ตอนที่แล้วCD บทที่ 561 การสอบปากคำอย่างไม่เป็นทางการ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCD บทที่ 563 ความวายป่วงในโรงแรม

CD บทที่ 562 แผนลับ


“จำไว้ให้ดี ฉันคือผู้ที่พระคุณของคุณ ถ้าฉันไม่เข้ามาช่วยคุณล่ะก็ จุดจบของคุณคงเลวร้ายชนิดที่คุณไม่อยากจินตนาการอย่างแน่นอน” จ้าวหยู่บ่นกับชุ่ยหลี่จู “ดังนั้น ช่วยทำเป็นมองข้ามสักเรื่องสองเรื่องได้มั้ย?”

“คุณช่วยฉันไว้งั้นเหรอ? บ้าบอสิ้นดี” ชุ่ยหลี่จูหัวเสียเสียยิ่งกว่าจ้าวหยู่เสียอีก “คุณใส่กุญแจมือฉัน มัดฉัน ถอดเสื้อผ้าฉัน และ… ทำให้ฉันตัวเหม็นอีก ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะเป็นคนดี ทั้งหมดที่คุณทำก็เพื่อทำให้ฉันตายใจ!”

“เฮ้ ๆ ให้มันน้อย ๆ หน่อย!” จ้าวหยู่โต้แย้ง “ฉันเป็นตำรวจ ส่วนคุณเป็นหัวขโมย ดังนั้นการที่ฉันใส่กุญแจมือคุณ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

นอกจากนี้ คุณยังเป็นนักงัดแงะมืออาชีพ ดังนั้น ฉันจึงกังวลว่ากุญแจมือจะใช้ไม่ได้ผลกับคุณ ดังนั้นฉันจึงมัดคุณไว้ และอย่าพูดถึงเสื้อผ้าอีกเลย ฉันสงสัยว่าคุณตั้งใจถอดเสื้อผ้าเพื่อล่อลวงฉันด้วยซ้ำ”

“คุณนี่มันหน้าไม่อายจริง ๆ” ชุ่ยหลี่จูโกรธจัด “แล้วยังกล้าเรียกตัวเองว่าตำรวจอีก มีตำรวจจริงคนไหนที่สอบปากคำในโรงแรมบ้าง เห็นอย่างนี้ ฉันก็รู้กฎหมายนะ สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้เรียกว่า การกักขังหน่วงเหนี่ยว และเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ!”

“ช่วยใช้สมองของคุณคิดสักหน่อยได้มั้ย?” จ้าวหยู่กอดอก และพูดอย่างดูถูก “ถ้าฉันอยากจะทำอะไรกับคุณจริง ๆ คุณจะยังนั่งอยู่เฉย ๆ และคุยกับฉันอยู่ไหมล่ะ? และที่ฉันไปอาบน้ำก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เพราะฉันจะเตรียมมีอะไรกับคุณซะหน่อย อันที่จริง ฉันมีกลิ่นตัวแรงเกินไป และต้องอาบน้ำเท่านั้น”

“คุณยอมรับมันแล้วสินะ” ชุ่ยหลี่จูหรี่ตาแล้วพูด “จริงอยู่ว่า ตอนนี้คุณไม่ทำอะไรฉัน แต่ค่ำคืนนี้อีกยาวไกล ใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ แล้วที่สำคัญ คุณได้ ‘เห็น’ มันแล้ว…”

“เฮ้ คุณคิดว่าฉันอยากดูนั่นเหรอ?” จ้าวหยู่ทุบหมัดลงบนที่นอน “ใครบอกให้คุณใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ แบบนั้นล่ะ?”

“เสื้อผ้าของฉันอาจจะหลวม แต่คุณคือคนที่จับฉันห้อยหัว… คุณ… คุณได้เห็นทุกอย่างแล้ว…” ชุ่ยหลีจูเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงคลอเบ้า

“ก็แค่ช่วงสั้น ๆ ฉันจะไปมองเห็นได้อย่างไร?” จู่ ๆ จ้าวหยู่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร เขาจึงพูดด้วยความหงุดหงิดว่า “ได้ ฉันจะพาคุณไปที่สถานีตำรวจเดี๋ยวนี้แหละ!”

