ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 54 งานชุมนุมล่าสัตว์ถูกยกเลิก
ยอดกายากำราบยุค ตอนที่ 54 งานชุมนุมล่าสัตว์ถูกยกเลิก
อริยะสูงสุดทั่วเทียนแปรเปลี่ยนเป็นแสงฝนมากมาย สลายหายไปเบื้องหน้าทั้งสอง เมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของเขา ภายในใจฉินชิงชิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจ
แท้จริงแล้ว มิใช่เพื่อสมาชิกตระกูล...... แต่เป็นเพื่อหญิงสาวคนหนึ่งกระมัง?
ในอดีต อริยะสูงสุดทั่วเทียนคงต้องพบเจอกับเรื่องราวที่ลืมไม่ลงเช่นกัน
ผู้ที่สามารถก้าวเดินมาถึงขั้นนี้ ใครบ้างที่ไม่ใช่บุคคลที่มีพรสวรรค์เหนือฟ้าดิน
วัยเยาว์ งดงามราวกับภาพวาด บัญชาการทั่วทั้งฟ้าดิน
แต่สุดท้ายแล้ว ก็ต้องกลายเป็นเพียงผุยผง
กู้ฉางเซิงมิได้มีอารมณ์อ่อนไหวเช่นนาง เขารู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ย่อมต้องพึ่งพาตนเอง
สาเหตุหลัก เป็นเพราะอริยะสูงสุดทั่วเทียนอ่อนแอเกินไป
จากนั้น ทั้งสองจึงเริ่มต้นสำรวจภายในโถงตำหนัก แบ่งแหล่งกำเนิดวิญญาณ ผลึกศักดิ์สิทธิ์ และวัสดุล้ำค่ามากมาย เช่น ปราณเหลืองดำสรรพสิ่ง รากแห่งการสร้างสรรค์ชีวิต ทองคำเร้นดารา……
สิ่งของล้ำค่าเหล่านี้ ภายนอกโลกแทบจะไม่พบเจอ
สมบัติที่อริยะสูงสุดสะสมมานานหลายแสนปี นับว่ามากมายยิ่งนัก
แต่ส่วนใหญ่ถูกกาลเวลาทำลายไปแล้ว เช่น สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์
ส่วนการหลอมรวมเมล็ดพันธุ์แห่งโลก กู้ฉางเซิงตัดสินใจว่าจะรอจนกว่าจะกลับไปยังตระกูลกู้ และตรวจสอบตำราโบราณภายในตระกูล
หากไม่สามารถหาคำตอบได้ เขาจะขอร้องให้ท่านปู่บรรพชนช่วยเหลือ
จากนั้น ทั้งสองจึงเดินทางกลับ ณ เส้นทางเดิม ศพชั่วก็เป็นเช่นเดียวกับที่กู้ฉางเซิงคาดการณ์เอาไว้ พลังเวทแทบจะเหือดแห้ง เหลือเพียงร่างกายที่แข็งแกร่ง
ด้วยประสบการณ์ครั้งก่อน การหลบหนีการโจมตีของมันจึงง่ายดายยิ่งขึ้น
ไม่นานนัก ทั้งสองก็ออกจากตำหนักน้ำแข็งอย่างปลอดภัย และไม่ได้หยุดพัก
กู้ฉางเซิงครุ่นคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับคำพูดของอริยะสูงสุดทั่วเทียนก่อนที่เขาจะสลายหายไป
ภายในสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวงแห่งนี้ มิเพียงแต่มีสสารอมตะต่างแดนตกอยู่ แต่ยังคงผนึกศพชั่ว และศพเชาว์ปัญญาของอริยะเอาไว้ หากปล่อยพวกมันออกมา ย่อมต้องเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ แววตาของกู้ฉางเซิงก็ดูลึกลับ ในขณะที่ร่างของเขากำลังเคลื่อนที่ออกจากสุสานศักดิ์สิทธิ์ เขาก็หยิบสิ่งของหนึ่งอย่างออกมา เรียกผู้พิทักษ์มรรคของตนเอง
ฉินชิงชิงมองดูด้วยความสงสัย นางไม่เข้าใจว่ากู้ฉางเซิงต้องการทำอันใด
กู้ฉางเซิงไม่ได้บอกให้นางเก็บเรื่องเมล็ดพันธุ์แห่งโลกเป็นความลับ
แต่นางก็จะไม่บอกเล่าเรื่องราวนี้ให้ผู้ใดทราบ นี่เป็นความไว้วางใจระหว่างพวกเขา
“คุณชาย มีเรื่องอันใดหรือขอรับ?” ไม่นานนัก ความว่างเปล่าก็บิดเบี้ยว เงาร่างของผู้พิทักษ์มรรคปรากฏตัวขึ้น กล่าวถามอย่างเคารพ
“ติดต่อผู้อาวุโสที่รับผิดชอบงานชุมนุมล่าสัตว์ครั้งนี้ ข้ามีเรื่องสำคัญต้องบอกเล่า” กู้ฉางเซิงกล่าวอย่างแผ่วเบา
รอบ ๆ สุสานศักดิ์สิทธิ์ยังคงเต็มไปด้วยคลื่นสัตว์อสูร ผู้บำเพ็ญรุ่นเยาว์มากมายต่างก็ต่อสู้กับสัตว์อสูร ทั่วทั้งร่างกายอาบย้อมไปด้วยโลหิต พวกเขากำลังฝึกฝนพลังอิทธิฤทธิ์และวิธีการต่อสู้
ตระกูลกู้ ตระกูลฉิน ตระกูลหยิง ทะเลสาบผู้วายชนม์ โถงมรรคาสวรรค์…… แทบจะยึดครองพื้นที่โดยรอบ ส่วนขุมอำนาจอื่น ๆ เช่น สำนักศักดิ์สิทธิ์เก้าตะวัน สำนักจันทรามรกต ก็ทำได้เพียงวนเวียนอยู่รอบนอก ไม่กล้าเข้าใกล้
ผู้บำเพ็ญอิสระยิ่งไม่กล้าแสดงความไม่พอใจ พวกเขาทำได้เพียงสังหารวิญญาณพยาบาท และสัตว์อสูรที่คนอื่นไม่สนใจ ณ บริเวณชายขอบ
แต่ไม่นานนัก ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจบลง
……
ภายในเมืองเป่ยหวง
มองดูสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวงที่อยู่ไกลออกไป ราวกับดินแดนอเวจี วิญญาณพยาบาทมากมายเดินเพ่นพ่าน สีหน้าของผู้คนต่างก็ดูไม่ดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าเมืองเป่ยหวง
“ภายในตำหนักน้ำแข็งแห่งนั้นผนึกสิ่งใดเอาไว้? เหตุใดจึงมีวิญญาณพยาบาทมากมายเช่นนี้?”
“ข้าไม่รู้ แต่สิ่งเดียวที่ข้ารู้ก็คือ งานชุมนุมล่าสัตว์ครั้งนี้อาจจะต้องจบลงก่อนกำหนด” หญิงงามที่สวมชุดคลุมลายเมฆาทำนาย จากนั้นภายในดวงตาของนางก็ปรากฏรูปอักขระมากมาย เส้นแสงส่องประกายเจิดจรัส ไม่นานนัก ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ กล่าวขึ้น
“จบลงก่อนกำหนด?”
