ตอนที่แล้วบทที่8 ชัยชนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่10 คลาสพิเศษ

บทที่9 ท่าเดินชมจันทร์


“ติ๊ง!   ติ๊ง!  ”

“ขอแสดงความยินดีด้วยกับโฮสต์!”

"คุณได้รับหินแห่งการเรียนรู้แบบครั้งเดียว! ท่าเดินชมจันทร์

“หินแห่งการเรียนรู้!” ริวอุทานออกมาด้วยความดีใจ นี่เป็นสิ่งที่ดีอย่างมาก

ทุกวันนี้สัตว์อสูรสามารถเรียนรู้ทักษะต่างๆได้สองวิธี

วิธีแรกสัตว์อสูรจะได้รับทักษะจากพรสวรรค์ของเผ่าพันธุ์ตั้งแต่เกิดและเมื่อพัฒนาไปต่อในระดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆมันก็จะสามารถเรียนรู้ทักษะระดับสูงได้เองโดยอัตโนมัติ

วิธีที่สองสัตว์อสูรเรียนรู้ทักษะได้ผ่านหินแห่งการเรียนรู้ หินแห่งการเรียนรู้มีอยู่สองรูปแบบคือหินแห่งการเรียนรู้แบบครั้งเดียวและหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวร

ซึ่งคุณค่าของหินทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันมาก

ตามชื่อของมันเลย หินแห่งการเรียนรู้แบบครั้งเดียวสามารถให้สัตว์อสูรสามารถเรียนรู้ทักษะที่อยู่ในหินได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

จากนั้นหินก็จะสลายหายไป ส่วนหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรสามารถถ่ายทอดทักษะให้สัตว์อสูรได้หลายครั้ง

แต่เมื่อมีการถ่ายทอดทักษะให้สัตว์อสูรไปแล้วตัวหนึ่ง จำเป็นต้องรออีกวันหนึ่งก่อนเพื่อให้หินรวบรวมพลังงานใหม่ ถึงจะสามารถทำได้อีกรอบ

โดยสรุปแล้วหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรสามารถถ่ายทอดทักษะให้สัตว์อสูรได้แค่เพียงครั้งเดียวต่อวัน

หินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรส่วนใหญ่แล้วถูกควบคุมโดยตระกูลที่ทรงอำนาจซึ่งเป็นรากฐานทางการเงินสำหรับตระกูลใหญ่เหล่านี้

เพราะพวกเขาสามารถหารายได้โดยเปิดช่องทางให้บุคคลภายนอกที่ต้องการเรียนรู้ทักษะนี้จ่ายเงินให้พวกเขาในราคาสูง

ครอบครัวของริวเองมีหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรอยู่เหมือนกัน แต่มีเพียงแค่อันเดียวเท่านั้น นั้นก็คือท่า กระแสน้ำวนเพลิง ทักษะระดับกลาง ซึ่งพวกเขาตั้งราคาไว้อยู่ที่ 150,000 เหรียญต่อครั้ง

ถึงแม้มันจะเป็นราคาที่สูงมาก  แต่ก็มีคนเข้ามาให้สัตว์อสูรของพวกเขาเรียนรู้อยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากถึงแม้มันจะเป็นทักษะระดับกลางก็จริงแต่พลังโจมตีของมันด้อยกว่าทักษะระดับสูงไม่มากนัก

ทักษะของสัตว์อสูรแบ่งออกได้เป็น 6 ระดับ  ต่ำ กลาง สูง สูงสุด ราชา และ เทพ  โดยปกติแล้วสัตว์อสูรบนโลกจะสามารถเรียนรู้ทักษะได้ถึงแค่ระดับสูงสุดเท่านั้น

ส่วนทักษะระดับราชามีแค่สัตว์อสูรที่มีเชื้อสายพันธุ์สูงอย่างพวกกึ่งเทพเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้ได้ซึ่งนี่ถือเป็นทักษะท่าไม้ตายของพวกเขาเลยก็ว่าได้

ส่วนทักษะระดับเทพนั้นมีเพียงแค่สัตว์เทพเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้ได้

หินแห่งการเรียนรู้สามารถถ่ายทอดทักษะมากสุดได้แค่ระดับสูงเท่านั้น ส่วนทักษะระดับสูงสุดนั้นขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของตัวสัตว์อสูรเอง

โชคดีที่พ่อของริวได้เจอหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรนี้ตอนที่เขายังเป็นทหารรับจ้างซึ่งต่อมามันกลายเป็นรายได้หลักส่วนหนึ่งของครอบครัวพวกเขา

แน่นอนว่าหากไม่มีความแข็งแกร่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะถือครองหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรไว้ในมือ

เขาจำได้ว่าเมื่อหลายปีที่แล้วมีตระกูลหนึ่งที่ถือครองหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรของทักษะระดับสูงคลื่นสึนามิ

ซึ่งต่อมาตระกูลนี้ถูกสังหารหมู่และไม่มีใครรอดออกมาได้เลย

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรของทักษะสึนามิก็ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ เหลือเพียงหินแห่งการเรียนรู้แบบครั้งเดียวเท่านั้นซึ่งถูกขายในราคาที่สูงลิ่ว

โดยสรุปแล้วหากไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ การถือครองหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรก็เหมือนการเอาภัยมาที่ตัว แน่นอนว่าถ้าพี่ชายของเขาไม่ได้เป็นหัวหน้ายิม เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะรักษาหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรนี้ไว้

ท่าเดินชมจันทร์ที่เขาได้รับมาเป็นทักษะการเคลื่อนไหวระดับสูง มันเป็นทักษะที่สามารถทำให้เคลื่อนที่บนอากาศได้เพียงชั่วขณะ เปรียบเสมือนการเหยียบอากาศ

