บทที่ 96 ได้มาซึ่งถ้อยคำจากใจครั้งแรก
บทที่ 96 ได้มาซึ่งถ้อยคำจากใจครั้งแรก
เพราะคิดว่าคืนนี้จะต้องออกไปข้างนอก เฉินหยวนจึงจงใจหยิบสร้อยข้อมือเปลือกหอยติดตัวไปด้วยก่อนออกจากบ้าน
ที่เขาเอ่ยปากชวนเธอมาลอยโคมก็เพราะคิดไว้แล้วว่าจะถือโอกาสนี้มอบสร้อยข้อมือให้เธอแบบเนียน ๆ
เรียกได้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้
เฉินหยวนเอ๊ย แกมันอัจฉริยะจริง ๆ !
ทว่า การที่เซี่ยซินหยู่จับมือเขาแน่นเมื่อครู่นี้ ทำให้เฉินหยวนคาดไม่ถึงจริง ๆ
ตอนนั้นเขามึนไปเลย... แบบนี้แล้ว ฉันจะหาจังหวะมอบสร้อยข้อมือให้เธออย่างแนบเนียนได้ยังไง?
แต่โชคดีที่ซินหยู่ก็มีสกิลการปรับตัวสูง แม้จะเขินจนหน้าแดงก่ำ อยากจะเอาไม้มาเคาะหัวตัวเองให้สลบแล้วเผ่นหนีไปเดี๋ยวนั้น แต่สุดท้ายเธอก็ยอมยื่นมือออกมา
เรียกได้ว่าสถานการณ์เมื่อครู่ ทำเอาทั้งสองคนแทบเอาตัวไม่รอด
แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ผ่านมันมาได้อย่างสวยงาม
หลังจากที่สวมสร้อยข้อมือให้เธอแล้ว เฉินหยวนก็รู้สึกโล่งใจ เปลือกหอยเข้ากับมือเรียวสวยของเธอมากจริง ๆ
แน่นอนว่าไม่ได้หมายความว่ามือสวยแล้วจะใส่อะไรก็สวยไปหมด
อย่างมือเล็ก ๆ อวบ ๆ น่ะ ใส่ทองจะดูเข้ากว่า
ถึงแม้ว่าเงินจะไม่ใช่โลหะมีค่าอะไรมากมายแล้ว แต่เมื่อนำมาทำเป็นเครื่องประดับก็ดูไม่เลี่ยน แถมยังมีความสวยงามแบบเบา ๆ ส่วนเปลือกหอยที่เข้ากันได้อย่างลงตัว ก็ดูเหมาะกับลุคสาวหวาน สดใส
"สวยจังเลย นายเลือกเก่งจัง ฮิฮิ"
เซี่ยซินหยู่มองสร้อยข้อมือที่ข้อมือตัวเอง ดวงตาเต็มไปด้วยความยินดีและพอใจ
"ฉันเลือกไม่ค่อยเก่งหรอก เธอชอบก็ดีแล้ว"
"ไม่หรอก ฉันว่านายเลือกเก่งมาก นี่เป็นของขวัญที่สวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้รับเลย" เซี่ยซินหยู่ขยับข้อมือเบา ๆ มองเปลือกหอยสีขาวสะอาดที่เปล่งประกายระยิบระยับ ราวกับได้เห็นท้องทะเลจริง ๆ
"ว่าแต่ นี่ฉันมาเซี่ยงไฮ้ เมืองที่อยู่ห่างจากทะเลแค่ไม่กี่สิบกิโลเมตร แต่ยังไม่เคยเห็นทะเลเลยสักครั้ง..."
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราก็จะได้ไปดูแล้ว"
เฉินหยวนได้ยินเสียงเพรียกจากใจของเซี่ยซินหยู่ เขายิ่งมั่นใจว่าตอนที่เข้าแข่งขันรอบจริง เขาจะต้องพาเธอไปด้วยให้ได้
ก็ไหน ๆ มาแถบชายฝั่งทะเลทั้งที ถ้าไม่ได้เห็นทะเลก็คงน่าเสียดายแย่
ถึงแม้ว่าสำหรับเขา เด็กหนุ่มที่เติบโตริมทะเล จะไม่ได้รู้สึกว่าทะเลมีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจก็เถอะ
(อิจฉาจังเลยนะ ที่พวกเธอได้มาเที่ยวทะเล ไม่เหมือนฉัน ต้องอยู่แต่ริมทะเล)
"จริงสิ ฉันยังไม่ได้เล่าความฝันให้นายฟังเลย"
เซี่ยซินหยู่เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ เธอรีบพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น
"ฝันอะไรเหรอ? เล่ามาสิ" เฉินหยวนพูดพร้อมรอยยิ้ม
จากนั้น ทั้งสองคนก็เดินไปยืนข้างรั้ว กอดอกพิงเสาหิน มองดูชาวประมงที่กำลังตกปลาอยู่เบื้องล่าง และผืนน้ำอันเงียบสงบของแม่น้ำ
"ที่บ้านฉัน นอกจากจะปลูกชาแล้ว ยังนิยมปลูกไผ่ด้วย นายรู้ใช่มั้ย?"