“ก็เอาสิ ฉันไม่กลัวหรอก!” ชุ่ยหลี่จูพยายามปกปิดความกลัวในใจของเธอ

ไม่ว่าจะใช้ไม้ไหน อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะให้ความร่วมมือเลย จ้าวหยู่จึงเริ่มโมโห และคำรามออกมา

“ฉันช่วยคุณให้ไม่ต้องเรื่องเลวร้าย คุณไม่เพียงแต่เนรคุณเท่านั้น แต่คุณยังกัดมือที่ช่วยเหลือคุณอีกด้วย!”

“ฮึ่ม! ถ้าไม่มีคุณ ฉันคงมีวันที่ยอดเยี่ยมไปแล้ว!” ชุ่ยหลี่จูรู้ว่าเธอคงไม่มีทางเอาชนะจ้าวหยู่ได้ แต่เธอก็ไม่หยุดดิ้นรนหรือต่อต้าน

จ้าวหยู่วางห่อยาลงบนเตียงแล้วพูดว่า

“ทำไมคุณถึงไปขโมยยาที่โรงพยาบาลจิตเวชด้วย?”

“ฉันไม่ได้ขโมยมา!” ชุ่ยหลี่จูกลอกตา เธอปฏิเสธที่จะยอมรับว่าตนเองทำผิด “ฉันไปโรงพยาบาลจิตเวชเมื่อไหร่? คุณเห็นภาพลวงตาหรือเปล่า? คุณควรจะกินยาของคุณนะ เพราะจริง ๆ แล้วยานี้ดูจะเหมาะกับคุณมากกว่า”

“มาไม้นี้งั้นเหรอ? น่าสนใจ” จ้าวหยู่เพลิดเพลินกับการแสดงของเธอและหัวเราะออกมา “ดูเหมือนว่าคุณจะเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จริง ๆ ฉันพนันได้เลยว่าคุณต้องเป็นแขกประจำของสถานีตำรวจ”

“ถ้าคุณเป็นตำรวจจริง ก็พาฉันไปที่สถานีตำรวจเลยสิ” ชุ่ยหลี่จูจ้องเขม็ง “แต่ถ้าคุณไม่ใช่ตำรวจ ก็ทำอะไรกับฉันก็ได้ ฆ่าฉันหรือหั่นฉันก็เชิญ แต่ฉันจะไม่มีทางบอกอะไรคุณเด็ดขาด!”

จ้าวหยู่คิดกับตัวเองว่า

‘เธอเป็นพวกไร้เหตุผลจริง ๆ ดูไม่ต่างจากลูกวัวที่เพิ่งเกิดไม่กลัวเสือเลย หากเธอรู้ว่าฉันคนก่อนทำอะไรมาบ้าง เธอคงไม่กล้าพูดจาต่อล้อต่อเถียงแบบนี้แน่’

‘ถึงฉันจะเป็นตำรวจ แต่เธอก็ไม่เชื่อฉัน ถ้าฉันจะส่งตัวเธอไปที่สถานีตำรวจ เธอจะยอมเชื่อฉันหรือเปล่า?’

จากนั้น จ้าวหยู่ก็หยิบชุดตำรวจของเขาออกมาจากตู้เสื้อผ้าแล้วใส่เข้าไป จากนั้น เขาก็หาเสื้อตัวหลวมมาใส่บนไหล่ของชุ่ยหลี่จู

“เฮ้ คุณ…” ขณะที่เธอกำลังสับสน ท่าทางของชุ่ยหลี่จูก็เปลี่ยนไป “คุณ… คุณเป็นตำรวจจริง ๆ เหรอ?”

จ้าวหยู่ไม่ได้ตอบเธอ แต่ยังคงเตรียมตัวออกเดินทางต่อไป

“ยะ อย่าเพิ่งไป... รอก่อน...” ชุ่ยหลี่จูรีบบอกให้เขาหยุด จากนั้นจึงพูดว่า “ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณรู้ว่าฉันจะขโมยยาจากโรงพยาบาลจิตเวช มีแต่ฉันเท่านั้นที่รู้แผนนั้น!”

“ฉันไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ!” จ้าวหยู่พูดติดตลกด้วยหน้ากากแห่งความเคร่งขรึม “จริง ๆ แล้วฉันเป็นคนไข้โรคจิต ก่อนที่ฉันจะหนีออกจากโรงพยาบาลโรคจิต ฉันเห็นว่าคุณเป็นคนชอบขโมยของมากในตอนนั้น ฉันจึงตัดสินใจเล่นกับคุณสักหน่อย ฉันรู้สึกว่า… อาการของฉันแย่ลงเรื่อย ๆ เพราะฉันมีแนวโน้มคุ้มคลั่งและหัวรุนแรง…”

เมื่อได้ฟังสิ่งที่จ้าวหยู่พูด ชุ่ยหลี่จูก็รู้สึกหวาดกลัว เธอจ้องมองจ้าวหยู่ด้วยสายตาที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง

“คุณ... คุณกำลังทำให้ฉันกลัวนะ คุณคงไม่ได้พูดจริงใช่ไหม?” ชุ่ยหลี่จูพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความกลัวอย่างชัดเจน

“เฮ้อ! ล้อเล่น ฉันไม่ใช่คนโรคจิตซะหน่อย” จ้าวหยู่เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างพร้อมกับถอนหายใจ จากนั้น เขาก็ไปหยิบเชือกจากเตียง และเขาก็คำรามใส่ชุ่ยหลี่จู “แม่หนู! ยังไม่หมดพิษสงอีกใช่ไหม!? ยกมือขึ้นมาซะ ไม่งั้นฉันจะทุบตีคุณเดี๋ยวนี้เลย!”

ชุ่ยหลีจู่ก็ยกมือขึ้นอย่างไม่เต็มใจ แม้ว่าเธอจะถูกใส่กุญแจมือ แต่เธอก็สามารถหลุดออกจากพันธนาการได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

‘นังพวกต้มตุ๋น!’

คิ้วของจ้าวหยู่ขมวดแน่น แม้ว่าเขาจะรู้ว่าชุ่ยหลี่จูหลุดจากกุญแจมือของเธอแล้ว แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเธอทำได้อย่างไร

“คุณตำรวจ ถ้าจะให้พูดตามตรง คุณช่วยปล่อยฉันไปได้ไหม แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็พอ” ดูเหมือนว่าชุ่ยหลี่จูจะมองเห็นความคิดของจ้าวหยู่ เธอจึงรีบเปลี่ยนน้ำเสียงและพูดว่า “ฉันสาบานว่าจะไม่ทำอีก พูดตามตรงนะ แม่ของฉันได้รับการวินิจฉัยว่ามีปัญหาทางจิตอย่างร้ายแรง ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องกินบิวทีโรฟีโนน แต่ยาแพงเกินไป และเราจ่ายไม่ไหวจริง ๆ”

“คิดจะแสดงละครตบตางั้นเหรอ?” จ้าวหยู่เยาะเย้ย เขามัดเธอด้วยเชือกขณะพูด “การลงมาจากที่สูงขนาดนี้ได้แสดงว่าคุณไม่ใช่พวกโจรกระจอก ด้วยความเชี่ยวชาญระดับนี้ คุณไม่น่าจะขาดแคลนเงินซื้อยาหรอก นอกจากนี้ ฉันพนันได้เลยว่าแม่ที่ป่วยของคุณเป็นแค่รหัสสำหรับพ่อค้ายาผิดกฎหมายของคุณเท่านั้น!”

ขณะที่จ้าวหยู่พูดเช่นนี้ ใบหน้าของชุ่ยหลี่จูก็ขึ้นสีขึ้นมาทันที เธอไม่เคยคาดคิดว่าคนคนนี้จะรู้เรื่องการค้าขายของเธอมากขนาดนี้

เมื่อเห็นดวงตาที่รู้สึกผิดของเธอเปลี่ยนไป จ้าวหยู่ก็รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมันถูกต้อง

“บิงโก! ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่ได้แค่ขโมยของเท่านั้น!” เขากล่าวอย่างยินดี ในที่สุด เขาก็ค้นพบความลับของเธอแล้ว

“คุณตำรวจ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ ฉันแค่ขโมยยาเท่านั้น!” จู่ ๆ ชุ่ยหลี่จูก็มีเหงื่อเย็นไหลเต็มหน้าผาก

“คำถามแรกได้รับคำตอบแล้ว ดังนั้นตอนนี้มาถามคำถามที่สองกัน!” จ้าวหยูกล่าวแล้วถามว่า “ผู้ชายในบ้านของคุณเมื่อก่อน ทำไมพวกเขาถึงมาหาเรื่องคุณล่ะ? นายท่านที่สองคุณพูดถึงคือใคร?”