แน่นอนว่าริวตัดสินใจให้ไคจูเรียนรู้ทักษะนี้ทันที เพราะไคจูยังไม่มีทักษะการเคลื่อนไหวเลย ถึงแม้ทักษะนี้จะไม่ได้ช่วยเรื่องความเร็วแต่มันทำให้มีรูปแบบการโจมตีที่หลากหลายยิ่งขึ้น

ริวพาไคจูไปเรียนรู้ทักษะนี้ทันทีโดยไม่รอช้า เขาเข้ามาในห้องแห่งที่รอบๆเต็มไปด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีมากมายที่ถูกสร้างมาสำหรับสัตว์อสูร แต่มีเครื่องจักรกลอันหนึ่งที่ถูกแปลกแยกออกมาและมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่

นั้นคือ เครื่องเรียนรู้ท่า

“ไคจู นายจะนั่งหรือนอนตรงไหนก็ได้ที่อยู่ในขอบเขตพื้นที่สีเทา”

ริวสั่งให้ไคจูไปนอนบนพื้นต่างระดับที่แยกออกมาซึ่งดูเหมือนจะถูกเคลือบอะไรไว้อยู่ ไคจูเดินเข้าไปนอนเล่นบนพื้นอย่างสบายๆตามที่ริวบอก

จากนั้นริวก็เดินไปที่เครื่องเรียนรู้ท่าและใส่หินแห่งการเรียนรู้เข้าไปทันที ก่อนที่จะดำเนินเครื่อง

" ฟึบ! ฟีบ! '

เครื่องเริ่มส่งเสียงกลไกออกมาก่อนที่จะปล่อยแสงเอกซเรย์สีเขียวอ่อนลงมาบนตัวขอไคจูราวกับจะสแกนอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นแสงเอ็กซเรย์ก็หายไปมันก็ถูกแทนที่ด้วยแสงสีขาวที่เคลื่อนเข้าไปในตัวของไคจูอย่างช้าๆ

ไคจูที่ได้รับแสงสีขาวไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรแต่กลับรู้สึกง่วงนอนเล็กน้อยแล้วก็หลับไป ส่วนหน้าจอเมอร์นิเตอร์ของเครื่องก็ได้แสดงตัวเลขว่า 0%

จากนั้นก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงตัวเลขก็ขึ้นว่าเป็น100%

หินแห่งการเรียนรู้ที่ริวใส่ไปตอนแรกก็ได้สลายหายไปพร้อมไคจูที่ค่อยๆตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียเล็กน้อย

“เป็นไงบ้างนายได้เรียนรู้ทักษะใหม่แล้วใช่ไหม” ริวที่เฝ้าดูอยู่ตลอดถามออกมา

“โอ้!” ไคจูพยักหน้าตอบกลับ

“งั้นแสดงให้ฉันดูหน่อย”

ไคจูที่ได้ยินก็ทำท่ายืดเส้นยืดสายเล็กน้อยราวกับเขาพยายามจะโชว์ให้ริวดู จากนั้นไคจูก็พยายามตั้งสมาธิโฟกัสไปที่ขาของเขา พอดูเหมือนจะได้ที่แล้วเขาก็โดดขึ้นไปในอากาศทันที

หลังจากที่เขากระโดดลอยตัวขึ้นมาแล้วและตัวกำลังจะดิ่งสู่พื้น เขาก็ใช้เท้าอีกข้างเหยียบอากาศกระโดดขึ้นไปอีกทันทีซึ่งทำแบบนี้ซ้ำๆอยู่หลายรอบ

“ดีมาก!เจ้าตัวน้อยเก่งมาก”

ไคจูที่ได้ยินเสียงชมของริวก็รู้สึกภูมิใจเล็กน้อยและพยายามเร่งความเร็วมากกว่านี้เพื่อโชว์ความสามารถของเขา  แต่เนื่องจากเขาพึ่งใช้ท่านี้ครั้งแรกจึงไม่เชี่ยวชาญเท่าไหร

ทำให้เกิดสะดุดขึ้นและทักษะก็หลุดการควบคุมจนตกลงมาทำให้ก้นกระทบกับพื้นจนไคจูรู้สึกแสบและพยายามลูบเพื่อให้หายเจ็บทำให้ริวที่ดูอยู่อดขำไม่ได้เล็กน้อย

“เอาล่ะ!แค่นี้นายก็เก่งมากแล้ว ถ้าได้ฝึกอีกหน่อยนายสามารถเคลื่อนที่ได้คล่องแคล่วกว่าเดิมแน่”

“โอ้ช!!” ไคจูเปล่งเสียงออกมาด้วยท่าทีมุ่งมั่น

“ติ๊ก!  ติ๊ก!  ติ๊ก!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงของการโทรดังขึ้นบนโทรศัพท์ของริวทำให้เขาหยิบขึ้นมาดูและพบว่าคนที่โทรมาคือโอดะทำให้ริวสงสัยเล็กน้อยเพราะพวกเขาพึ่งแยกจากกันไปไม่นานมากนัก

“ฮัลโหลโอดะ! มีอะไรหรือเปล่า!?”

“ริวนายได้ยินข่าวเกี่ยวกับโรงเรียนเรายัง” โอดะที่ถือสายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ข่าวอะไร!?”ริวถามอย่างสงสัย

“ก็โรงเรียนเราได้เปิดคลาสใหม่ไง!  ”

"เป็นคลาสพิเศษสำหรับการฝึกฝนการต่อสู้โดยเฉพาะและจะมีคนจากกองทัพมาฝึกฝนพวกเรา! ”

“ห่ะ!?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด