บทที่ 6 งานใหม่
บทที่ 6 งานใหม่
บริษัทหลินกรุ๊ปเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ในโซลที่มีหลากหลายอุตสาหกรรม โดยหนึ่งในธุรกิจของพวกเขาคือสวนสาธารณะ ภูเขาซีเฟิง ซึ่งห่างจากโซลไป 20 กิโลเมตร ก็เป็นทรัพย์สินของหลินกรุ๊ปเช่นกัน ตอนนี้ภูเขาซีเฟิงกำลังเปิดรับสมัครผู้ดูแล หน้าที่ของผู้ดูแลคือพักอาศัยอยู่บริเวณใกล้จุดชมวิวบนยอดเขา โดยไม่มีข้อกำหนดการทำงานเฉพาะ นอกจากการเก็บขยะที่กระจัดกระจายสัปดาห์ละครั้งและนำมาทิ้งที่ถังขยะขนาดใหญ่ที่จัดเตรียมไว้ และซ่อมแซมรั้วที่ชำรุดตามจุดชมวิว อีกหนึ่งหน้าที่สำคัญคือเฝ้าระวังไฟป่า หากเกิดเพลิงไหม้ ต้องรีบแจ้งไปยังหน่วยดับเพลิงโดยเร็ว
ตำแหน่งนี้เป็นงานพิเศษที่ต้องทำงาน 24 ชั่วโมงในพื้นที่ภูเขาซีเฟิง ได้รับค่าจ้าง 2.5 เท่าของงานทั่วไป คือเงินเดือน 4 ล้านวอนต่อเดือน มีวันหยุดปีละ 3 เดือน และได้รับสิทธิประโยชน์มาตรฐานของพนักงานหลินกรุ๊ป
คุณสมบัติที่ต้องการคือสามารถขับรถได้ เนื่องจากต้องขับรถเข้าไปในเมืองใกล้เคียงเป็นครั้งคราวเพื่อซื้อเสบียงเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังต้องจัดหาอาหารด้วยตัวเอง โดยมีค่าอาหารรายวันให้ 3,000 วอน
หลิวเซิ่งนั่งหน้ามืด ลบประวัติการสมัครงานที่มีคุณสมบัติดีทิ้งทีละใบ แล้วส่งประวัติของชุยเจี้ยนเข้าสู่ระบบ โดยให้เขาแข่งกับผู้สมัครอีก 15 คนที่เป็นผู้สูงอายุและผู้ที่มีความสามารถจำกัด หลิวเซิ่งไม่กล้าถือวิสาสะลบประวัติการสมัครออกหมด เหลือไว้บ้างเพื่อความดูดี
หลิวเซิ่งบอกให้ชุยเจี้ยนไปได้ “มีอะไรอีกไหม?”
ชุยเจี้ยนถาม “ขอยืมเงินหน่อยได้ไหม?”
หลิวเซิ่ง “เท่าไหร่?”
ชุยเจี้ยน “หนึ่งแสนดอลลาร์”
“….” หลิวเซิ่งกลืนน้ำลาย “ฉันเองก็ไม่ได้รับเงินเดือนมาแปดเดือนแล้ว”
ชุยเจี้ยน “แต่นายก็มีร้านนี่นา?”
‘เซฟเฮ้าส์ไม่ต้องซ่อมแซมอาวุธหรือไง? ฉันขายโทรศัพท์มือสองกับคอมพิวเตอร์มือสองจะหาเงินได้สักเท่าไร? หนึ่งแสนดอลลาร์? นายกล้าพูดได้ไง? ทำไมไม่ไปปล้นเลยล่ะ?’ หลิวเซิ่งคิดอย่างหัวเสีย
เมื่อเห็นสีหน้าของหลิวเซิ่งไม่ค่อยดี ชุยเจี้ยนจึงหัวเราะแหย ๆ และพูดว่า “รู้ไหม ค่าเดินทางที่ฉันมาที่นี่น่ะ ฉันยังต้องขโมยเงินค่าขนมเด็กประถมเลย”
หลิวเซิ่งไม่อยากพูดอะไรอีก เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา แล้วดึงธนบัตรสองใบจากทั้งหมดสี่ใบในนั้นยื่นให้ชุยเจี้ยนด้วยสีหน้าเย็นชา ชุยเจี้ยนรับสองหมื่นวอนอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก พลางบ่นว่า “ก็ไม่ได้ว่าจะไม่คืนให้ พอฉันได้ค่าแรงเมื่อไหร่จะคืนเป็นสองเท่าเลยนะ”
“อีกอย่าง…” หลิวเซิ่งหยุดพูด แล้วบอกว่า “นายไปได้แล้ว”
เมื่อเผชิญกับคำบอกเล่าที่ตรงไปตรงมาว่าให้ออกไป ชุยเจี้ยนก็ลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ หลิวเซิ่งกดปุ่มยกประตูม้วนขึ้น ชุยเจี้ยนเดินออกจากร้าน ก่อนจะยื่นคอกลับเข้ามาและพูดว่า “ยิ้มหน่อย ยิ้มแล้วผู้ชายจะดูหล่อขึ้น”
หลิวเซิ่งรีบกดปุ่มปิดประตูทันที เขามองประตูม้วนจนมันปิดสนิท จากนั้นจึงสูดลมหายใจลึกเพื่อปรับอารมณ์ แล้วนึกได้ว่า ควรกลับเข้าไปลบประวัติของผู้สมัครงานที่อายุต่ำกว่า 55 ปีออกจากระบบ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีคนมาแข่งกับคนที่ทำตัวน่ารำคาญแบบนี้ได้อีก
‘เอาเถอะ เพื่อความปลอดภัย ลบประวัติของคุณป้าวัย 57 ปีคนนั้นออกด้วยละกัน ถึงจะดูเหมือนคุณป้าจะเข้าตากว่าหน่อยก็ตาม’
หลิวเซิ่งพิจารณาอีกครั้ง ก่อนจะเลื่อนลำดับความสำคัญของประวัติชุยเจี้ยนและแก้ไขเวลาและวันที่ในการสมัครงาน เพราะเงินสองหมื่นวอนนั้นคงใช้ได้ไม่นานนัก
ชุยเจี้ยนเดินมาถึงบริเวณใกล้สถานีรถไฟฟ้า โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อเขาดูหน้าจอแล้วก็กดรับสาย “ฮัลโหล สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณชุยเจี้ยนใช่ไหมคะ?”
“ใช่ครับ คุณคือใครครับ?”
“ที่นี่แผนกบุคคลของหลินกรุ๊ปค่ะ ติดต่อเรื่องตำแหน่งผู้ดูแลภูเขาซีเฟิง ไม่ทราบว่าตอนนี้สะดวกพูดคุยไหมคะ?”
“สะดวกครับ”
“คุณสามารถมาถึงแผนกบุคคลของหลินกรุ๊ปเพื่อสัมภาษณ์งานได้ก่อนเวลา 11 โมงเช้าไหมคะ?” เจ้าหน้าที่ใหม่ของแผนกบุคคลคิดอยากลาออกเต็มทน หลังจากพบว่าเขาพลาดอีเมลจากบอสซึ่งระบุให้จัดการสัมภาษณ์ตำแหน่งผู้ดูแลภูเขาซีเฟิงให้เสร็จภายในช่วงเช้านี้และให้ผู้สมัครเริ่มงานได้ในช่วงบ่าย
ผู้จัดการแผนกบุคคลรู้สึกว่าอีเมลนี้ดูแปลก ๆ เล็กน้อย เมื่อได้ตรวจสอบพบว่าเป็นอีเมลจากสำนักงานของประธาน จึงสั่งให้จัดการเรื่องนี้ทันที
ชุยเจี้ยนมองดูเวลาบนโทรศัพท์แล้วตอบว่า “แต่ตอนนี้มันสิบโมงสี่สิบสองนาทีแล้วนะ ดูเหมือนเจ้าเศียรสี่จะทำงานไม่ค่อยได้เรื่อง ทั้งที่เจาะระบบเมลได้แต่กลับแก้เวลาในการสัมภาษณ์ให้หน่อยก็ไม่ได้?”
อีกฝ่ายพูดคุยกับคนข้าง ๆ อย่างแผ่วเบา ก่อนจะกลับมาถามทางโทรศัพท์ว่า “ไม่ทราบว่าคุณสะดวกจะสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ไหมคะ?”
สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์? โทรมาสัมภาษณ์? ชุยเจี้ยนถามว่า “แล้วจะเริ่มเมื่อไหร่?”
“ตอนนี้เลยค่ะ”
“ได้ครับ”
เจ้าหน้าที่แผนกบุคคลเริ่มถามคำถาม “งานก่อนหน้านี้ของคุณคือบริษัทได้อินกรุ๊ปใช่ไหมคะ?”
ชุยเจี้ยน “ใช่ครับ”
หัวหน้าทีมมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะปรบมือส่งสัญญาณให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหยุดพูดพร่ำทำเพลงและจัดการให้ ชุยเจี้ยนไปประจำตำแหน่งก่อน หากไม่เวิร์คค่อยปลดเขาทีหลังก็ยังได้
อีกฝ่ายเริ่มถามคำถาม “คุณทราบข้อกำหนดของตำแหน่งงานนี้ดีไหม?”
ชุยเจี้ยนตอบ “ทราบดีครับ”
หัวหน้าทีมเขียนบางอย่างลงบนกระดาษ เมื่อพนักงานแอบมองดูก็เข้าใจ “คุณชุยเจี้ยน ทางเรารู้สึกพึงพอใจในตัวคุณมาก คุณสามารถเริ่มงานได้ก่อนค่ำวันนี้เลยได้ไหม?”
