บทที่ 996: เทพผู้ทรงอำนาจ
[แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ\]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมานะครับ]
บทที่ 996: เทพผู้ทรงอำนาจ
อาร์เซอุสในช่วงพลังสูงสุดนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด? นี่เป็นปริศนาสำหรับคนของกลุ่มร้อยอสูร เพราะไม่เคยมีใครได้เห็นอาร์เซอุสที่ครอบครองศิลาแห่งชีวิตครบทุกชิ้น
การตามหาศิลาแห่งชีวิตได้แม้แต่ชิ้นเดียวก็ถือเป็นความดีความชอบอันยิ่งใหญ่ แม้จะนำกลับมาได้เพียงข่าวคราวก็สมควรได้รับรางวัล แต่สำหรับคนเหล่านี้ ยามาโตะกลับกลายเป็นข้อยกเว้น
หากอยู่ในกลุ่มอื่น เธอคงเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบเทียม แต่ตัวเธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เป้าหมายสูงสุดในตอนนี้คือการหลุดพ้นจากไคโดเท่านั้น
"ยามาโตะ ดูสนามรบนี้สิ ที่นี่คือนรกของคนอ่อนแอ เป็นเครื่องจักรสังหารชีวิต การตัดสินใจเพียงครั้งเดียวของผู้มีอำนาจ อาจนำไปสู่ความตายของผู้คนนับไม่ถ้วนในสนามรบแห่งนี้"
"การโจมตีเมื่อครู่นี้ หากมันตกลงมา ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรก็ไม่อาจคาดเดาได้"
"หนูเลยเกลียดสงคราม ไม่รู้ว่าทำไมพ่อไคโดถึงหลงใหลในสงครามนัก สิ่งนี้มันมีดีอะไรกัน?"
"สงครามไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่สันติภาพได้มาด้วยกำลัง หวังพึ่งความเมตตาของผู้อื่นนั้นเป็นไปไม่ได้ มีพลังแข็งแกร่งจนใครก็ไม่กล้าต่อกร นั่นคือหนทางในโลกที่วุ่นวายนี้"
"ข้าเห็นด้วยกับการกระทำของพ่อเจ้า ถึงจะดูทรมาน แต่ก็เป็นแรงผลักดันให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้เจ้าใช้ชีวิตต่อไปได้ดีขึ้น"
"ไม่ ไม่ ท่านพ่อบุญธรรม หนูว่าตรรกะของท่านมีปัญหา มันเห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าพ่อไคโดต่างหากที่สมองมีปัญหา คนปกติที่ไหนจะใช้ฮาคิราชันปลุกคนอื่นให้ตื่นกันคะ?"
เมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น ยามาโตะก็ยังรู้สึกว่ามันไร้สาระ ทุกครั้งที่เธอเผลอหลับ ไคโดก็จะเพิ่มการฝึก แต่ไคโดกลับจงใจใช้ฮาคิราชันปลุกเธอ
ในตอนนั้น เธอยังทนฮาคิราชันของไคโดไม่ได้ จึงถูกสั่นสะเทือนจนสลบ ทำให้ต้องมาสายโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็ถูกไคโดเพิ่มการฝึก นี่เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างมากมาย
เทียบกับการฝึก เธอรู้สึกว่าไคโดเหมือนกำลังเล่นสนุกกับเธอมากกว่า
"เพราะงั้น เจ้าก็พยายามแข็งแกร่งขึ้นแล้วกัน ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเจ้าควบคุมพลังทั้งหมดของเซครอมได้ ไคโดในตอนนี้ก็ไม่ใช่คู่มือของเจ้าหรอก"
"เดี๋ยวก่อน ท่านพ่อ 'ตอนนี้' ที่ท่านหมายถึงคืออะไรคะ?"
