ตอนที่ 12 : ทริปหนึ่งวันกับเสี่ยวฟู่โผ
เสี่ยวฟู่โผ 小富婆 แปลว่า สาวรวยตัวน้อย, คุณหนู แต่ผมจะขอใช้ทับศัพท์ไปเลยนะครับ คำนี้เป็นคำที่พระเอกใช้เรียกเฟิงหนานซูโดยเฉพาะ รู้สึกคำไทยมันไม่ค่อยเข้ายังไงไม่รู้ เอาตรงๆ คือไม่รู้จะใช้คำไหนดีเลยขอทับศัพท์ไปก่อน
—----------------------------------------------
หลังจากไล่กัวจื่อหังออกไปแล้ว เจียงฉินก็ออกจากร้านบะหมี่และไปที่ห้องสมุดเมืองจี้โจว จากนั้นก็พาผู้สนับสนุนทางการเงินของเขาซึ่งก็คือเสี่ยวฟู่โผไปที่ตลาดนัดสินค้าราคาถูก
วันนี้เฟิงหนานซูสวมชุดเดรสลายดอกไม้ดูหวานละมุนราวกับนางฟ้า โดยสะพายกระเป๋าหนังสีดำใบเล็กไว้ที่ไหล่ สวมรองเท้าหนังสีน้ำตาลขนาดเล็ก เผยให้เห็นถุงน่องลายลูกไม้บางๆ ที่ข้อเท้า ทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวน่ารักและสดใส
จิตวิญญาณมันเยิ้มวัยสามสิบแปดปีให้การประเมินว่าดูนุ่มนวลจนแทบจะคั้นน้ำออกมาได้
เธอเดินไปตามทางเดินแคบๆ ดวงตาที่ใสกระจ่างมองไปมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งของที่วางโชว์อยู่บนแผงลอย
ร้านขายสินค้าเล็กๆ แห่งนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงในโรงเรียนมัธยมเฉิงหนาน เนื่องจากสินค้าที่ขายส่วนใหญ่เป็นของลอกเลียนแบบ ราคาถูก และมีสินค้าให้เลือกหลากหลายประเภท
เป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักเรียนยากจนสุดๆ
โดยเฉพาะนักเรียนที่ไม่ได้นอนหอ ทานข้าวเช้าและเย็นอยู่ที่บ้าน และไม่ได้มีเงินติดกระเป๋ามากนัก
ดังนั้นในช่วงสุดสัปดาห์พวกเขาจะจับกลุ่มกันมาที่นี่เพื่อซื้อของ แต่สิ่งที่พวกเขาซื้อโดยส่วนใหญ่แล้วกลับเป็นของที่ไม่มีประโยชน์
เฟิงหนานซูอาจได้ยินคนพูดถึงสถานที่นี้ตอนอยู่ที่โรงเรียน เธอจึงอยากมาดูให้เห็นกับตา
“ทำไมร้านนี้ถึงมีกุญแจรถเยอะจัง?”