"อืม รู้สิ พ่อของเธอก็เพิ่งกลับมาจากซิงซา แล้วก็เริ่มปลูกไผ่เหมือนกันนี่"
"ใช่ พวกนี้เป็นการเช่าพื้นที่ส่วนตัวน่ะ" เซี่ยซินหยู่อธิบาย "ที่ฉันบอกว่าอยากพานายไปดูน่ะ คือสวนไผ่ที่เจ้าของคนหนึ่งเขาปลูกไว้ตรงเชิงเขา มีเยอะมาก... เป็นผืนใหญ่เลยล่ะ"
"ในฝัน เธอพาฉันไปดูที่นั่นเหรอ?" เฉินหยวนถาม
"อืม ที่นั่นมัน..."
เซี่ยซินหยู่พยายามบรรยาย แต่ด้วยความที่เธอไม่ค่อยเก่งภาษา เธอจึงไม่สามารถถ่ายทอดภาพนั้นออกมาได้อย่างชัดเจน เธอจึงเดินไปข้างหลังเฉินหยวน ยกมือขึ้นปิดตาเขา แล้วเลียนแบบเขาในฝัน "นายใช้จินตนาการสิ"
มือเล็ก ๆ เย็น ๆ ของเธอ ปิดตาเขาไว้จนมิด
(ยัยนี่ มือเย็นจังเลยนะ)
"อืม เธอว่ามาเลย" เฉินหยวนก้มหน้าลงเล็กน้อย เพื่อให้เธอเอื้อมถึงได้ง่ายขึ้น
"นายจินตนาการว่า นายกำลังยืนอยู่บนยอดเขา"
"โอเค ฉันอยู่บนยอดเขาแล้ว"
"คืนนี้พระจันทร์อยู่ใกล้มาก ราวกับอยู่เหนือหัวเราเลย ทำให้กลางคืนสว่างไสว มองไปไกล ๆ ยังเห็นบ้านเรือนที่เชิงเขาได้เลย"
"อืม ฉันเคยเห็นแบบนี้แหละ ที่ชนบทนาน ๆ ทีก็เห็นแบบนี้"
"ข้างล่าง เป็นป่าไผ่กว้างใหญ่ เหมือนทะเลเลย ลมพัดมา ใบไผ่ก็สั่นไหว ข้างในเหมือนมีหิ่งห้อยซ่อนอยู่เต็มไปหมด พอลมพัด หิ่งห้อยก็บินออกมา เต็มไปหมด กลายเป็นเหมือนเกลียวคลื่น ซัดเข้าหาหน้าผา ราวกับคลื่นซัดมาถึงเท้า..."
เซี่ยซินหยู่พยายามบรรยายภาพในฝันอย่างสุดความสามารถ ทำให้เธอเหมือนได้กลับไปอยู่ในห้วงฝันนั้นอีกครั้ง
ส่วนเฉินหยวน จะลืมได้อย่างไรกัน?
ถึงแม้จะเป็นเธอที่บรรยาย แต่ในฝัน เซี่ยซินหยู่คือเจ้าของความฝัน ทะเลไผ่ที่เต็มไปด้วยดวงดาวนั่นคือจินตนาการของเธอ
เฉินหยวนพูดว่า "ฉันเห็นแล้ว"
"จริงเหรอ?" เซี่ยซินหยู่ถามอย่างดีใจพลางปล่อยมือ
เฉินหยวนพยักหน้า มองเธอพลางพูดว่า "จะว่ายังไงดีล่ะ? เหมือนกับสไตล์ชุดที่เธอใส่มาวันนี้เลย"
เซี่ยซินหยู่ชอบใส่ชุดสีเขียวมากจริง ๆ
ตอนที่ไปเที่ยวประภาคารครั้งก่อนก็ใส่ แต่ครั้งนั้นเป็นชุดผ้าฝ้าย ส่วนครั้งนี้เป็นชุดผ้าโปร่ง ดูเพ้อฝันเหมือนอยู่ในฝันมากกว่า
เธอเหมือนนางฟ้าเลย
"นี่มันคำเปรียบเทียบแบบไหนกัน...?" เห็นได้ชัดว่าเซี่ยซินหยู่รู้สึกว่าเฉินหยวนนึกภาพไม่ออกจริง ๆ จึงพูดด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งว่า "อยากจับนายเข้าไปในฝันของฉันจริง ๆ ให้เห็นกับตาเลย"
"หา? น่ากลัวอะ"
"น่ากลัวตรงไหน? ฉันไม่ทำอะไรนายในฝันหรอก"
"อ้อ" เฉินหยวนพยักหน้า ตอบรับ "ก็จริง เพราะเป็นเธอ ฉันเชื่อว่าเธอยังเป็นคนซื่อสัตย์"
"..."
(จริง ๆ ก็ไม่ได้ซื่อสัตย์ขนาดนั้นหรอก...)
(หลังจากที่ฉันจำความฝันได้ ฉันก็...)
ช่างเถอะ เรื่องนี้พูดไม่ได้
เรื่องนี้ฉันต้องปิดเป็นความลับไปอีกนาน
เว้นแต่เขาจะพูดเรื่องน่าอายที่เขาเคยทำบ้าง ฉันถึงจะแลกเปลี่ยนกับเขาได้
"ฉันดีใจมากจริง ๆ "
เซี่ยซินหยู่มองเปลือกหอยในมืออีกครั้ง ความรู้สึกค่อนข้างสับสน
ไม่ใช่ว่าไม่พอใจกับเซอร์ไพรส์นี้ แต่แค่รู้สึกว่าเฉินหยวนเฉลยออกมาล่วงหน้าแบบนี้ จะไปรบกวนแผนของเขาหรือเปล่า
บางทีเขาอาจจะมีแผนที่ดีกว่านี้?
"ของขวัญ เค้ก อาหารเย็น... จริง ๆ ก็มีแค่นี้ ไม่นับว่าเป็นเซอร์ไพรส์อะไรหรอก" เฉินหยวนอธิบาย
"นับสิ นี่แหละการฉลองวันเกิด"
เซี่ยซินหยู่พูดอย่างจริงจัง "ฉันพอใจกับของขวัญมาก เค้กพรุ่งนี้ต้องอร่อยมากแน่ ๆ ส่วนอาหารเย็น ถ้าเป็นมื้อพิเศษ... นายอย่าทำคนเดียวเลย เหนื่อยแย่ ฉันจะช่วยเอง"
ยัยหนู เธอหมายความว่ายังไง?
EQ ต่ำ: ฝีมือทำอาหารห่วยแตกแบบนั้น อย่ามาทำของเสียเปล่าเลย
EQ สูง: นายทำคนเดียวมันเหนื่อยนะ
"คือ... ฉันกะว่าจะซื้อของอร่อย ๆ มาอยู่หรอก แต่เธอก็เป็นเจ้าของวันเกิด จะให้เธอมาทำได้ไง? รอกินอย่างเดียวก็พอแล้ว" เฉินหยวนไม่รู้จะพูดยังไง ได้แต่ทำเหมือนเคย สัญญาอย่างหล่อ ๆ ว่า "เชื่อใจฉันเอะ"
แต่ครั้งนี้ เซี่ยซินหยู่ที่เคยเชื่อใจเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข...
เธอหยุดพูด
หยุดพูดแบบไม่มีมารยาทมาก
ไม่ใช่สิ เธอต้องรีบพูดว่าเชื่อใจสิ!
พูดในใจก็ได้ ส่งกระแสจิตก็ได้!
"คือ... ฉันชอบทำอาหารจริง ๆ " เซี่ยซินหยู่พูด
"ฉันซื้อแต่ของที่ไม่ต้องทำมาทั้งนั้น..."
"แบบนั้นมันไม่คุ้มเลย ราคาจะสูงขึ้นอย่างน้อยห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าจ่ายเท่ากัน ทำเองก็จะได้กินของอร่อย ๆ เยอะกว่า"
เซี่ยซินหยู่ใช้เหตุผลหว่านล้อมเฉินหยวน พร้อมกับออดอ้อนด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน "อีกอย่าง เจ้าของวันเกิดอยากทำอะไรก็ต้องได้ทำสิ จริงไหม?"
เจ้าของวันเกิดคือที่สุด!
เจ้าของวันเกิดชนะเลิศ! แม้แต่จิ๋นซีฮ่องเต้ ตอนฉลองวันเกิดยังอ้อนเลย "วันเกิดข้า ข้าอยากจะรวบรวมแผ่นดินทั้งหก!"
หกแคว้น: "ได้ ๆ ตามใจเจ้าเลย พวกข้ายอมแพ้ได้ไหมล่ะ?"
"อืม...ก็ได้ ฟังเธอก็ได้" เฉินหยวนรู้ดีว่า ถึงแม้จะทำอาหารเอง ในราคาที่เท่ากัน เขาจะได้กินของอร่อยเยอะกว่านี้ แต่เซี่ยซินหยู่ก็คงกินแค่พออิ่ม แล้วเก็บเงินส่วนที่เหลือไว้
นี่แหละ เธอคนนี้
แต่เอาเถอะ ความสุขแบบพอเพียงก็ดีเหมือนกัน
เพราะการรู้จักยับยั้งชั่งใจ จะทำให้ความรู้สึกดี ๆ คงอยู่ และทำให้ความสุขนั้นอยู่กับเราไปอีกนาน ในวันเกิดปีต่อ ๆ ไป แค่ชีวิตก้าวหน้าขึ้นอีกนิด ก็จะมีความสุขยิ่งกว่าเดิมแล้ว
แน่นอน นี่มันก็แค่การปลอบใจตัวเองของคนจน ๆ
แต่ใครจะกล้าปฏิเสธล่ะ ว่านี่ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง?
"ลมยามค่ำคืนนี่ ช่างดีจริง ๆ " เซี่ยซินหยู่สูดกลิ่นไอเย็น ๆ ของสายลมริมแม่น้ำพลางหลับตาลง
ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาแตะที่ไหล่
ลืมตาขึ้นมา ก็เห็นเฉินหยวนกำลังสวมเสื้อคลุมให้เธอ
"อากาศยังเย็นอยู่นะ เดี๋ยวไม่สบาย" เฉินหยวนพูด
เซี่ยซินหยู่มองอีกฝ่ายที่แต่งตัวบางกว่า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง "แต่...นายก็ใส่เสื้อผ้าบาง ๆ เหมือนกันนะ"
"ผู้ชายวัยมัธยมเลือดร้อนจะตาย แวมไพร์มากัดมีหวังปากพอง" เฉินหยวนทำเป็นไม่สะทกสะท้าน
จริง ๆ แล้ว เขาไม่ได้รู้สึกหนาวเลยสักนิด
แต่คราวนี้ เซี่ยซินหยู่ไม่เชื่อ เธอเอามือทั้งสองข้างจับมือเฉินหยวน พอรู้สึกร้อนจริง ๆ ถึงยอมรับ "งั้นเรากลับกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนนะ"
ตีหนึ่งสามสิบสี่ ยังรู้ตัวอีกเหรอว่าพรุ่งนี้ต้องไปเรียน?
"อืม งั้นไปกันเถอะ"
เฉินหยวนหยิบชา ยื่นให้เซี่ยซินหยู่
"ขอบคุณ"
เซี่ยซินหยู่พยักหน้ารับ เอามือสองข้างถือชา เดินตามเฉินหยวนไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเช่า
เพราะเสื้อคลุมตัวใหญ่คลุมเธอไว้เกือบมิดเลยทีเดียว ยาวไปจนถึงต้นขา ทำให้คราวนี้เธอไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป
เวลาแบบนี้ รถบนถนนน้อยกว่าเดิมมาก
แม้แต่คนเดินถนนก็ไม่มีเลยสักคน
บางทีตอนนี้อาจเป็นช่วงเวลาที่โลกหยุดนิ่งมากที่สุด
"ว่าแต่ ฉันยังไม่ได้อวยพรวันเกิดเธอเลยนี่นา"
เฉินหยวนที่อยู่ข้างหน้าตะโกนขึ้นมา
"หา? ไม่ได้อวยพรใน QQ แล้วเหรอ... อ้อ งั้นนายก็พูดมาสิ" เซี่ยซินหยู่ตะโกนสู้กับสายลมที่พัดเข้าหา
จากนั้นเฉินหยวนก็อวยพรว่า "สุขสันต์วันเกิด ขอให้ซินหยู่อายุสิบแปดทุกปีนะ"
"เอ๊ะ! ตอนนี้ฉันเพิ่งสิบเจ็ดเองนะ!" เซี่ยซินหยู่รีบประท้วงทันที
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า"
พอได้ยินเสียงหัวเราะของเฉินหยวน เซี่ยซินหยู่ก็เพิ่งรู้ตัวว่าเขาตั้งใจเล่นมุกนี้ชัด ๆ
ฉันก็นึกว่า EQ เขาสูงขึ้น อยากจะอวยพรวันเกิดด้วยตัวเองซะอีก
"ว่าแต่ ตอนที่ปล่อยโคมไฟแมวเหมียวเมื่อกี้ เธอขอพรหรือเปล่า?"