ชุยเจี้ยนตอบ “ได้ครับ” และในใจเขาคิดว่าไม่แปลกใจเลยที่บริษัทได้อินกรุ๊ปสู้หลินกรุ๊ปไม่ได้ ดูความรวดเร็วของพวกเขาสิ
พนักงานกล่าวต่อ “โปรดไปที่สำนักงานจัดการบนภูเขาซีเฟิงก่อนค่ำ คุณสามารถนั่งรถไฟใต้ดินไปยังชานเมืองฝั่งตะวันตก จากนั้นขึ้นรถบัสที่ออกทุกชั่วโมงไปยังหมู่บ้านเสี่ยวหวาน และเช่ารถมอเตอร์ไซค์เพื่อไปยังสำนักงานจัดการบนภูเขาซีเฟิงได้ โดยเครื่องแบบและบัตรพนักงานของคุณจะจัดส่งให้ในวันพรุ่งนี้” เขาได้แต่ภาวนาให้ชุยเจี้ยนอย่าถามว่าจะทำอย่างไรในค่ำคืนนี้ การส่งใครไปอยู่กลางป่าทันทีให้ใช้ชีวิตคนเดียวในที่ไม่คุ้นเคยทำให้ทั้งพนักงานและหัวหน้ารู้สึกเกรงใจไม่น้อย
ชุยเจี้ยน “ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
พนักงานรู้สึกโล่งใจ “ยินดีต้อนรับสู่หลินกรุ๊ปครับ” อย่างน้อยถ้าชุยเจี้ยนไม่ไปที่ภูเขาซีเฟิง พวกแผนกบุคคลก็สามารถรายงานต่อสำนักงานของประธานได้ว่าจัดการตามคำสั่งแล้ว
หัวหน้าก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจเช่นกัน “ผมชอบคนคนนี้”
พนักงาน “ผมก็ชอบครับ”
ชุยเจี้ยนยังมีเวลาเหลือจึงกลับไปยังห้องเช่าของตน เมื่อมองดูสภาพห้องที่คล้ายรังสุนัข เขาหยิบถุงผ้าใบจากลิ้นชักขึ้นมาเพื่อจัดการเก็บขย
มีกรอบรูปตั้งอยู่บนโต๊ะ ในกรอบรูปนั้นเป็นรูปชุยเจี้ยนถ่ายคู่กับผู้จัดการสาขาในขณะที่เขารับรางวัลในฐานะพนักงานดีเด่น นี่ถือเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของชุยเจี้ยน แต่ตอนนี้เขาไม่ลังเลที่จะโยนมันลงถุงขยะ
หนังสือ รองเท้าหนัง เนคไท ขวดเหล้า ถูกใส่ลงในถุงขยะทีละอย่าง สิ่งเดียวที่ทำให้ชุยเจี้ยนหยุดชั่วครู่คือชุดสูทใหม่เอี่ยมในห่อหุ้มอย่างดี ชุดสูทราคาแพงนี้เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จสูงสุดในชีวิตของเขา แต่เขาก็ไม่เคยได้มีโอกาสสวมมัน หลังจากหยุดคิดราวสิบวินาที เขาก็โยนชุดสูทลงไปในถุงขยะ
เมื่อเดินมาถึงประตู เขามองย้อนกลับไปยังห้องเช่าที่โล่งว่าง ก่อนจะปิดประตูแล้วโทรศัพท์แจ้งผู้ดูแลห้องเช่าว่าขอยกเลิกการเช่า
เขามาถึงหมู่บ้านเสี่ยวหวานในช่วงบ่ายสอง หมู่บ้านมีขนาดเล็กมาก มีเพียงซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กแห่งเดียว ชุยเจี้ยนถามหารถมอเตอร์ไซค์จากซูเปอร์มาร์เก็ต เจ้าของร้านหญิงจึงโทรศัพท์ไปหาคนรู้จัก แล้วเพียงห้านาทีต่อมารถมอเตอร์ไซค์ก็มาจอดที่หน้าร้าน
ในช่วงเวลารอห้านาทีนั้น ชุยเจี้ยนได้พูดคุยและทราบข้อมูลว่า ผู้ดูแลภูเขาซีเฟิงจะมาซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตนี้ทุกสามถึงสี่วัน ผู้ดูแลคนก่อนเป็นชายวัยหกสิบกว่า เขายื่นลาออกเมื่อสิบวันก่อนเนื่องจากอายุมากแล้ว เจ้าของร้านยังอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหมู่บ้านเสี่ยวหวาน ที่เป็นเพียงหมู่บ้านขนาดเล็กไม่มีอะไรพิเศษและมีประชากรอาศัยกระจัดกระจาย