“อา… อันที่จริงนั่นไฟแช็ก”
“ใบรับรองสาวงามต้องสอบไหม? ฉันอยากได้บ้าง”
“อันนั้นเป็นของปลอมและไม่มีความหมายอะไร ถ้าอยากได้ก็ซื้อเอาเลย อันละหนึ่งหยวนเอง”
“เจียงฉิน ฉันหิวน้ำ อยากดื่มสไปรท์”
“เธอดูผิดแล้ว นั่นรุ่นน้องของสไปรท์อีกที เหลยปี้”
“กางเกงในพวกนี้ตรงเป้ามันขาดแล้ว ทำไมถึงเอามาขายอยู่ล่ะ”
“เธอยังเด็กอยู่ เพราะงั้นอย่าถามถึงเรื่องของผู้ใหญ่”
สามนาทีต่อมา เฟิงหนานซูหยุดอยู่หน้าร้านตรงหัวมุม ไม่สามารถก้าวขาออกจากตรงนี้ได้
ด้านหน้าเธอคือรถหยอดเหรียญรูปเฮลโลคิตตี้ ซึ่งกำลังส่องแสงระยิบระยับพร้อมทั้งส่งเสียงเชื้อเชิญให้เพื่อนๆ ของมันเข้ามาลองเล่น
เฟิงหนานซูหันศีรษะและมองไปที่เจียงฉินอย่างเงียบๆ ดวงตาที่เย็นชาของเธอเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น ทำให้เจียงฉินรู้สึกสับสน
“เธอคงไม่ได้อยากจะเล่นเจ้านี่หรอกใช่ไหม”
“คุณหนู เธอฟังฉันนะ ของสิ่งนี้มีไว้สำหรับเด็กอายุต่ำกว่าแปดปี”
“เธออายุสิบแปดแล้ว ถ้าเธอลองเล่นเจ้านี่เธอจะต้องอับอายจนอยากตายแน่ๆ”
เจียงฉินพยายามโน้มน้าวให้เธอล้มเลิกความคิดนี้ แม้ว่าของเล่นชิ้นนี้จะสามารถเปล่งแสง เคลื่อนไหว และแม้แต่ร้องเพลงได้ แต่ถ้าไม่ได้ใส่กางเกงผ้าอ้อมก็ไม่มีสิทธิ์เล่น
สามนาทีต่อมา มีเสียงเพลงไพเราะดังมาจากหน้าประตูร้านหัวมุม
พ่อของพ่อเรียกว่าอะไร พ่อของพ่อเรียกว่าปู่...
สาวสวยผู้งดงามราวกับเทพธิดากำลังนั่งอยู่บนนั้น ใบหน้าเธอยังคงเรียบเฉยและเย็นชา แต่ทว่าแววตาของเธอกลับมีประกายแห่งความสุขอย่างเห็นได้ชัด
เจียงฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขไปกับเธอในขณะที่เขากำเหรียญซึ่งเพิ่งแลกมาจากร้านค้า ไหล่ของเขาพิงไปที่กรอบประตูร้านพลางมองดูเธออย่างเงียบๆ
วันนั้นเขาเห็นตารางที่เคลือบด้วยพลาสติกในกระเป๋าของเฟิงหนานซู เธอต้องฝึกเปียโนและไวโอลินในตอนเช้า บัลเล่ต์และยูโดตอนเที่ยง สุดท้ายก็ต้องอ่านข่าวและหนังสือพิมพ์การเงินในตอนเย็นก่อนจึงจะสามารถไปผ่อนคลายที่ห้องสมุดได้
เสี่ยวฟู่โผคงไม่ได้มีวัยเด็กเหมือนคนทั่วไป…
นั่นเป็นสาเหตุที่เธอไม่มีเพื่อนและไม่สามารถเข้าสังคมได้ เธอกลายเป็นพวกหวาดกลัวสังคมและถูกเข้าใจผิดว่าเย็นชา
เจียงฉินยิ้มเล็กน้อยและไม่คิดถึงเรื่องนี้อีก แต่กลับหยิบสัญญาที่อยู่ในกระเป๋าออกมาโดยไม่ตั้งใจ
ตอนนี้เขามีบ้านที่อยู่ในโครงการรื้อถอนสี่หลัง โดยแต่ละหลังมีขนาดต่างกัน รวมๆ แล้วเขาใช้เงินในบัตรไปทั้งหมด 2.73 ล้าน
ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศแผนการชดเชยสำหรับการปรับปรุงย่านเมืองเก่าของเมืองจี้โจว และเขาก็ไม่เคยเห็นมันในชีวิตก่อนหน้า แต่อ้างอิงจากค่าชดเชยที่ลุงสามของเขาได้รับ ค่าชดเชยในย่านฝานหัวน่าจะได้ประมาณ 1:2.8 ส่วนชุมชนซิ่งฝูและชุมชนหงหยุนนั้นอยู่ค่อนข้างไกล ดังนั้นค่าชดเชยจึงอาจจะไม่สูงนัก คงได้สัก 1:2.1
เขาไม่รู้สถานการณ์ในหรงเฉิง แต่น่าจะสามารถขึ้นไปถึง 1:2.4 ได้
จี้โจวไม่ใช่จิงตูหรือเซินเฉิง แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรวยแบบชั่วข้ามคืนด้วยค่ารื้อถอน ได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ยังต้องการเรียกร้องอะไรอีก
คุณควรรู้ว่าหมู่บ้านเฉียนปาที่ตั้งอยู่ตรงบริเวณวงแหวนที่สองของทางเหนือก็รวมอยู่ในขอบเขตการรื้อถอนในปี 2018 เช่นกัน แต่อัตราส่วนค่าชดเชยอยู่ที่เพียง 1:1.3 เท่านั้น
สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร?