เฉินหยวนนึกถึงตอนที่เซี่ยซินหยู่ปิดตาอยู่ครู่หนึ่งตอนปล่อยโคมไฟขึ้นฟ้า เลยถามด้วยความสงสัย
"อืม..." เซี่ยซินหยู่ตอบ "ขอแล้ว"
"งั้นเธอต้องบอกเทพเจ้าให้ชัดเจนนะ ว่าเป็นพรของโคมไฟแมวเหมียว ไม่ใช่พรวันเกิด อย่าสับสนล่ะ ไม่งั้นจะเสียเปรียบ" เฉินหยวนเตือน
"แล้วทำไมนายไม่บอกก่อนหน้านี้ล่ะ...ฉันขอเป็นพรวันเกิดไปแล้ว"
"หา? ขอพรวันเกิดไปแล้วเหรอ?" เฉินหยวนรู้สึกว่าเรื่องมันเริ่มยุ่งยาก คิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดว่า "แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นพรวันเกิดที่ขอต่อเทพเจ้าแห่งวันเกิดละกัน พรุ่งนี้จำได้ก็ขอต่อเทพเจ้าแห่งเค้กอีกที"
เทพเจ้าแห่งเค้กนี่มันเทพเจ้าอะไรกัน?
เขานี่ไม่ยอมเสียเปรียบเลยจริง ๆ
"อยากรู้ไหมว่าฉันขอพรอะไร?" เซี่ยซินหยู่ถามเสียงดัง
"ว่ามาสิ"
เซี่ยซินหยู่ก็เลยพูดอ้อแอ้ใส่ลมไปสองสามคำ แล้วถามพร้อมกับหัวเราะว่า "ได้ยินพรที่ฉันขอไหม?"
"..."
เสียงพูดก็เซ็นเซอร์ได้ด้วยเหรอเนี่ย?
เรานี่เข้ากันได้ดีจริง ๆ นะ
เธอเป็นฝ่ายตัดต่อ ฉันเป็นฝ่ายทำซับไตเติล
"ไม่ได้ยิน พูดอีกทีสิ!" เฉินหยวนตะโกน
เซี่ยซินหยู่อมยิ้ม แล้วพูดใส่ลมต่อ "อ้อแอ้อะ..."
ทันใดนั้น รถมอเตอร์ไซค์ก็หยุด
ลมก็หยุดตามไปด้วย
แล้วก็ได้ยินเซี่ยซินหยู่พูดพล่าม ๆ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
"เอ๊ะ! นายหยุดเพื่อฟังแค่นี้เนี่ยนะ?" เซี่ยซินหยู่ไม่คิดว่าเฉินหยวนจะเป็นคนจริงจังขนาดนี้ ไม่รู้จักเล่นมุกเลย
"ไฟแดง"
เฉินหยวนชี้ไปที่ไฟแดงหน้าทางม้าลายที่ขึ้นเลขหกสิบวินาที แล้วถามว่า "สรุปแล้ว ขอพรอะไรเหรอ?"
"บอกไม่ได้หรอก บอกไปพรวันเกิดจะไม่เป็นจริง" เซี่ยซินหยู่ไม่ได้ตั้งใจจะบอกตั้งแต่แรก เลยพูดอย่างมั่นใจ
งั้นก็ไม่มีทางเลือก ฉันคงต้องใช้พลังฟังเองแล้วล่ะ
"แต่พรที่ขอต่อเทพเจ้าแห่งเค้กพรุ่งนี้ ฉันบอกนายได้นะ"
"งั้นก็ได้"
ขอพรวันเกิดหลาย ๆ ครั้งก็ไม่เป็นไร ไม่ได้โลภมาก เทพเจ้ามังกรของดาวนาเม็กยังขอได้ตั้งสามข้อ
เทพเจ้ากับฉันใจตรงกัน ฉันกับเทพเจ้าเล่นเกมกัน!
แต่ครั้งนี้ ฉันก็ยังอยากจะฟังความปรารถนาของเธออยู่ดี
(ความปรารถนาในวันเกิดเหรอ... ตามที่เขาว่า ครั้งนี้ขาดทุนแน่)
(เพราะสิ่งที่ฉันขอคือ...)
(วันเกิดปีหน้า ขอให้ได้มาขอพรที่นี่อีก)
"..."
เด็กโง่เอ๊ย แบบนี้ขาดทุนแน่ ๆ
เกิดจากความกังวลแบบไหนกันนะ ถึงได้คิดว่าวันเกิดปีหน้า ฉันจะไม่พาเธอมาฉลองอีก?
ความรู้สึกไม่มั่นคงไร้เหตุผลชะมัด
เอาล่ะ ฉันจะรับปาก แล้วทำให้ความปรารถนานี้ของเธอเป็นจริงเอง
เพราะงั้น ท่านเทพแห่งวันเกิด ผมขอถอนคำอธิษฐานของเซี่ยซินหยู่กลับคืน พรุ่งนี้ท่านค่อยใช้พลังทั้งหมดที่มี ช่วยให้ความปรารถนาของเธอเป็นจริงก็แล้วกัน
ท่านเทพช่วยใส่ใจหน่อยนะ ผมรู้ว่าเรื่องแค่นี้ไม่ยากเกินไปสำหรับท่านหรอก
"ไฟแดงนานจัง ทำไมยังเหลือตั้งสามสิบวินาที..."
เซี่ยซินหยู่รอจนเริ่มหมดความอดทน ทันใดนั้นเธอก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงหยิบมือถือออกมา เปิดกล้องหน้าแล้วยื่นให้เฉินหยวน "ไหน ๆ ก็วันเกิดแล้ว ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันเถอะ"
"ได้สิ" เฉินหยวนรับมือถือมา หันกล้องเข้าหาตัวเองกับเธอ เซี่ยซินหยู่อยู่ด้านหลังทำท่าเยี่ยมนิ้วให้เห็นสร้อยข้อมือ แต่ตอนที่กำลังจะกดชัตเตอร์ เขาก็ลังเลขึ้นมา "แบบนี้มันไม่เน้นตัวเอกเลยนี่นา"
"ก็ถ่ายติดฉันด้วยไม่ใช่เหรอ?"
"ก็ถ่ายติดแหละ แต่ว่า..."
"ไม่เป็นไร นายตั้งเวลาถ่ายสิ สามวินาที" เซี่ยซินหยู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด
"โอเค"
เฉินหยวนทำตามที่เซี่ยซินหยู่บอก เขาพยายามขยับไปด้านหลังให้มากที่สุด เพื่อให้เธออยู่ในเฟรมทั้งหมด จากนั้นก็กดตั้งเวลาถ่ายรูป
3... 2... 1...
ตอนที่มือถือกำลังจะกดชัตเตอร์ เซี่ยซินหยู่ก็เอาคางมาเกยไหล่เฉินหยวน
ถ่ายรูปเสร็จ ทั้งสองคนก็ยังคงอยู่ในท่าเดิม
จนกระทั่งเซี่ยซินหยู่ที่ยังคงเอาคางเกยไหล่เขาอยู่ กระซิบข้างหูเขาว่า "ไฟเขียวแล้ว"
"...อืม ถ่ายเสร็จแล้ว"
เฉินหยวนยื่นมือถือคืนให้เธอ
เธอก็กลับไปนั่งที่เดิม
นั่งตัวตรง บิดแฮนด์จักรยาน เฉินหยวนพาเซี่ยซินหยู่ข้ามทางม้าลายที่ไร้ผู้คน แม้ไฟจะเขียวแล้วก็ยังคงเงียบเหงาเช่นเดิม...
