมหาวิทยาลัยไห่ตง ซึ่งเป็นมหาลัยระดับท็อป มหาลัยที่เหลือต่างกันมาก แม้แต่ 211 ก็ไม่มี
แต่ถ้าตั้งเป้าหมายไว้ที่ ‘มหาวิทยาลัยลู่เหมิน’ เฉินหยวนก็ต้องจากบ้านเกิดไปกับเธอ
เราสองคน...ต่างก็ไม่ได้อยู่บ้านเกิดตัวเองเลยเนอะ
"อืม...ที่นายบอกว่าหลิวไห่ตงจะสอบเข้ามหาลัย 985 นี่มัน..."
หลังจากพูดถึงเรื่องจริงจัง เฉินหยวนก็กลับมาสู่โหมดจริงจังอีกครั้ง แน่นอน ตอนนี้เขาจะถอยไม่ได้แล้ว ได้แต่พูดโอ้อวดต่อไป "งั้นเธอก็ต้องเพิ่มคะแนนอีกสามสิบคะแนน สู้ ๆ นะ"
"ได้ ๆ ๆ " เซี่ยซินหยู่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม "ถ้างั้นนายได้คะแนนมากกว่าฉัน นายจะยอมลดคะแนนตัวเองลงมาเรียนมหาลัยเดียวกับฉันไหมล่ะ?"
"ยอมสิ"
"หา? นี่นายสองมาตรฐานชัด ๆ "
"ผู้ชายแถบตะวันออกเฉียงใต้ก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ใช่ปัญหาของฉันสักหน่อย"
"งั้นรบกวนผู้ชายแถบตะวันออกเฉียงใต้ไปเปิดไฟหน่อยสิ อาหารจะเย็นแล้ว"
"โอเค" เฉินหยวนลุกขึ้นไปเปิดไฟ
แล้วตอนที่เขากลับมานั่งที่เดิม ก็เห็นเซี่ยซินหยู่นั่งยิ้มอยู่ตรงนั้น ถึงเธอจะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเธอมีความสุขมาก
แถมรอยยิ้มสดใสของเธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะจางหายไป เธอใช้มือเท้าคาง จ้องมองเขา อารมณ์ดีของเจ้าของวันเกิดแทบจะส่งผ่านอากาศมาถึงเขาเลย
เธอยิ้มแล้วดูดีมากเลย
ตอนที่เธอทำตัวเรียบร้อย ก็เป็นอีกแบบหนึ่งที่ดูดี เป็นแบบที่แสดงออกต่อหน้าคนอื่น
แต่ตอนนี้...เป็นโหมดพิเศษสำหรับเขาคนเดียว
ยัยนี่...ต้องรู้ตัวแน่ ๆ ว่าตัวเองสวยมาก
"กินกับข้าวก่อนเถอะ เค้กค่อยกินทีหลัง"
เฉินหยวนยกเค้กไปวางบนโต๊ะหนังสือ
จากนั้น เซี่ยซินหยู่ก็จัดจานอาหารใหม่ แล้ววางแก้วกระดาษไว้ตรงหน้าของแต่ละคน
"เก้าดีกรีนะ"
เฉินหยวนเปิดฝาไวน์องุ่น ก่อนรินก็เตือนเซี่ยซินหยู่ว่า นี่ไม่ใช่ไวน์ Rio กระจอก ๆ นะ
"ไม่เป็นไร ตราบใดที่ฉันไม่ดื่มเยอะเหมือนตอนดื่มเบียร์ครั้งนั้น ฉันก็ไม่เมาหรอก อย่างมากก็แค่เมานิดหน่อย"
เซี่ยซินหยู่รู้ว่าครั้งที่แล้วเธอเมาเพราะดื่มเบียร์เย็น ๆ ไปทั้งกระป๋อง
แต่เฉินหยวนก็อยากจะเตือนเธอหน่อย ๆ ...
เธอรู้ไหมว่าครั้งนั้นเธอเมาตั้งแต่จิบไหน?
ช่างเถอะ
อยากทำเก่งก็ปล่อยเธอไป
เฉินหยวนรินไวน์ให้ทั้งคู่ จากนั้นก็ยกแก้วขึ้น "วันนี้วันเกิดซินหยู่ ฉันขอชนแก้วหน่อยนะ"
"อืม" เซี่ยซินหยู่ยกแก้วกระดาษขึ้นมาชน "งั้นพูดอะไรหน่อยสิ"
"คำพูดทั้งหมดอยู่ในไวน์แล้ว ไม่พูดมากละ กินให้อร่อย ดื่มให้อร่อยนะ"
"อืม กินให้อร่อย ดื่มให้อร่อย มีความสุขทุกวันนะ"
มื้อพิเศษวันนี้ อลังการกว่ามื้อประหารชีวิตที่เซี่ยซินหยู่ทำให้ตัวเองในวันนั้นซะอีก แถมเพราะเป็นเวลาค่ำมากแล้ว ทั้งคู่ก็เลยหิวมาก ความอยากอาหารเลยพุ่งสูง พวกเขากินซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานกับปลากะพงนึ่งสองอย่างนี้หมดเกลี้ยง เพราะเป็นกับข้าวที่ไม่หนักท้องเท่าไหร่
เป็ดย่างร้านนั้นถึงจะแพง แต่เนื้อก็นุ่มมาก แป้งนุ่มละมุน ซอสหวานรสชาติเข้มข้น พอทั้งคู่กินไปครึ่งหนึ่งแล้ว ก็ห่อที่เหลือทั้งหมดใส่กล่องกลับบ้าน กุ้งทอดเกลือกับโครงเป็ดทอดเกลือก็ใส่จานเดียวกัน เอากลับไปเป็นมื้อเที่ยงวันพรุ่งนี้
"อิ่มแล้ว..."
เซี่ยซินหยู่ส่ายหน้า รู้สึกว่าถ้าแบ่งเค้กตอนนี้คงเสียดาย เพราะเธอกินไม่หมดแน่ ๆ
"แต่ในเมื่อเป็นวันเกิด ก็กินหน่อยเถอะ"
ดังนั้น เฉินหยวนจึงตัดเค้กออกเป็นสี่ส่วนหนึ่งชิ้น ซึ่งก็คือ ชิ้นส่วนที่มีรัศมี 75 เซนติเมตร เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
"วิธีคำนวณพื้นที่ของมัน เด็ก ๆ ที่ฉลาดยังจำได้ไหม?"
"ส่วนที่เหลือ เอาไว้เป็นของหวานมื้อเย็นพรุ่งนี้นะ" เซี่ยซินหยู่ลุกขึ้นยืน นำเค้กและส้อมพลาสติกไปวางไว้ในตู้เย็น ก่อนจะกลับมานั่งลงตรงหน้าเฉินหยวน
แล้วเธอก็เห็นเฉินหยวนมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ
"เป็นอะไรเหรอ?" เซี่ยซินหยู่งุนงง
เฉินหยวนถือส้อมพลาสติกค้างอยู่ในมือ พร้อมกับพูดว่า "ส้อมอันอื่น เธอเอาไปใส่ตู้เย็นหมดแล้ว"
"อุ๊ย ขอโทษ ลืมไปเลย"
"ไม่เป็นไร กินด้วยกันนี่แหละ คนละคำสองคำ"
เห็นเซี่ยซินหยู่ทำท่าจะลุกไปหยิบ เฉินหยวนก็โบกมือปฏิเสธ
จากนั้นก็ตักเค้กมะม่วงขึ้นมาหนึ่งคำ กำลังจะส่งเข้าปาก ก็เห็นเซี่ยซินหยู่หน้าแดง ๆ อ้าปากรออยู่……
ให้ตายเถอะ เมาแล้วเหรอเนี่ย?
แค่ไวน์อัดลมเก้าดีกรีครึ่งขวด เธอก็เมาได้เนี่ยนะ?
แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจ แค่เข้าใจผิด บวกกับความมึน ๆ เลยดูน่ารัก...
บ้าจริง รู้สึกว่าเธอน่ารักเกินไปแล้ว
"อ่า..."
เซี่ยซินหยู่ที่ยังมึนงง อ้าปากค้าง หลังจากนั้นก็คิดขึ้นได้
เดี๋ยวนะ เขาหมายถึงกินคนละคำ ไม่ใช่ป้อนฉันแล้วเขากินต่อเหรอ?