แสดงว่าการรื้อถอนก็เหมือนกับความรัก ลำดับขั้นตอนนั้นสำคัญมาก
หลังจากได้รับเงินค่ารื้อถอนแล้ว เจียงฉินจะคืนเงินที่เฟิงหนานซูให้เขายืม เมื่อถึงตอนนั้นเขาน่าจะยังมีเงินเหลืออยู่หนึ่งหรือสองล้านบวกกับอพาร์ทเมนท์อีกสี่ห้อง
แน่นอนว่าเขาเลือกที่จะเอาแค่เงินไม่เอาบ้านก็ได้ แต่ถ้าเขาขายทอดตลาดโดยตรงก็คงไม่ได้ราคาตลาดอย่างแน่นอน ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือพอได้บ้านมาแล้วค่อยขายเองทีหลังดีกว่า แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น ทำเลที่ตั้งของบ้าน ถ้าเป็นทำเลที่มีแนวโน้มราคาขึ้นสูงในอนาคตเขาก็คงเก็บไว้เอง
ในขณะที่รอเงินค่ารื้อถอน เจียงฉินก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะนั่งอยู่เฉยๆ
เขาจะเอาเงินอีก 270,000 ไปทำธุรกิจบางอย่าง
การซื้อบ้านที่กำลังจะถูกรื้อถอนยังคงเป็นการฉกฉวยโอกาส แต่การเริ่มต้นธุรกิจนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง หากเขาต้องการเข้าสู่สถานะของผู้ประกอบการอย่างรวดเร็ว เขาจะต้องคุ้นเคยกับกระบวนการทางธุรกิจและกลยุทธ์ต่างๆ
ดังนั้นเขาจะใช้เงินจำนวน 270,000 หยวนก้อนนี้ในการเริ่มต้นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในจี้โจว เหมือนเป็นการทดสอบน้ำก่อนเริ่มธุรกิจอย่างเป็นทางการ
ขณะที่เขากำลังคิด เสียงเพลงที่อยู่ข้างๆ ก็หยุดลงกะทันหัน
หมดเวลาโยกแล้ว
แต่เฟิงหนานซูไม่เต็มใจที่จะละทิ้งเฮลโลคิตตี้ ดวงตาของเธอยังคงส่องประกายด้วยความรู้สึกไม่หนำใจ
เจียงฉินยิ้มอย่างขมขื่น หยิบเหรียญออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งไปที่ฝ่ามือของเธอ
“มาเล่นด้วยกันสิ” เฟิงหนานซูชี้ไปที่รถหยอดเหรียญอีกคันซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ
“ฉัน? อย่ามาล้อเล่นน่า ฉันคือมิสเตอร์มัสเซิล ชายผู้โคตรแมน บุรุษผู้แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล…”
สามนาทีต่อมา เพลง [พ่อของพ่อเรียกว่าปู่] ก็ดังมาจากหน้าประตูร้านเล็กๆ อีกครั้ง
เจียงฉินนั่งอยู่ในรถที่มีขนาดเล็กกว่าตัว โยกตัวไปมาพร้อมกับเฮลโลคิตตี้ ใบหน้าแสดงออกถึงความประหลาดใจ
เจ้าสิ่งนี้...