เซี่ยซินหยู่เห็นว่าในรูปถ่าย ใบหน้าของทั้งสองคนเกือบจะชิดกัน อยู่ตรงกลางเฟรม ดูไม่ออกเลยว่าใครเป็นตัวเอก
หรือบางที... ทั้งสองคนก็เป็นตัวเอก
รูปนี้ถ่ายออกมาได้ดีมาก เพราะในวินาทีต่อมา เฉินหยวนก็เปลี่ยนจากสงบนิ่งเป็นเหม่อลอย กล้องจับภาพช่วงเวลาที่เขาดูหล่อเหลาเอาไว้ได้พอดี ส่วนเซี่ยซินหยู่ เพราะตอนทำท่านี้เธอยังเกร็ง ๆ แถมยังต้องเอามือพาดไหล่เขาเพื่อโชว์สร้อยข้อมือ...
พูดตามตรง เซี่ยซินหยู่แค่ต้องการทำตัวน่ารัก
แต่ในตอนนั้น เธอกลับยิ้มไม่ออก
ได้แต่...เอาคางไปเกยไหล่เขาแบบนั้น
จริง ๆ แล้ว...
ในวินาทีนั้น เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่
“ถ้ามีฉันอยู่ในรูปด้วย ก็ส่งรูปมาให้ฉันด้วยล่ะ”
เฉินหยวนที่กำลังขี่จักรยานอยู่พูดขึ้นหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง
หลังจากที่เซี่ยซินหยู่ใส่รูปนี้ลงในอัลบั้ม 'O' แล้ว เธอก็ตอบกลับไปว่า "อืม ได้สิ"
………
ในครั้งนี้ เขาได้รู้แล้วว่าตัวเองในรูปถ่ายคู่เป็นยังไง
จากนั้น เฉินหยวนก็เอารูปนี้ไปใส่ไว้ในอัลบั้มรูปคู่กับรูปที่เซี่ยซินหยู่กำลังเล่นน้ำอยู่ริมประภาคารก่อนหน้านี้
นายคิดว่ามีแค่นายเหรอที่เป็นแฟนคลับ 'หยวนซิน' น่ะ?
คิดว่าพวกเรา 'ซินหยวน' ไม่มีตัวตนงั้นสิ?
แต่ว่ารูปนี้……
เฉินหยวนที่นอนอยู่บนเตียงมองเซี่ยซินหยู่ในรูปที่เอาคางมาเกยไหล่ตัวเอง มองยังไงก็รู้สึกแปลก ๆ ……
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็รู้สึกเขินอายกันนิดหน่อย แต่รูปนี้ไม่ได้ให้ความรู้สึกไม่ชัดเจนเลย
กลับให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากกว่า
เซี่ยซินหยู่ดูเงียบ ๆ ก็เลยวางน้ำหนักตัวลงบนตัวเขาอย่างเป็นธรรมชาติ
ถ้าเป็นเธอเมื่อก่อน……
เธอจะพึ่งพาฉันแบบนี้ไหมนะ?
บางที ฉันอาจจะเจอเธอที่น่ารักคนเดิมแล้วก็ได้
เซี่ยซินหยู่: นอนเร็ว ๆ เข้าสิ ตีสองแล้วนะ!
ทันใดนั้น เซี่ยซินหยู่ก็ส่งข้อความมาบอกให้เขานอน เหมือนกับรู้ว่าเขายังแอบเล่นมือถืออยู่
เขารู้สึกตกใจ เหมือนโดนตรวจห้อง
แต่พอคิดอีกที……
ไม่สิ เธอก็ยังไม่นอนเหมือนกันนี่นา?
เฉินหยวน: ฉันนอนแล้ว เธอก็นอนเร็ว ๆ เข้า เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงแล้ว [อิโมจิกลืนเงิน]
แอบใช้อิโมจิของเซี่ยซินหยู่หน่อยละกัน
เซี่ยซินหยู่: ฝันดีนะ หวังว่าพรุ่งนี้เราจะตื่นกันไหว
เฉินหยวนวางโทรศัพท์ไว้ข้างหมอนแล้วก็นอน
ล้อเล่นน่า ตามกฎของการนอนดึก ยิ่งนอนดึกเท่าไหร่ ตอนเช้าก็จะยิ่งมีแรงมากขึ้นเท่านั้น
อย่างน้อยก่อนถึงคาบเรียนของเสวี่ยลี่หลิว เขาก็ยังไหวอยู่……
……
"ไม่ไหว…เลย"
เฉินหยวนที่นอนไปได้แค่ประมาณสามชั่วโมงห้าสิบนาที ตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นก็เหมือนกับศพเดินได้ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะง่วงขนาดนี้
คิดผิดแล้ว กฎนั้นใช้ได้กับการอดนอนทั้งคืนเท่านั้น
ถ้าไม่ได้นอนทั้งคืน การนอนไม่ถึงหกชั่วโมงนี่ฆ่ากันให้ตายเลย
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแบบไม่มีแรง เฉินหยวนก็สะพายกระเป๋า ตอนนั้นเองเซี่ยซินหยู่ก็มาเคาะประตูห้องเขา พอเปิดประตูออกก็เห็นเซี่ยซินหยู่ที่ง่วงจนตาแทบปิดเหมือนกัน เธอพูดด้วยเสียงอ่อนแรงว่า "อรุณสวัสดิ์……"
"อรุณสวัสดิ์"
"ไปกันเถอะ"
"อืม"
ทั้งสองคนไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน แค่ง่วงล้วน ๆ
ดังนั้น พวกเขาจึงแทบไม่ได้คุยกันเลย ทั้งคู่ลากสังขารที่เหนื่อยล้าเดินไปที่ป้ายรถเมล์อย่างช้า ๆ
"ไปกินข้าวที่โรงเรียนกันเถอะ" เฉินหยวนเอ่ยปากชวน
เซี่ยซินหยูพยักหน้าตอบรับอย่างงัวเงีย "อืม"
ว่าแล้วทั้งสองก็ขึ้นรถบัสไปนั่งประจำที่นั่งคู่ แถวรองสุดท้าย โดยที่ยังไม่ได้กินมื้อเช้า
ถึงแม้จะดูอ่อนเพลีย แต่สติของทั้งคู่ก็ยังแจ่มใสดี
เมื่อสังเกตเห็นสร้อยข้อมือเปลือกหอยที่ข้อมือของอีกฝ่าย เฉินหยวนก็เอ่ยถาม "เขาไม่ให้ใส่เครื่องประดับไม่ใช่เหรอ? เธอไม่กลัวโดนยึดหรอ?"
"ไม่หรอก ถึงโดนยึด ฉันก็ไปเอาคืนจากน้าได้..."
เซี่ยซินหยูตอบกลับอย่างมั่นอกมั่นใจ ทั้งที่ยังง่วงอยู่
"เธอนอนเถอะ ถึงป้ายเดี๋ยวฉันปลุก"
เฉินหยวนคิดว่าเซี่ยซินหยู่คงจะตื่นเต้นกับงานวันเกิดเมื่อคืนมากกว่าเขา จนเข้านอนดึกกว่า เขาจึงอาสาเป็นฝ่ายปลุกให้
"ไม่เป็นไร ฉันไม่ง่วง..."
"เธอนอนเถอะ พอฉันตื่นแล้วจะหลับต่อยาก"
"อืม งั้นก็ได้"
เมื่อเฉินหยวนพูดแบบนั้น เซี่ยซินหยู่ก็หลับตาลงซบไหล่เขาอย่างเป็นธรรมชาติ
ลมหายใจอุ่น ๆ รดต้นคอเขาแผ่วเบา ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
(นี่เธอเพิ่งบอกว่าไม่ง่วงไม่ใช่เหรอ? )
(ช่างเถอะ งั้นฉันก็หลับตาพักสายตาสักหน่อยแล้วกัน ยังไงก็อีกตั้งสิบกว่าป้าย)
เฉินหยวนหลับตาลง ตั้งใจจะพักสายตา ไม่ได้คิดจะนอน...
"ถึงถนนเซวี่ยฝู่แล้ว ผู้โดยสารที่จะลงรถโปรดเตรียมตัว ป้ายถัดไปคือ ถนนเจียงหนิง"
โจวฟู่ขึ้นรถแล้วมองหาที่นั่งว่าง ที่เหล่านักเรียนโรงเรียนหมายเลข 4 เพิ่งลงไป
แต่แล้วเธอก็พบว่า ยังมีนักเรียนโรงเรียนหมายเลข 4 อีกคนที่ยังไม่ลงรถ
เดี๋ยวก่อน นั่นเฉินหยวนนี่!
ทั้งสองคนพิงกัน หลับสนิท ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย...