บทที่ 92 โรงแรมรุ่ยลี่ ติดตามผล 1
บทที่ 92 โรงแรมรุ่ยลี่ ติดตามผล 1
【เหตุการณ์ลี้ลับเกิดขึ้นที่โรงแรมรุ่ยลี่สาขาหลัก!】
หัวข้อนี้จุดกระแสบนโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว เหตุการณ์รถไฟใต้ดินตกรางที่เมืองถังเพิ่งจางหายจากกระแสได้ไม่นาน ก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา
แท้จริงแล้ว เรื่องนี้ก็ดูแปลกอยู่ไม่น้อย มีญาติของผู้ที่เข้าพักหลายคนที่ไม่สามารถติดต่อกับคนในครอบครัวได้ จึงแจ้งความเพื่อตามหา เมื่อสืบไปถึงจุดสุดท้ายที่พักอยู่ที่โรงแรมรุ่ยลี่ ญาติๆ จึงขอเข้าไปตรวจสอบที่โรงแรม
แต่ก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงสาขาหลัก กลับพบว่าไม่มีโรงแรมรุ่ยลี่อยู่ที่นั่น
โรงแรมขนาดใหญ่ที่ทุกคนจำได้ ก็หาไม่เจอเลย เมื่อตรวจสอบร้านค้าในย่านที่คุ้นตากลับไม่เจอร้านไหนที่ผิดปกติ แต่โรงแรมนี้ก็เหมือนหายไป
เรื่องนี้เงียบไปได้สักพัก กระทั่งกลางดึกของวันที่ 15 โรงแรมนี้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง คนที่เดินเล่นอยู่ในย่านนั้นก็ได้เห็น
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือ มีศพชายหญิงสองร่างนอนอยู่ที่ชั้นหนึ่งของโรงแรม คนที่เดินผ่านไปมาใกล้ๆ ต่างพากันผงะเพราะก่อนหน้านั้นเดินเข้าออกไปมาก็ยังไม่เห็น จู่ๆ หันไปอีกทีก็พบศพ
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าระวังอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมรีบควบคุมสถานการณ์ ไล่ผู้คนออกไป แต่ก็มีหลายคนที่ถ่ายภาพเหตุการณ์ไว้และนำไปเผยแพร่บนโลกออนไลน์
เหตุการณ์นี้ทำให้สื่อออนไลน์แทบล่มในคืนวันที่ 15 จากการถกเถียงที่ทวีความร้อนแรงขึ้น
...
เจ้าหน้าที่ตำรวจพาเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านเหตุการณ์ลี้ลับ นำโดยหัวหน้าถาน เข้ามาตรวจสอบ
บริเวณชั้นหนึ่งของโรงแรมที่ไม่มีคนอยู่ แต่ที่มุมห้องยังมีขวานดับเพลิงที่มีร่องรอยแตกบิ่นวางอยู่ พวกเขาใจหายใจคว่ำ กังวลว่าจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น
เมื่อไปถึงชั้นสอง ทุกคนก็ได้กลิ่นคาวและกลิ่นเน่าแรงขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาค่อยๆ ตรวจสอบห้องทีละห้อง จนกระทั่งเจอแหล่งกำเนิดของกลิ่นเหม็น
ในแต่ละห้องมีศพสองร่างที่นอนอยู่ ศพถูกทิ้งไว้หลายวัน คอของศพถูกตัดจนเกือบขาด พอปล่อยทิ้งไว้นานเข้า หัวและตัวก็หลุดลงไปกองกับพื้น รอบๆ เต็มไปด้วยเศษชิ้นเนื้อที่กระจัดกระจาย
แม้แต่ตำรวจที่จิตใจแข็งแกร่งก็ต้องยกมือปิดจมูก
เจ้าหน้าที่นิติเวชรีบเข้ามาตรวจสอบบาดแผลของศพ “ดูไม่เหมือนถูกอาวุธแหลมคมทำร้าย แต่คล้ายกับถูกสัตว์ป่าจู่โจมมากกว่า”
“อาจจะเป็นการใช้เครื่องมือพิเศษสร้างรอยแผลให้เหมือนกันหรือเปล่า?”
