บทที่9 ท่าเดินชมจันทร์
“ติ๊ง! ติ๊ง! ”
“ขอแสดงความยินดีด้วยกับโฮสต์!”
"คุณได้รับหินแห่งการเรียนรู้แบบครั้งเดียว! ท่าเดินชมจันทร์ ”
“หินแห่งการเรียนรู้!” ริวอุทานออกมาด้วยความดีใจ นี่เป็นสิ่งที่ดีอย่างมาก
ทุกวันนี้สัตว์อสูรสามารถเรียนรู้ทักษะต่างๆได้สองวิธี
วิธีแรกสัตว์อสูรจะได้รับทักษะจากพรสวรรค์ของเผ่าพันธุ์ตั้งแต่เกิดและเมื่อพัฒนาไปต่อในระดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆมันก็จะสามารถเรียนรู้ทักษะระดับสูงได้เองโดยอัตโนมัติ
วิธีที่สองสัตว์อสูรเรียนรู้ทักษะได้ผ่านหินแห่งการเรียนรู้ หินแห่งการเรียนรู้มีอยู่สองรูปแบบคือหินแห่งการเรียนรู้แบบครั้งเดียวและหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวร ซึ่งคุณค่าของหินทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันมาก
ตามชื่อของมันเลย หินแห่งการเรียนรู้แบบครั้งเดียวสามารถให้สัตว์อสูรสามารถเรียนรู้ทักษะที่อยู่ในหินได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นหินก็จะสลายหายไป ส่วนหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรสามารถถ่ายทอดทักษะให้สัตว์อสูรได้หลายครั้ง
แต่เมื่อมีการถ่ายทอดทักษะให้สัตว์อสูรไปแล้วตัวหนึ่ง จำเป็นต้องรออีกวันหนึ่งก่อนเพื่อให้หินรวมรวมพลังงานใหม่ ถึงจะสามารถทำได้อีกรอบ
โดยสรุปแล้วหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรสามารถถ่ายทอดทักษะให้สัตว์อสููรได้แค่เพียงตัวเดียวต่อวัน
หินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรส่วนใหญ่แล้วถูกควบคุมโดยตระกูลที่ทรงอำนาจซึ่งเป็นรากฐานทางการเงินสำหรับตระกูลใหญ่เหล่านี้ เพราะพวกเขาสามารถหารายได้โดยเปิดช่องทางให้บุคคลภายนอกที่ต้องการเรียนรู้ทักษะนี้จ่ายเงินให้พวกเขาในราคาสูง
ครอบครัวของริวเองมีหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรอยู่เหมือนกัน แต่มีเพียงแค่อันเดียวเท่านั้น นั้นก็คือท่า กระแสน้ำวนเพลิง ทักษะระดับกลาง ซึ่งพวกเขาตั้งราคาไว้อยู่ที่ 150,000 เหรียญต่อครั้ง
ถึงแม้มันจะเป็นราคาที่สูงมาก แต่ก็มีคนเข้ามาให้สัตว์อสูรของพวกเขาเรียนรู้อยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากถึงแม้มันจะเป็นทักษะระดับกลางก็จริงแต่พลังโจมตีของมันด้อยกว่าทักษะระดับสูงไม่มากนัก
ทักษะของสัตว์อสูรแบ่งออกได้เป็น 6 ระดับ ต่ำ กลาง สูง สูงสุด ราชา และ เทพ โดยปกติแล้วสัตว์อสูรบนโลกจะสามารถเรียนรู้ทักษะได้ถึงแค่ระดับสูงสุดเท่านั้น
ส่วนทักษะระดัับราชามีแค่สัตว์อสูรที่มีเชื้อสายพันธุ์สูงอย่างพวกกึ่งเทพเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้ได้ซึ่งนี่ถือเป็นทักษะท่าไม้ตายของพวกเขาเลยก็ว่าได้ ส่วนทักษะระดับเทพนั้นมีเพียงแค่สัตว์เทพเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้ได้
หินแห่งการเรียนรู้สามารถ่ายทอดทักษะมากสุดได้แค่ระดับสูงเท่านั้น ส่วนทักษะระดับสูงสุดนั้นขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของตัวสัตว์อสูรเอง
โชคดีที่พ่อของริวได้เจอหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรนี้ตอนที่เขายังเป็นทหารรับจ้างซึ่งต่อมามันกลายเป็นรายได้หลักส่วนหนึ่งของครอบครัวพวกเขา
แน่นอนว่าหากไม่มีความแข็งแกร่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะถือครองหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรไว้ในมือ เขาจำได้ว่าเมื่อหลายปีที่แล้วมีตระกูลหนึ่งที่ถือครองหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรของทักษะระดับสูง คลื่นสึนามิ ซึ่งต่อมาตระกูลนี้ถูกสังหารหมู่และไม่มีใครรอดออกมาได้เลย
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรของทักษะสึนามิก็ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ เหลือเพียงหินแห่งการเรียนรู้แบบครั้งเดียวเท่านั้นซึ่งถูกขายในราคาที่สูงลิ่ว
โดยสรุปแล้วหากไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ การถือครองหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรก็เหมือนการเอาภัยมาที่ตัว แน่นอนว่าถ้าพี่ชายของเขาไม่ได้เป็นหัวหน้ายิม เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะรักษาหินแห่งการเรียนรู้แบบถาวรนี้ไว้
ท่าเดินชมจันทร์ที่เขาได้รับมาเป็นทักษะการเคลื่อนไหวระดับสูง มันเป็นทักษะที่สามารถทำให้เคลื่อนที่บนอากาศได้เพียงชั่วขณะ เปรียบเสมือนการเหยียบอากาศ
แน่นอนว่าริวตัดสินใจให้ไคจูเรียนรู้ทักษะนี้ทันที เพราะไคจูยังไม่มีทักษะการเคลื่อนไหวเลย ถึงแม้ทักษะนี้จะไม่ได้ช่วยเรื่องความเร็วแต่มันทำให้เลือกรูปแบบการจู่โจมได้หลากหลายยิ่งขึ้น
ริวพาไคจูไปเรียนรู้ทักษะนี้ทันทีโดยไม่รอช้า เขาเข้ามาในห้องแห่งที่รอบๆเต็มไปด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีมากมายที่ถูกสร้างมาสำหรับสัตว์อสูร แต่มีเครื่องจักรกลอันหนึ่งที่ถูกแปลกแยกออกมาและมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่
นั้นคือ เครื่องเรียนรู้ท่า
“ไคจู นายจะนั่งหรือนอนตรงไหนก็ได้ที่อยู่ในขอบเขตพื้นที่สีเทา”
ริวสั่งให้ไคจูไปนอนบนพื้นต่างระดับที่แยกออกมาซึ่งดูเหมือนจะถูกเคลือบอะไรไว้อยู่ ไคจูเดินเข้าไปนอนเล่นบนพื้นอย่างสบายๆตามที่ริวบอก จากนั้นริวก็เดินไปที่เครื่องเรียนรู้ท่าและใส่หินแห่งการเรียนรู้เข้าไปทันที ก่อนที่จะดำเนินเครื่อง
" ฟึบ! ฟีบ! '
เครื่องเริ่มส่งเสียงกลไกลออกมาก่อนที่จะปล่อยแสงเอ็กซเรย์สีเขียวอ่อนลงมาบนตัวขอไคจูราวกับจะสแกนอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นแสงเอ็กซเรย์ก็หายไปมันก็ถูกแทนทีด้วยแสงสีขาวที่เคลื่อนเข้าไปในตัวของไคจูอย่างช้าๆ
ไคจูที่ได้รับแสงสีขาวไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรแต่กลับรู้สึกง่วงนอนเล็กน้อยแล้วก็หลับไป ส่วนหน้าจอเมอร์นิเตอร์ของเครื่องก็ได้แสดงตัวเลขว่า 0% จากนั้นก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงตัวเลขก็ขึ้นว่าเป็น100%
หินแห่งการเรียนรู้ที่ริวใส่ไปตอนแรกก็ได้สลายหายไปพร้อมไคจูที่ค่อยๆตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียเล็กน้อย
“เป็นไงบ้างนายได้เรียนรู้ทักษะใหม่แล้วใช่ไหม” ริวที่เฝ้าดูอยู่ตลอดถามออกมา
“โอ้!” ไคจูพยักหน้าตอบกลับ
“งั้นแสดงให้ฉันดูหน่อย”
ไคจูที่ได้ยินก็ทำท่ายืดเส้นยืดสายเล็กน้อยราวกับเขาพยายามจะโชว์ให้ริวดู จากนั้นไคจูก็พยายามตั้งสมาธิโฟกัสไปที่ขาของเขา พอดูเหมือนจะได้ที่แล้วเขาก็โดดขึ้นไปในอากาศทันที
หลังจากที่เขากระโดดลอยตัวขึ้นมาแล้วและตัวกำลังจะดิ่งสู่พื้น เขาก็ใช้เท้าอีกข้างเหยียบอากาศกระโดดขึ้นไปอีกทันทีซึ่งทำแบบนี้ซ้ำๆอยู่หลายรอบ
“ดีมาก!เจ้าตัวน้อยเก่งมาก”
ไคจูที่ได้ยินเสียงชมของริวก็รู้สึกภูมิใจเล็กน้อยและพยายามเร่งความเร็วมากกว่านี้เพื่อโชว์ความสามารถของเขา แต่เนื่องจากเขาพึ่งใช้ท่านี้ครั้งแรกจึงไม่เชี่ยวชาญเท่าไหร ทำให้เกิดสะดุดขึ้นและทักษะก็หลุดการควบคุมจนตกลงมาทำให้ตูดกระทับกับพื้นจนไคจูรู้สึกแสบและพยายามลูบเพื่อให้หายเจ็บทำให้ริวที่ดูอยู่อดขำไม่ได้เล็กน้อย
“เอาล่ะ!แค่นี่นายก็เก่งมากแล้ว ถ้าได้ฝึกอีกหน่อยนายสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเดิมแน่”
“โอ้ช!!” ไคจูเปล่งเสียงออกมาด้วยท่าทีมุ่งมั่น
“ติ๊ก! ติ๊ก! ติ๊ก!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงของการโทรดังขึ้นบนโทรศัพท์ของริวทำให้เขาหยิบขึ้นมาดูและพบว่าคนที่โทรมาคือโอดะทำให้ริวสงสัยเล็กน้อยเพราะพวกเขาพึ่งแยกจากกันไปไม่นานมากนัก
“ฮัลโหลโอดะ! มีอะไรหรือเปล่า!?”
“ริวนายได้ยินข่าวเกียวกับโรงเรียนเรายัง” โอดะที่ถือสายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ข่าวอะไร!?”ริวถามอย่างสงสัย
“ก็โรงเรียนเราได้เปิดคลาสใหม่ไง! ”
"เป็นคลาสพิเศษสำหรับการฝึกฝนการต่อสู้โดยเฉพาและจะมีคนจากกองทัพมาฝึกฝนพวกเรา! ”
“ห่ะ!?”