สนุกเหมือนกันนี่หว่า!
หลังจากส่ายไปส่ายมาอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเฮลโลคิตตี้ที่บ้าคลั่งทั้งสองก็หยุดลง ในขณะเดียวกันเจ้าของร้านก็เดินออกมาด้วยสีหน้าขมวดคิ้ว สายตาของเต็มเปี่ยมไปด้วยเจตนาฆ่า
เด็กมีน้ำหนักเท่าไหร่?
แล้วชายหนุ่มร่างสูงแบบนี้หนักกี่กิโล?
นี่ไม่รู้หรือไงว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่!
อย่างไรก็ตามเจียงฉินไม่ได้สังเกตสีหน้าของเจ้าของร้าน แต่เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์และหยิบโนเกียที่เหลือจากการใช้งานของพ่อออกมา
ตอนที่เขานั่งรถหยอดเหรียญเมื่อกี้เขารู้สึกว่าเหมือนมีเสียงอะไรดังอยู่ตลอด เมื่อเขาเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาจึงพบว่ามันเป็นเสียงแจ้งเตือนข้อความ QQ ที่สำคัญมันยังเป็นเสียงเพลง ‘ตกหลุมรักผ่านโทรศัพท์’ ของ QQ เวอร์ชั่นปี 2008 ด้วย โคตรจะย้อนยุคเลย
“พี่เจียง ลองทายดูสิว่าคราวนี้คนในห้องเรียนมารวมตัวกันที่ไหน!”
“เอาล่ะเอาล่ะ ไม่อุบไว้แล้ว สถานที่รวมตัวอยู่แถวตลาดเลย นายคิดว่ามันบังเอิญหรือเปล่า?”
“ฉินจื่ออังจองห้องจัดเลี้ยงที่โรงแรมหลงเวยซึ่งอยู่ใกล้ๆ นี่แหละ ฉันกำลังไปที่นั่นแล้ว วันนี้ฉันต้องทำให้เจ้าหมาโง่นั่นร้องไห้ให้ได้!”
“ใช่แล้ว นายก็อยู่แถวๆ ตลาดด้วยใช่ไหม? กินข้าวเสร็จฉันจะไปหานาย เดี๋ยวเราค่อยกลับบ้านพร้อมกัน!”
รูปโปรไฟล์ของกัวจื่อหังเป็นผู้ชายผมยาวสวมแว่นกันแดด รูปภาพยังมีการปรับโทนสีเป็นสีพาสเทล ทำให้ดูเหมือนพวกเด็กแนว
มันยากสำหรับเจียงฉินที่จะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องใช้ผู้ชายผอมแห้งเหมือนไก่เป็นรูปโปรไฟล์ ทั้งๆ ที่ตัวจริงเขาจะอ้วน เตี้ย และดำก็ตาม
ฉันอยู่ที่...
ให้ตายเถอะ แป้นพิมพ์เก้าปุ่มนี่ใช้โคตรยาก!
เจียงฉินกดปุ่มวางสายโดยตรงและกลับไปที่หน้าแรก หมดความอดทนในการตอบกลับข้อความอย่างสิ้นเชิง
“เสี่ยวฟู่โผ เธออยากไปที่ไหนต่อ?”
“ไปกินอาหารขยะ!”
เฟิงหนานซูยื่นมือออกมา ใช้ปลายนิ้วที่เรียวยาวราวกับหยกชี้ไปยังร้านขายขนมตรงหน้า ดวงตาของเธอเปล่งประกายระยิบระยับ
(จบตอน)
มิสเตอร์มัสเซิล คือชื่อผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างห้องน้ำ