เมื่อพูดถึงไคโด ยามาโตะก็ยังคงมีความรู้สึกไวต่อเรื่องนี้อยู่ นางเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่น่ากลัว
"ก็หมายถึงตอนนี้แหละ ที่เหลือเจ้าไปคิดเอาเองแล้วกัน"
ในเวลานั้นเอง เงาดำขนาดใหญ่ก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้า มังกรแปดหัวคาบ CP0 ไว้ในปาก แล้วร่อนลงมาตรงหน้าเรือปฐมกาล
แรงระเบิดไม่ได้ส่งผลกระทบแค่บนพื้นดิน แต่รวมถึงท้องฟ้าด้วย กองกำลังมังกรบินของกองทัพเรือและมังกรแปดหัวถือเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบ
ภายใต้การตัดสินใจของห้าผู้เฒ่า กองกำลังมังกรบินที่ยังสามารถต่อสู้กับมังกรแปดหัวได้ระยะหนึ่ง ก็ถูกทำลายลงด้วยแรงระเบิด พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครสามารถสะท้อนการโจมตีแบบนี้กลับไปได้
แม้แต่มังกรแปดหัวก็ยังเสียชีวิตไปหนึ่งหัวเพราะอยู่ใกล้จุดระเบิดมากเกินไป นี่เป็นการฟื้นคืนชีพอีกครั้งของมันแล้ว ส่วน CP0 ในปากนั้น มันจับได้ตอนที่บินผ่านมาแถวนั้นพอดี
ผู้สร้างของมันเกลียดชังสายลับพวกนี้ที่สุด มังกรแปดหัวรู้เรื่องนี้ดี
การฟื้นคืนชีพของมังกรแปดหัวร้ายมีข้อดีอย่างหนึ่งคือ มันจะล้างผลกระทบด้านลบที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย ดังนั้นมังกรแปดหัวร้ายที่ฟื้นคืนชีพมาจึงไม่ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดเลย เมื่อเจอ CP0 ที่มึนงงจากแรงระเบิด มันจึงจับตัวเขาได้อย่างง่ายดาย
"กรร~"
"อืม เจ้าทำได้ดีมาก สายลับ CP พวกนี้มองแล้วชวนหงุดหงิด เดินหน้าต่อไป ดูสิว่าไคโดจะทำอะไรต่อ?"
ยามาโตะบนเรือยังคงครุ่นคิด แต่เรือปฐมกาลก็มุ่งหน้าต่อไปยังภายในมารีนฟอร์ด ภายใต้ผลกระทบจากแรงระเบิด น้ำแข็งของมารีนฟอร์ดแตกออกเป็นจำนวนมาก ในตอนนี้ก็มีเส้นทางเดินเรือสำเร็จรูปแล้ว
แต่ CP0 ที่ถูกมังกรแปดหัวโจมตีเป็นเพียงหนึ่งในนั้น CP0 คนอื่น ๆ ที่ปฏิบัติภารกิจในสนามรบได้ส่งข่าวกลับไปยังแมรีจัวแล้ว
"เป็นไปได้ยังไง? การโจมตีนั้นถูกหยุดไว้ได้งั้นเหรอ?"
ห้าผู้เฒ่าผู้ครองอำนาจรัฐบาลโลกซึ่งปกติสุขุมเยือกเย็น กลับมีสีหน้าตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในยุคสมัยที่พวกเขาดำรงตำแหน่ง ได้รับรายงานข่าวแปลกประหลาดจากทั่วโลกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ไม่ว่าจะเป็นข่าวประเทศล่มสลาย ราชวงศ์ถูกโค่นล้ม กลุ่มโจรสลัดผงาดขึ้น หรือการมาถึงของยุคสมัยแห่งโจรสลัด ล้วนเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับพวกเขา แต่ในวันนี้ ทุกอย่างกลับต่างออกไป
"เป็นไปได้อย่างไร ถึงแม้จะไม่ใช่อิมผู้ยิ่งใหญ่ลงมือเองโดยตรง แต่พลังทำลายล้างขนาดนั้น..."
ในฐานะผู้กุมบังเหียนรัฐบาลโลก อิมมีอาวุธลับที่ไม่มีใครต้านทานได้ อาศัยสิ่งนี้ แม้โลกจะตกอยู่ในความโกลาหล แต่ก็ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างอยู่หมัด
หากมีสิ่งใดที่เกินการควบคุม ก็จะถูกกำจัดให้สิ้นซาก นั่นคือวิถีการกวาดล้างของอิม
ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีเกาะนับไม่ถ้วนถูกทำลายด้วยเหตุผลนี้ ห้าผู้เฒ่าไม่ใช่อิม สิ่งที่พวกเขาใช้ก็ไม่ใช่ของอิม เรียกได้ว่าเป็นเพียงอาวุธเสริมเท่านั้น
แต่จากผลลัพธ์ที่ได้รับ อาวุธนั้นกลับได้รับความเสียหาย นี่เป็นเรื่องที่แม้แต่ห้าผู้เฒ่าก็ไม่อาจจัดการได้
"ท่านอิมผู้ยิ่งใหญ่จะต้องกริ้วแน่ ๆ เมื่อท่านตื่นขึ้นมา"
"อย่างน้อยก็ยังไม่พังไปทั้งหมด รอให้ท่านอิมผู้ยิ่งใหญ่ซ่อมแซมก็แล้วกัน ปัญหาคือ เราจะทำอย่างไรต่อไปดี?"
"เขาทำได้อย่างไรกัน? หรือว่าเรือนั่นคือพลูตัน? หรืองานสร้างของช่างต่อเรือแห่งวอเตอร์เซเว่น?"
พวกเขามีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับทอม ผู้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเผ่ามนุษย์เงือกมากที่สุดคือหนวดขาวและไคโด แต่ด้วยนิสัยของหนวดขาว คงแค่ให้ความคุ้มครองเกาะมนุษย์เงือกด้วยธงโจรสลัดเท่านั้น หากทอมมีความเกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง ก็น่าจะอยู่กับกลุ่มร้อยอสูรมากกว่า
ในความคิดของห้าผู้เฒ่า อาวุธโบราณคือพลังที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลก นอกจากพลูตันและอาวุธที่สร้างขึ้นโดยช่างต่อเรือแห่งวอเตอร์เซเว่นซึ่งเล่าขานกันว่าแข็งแกร่งพอจะต่อกรกับพลูตันได้แล้ว พวกเขาก็นึกไม่ออกว่าจะเป็นอะไรไปได้อีก
"วาโนะยังคงอยู่ นั่นไม่ใช่พลูตันแน่นอน และเรื่องแบบนี้ไม่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นพลังของมนุษย์หรืออาวุธ ก็หมายความว่ากลุ่มร้อยอสูรมีอาวุธสุดยอดอยู่ในมือแล้ว
อาวุธที่สามารถสะท้อนการโจมตีของเรากลับมาได้ ก็ย่อมสามารถปลดปล่อยพลังทำลายล้างที่รุนแรงยิ่งกว่าได้!"
เสียงของห้าผู้เฒ่าหัวล้านขัดจังหวะการถกเถียง และชี้ประเด็นสำคัญออกมา
นี่ไม่ใช่เทคโนโลยีปัจจัยสายเลือด สิ่งที่ต้องหาคำตอบคือที่มาของพลัง ซึ่งเป็นภัยคุกคามระดับเดียวกับอาวุธโบราณ
ไม่ว่าผู้ใช้หรือผู้สร้างจะเป็นใคร ล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ พวกเขามีศักยภาพในการโจมตีฐานทัพเรือ ประเทศหรือแม้แต่รัฐบาลโลก ให้ราบเป็นหน้ากลอง
"แล้วก็ยังมีเรื่องนั้นอีก ที่แมรีจัวร์ยังปลอดภัยดีอยู่ใช่ไหม?"