“อืม… มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก เขาเป็นคนสำคัญสำหรับฉัน แต่เขาถูกจับเข้าคุกไปแล้ว คุณก็ได้ยินที่พวกเขาพูดไม่ใช่เหรอ?” ชุ่ยหลี่จูพูดโดยพยายามทำเป็นไม่สนใจ “ฉันไม่รู้ว่าข่าวการไต่สวนมาจากไหนเลย ส่วนที่บุกเข้ามาในบ้านของฉัน พวกเขาบอกว่าฉันขโมยกล่องเพชรจากเศรษฐีไป คุณไม่คิดว่ามันแปลกบ้างเหรอ? เห็นได้ชัดว่ามีคนพยายามใส่ร้ายฉัน!”

“อืม...” จ้าวหยู่พยักหน้า

“คุณ… เชื่อว่าฉันบริสุทธิ์ใช่ไหม?” ดวงตาของชุ่ยหลี่จูเปล่งประกายด้วยความคาดหวัง

“ไร้สาระ!” จ้าวหยู่คำราม “ถ้าคุณมีเพชรอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงไปขโมยยาจากโรงพยาบาลจิตเวชล่ะ!?”

“อืม… มันก็จริง... เฮ้! คุณเก่งกว่าที่ฉันคิดมาก!” ชุ่ยหลี่จูชมเขา “คุณเป็นนักสืบใช่มั้ย?”

“อย่ามาพูดจาเหลวไหล ตอนนี้มาถึงคำถามที่สามแล้ว!” จ้าวหยู่พูดอย่างจริงจัง “คุณรู้จักผู้หญิงชื่อเกอเกอไหม?”

“เกอเกอ?” ชุ่ยหลี่จูเกาหัวของเธอ “คุณพูดถึงละครเรื่ององค์หญิงกำมะลอเหรอ[1]?”

จ้าวหยู่ไม่อยากจะเสียเวลาอธิบาย เขาจึงเปิดภาพเหมือนของศพผู้หญิงในชุดโบราณจากโทรศัพท์มือถือของเขา และแสดงให้เธอเห็น ดวงตาของชุ่ยหลี่จูสว่างขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อนึกถึงเธอขณะที่เธอกล่าวว่า

"โอ้... ในที่สุดฉันก็รู้ว่าทำไมคุณถึงตามฉันไปโรงพยาบาลจิตเวช จริง ๆ แล้ว... คุณคือแฟนคลับลับ ๆ ของฉันนี่เอง!"

“ไร้สาระ!” จ้าวหยู่ตั้งใจจับเชือกให้แน่นขึ้นและถามว่า “ฉันอยากรู้ว่า คุณมีญาติอยู่ที่ฉินซานหรือเปล่า?”

“ฉินชาน?” ชุ่ยหลี่จูขมวดคิ้ว “ฉันไม่มีญาติเลยด้วยซ้ำ แล้วฉันจะมีญาติในฉินชานได้ยังไง?”

‘ไม่มีญาติ? นั่นหมายความว่าเธอเป็นเด็กกำพร้างั้นเหรอ?’

จ้าวหยู่ครุ่นคิดเรื่องนี้ และตัดสินใจว่าภายหลังเมื่อพวกเขาไปที่สถานีตำรวจ เขาจะตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดของเธอจากฐานข้อมูลของพวกเขา

นอกจากนี้ เมื่อพวกเขาทำการทดสอบ DNA และลายนิ้วมือเมื่อพวกเขาจับกุมเธอ พวกเขาจะค้นหาว่าเธอมีความเกี่ยวข้องกับเกอเกอหรือไม่?

‘ดังนั้นฉันควรใช้เวลาตรงนี้เพื่อถามคำถามสำคัญของฉันดีกว่า’

จากนั้น จ้าวหยู่ก็ผูกเชือกให้แน่นขึ้น เขานั่งลงตรงหน้าชุ่ยหลีจู และถามเธอด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมว่า

“ชุ่ยหลี่จู ฉันขอถามอีกคำถาม หากคุณตอบถูก ฉันจะปล่อยคุณไป ฉันอยากรู้ว่าคุณเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมที่โรงงานยาชางซินหลงไทรึเปล่า!?”

[1] คำว่าเกอเกอ มันไปพ้องกับ ฮวนจูเกอเกอ (Huán Zhū Gége) หรือก็คือชื่อของละครเริ่ององค์กหญิงกำมะลอนี่เอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด