บทที่ 9 ไม่กล้านอน
เด็กน้อยยืนอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนแล้ว? คงเห็นเธอคุยโทรศัพท์ ก็เลยไม่
กล้ารบกวน ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
“มานี่เร็ว!” หลินเจ้าเซี่ยเรียกเขาอย่างเอ็นดู
ผมของเขาเปียกจนหยดลงมาบนเสื้อแล้ว
หลินเจ้าเซี่ยดึงเขามานั่งบนโซฟา หยิบผ้าขนหนูมาซับผมให้ ก่อนจะใช้ไดร์เป่าผมจนแห้ง
ชางจื้อที่สวมเสื้อของเธอ เดิมทีดูเก้ ๆ กัง ๆ แต่เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้หัวเราะเยาะ แถมยังช่วยซับผมและเป่าผมให้ เขาก็ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
สัมผัสมืออันอ่อนโยนที่ลูบไล้อยู่บนหัว ทำให้เขาหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย
หลินเจ้าเซี่ยอดสงสารเด็กคนนี้ไม่ได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะดูแลเขาอย่างไร
ตอนแรกเธออยากจะเล่าเรื่องนี้ให้จางเหลียนชิวเพื่อนสนิทฟัง แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี ไหนจะเรื่องงานของเธออีก…
ช่วงนี้วงการบันเทิงซบเซามาหลายปี บริษัทของเธอก็ทนไม่ไหวในที่สุด นักเขียนบทหน้าใหม่อย่างเธอจะไปหางานใหม่จากที่ไหนล่ะ? ตอนนี้แค่เลี้ยงตัวเองก็ยังยากแล้ว!
ทันใดนั้นชางจื้อสะดุ้งเมื่อเธอเป่าผมแรงไป แต่ยังไม่ร้องออกมา
ท่าทีของเขาทำให้หลินเจ้าเซี่ยรู้ตัวว่าเธอแรงไป จึงลดน้ำหนักมือและพูดอย่างเอ็นดู “เจ็บก็ไม่บอกนะเรา” เด็กคนนี้ทั้งระวังตัวจนชวนให้สงสารจริง ๆ
เธอมองผมยาวประบ่าของเขาแล้วก็หนักใจ
ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงจะไม่ว่าเลย แต่เด็กผู้ชายผมยาวขนาดนี้ ถ้าพาออกไปข้างนอกคงมีคนมองกันจนเหลียวหลังหรือไม่ก็ต้องให้เขาดูเป็นเด็กผู้หญิงไปเลย?
“พรุ่งนี้เราไปตัดผมกันดีไหม?”
ชางจื้อได้ยินแล้วก็รีบยกมือปิดศีรษะตัวเองทันที มองเธอด้วยท่าทางไม่เห็นด้วยสุด ๆ
เขารู้แล้วว่าที่นี่มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่ไว้ผมยาว ไม่เหมือนที่บ้านของเขา แต่เขาก็ยังต้องกลับบ้านสักวัน
“ชางจื้อไม่ตัดผม!” เขาพูดอย่างดื้อดึง
หลินเจ้าเซี่ยก้มมองดูเด็กชายที่ทำหน้าตาราวกับถ้าตัดผมก็จะหนีออกจากบ้านได้เลย เธอจึงยอมอ่อนข้อ “โอเค ๆ ไม่ตัดก็ได้”
ไม่แน่นะ อยู่ ๆ วันหนึ่งเขาอาจจะกลับไปได้จริง ๆ จะคิดให้วุ่นวายทำไม
“งั้นพรุ่งนี้พี่จะพาไปซื้อเสื้อผ้าและรองเท้าใหม่”
ชางจื้อพยักหน้า “งั้นถ้าข้าได้เจอท่านตาท่านยายแล้ว ข้าจะบอกพวกเขาให้จ่ายเงินคืนพี่ด้วยนะ”
เด็กชายแอบมองเธออย่างระมัดระวัง หน้าตาดูเหมือนไม่อยากติดหนี้บุญคุณ แต่ก็กลัวว่าถ้าตัวเองขอมากไปจะถูกเธอไล่ออกไปจากที่นี่
หลินเจ้าเซี่ยแอบถอนหายใจ “ได้ ๆ งั้นก็ต้องจำไว้นะ ว่าวันหนึ่งต้องคืนเงินให้พี่ด้วยล่ะ”
“อื้ม ๆ ชางจื้อจำแม่นมาก” เด็กชายเงยหน้าตรงขึ้น ราวกับโล่งใจแล้วเอนตัวพิง เธอพร้อมหลับตาลงให้เธอเป่าผมต่อ
เจ้าสิ่งที่เรียกว่า “ไดร์เป่าผม” นี่มันดีจริง ๆ! ถ้าที่บ้านเขามีบ้างก็คงจะดี เขาจะได้ซื้อให้ยายกับป้าทุกคนใช้กัน จะได้ไม่ต้องแอบรอจนคนหลับหมดแล้วค่อยออกไปตากผมข้างนอกอีกแล้ว
ชางจื้อจะต้องหาเงินให้ได้ แล้วซื้อไดร์เป่าผมให้ทุกคนที่บ้านใช้เลย
ถึงตอนกลางคืน หลินเจ้าเซี่ยก็พาชางจื้อไปนอนที่ห้องนอนเล็ก ส่วนตัวเองเข้าห้องนอนใหญ่
เธอนอนบนเตียง เปิดแอปพลิเคชันสั่งของออนไลน์อยู่ครู่หนึ่ง คิดถึงของที่ต้องซื้อ…
พรุ่งนี้จะพาชางจื้อออกไปข้างนอก จำเป็นต้องมีเสื้อผ้ากับรองเท้าสำรองไว้สักชุด จึงสั่งซื้อออนไลน์ไว้ล่วงหน้าอีกชุดหนึ่ง เดี๋ยวค่อยพาเขาไปตัดเสื้อผ้าใส่ข้างนอกอีกที
ตอนนี้บ้านมีเด็กมาอยู่ด้วย ก็ต้องมีของใช้และของกินเพิ่มขึ้น ตอนเธออยู่คนเดียวจะกินจะอยู่
แบบง่าย ๆ ยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้มีเด็กอยู่ด้วย จะให้ลวก ๆ แบบเดิมไม่ได้แล้ว
ทำเป็นเรียกอาหารสำเร็จทุกมื้อคงไม่ไหวแน่
เธอเริ่มค้นหาของจำเป็นในแอปพลิเคชัน แล้วกดใส่ตะกร้าไปเรื่อย ๆ…จนถึงเวลาชำระเงินก็รู้สึกปวดใจอย่างหนัก
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เงินเก็บของเธอคงอยู่ได้อีกไม่นานแน่ ๆ
โอ้ย เจ้าโชคชะตาเอ๋ย!
เลี้ยงเด็กนี่มันเปลืองเงินขนาดนี้เลยหรือ? เอาเขากลับไปได้ไหม?
หลินเจ้าเซี่ยคร่ำครวญอยู่ในห้อง จนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างจากข้างนอก…
เธอเปิดประตูออกไปดู เห็นไฟห้องนั่งเล่นเปิดอยู่ และชางจื้อกำลังถือหมอนของเขายืนอยู่ตรงสวิตช์ไฟ
พอเห็นเธอเปิดประตูออกมา เด็กชายก็หันหน้าลงทันที เขาคงไม่อยากรบกวนเธอ พยายามออกมาอย่างเงียบ ๆ
มาทำอะไรที่ห้องนั่งเล่นกลางดึก?
หลินเจ้าเซี่ยมองเขาทีหนึ่ง แล้วมองไปที่โทรทัศน์ในห้องนั่งเล่น “อยากดูการ์ตูนใช่ไหม?” เธอขมวดคิ้ว
ดูเหมือนจะไม่เชื่อฟังแล้วนะ ตอนนี้ควรเป็นเวลานอนแล้ว
เด็กชายกอดหมอนแน่น ใบหน้าอยู่บนนั้น ไม่กล้ามองเธอ ราวกับรู้สึกน้อยใจ
หลินเจ้าเซี่ยรู้สึกปวดหัว
เด็กคนนี้ดูจะอ่อนไหวอยู่ไม่น้อย หลินเจ้าเซี่ยเลยไม่กล้าดุ กลัวว่าถ้าเธอดุจนเขาร้องไห้แล้วจะคิดถึงบ้านจนงอแงอีก พอไม่งอแงแต่เงียบใส่ก็ยิ่งปวดหัวไปใหญ่
“ตอนนี้เป็นเวลานอนนะ การ์ตูนเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยดูดีไหม?” หลินเจ้าเซี่ยพยายามพูดเสียงเบาที่สุดเพื่อกล่อมเขา
ไม่ทันไร เด็กชายกลับปล่อยน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย
สมองของหลินเจ้าเซี่ยตื้อไปชั่วขณะ “โอเค ๆ ดู ดูก็ได้!”
เธอเห็นเขาร้องไห้ก็ลนลาน คว้ารีโมททีวีมา แต่เด็กน้อยกลับหันหลังเดินกลับห้องของตัวเองไปซะแล้ว!
เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย? งอนหรือไง?
หลินเจ้าเซี่ยมองเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก เธอไม่รู้วิธีปลอบเด็กเลย เด็กคนนี้ทำตัวเรียบร้อยดีแท้ ๆ แล้วทำไมถึงแอบออกมาตอนกลางดึกหลังจากที่เธออยู่ในห้องมาตั้งนานแล้ว ออกมาดูทีวีเหรอ?
ไม่น่าจะใช่นะ?
หลินเจ้าเซี่ยมองประตูห้องของเขาอย่างครุ่นคิด แล้วทันใดก็เหมือนรู้แจ้ง!
เธอรีบเดินไปเปิดประตูห้องเด็ก
เด็กชายห่อเหี่ยวอยู่บนเตียง ผ้าห่มก็ไม่ได้ดึงขึ้นมาคลุมตัว ร่างเล็ก ๆ ของ
เขาขดอยู่บนเตียงกว้าง ดูเหงาหงอยเสียจนใจเธอกระตุกอย่างแรง
เธอนั่งลงข้างเตียง แล้วคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะพูดยังไงดี “ชางจื้อ เธอ…กลัวนอนคนเดียวหรือเปล่า?”
เด็กชายไม่ตอบ ฝังหน้าลงกับหมอน
หลินเจ้าเซี่ยอยากจะตบหัวตัวเองแรง ๆ เสียจริง!
ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกโล่งใจ “เอาจริง ๆ นะ ตอนเด็ก ๆ พี่เองก็ไม่กล้านอนคนเดียวเหมือนกัน ที่นี่ก็เป็นบ้านใหม่ พี่เองก็เพิ่งย้ายมา ยังกลัวนิด ๆ เลย ชางจื้อช่วยมานอนเป็นเพื่อนพี่ได้ไหม? ให้พี่รู้สึกอุ่นใจขึ้นหน่อย”
เด็กชายไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จนเธอคิดว่าเธอเดาผิดไปแล้ว
เธอนั่งเงียบอยู่นาน เด็กชายก็ยังไม่ตอบอะไรหรือหันมามองเธอสักนิด
หลินเจ้าเซี่ยเลยคิดว่า เอาล่ะ งั้นเอาหมอนของเธอมากอดซะเลย แล้วไปนอนรวมกันบนเตียงของเขาคืนนี้แล้วกัน จะกลัวไม่กลัวก็คงไม่สำคัญ
แต่ไม่ทันที่เธอจะลุกขึ้น เด็กชายก็รีบพลิกตัวมานั่งบนเตียงพร้อมคว้าหมอนมากอดไว้ มองเธอด้วยสายตากลัวว่าเธอจะหนีไปไหน
เอ๋…
“เตียงของพี่ใหญ่กว่า ไปนอนที่นั่นกันไหม?”
เด็กชายก้มหน้าเดินตามเธอไปอย่างว่าง่าย หลินเจ้าเซี่ยอดยิ้มออกมาไม่ได้
ทันทีที่เด็กน้อยขึ้นเตียง เขาก็หลับไปอย่างรวดเร็ว หายใจสม่ำเสมอ หลินเจ้าเซี่ยดึงผ้าห่มให้เขา
และถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก มองใบหน้าที่หลับใหลอย่างน่ารักแล้ว รู้สึกอบอุ่นในใจอย่างประหลาด
จากนั้นเธอก็หยิบมือถือขึ้นมา ทีแรกเธอยังลังเลอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับตัดสินใจสั่งของเพิ่มทันที
เรื่องงาน เธอต้องรีบหาทางออกแล้ว เธอต้องหาเงินเพิ่ม และต้องหาให้มากด้วย!
รุ่งขึ้นหลินเจ้าเซี่ยตื่นขึ้นมาในอาการสะลึมสะลือ เธอหันไปมองเตียง ไม่มีใครอยู่ต่อแล้ว เธอก็จะหลับต่อ แต่ทันใดนั้นเธอก็สะดุ้งลุกขึ้น!
เด็กน้อยไปไหน? กลับไปแล้วหรือเปล่า?
เธอรีบวิ่งออกไปดู…ห้องนอนเล็กไม่มี ห้องนั่งเล่นก็ไม่มี ห้องน้ำไม่มี ห้องครัวก็ไม่มี! เขากลับไปแล้วงั้นเหรอ?
(จบบท)###