"ระงับปฏิบัติการบางอย่างไว้ก่อนเถอะ ถ้าทำให้พวกเขาจนตรอก คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ รอให้ท่านอิมผู้ยิ่งใหญ่ตื่นขึ้นมาจัดการเรื่องนี้เองดีกว่า"
"เห็นด้วย ระงับปฏิบัติการกับควีนไว้ก่อนเช่นกัน อาร์เซอุสที่ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัยนี่แหละ คือตัวปัญหาที่แท้จริง"
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ใส่ใจ และสามารถรักษาความสงบเรียบร้อยบนท้องทะเลได้ จึงปล่อยให้โจรสลัดออกอาละวาด เพียงแต่ส่งลูกน้องไปจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป พลังอำนาจที่กลุ่มร้อยอสูรแสดงให้เห็น ทำให้พวกเขาต้องให้ความสำคัญกับเหล่าอสูรร้ายพวกนี้มากขึ้น การปะทะกันเพียงชั่วครู่ ทำให้พวกเขาเลือกที่จะยุติการใช้กำลัง และหันไปวางแผนอื่นแทน
"สงครามมารีนฟอร์ดไม่ประสบความสำเร็จ ในเมื่อไคโดจ้องจะเล่นงานหนวดขาว ก็ปล่อยเขาไปเถอะ"
"ก็ดี แต่การถ่ายทอดสดที่นั่น..."
"ส่งคนไปตัดสัญญาณ ถ้าข่าวสารอื่น ๆ หลุดออกไปอีก คงไม่ดีแน่"
พวกเขาตัดสินใจยุติสงครามแล้ว แต่ภายนอกจะต้องไม่ใช่รัฐบาลโลกเป็นฝ่ายยอมแพ้ พวกเขาจะส่งสาส์นนี้ไปยังกองทัพเรือเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจกันเอง แต่ก่อนหน้านั้น พวกเขาตัดสินใจที่จะตัดสัญญาณหอยทากสื่อสารทิ้ง
คำสั่งใหม่ถูกส่งไปยัง CP0 ที่อยู่ในเหตุการณ์ พวกเขาก็มีภารกิจใหม่เช่นกัน
ณ เวลานี้ ชายผู้ถูกตราหน้าจากช่างภาพทั่วโลกกว่าไร้ความสามารถ ก็คลานออกมาจากซากปรักหักพัง
ทันทีที่เซเฟอร์จุดระเบิดหินไดนาไมต์ บากี้ก็รู้ตัวทันทีว่าสงครามครั้งนี้ไม่ใช่ที่สำหรับเขา เขาจึงใช้ข้ออ้างเรื่องเส้นทางอ้อม พาลูกน้องเดินวนเป็นวงกลมขนาดใหญ่เพื่อหนีห่างจากใจกลางสมรภูมิ
ตอนที่บากี้คิดว่าตัวเองหนีพ้นอันตรายแล้ว วิกฤตครั้งใหญ่ก็มาเยือน
"หา! นี่มันอะไรกัน! กองทัพเรือมีของแบบนี้อยู่ด้วยเหรอ!?"
ด้วยความตื่นตระหนก ร่างกายของบากี้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ มือที่ถือหอยทากสื่อสารก็แกว่งไปมา ทำเอาเหล่านักข่าวที่ชมการถ่ายทอดสดพากันด่าทออีกครั้ง
"กัปตันบากี้! มิสเตอร์ทรีโดนแรงสั่นสะเทือนจนสลบไป แล้วโดนแมลงของเจ้าหนูหมวกฟางลักพาตัวไปแล้วครับ!"
"ว่าไงนะ?? ไอ้ด้วงลักพาตัวมิสเตอร์ทรีไปงั้นเหรอ?? ช่างเถอะ หนีไปก่อนแล้วกัน ตอนนี้ไม่มีเวลาสนใจเขาแล้ว ขอไว้อาลัยให้แกด้วยนะ มิสเตอร์ทรี"
บากี้พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะทำสีหน้าเศร้าสร้อย แต่แรงระเบิดเมื่อครู่ทำให้เหล่าโจรสลัดเวียนหัว มึนงง หลายคนถึงกับหูมีเลือดไหล พวกเขาไม่ได้รับการปกป้องจากอาร์เซอุสเหมือนอย่างบากี้ การได้ยินจึงลดลง
กำแพงขี้ผึ้งของมิสเตอร์ทรีช่วยลดแรงกระแทกได้บ้าง แต่ก็มีจำกัด แค่ช่วยลดความเสียหายลงเล็กน้อยเท่านั้น
ด้วยอาการหูอื้อ ประกอบกับสีหน้าโอเวอร์ของบากี้ พวกเขาจึงตีความหมายคำพูดของบากี้ผิดเพี้ยนไป
"ช่วยมิสเตอร์ทรี!"
"จัดการหมวกฟาง พามิสเตอร์ทรีกลับมา!"
"พวกแกพอได้แล้ว!"
บากี้ตวาดลูกน้องด้วยความหัวเสีย ทันใดนั้น หัวของเขาก็ลอยขึ้นฟ้า ดาบสีฟ้ารูปเคียวฟาดลงบนพื้นน้ำแข็งด้านหลังเขา
"ใคร!? กล้าดียังไงมาลอบโจมตีฉัน!"
เมื่อหันกลับไป ก็เห็นชายในชุดสูทสีขาว สวมหน้ากากตัวตลก กำลังจ้องมองบากี้อยู่
"ตัวตลกบากี้ ส่งหอยทากสื่อสารมาซะดี ๆ "
"ไม่มีทาง! แผนการสร้างชื่อเสียงของฉันยังไม่เริ่มเลย อย่าหวังจะมาขัดขวาง!"
ถึงจะหนี แต่บากี้ก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจเดิม เขาคิดว่าการหนีกับการสร้างชื่อเสียงไม่ได้ขัดแย้งกัน แค่ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมนิดหน่อยก็พอ
"เป็นแค่โจรสลัดค่าหัว 15 ล้านเบรี ตัวตลกบากี้ แกมันช่างอวดดีนัก"
"แกคิดว่าฉันยังเป็นบากี้คนเดิมอยู่รึไง!? พวกแก! ไปจับมันซะ!"
ด้วยโชคที่อธิบายไม่ได้ เหล่านักโทษอิมเพลดาวน์ยินดีสละชีพเพื่อบากี้
แต่พวกเขาก็ประเมินตัวเองสูงเกินไป นักโทษจากสองชั้นแรกไม่ใช่คู่มือของ CP0 เลยสักนิด
ด้วยวิชาหกรูปแบบอันชำนาญ โจรสลัดที่บุกเข้าไปจึงพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว ถูกเล่นงานจนแตกพ่าย
ชั้นล่างสองชั้นแรกของคุกอิมเพลดาวน์นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นนักโทษจากครึ่งแรกของแกรนด์ไลน์ หากเป็นนักโทษจากสี่ทะเลโดยทั่วไปจะถูกคุมขังในเรือนจำใกล้เคียง มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะถูกส่งมาที่อิมเพลดาวน์
พวกเขาอาจจะรังแกคนธรรมดาได้ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหน่วยพิเศษของรัฐบาลโลก พวกเขาก็ยังอ่อนหัดเกินไป
“กัปตันบากี้! เจ้าหมอนี่มันแข็งแกร่งมากเลยครับ!”
“กัปตันบากี้ ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย! พวกเราสู้มันไม่ได้ครับ!”
ลูกน้องรอบข้างต่างมองไปที่บากี้ด้วยแววตาเปี่ยมหวัง รอคอยให้บากี้แสดงพลังอันน่าเกรงขาม สายตาเหล่านั้นกดดันให้บากี้จนเหมือนตกอยู่ในกองไฟ จะหนีก็ไม่ได้ จะสู้ก็ไม่ไหว
“กัปตันบากี้ หรือว่าท่านจะกลัว? เห็นลูกน้องต่อสู้กันแท้ ๆ ท่านกลับจะถอยหนี!”
“ฉัน ฉัน...”