“ต้องนำกลับไปตรวจสอบอย่างละเอียด ตอนนี้ขอเก็บศพไปก่อน”
หัวหน้าถานเข้ามา เมื่อเห็นสภาพศพก็คิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ไม่ใช่ฝีมือมนุษย์
ทั้งสองห้องมีศพสองร่าง แต่ต้องสืบสวนอีกครั้งเพื่อยืนยันตัวตน อย่างไรก็ตาม จากสภาพศพทั้งสี่ สามารถคาดเดาเบื้องต้นได้ว่าเป็นการสังหารโดยมีจุดประสงค์ชัดเจน
ส่วนศพสองร่างที่พบหน้าประตูยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน
โชคดีที่ในชั้น 4 ถึง 8 ไม่มีศพเพิ่มเติม กระทั่งไปถึงชั้น 9 ขณะสำรวจห้องก็พบว่าห้องหนึ่งมีประตูเปิดทิ้งไว้ แต่ข้างในไม่มีอะไร นอกจากร่องรอยของคนที่เคยเข้ามาและทิ้งห้องไว้โดยไม่เก็บกวาด
เมื่อหัวหน้าถานเข้ามา ก็เห็นเก้าอี้หกตัวตั้งเรียงอยู่ คนที่อยู่ในห้องนี้ก่อนหน้านี้เพียงแค่ขยับเก้าอี้ออกเล็กน้อยก่อนจะจากไป
“ดูท่าว่าครั้งนี้น่าจะมีหกคน…”
เจ้าหน้าที่ที่สวมชุดดำได้ยินที่หัวหน้าพูด ก็จดบันทึกไว้ในแฟ้มว่าอาจมีบุคคลลึกลับหกคน
เสียงเคลื่อนไหวที่ชั้น 9 ทำให้ผู้พักอาศัยในชั้น 10 และ 11 ตื่นตระหนก พวกเขาจับกลุ่มเดินลงมาด้านล่างอย่างระมัดระวัง และบังเอิญพบกับตำรวจที่กำลังเดินขึ้นไป
“อย่าขยับ!”
“ยกมือขึ้น!”
เจ้าหน้าที่ตำรวจพบกลุ่มคนที่อยู่ภายในทันใด จึงเตือนพวกเขาไม่ให้ขยับตัว
เหล่าผู้เข้าพักต่างไม่มีท่าทีจะโกรธเคือง แต่กลับรู้สึกโล่งใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมา ช่วงเวลาหวาดกลัวที่ยาวนานเหล่านั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
“พวกคุณมาเสียที พวกเรานึกว่าเราคงต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไปเสียแล้ว”
“พี่ตำรวจ ช่วยพาพวกเรากลับไปที่โรงพักที เราไม่อยากอยู่ที่โรงแรมนี้แล้ว”
มีหลายคนพูดในทำนองนี้ เจ้าหน้าที่จึงเข้าใจได้ทันทีว่าคนเหล่านี้คือผู้ที่หายตัวไปในโรงแรม
ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่บางคนก็เข้ามาปลอบใจผู้เข้าพัก พร้อมทั้งพบพนักงานโรงแรมซึ่งไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เย็นวันที่ 15 อีกทั้งพวกเขาได้ยินเสียงแปลกๆ จากชั้นบนจนไม่กล้าหลับนอน
เจ้าหน้าที่ตำรวจเฉพาะทางได้มาตรวจสอบยืนยันตัวตนของคนเหล่านี้ จากนั้นจึงเดินหน้าขึ้นไปยังชั้นบนซึ่งเป็นจุดที่น่าสงสัยที่สุด
เมื่อเปิดประตูกระจกโดยใช้บัตรของพนักงาน ก็ได้กลิ่นคาวเลือดโชยออกมา แม้จะไม่แรงเท่ากลิ่นที่ชั้นสอง
ที่หน้าประตูห้องทำงานของเจ้าของโรงแรม พบมีดสองเล่มและยันต์แผ่นหนึ่ง พวกเขาเก็บมีดและยันต์ไว้เป็นหลักฐานแล้วจึงเริ่มตรวจสอบห้องทีละห้อง
เมื่อไปถึงห้องที่อยู่ทางขวาสุด ก็พบศพของสามีภรรยาคู่หนึ่ง เป็นเจ้าของโรงแรมและภรรยาเจ้าของโรงแรม
พนักงานชั้นล่างเคยเล่าว่า หลังจากที่ประชุมเสร็จ เจ้าของโรงแรมและภรรยาได้พบว่าพวกเขาออกจากโรงแรมไม่ได้
...