ทันใดนั้น เฉินหยวนก็ส่งเค้กเข้าปากเธอ
อ๋อ เข้าใจถูกแล้วล่ะ
เขาคิดแบบนั้นเลย
( บ้าเอ๊ย ฉันไม่ได้อยากให้เธอป้อนเลยนะ! )
แต่ถ้าฉันเป็นคนแบบที่ติดกล้องไว้บนหัว คอยบันทึกชีวิตประจำวัน เอาแต่เรื่องบ๊อง ๆ ของเซี่ยซินหยู่ตอนเมาลงโซเชียล คงได้เป็นล้านฟอลแน่ ๆ
แน่นอน เป็นไปไม่ได้หรอก
แม้แต่น้า ฉันยังไม่อยากให้ดู แล้วทำไมคนอื่นต้องได้ดูด้วยล่ะ?
อะไรนะ ซินหยู่ดังแล้วจะได้เงินเหรอ?
งั้นตกลงกันหน่อย ถ่ายแต่เรื่องราวของหยวนเป่า ทำคอนเทนต์แนวผู้หญิงลง TikTok ได้ไหม?
ว่าแต่น้า ยังไม่ตอบเลย
เฉินหยวนยื่นส้อมให้เซี่ยซินหยู่ หยิบมือถือขึ้นมาดูว่าน้าตอบว่าไง
ลมโชยเมฆลอย: กินให้อร่อยนะ ขอให้เที่ยวให้สนุก
เฉินหยวน: อืม กินจะหมดแล้วครับ เดี๋ยวผมไปส่งซินหยู่กลับบ้าน
ใครเป็นคนกำหนดว่าส่งถึงหน้าห้องไม่เรียกว่ากลับบ้าน?
《สมเหตุสมผลจะตายไป》
ตอนที่เฉินหยวนพิมพ์ข้อความเสร็จ กำลังจะเงยหน้าขึ้น ก็รู้สึกถึงสัมผัสลื่น ๆ บนใบหน้า
อาศัยจังหวะที่เขาดูมือถือ เซี่ยซินหยู่จิ้มครีมแล้วลุกขึ้นมา ระบายลงบนหน้าเฉินหยวนอย่างระมัดระวัง
พอถูกจับได้ เธอก็รู้ว่าเฉินหยวนกำลังจะเอาคืน จึงรีบยิงกระสุนเพิ่มอีกสามนัด ครีมติดนิ้วทั้งสามนิ้ว
จากนั้น เฉินหยวนก็ยกเค้กขึ้นมาด้วยมือเดียว
"หา?"
ครีมน้อยนิดของเซี่ยซินหยู่ดูบางเบาไปเลย
"เป็นโรคกลัวอาวุธไม่พอใช้น่ะสิ เลยให้เธอยิงก่อนสามนัด"
"แล้วยิงสามนัดแล้ว..."
"ฉันก็จะยิงท่าไม้ตายใส่"
การป้ายเค้กเป็นขั้นตอนสุดท้ายของวันเกิด ทุกคนต้องไปลองนะ
ใบหน้าสวย ๆ ของเซี่ยซินหยู่ ดูสิว่าฉันจะทำลายมันได้ยังไง?
แต่ เซี่ยซินหยู่ยังไม่ทันได้เริ่ม ก็เติมหนวดแมวสามเส้นให้ตัวเอง แล้วอ้อนวอนว่า "หายกันนะ... ได้ไหม?"
โธ่เว้ย เธอทำแบบนี้ใครจะเล่นด้วย
"ไม่ได้ ฉันยังไม่ได้ป้ายเลย"
เฉินหยวนไม่ยอมรับชัยชนะแบบนี้
ไม่มีความรู้สึกสำเร็จเลย
"ก็ได้" เซี่ยซินหยู่ไม่มีทางเลือก "อย่าให้เลอะผมนะ อย่าโดนเสื้อผ้าด้วย ซักออกยาก เข้าตาก็แสบ..."
"เรื่องมากจริง"
เฉินหยวนถูกจำกัดขอบเขตการสร้างสรรค์ผลงานจนหมดสิ้น เหลือพื้นที่ให้เขาได้แสดงฝีมือเพียงแค่แก้มข้างซ้ายเท่านั้น
แล้วเขาจะรังสรรค์ผลงานที่ดีที่สุดออกมาจากพื้นที่จำกัดนี้ได้อย่างไร?
“เสร็จรึยัง?” เซี่ยซินหยู่ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เสร็จแล้ว”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉินหยวนก็เลือกที่จะใช้แนวทางที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่สุด
เขาใช้วิปครีมวาดวงกลมลงบนแก้มของเซี่ยซินหยู่
มันไม่มีความหมายอะไรเลย
“เรียบร้อย ล้างหน้าแล้วเข้านอนได้แล้ว”
เฉินหยวนลุกขึ้นพลางวางเค้กที่เหลือไว้ข้าง ๆ
จากนั้นก็เดินไปที่อ่างล้างจาน เริ่มล้างหม้อล้างชาม
“ฉันช่วยนะ” เซี่ยซินหยู่เดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยปากเสนอตัว
“เจ้าของวันเกิดจะมาล้างจานได้ยังไง? รีบกลับไปนอนได้แล้ว” เห็นได้ชัดว่าเซี่ยซินหยู่เมา เฉินหยวนจึงอยากให้เธอกลับไปพักผ่อนเร็ว ๆ
วันเกิดแสนสุขวันนี้ก็ควรจะจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ
ทันใดนั้น เซี่ยซินหยู่ก็ไม่รู้ไปควักวิปครีมมาจากไหนมาป้ายเป็นวงกลมบนหน้าตัวเอง
“เธอทำอะไรเนี่ย โอ๊ย!”
เดี๋ยวนะ ฉันยุติสงครามไปแล้วนะ การกระทำแบบนี้ของเธอมันผิดกติกา! ผิดกติกาชัด ๆ !
“ขอโทษ ๆ”
เซี่ยซินหยู่ใช้มือวักน้ำ ยิ้มพลางเขย่งปลายเท้าลบครีมที่อยู่บนแก้มของเฉินหยวนออก แล้วโบกมือลา ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป “ฝันดีนะ”
“ฝันดี”
ว่าไปเธอก็ซนไม่เบาเลยนะ
ระดับความน่ารักตอนเมา +20%
แน่นอนว่า เขาจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่งั้นเธอจะได้ใจ
แต่ไวน์นิดหน่อยนั้นไม่มีผลอะไรกับเฉินหยวน หลังจากล้างหม้อไหชามช้อนเสร็จ เขาก็เก็บกวาดห้องเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือ ทบทวนบทเรียนคณิตศาสตร์เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง จนถึงห้าทุ่ม
วันนี้เป็นวันเกิดของเซี่ยซินหยู่ เธอสามารถผ่อนคลายได้
แต่เฉินหยวนต้องรู้ขีดจำกัดของตัวเอง
เพื่อที่จะได้พิสูจน์ตัวเองในการสอบกลางภาคสัปดาห์หน้า
“ฮ้าว…”
เฉินหยวนหาวออกมา เขาก็เริ่มง่วงแล้วเหมือนกัน
เขาจึงหยิบหนังสือเรียน ปากกา และยางลบใส่ลงในถุงผ้าใบ ก่อนจะนอนลงบนเตียงพร้อมกับกอดถุงผ้าใบนั้นไว้ แล้วค่อย ๆ เข้าสู่ห้วงนิทรา—
นี่มันห้องเรียนนี่นา
ทุกคนดูเลือนราง มีเพียงเซี่ยซินหยู่ที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง กำลังก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบอย่างตั้งใจ
บนกระดานดำเต็มไปด้วยสูตรมากมาย คนอื่น ๆ ก็ตั้งใจทำข้อสอบเช่นกัน
เฉินหยวนไม่เข้าใจ นี่มันความทรงจำที่ฝังใจอะไรกัน
ครู่ใหญ่ ๆ เขาจึงตระหนักได้ว่า นี่คือเซี่ยซินหยู่ที่กำลังเตรียมตัวสอบกลางภาค
หรือว่า ความทรงจำที่ฝังใจของเธอจะไม่มีความเสียใจหลงเหลืออยู่อีกแล้ว?