ผู้คนต่างก็ตกใจ
วิชาเทพส่องสวรรค์ของตระกูลซือคง สามารถมองเห็นชีวิตและความตาย ทำนายอนาคตได้ มิใช่เรื่องแปลกประหลาด
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
“ข้าไม่รู้ แต่ต้นเหตุมาจากตำหนักน้ำแข็งแห่งนั้น”
ในขณะที่ผู้คนกำลังวิพากษ์วิจารณ์ ณ ที่ไกลออกไป ก็พลันปรากฏเสียงดังกึกก้อง
ภายในสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวง ราวกับเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซากปรักหักพังมากมายเริ่มต้นจมลงสู่พื้นดิน
คันฉ่องเบิกฟ้าดินที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ก็พลันเปล่งประกายเจิดจรัส ราวกับดวงดาวมากมาย
เส้นทางลึกลับมากมาย เชื่อมต่อกับท้องฟ้า ราวกับเส้นชีพจรของดวงดาว
แรงกดดันอันน่ากลัวระเบิดออก ผู้คนต่างก็หวาดหวั่น แทบจะคุกเข่าลงกับพื้น ราวกับฟ้าดินกำลังจะแตกดับ
แม้จะอยู่ห่างไกล ผู้บำเพ็ญภายในเมืองก็ยังคงสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่ราวกับมรรคาสวรรค์ ราวกับว่าดินแดนดารากำลังปกคลุม ราวกับว่าท้องฟ้ากำลังจะตกลงมา
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น? หรือว่าคันฉ่องเบิกฟ้าดินกำลังจะทำลายสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวง?” ชายชรามากประสบการณ์คนหนึ่งกล่าวด้วยความตกใจ
ยอดฝีมือที่อยู่ข้างกายมองไปยังสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวง กล่าวพึมพำว่า “คงเป็นการตัดสินใจของขุมอำนาจอมตะกระมัง”
นี่คือพลังอำนาจของคันฉ่องเบิกฟ้าดิน ในฐานะที่เป็นสมบัติลับที่ขุมอำนาจอมตะหลายแห่งร่วมมือกันหลอมสร้าง การโจมตีเพียงครั้งเดียวสามารถทำลายทวีปได้อย่างง่ายดาย
เขาไม่เชื่อว่าสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จนต้องใช้คันฉ่องเบิกฟ้าดินในการทำลาย
คลื่นพลังอันน่ากลัวเช่นนี้ ทำให้ผู้บำเพ็ญรุ่นเยาว์ที่อยู่ภายในสุสานศักดิ์สิทธิ์เป่ยหวงมีสีหน้าเปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกตกใจ
ผู้ที่กำลังต่อสู้กับวิญญาณพยาบาท และสัตว์อสูร ต่างก็หยุดลง รู้สึกหวาดกลัว
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
“คลื่นพลังบนท้องฟ้า หรือว่าพวกเขากำลังจะทำลายที่แห่งนี้?”
ภายในเขตที่พักของตระกูลกู้ กู้หมิงหวง กู้กวงหมิง ทั่วป๋าซืออวี่…… มีสีหน้าเคร่งขรึม พวกเขารู้สึกถึงบรรยากาศที่ผิดปกติ จึงตัดสินใจออกจากที่แห่งนี้
“พวกเจ้าดูสิ…… นั่นมิใช่คุณชายหรือ?”
ทันใดนั้น ซูเสี่ยวเซวียนก็กล่าวด้วยความตกใจ
เหล่าสมาชิกตระกูลกู้มองไปยังที่แห่งนั้น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความยินดี “เป็นคุณชายจริง ๆ”
ผู้บำเพ็ญโดยรอบมองไปยังที่แห่งนั้น ดวงตาเบิกกว้าง
เห็นเพียงบุรุษชุดขาวยืนอยู่บนท้องฟ้า ราวกับจักรพรรดิเซียนรุ่นเยาว์
ทั่วทั้งร่างกายถูกปกคลุมด้วยหมอกควันที่ดูเหมือนปฐมโกลาหล รูปอักขระโบราณมากมายแปรเปลี่ยน ปลดปล่อยแสงเทพ
ราวกับว่าเขายืนอยู่ ณ อีกโลกหนึ่ง
เขามองดูผู้คนเบื้องล่างด้วยสายตาที่สงบนิ่ง จากนั้นจึงกล่าวประกาศว่า “อีกครึ่งชั่วยาม ที่แห่งนี้จะถูกทำลาย ผู้บำเพ็ญทั้งหมดจงออกจากที่แห่งนี้ งานชุมนุมล่าสัตว์ถูกยกเลิก”
น้ำเสียงสงบนิ่ง มิได้มีคำอธิบายใด ๆ
รอบกายของเขา เงาร่างอันน่ากลัวหลายร่างปรากฏตัวขึ้น พวกเขาคือเหล่าผู้อาวุโสจากตระกูลอมตะ และนิกายอมตะขนาดใหญ่!
สีหน้าของพวกเขาดูเคร่งขรึม