เมื่อเปรียบเทียบกับศพที่พบในชั้นสอง ดูเหมือนว่าสามีภรรยาคู่นี้จะเป็นที่โกรธแค้นของผู้ก่อเหตุอย่างยิ่ง
ดูจากสภาพศพที่มีเพียงศีรษะที่ยังสมบูรณ์ ร่างกายส่วนอื่นกลับถูกฉีกจนขาดกระจัดกระจาย เลือดและเศษเนื้อติดไปทั่วห้อง
หัวหน้าถานและทีมงานยังพบกระเป๋าของเกรลี่ ภรรยาเจ้าของโรงแรม ข้างในมีแฟลชไดร์ฟหนึ่งอัน
หัวหน้าถานสวมถุงมือ หยิบแฟลชไดร์ฟออกมา ในขณะที่สิ่งของอื่นในกระเป๋าเป็นพวกเครื่องสำอางที่เปื้อนเลือดและเศษเนื้อ แต่แฟลชไดร์ฟกลับวางอยู่ในที่โดดเด่นและสะอาดสะอ้าน
“หัวหน้าถานครับ นี่เป็นหลักฐาน…” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพยายามจะห้าม แต่หัวหน้าทีมที่มาด้วยกับเขากับดึงรั้งไว้ “เบื้องบนสั่งให้ร่วมมือกับการดำเนินการทุกอย่าง เก็บหลักฐานอื่นๆ ให้ครบ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ทำตามคำสั่งอย่างไม่ขัดขืน
นักวิเคราะห์ข้อมูลที่ถือคอมพิวเตอร์อยู่ได้เริ่มตรวจสอบประวัติของเจิ้งโหยวเหลียงและเกรลี่
“ค่อนข้างน่าสนใจ สองคนนี้มีปัญหาบางอย่าง”
หัวหน้าถานจ้องมองแฟลชไดร์ฟในมือก่อนจะถามว่า “ปัญหาอะไร?”
“จากข้อมูล พบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งฆ่าตัวตายโดยการกระโดดจากดาดฟ้าเมื่อสี่ปีก่อน คาดว่าเธอตายวันที่ 17 หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าเธอมีความเกี่ยวข้องกับเจิ้งโหยวเหลียง เธอมีแฟนหนุ่มที่คบทางไกล เพื่อนสนิทหรือญาติแทบไม่เคยพบหน้า แต่เธอกลับมีของแบรนด์เนมมากมาย ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า แถมเงินก้อนโตอีกด้วย ทั้งหมดมาจากบัญชีชื่อหลู่กุ้ย ซึ่งเป็นญาติห่างๆ ของเจิ้งโหยวเหลียง และมีการโอนเงินระหว่างกัน จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของห้างร้าน พบว่าเจิ้งโหยวเหลียงมักไปกับหญิงสาวคนนี้ จึงถูกเปิดคดีสืบสวนในฐานะคดีฆาตกรรม”
หัวหน้าถานเดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่มที่ถือคอมพิวเตอร์ "แล้วไงต่อ?"
คาดว่าภายหลังคงไม่มีหลักฐานเพียงพอ ไม่เช่นนั้นคงไม่เกิดเรื่องขึ้นในวันนี้
ชายหนุ่มเล่าต่อ “จากข้อมูล พบว่าหญิงสาวรายนี้มีอาการซึมเศร้า อีกทั้งเจิ้งโหยวเหลียงยอมรับว่าเมื่อเธอรู้ว่าเขามีครอบครัวก็พยายามตามราวีหวังให้เขาหย่า เจิ้งโหยวเหลียงปฏิเสธ จากนั้นไม่นานก็ได้ข่าวว่าเธอฆ่าตัวตายที่ดาดฟ้าของโรงแรมเขาเอง”
หัวหน้าถานแค่นหัวเราะ
“เรื่องยังไม่จบ มีการตรวจพบว่าหญิงสาวรายนี้มีแนวโน้มทำร้ายตัวเอง และพบเพียงลายนิ้วมือของเธอเองบนมีด จากการจำลองความสูงและแรงกด พบว่าเธอเป็นคนทำร้ายตัวเอง แต่ก็มีรอยบาดแผลบางอย่างที่ยังไม่มีการยืนยัน”
พวกเขาสรุปได้ว่า เจิ้งโหยวเหลียงต้องใช้วิธีบางอย่างแน่นอน มิฉะนั้นผีตนนั้นคงไม่ตามหลอกหลอนคู่สามีภรรยานี้อย่างไม่ลดละ
..........