บางที…
ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก
ครั้งแรกที่เซี่ยซินหยู่ฝันถึงพ่อแม่ ก็เพราะว่าพ่อแม่เพิ่งเสียไป ครั้งที่สอง ฝันถึงวันเกิดเก่า ๆ ก็เพราะว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันเกิดเธอ และครั้งนี้ที่ฝันถึงการสอบกลางภาค ก็เป็นเพราะว่าอาทิตย์หน้าเธอต้องสอบ...
เข้าใจแล้ว
ความฝันสะท้อนจิตใจ
บางที นี่อาจเป็นแค่ความทรงจำที่เธอฝังใจอยู่ลึก ๆ
เพราะนี่เป็นการสอบครั้งแรกของเธอหลังจากที่รู้จักกับฉัน
เรื่องแบบนี้จะส่งผลต่อคะแนนหรือเปล่านะ การสอบครั้งนี้มีความหมายมากทีเดียว
หลังจากรู้แล้ว เฉินหยวนก็อุ้มเอกสารลุกขึ้น เดินไปข้าง ๆ เซี่ยซินหยู่ แล้วดึงเด็กสาวหน้าตาพร่ามัวคนนั้นขึ้นมา "เพื่อน เปลี่ยนที่กันหน่อย"
"ชู่"
หลังจากนั่งลง เซี่ยซินหยู่ก็ทำท่าทางให้เฉินหยวน เตือนเขาว่าอาจารย์บนเวทีกำลังมองอยู่
โอเค ๆ ฉันไม่พูดแล้ว
แต่เธอก็อย่าดึงอาจารย์ลงมาในฝันจริง ๆ เลย น่ากลัวชะมัด
ในเมื่อเธอกำลังเรียน ฉันก็เรียนเงียบ ๆ ด้วยแล้วกัน
ห้องแห่งกาลเวลาทางจิตวิญญาณ เริ่มทำงาน!
หลังจากทำข้อสอบไปประมาณสามสิบนาที เสียงกริ่งก็ดังขึ้น
นักเรียนในห้อง รวมถึงอาจารย์บนเวที ก็ทยอยออกไป
เซี่ยซินหยู่จะไปไหมนะ?
เฉินหยวนหันกลับไป แล้วก็เห็นเซี่ยซินหยู่ฟุบอยู่บนโต๊ะ...
หลับไปแล้ว
ไม่ใช่สิ ในฝันก็ยังหลับอีกเหรอ?
อ้อ จริงสิ เพราะเธอดื่มเหล้า เอาอาการเมาเข้ามาในฝัน ช่วงเวลานี้ก็เลยอยู่ในสภาพมึน ๆ
ดูได้จากใบหน้าแดง ๆ ของเธอ
ตะวันคล้อยต่ำ แสงสุดท้ายละลายไปกับเมฆ จับตัวเป็นสีแดงเรื่อย ๆ
ผมหางม้าสูง ๆ ของเซี่ยซินหยู่ ถูกย้อมเป็นสีทอง
เฉินหยวนแกะหนังยางของเธอออก ผมยาวก็สยายลงมา
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้งที่ผมหางม้าก็ดูดีอยู่แล้ว แต่อาจจะแค่อยากแกล้งเธอเล่น
เซี่ยซินหยู่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น มองเฉินหยวนที่นั่งข้าง ๆ เงียบ ๆ
เขาคิดว่าซินหยู่จะประท้วงว่า 'อย่าแกล้งสิ ยังอยู่ในโรงเรียนนะ' แต่เธอกลับไม่พูดอะไร ยังคงมองเขาเงียบ ๆ
ราวกับว่านี่เป็นหนังเงียบ
หรือความเงียบสงบกลายเป็นวอลเปเปอร์ภาพนิ่ง
ตอนเรียน เฉินหยวนวางมือข้างหนึ่งไว้ข้างหน้าเซี่ยซินหยู่ เธอก็เอาใบหน้าอันอ่อนนุ่มซบลงไปอย่างไม่เกรงใจ
แล้วก็มองเฉินหยวนที่กำลังทำโจทย์ด้วยมือเดียว พูดพร้อมรอยยิ้มว่า "เฉินหยวน นายไม่กลัวโดนจับได้เรื่องแอบคบกันเหรอ?"