ขณะที่บากี้ยังคงลังเล CP0 ก็ฝ่าวงล้อมโจรสลัดเข้ามาถึงตัวบากี้ หมายจะจับตัวเขา ทันใดนั้นเอง รังสีสังหารอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งเข้าปกคลุม CP0 คนนั้น
“นี่มันน้องชายฉัน เห็นแก่ฉันไว้สักครั้ง ยอมถอยไปได้ไหม?”
“ได้ยินไหม? เขาเรียกกัปตันบากี้ว่าน้องชายด้วย!”
“ได้ยินสิ! นั่นผมแดงแชงค์ส! กัปตันบากี้ช่างไม่ธรรมดา แม้แต่ผมแดงแชงค์สยังนับถือเป็นพี่น้อง สมแล้วกับคนที่หมายจะโค่นหนวดขาว!”
“ฉันเข้าใจแล้ว! กัปตันบากี้มาที่นี่ก็เพื่อตามหาผมแดง! ท่านไม่อยากให้ผมแดงมายุ่งกับการต่อสู้ของท่าน เลยมาดักหน้าไว้ที่นี่!”
“กัปตันบากี้ พวกเราจะติดตามท่านตลอดไปครับ!”
เหล่านักโทษต่างปลื้มปิติยินดี มีเพียง CP0 คนนั้นที่เหงื่อแตกพลั่ก มองผมแดงตรงหน้าด้วยความหวาดหวั่น การเผชิญหน้ากับจักรพรรดิ ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
“ผมแดงแชงค์ส นี่เป็นคำสั่งของรัฐบาลโลก...”
“ฉันจะพูดเพียงครั้งเดียว หลีกไป”
“…”
CP0 คนนี้ไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับจักรพรรดิ แต่เขามีคำสั่งจากห้าผู้เฒ่าอยู่ การมีคำสั่งถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง CP0 พวกนี้กล้าทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแทรกแซงการต่อสู้ของไคโด หรือการไม่ไว้หน้าแชงค์ส ล้วนไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกเขา
“โซล”
ต่อหน้าแชงค์ส CP0 คนนั้นลงมือโจมตีบากี้ แต่สิ่งที่รอเขาอยู่คือคมดาบกริฟฟอน
หลังจากจัดการ CP0 ตรงหน้าอย่างง่ายดาย แชงค์สก็หันไปมองบากี้
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ บากี้”
“ไม่ได้เจอกันนาน แกยังคงเป็นแบบนี้อยู่สินะ! เห็นแกทีไร ฉันก็โมโหทุกที! แกลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันมีแต่ความแค้นให้แก!”
“หืม? มีแบบนั้นด้วยเหรอ? ฉันเพิ่งช่วยนายไว้ไม่ใช่หรือไง? นายควรจะขอบคุณฉันนะ”
“ใครจะไปขอบคุณแกกัน! ไอ้สารเลว! ถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันก็คงไม่เผลอกินผลปีศาจ คงไม่กลายเป็นแบบนี้! แกคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของใคร!?”
ผมแดงแชงค์ส จักรพรรดิที่อายุน้อยที่สุด สัตว์ประหลาดแห่งโลกใหม่ และเป็นคนที่บากี้ไม่เกรงกลัวที่สุด
ต่อหน้าหนวดขาวและไคโด บากี้ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแชงค์ส เขากล้าที่จะแสดงความไม่พอใจออกมาจริง ๆ
“เดี๋ยวก่อน ไอ้สารเลวนี่มาที่นี่ทำไม!?”
หลังจากตะโกนอยู่นาน บากี้ก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่คือมารีนฟอร์ด การที่จักรพรรดิอย่างแชงค์สมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องดี
“ฉัน? ฉันมาเพื่อหยุดสงครามครั้งนี้”
พูดจบ แชงค์สก็เก็บดาบกริฟฟอน ปัดฝุ่นบนเสื้อผ้า แล้วเดินตรงไปยังเซ็นโงคุ
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_