ตอนที่แล้วบทที่ 5 ทิ้งไม่ได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7 หาไม่เจอ

บทที่ 6 กลับไม่ได้แล้ว


หลินเจ้าเซี่ยมองชางจื้อที่เดินตามหลังเธอคอยช่วยงานด้วยท่าทางอ่อนแรงแล้วรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมา

เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนี่!

เด็กคนนี้กลับไปไม่ได้แล้ว เขาคงต้องมาเกาะติดเธอไปอีกยาว

แต่เธอเลี้ยงเด็กไม่เป็นนี่สิ! โอ๊ย ทำไมโชคชะตาต้องมาเล่นตลกแบบนี้!

ยังไม่ทันได้ชูนิ้วไปบนฟ้า เสียงฟ้าร้องครืนก็ดังขึ้นจนเกือบทำเอาหลินเจ้าเซี่ยเข่าอ่อน

ท่านฟ้าเจ้าขา ข้ายอมแล้ว ข้าจะดูแลเขาดี ๆ อย่าเพิ่งฟ้าผ่าข้าเลยนะ

“ฝนจะตกแล้ว” ชางจื้อพูดเบา ๆ

“โอ้ งั้นเราต้องรีบเก็บของให้เสร็จเร็ว ๆ”

ที่ลานบ้านยังมีของอีกมากมายที่ยังไม่ได้เก็บ ถ้าปล่อยไว้ให้เปียกฝน เธอคงหมดตัวเพราะไม่มีเงินซื้อของใหม่

เมื่อครู่พวกเธอพยายามหาทางกลับแต่ไม่พบ ทั้งคู่ได้แต่นั่งเศร้าอยู่พักใหญ่ก่อนจะยอมรับความจริง

มื้อกลางวันพวกเธอพอจะกินรองท้องได้จากขนมและน้ำที่เหลือจากโรงพยาบาล จากนั้นก็เริ่มเก็บข้าวของ

ก่อนจะย้ายบ้าน หลินเจ้าเซี่ยเพิ่งตกงาน เพื่อประหยัดเงิน เธอจึงยอมคืนห้องในใจกลางเมืองและย้ายมาอยู่ย่านชานเมืองที่นี่แทน

ห้องเช่านี้มีสองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น และอยู่ในหมู่บ้านที่สร้างใหม่แต่ทำเลไกลจากตัวเมือง ขนาดเดินไปถึงสถานีรถไฟใต้ดินยังต้องใช้เวลาเกือบสิบห้านาที

แต่เธอไม่มีปัญญาเช่าห้องที่เดินทางสะดวกกว่านี้ เงินในบัญชีของเธอก็ใกล้จะหมดแล้ว

แถมทุกเดือนครอบครัวที่บ้านยังยื่นมือมาขอเงินเธออีก นึกถึงเรื่องที่บ้านทีไรก็ใจลอยทุกที

ชางจื้อเดินตามหลังเธอคอยช่วยงานไปมา แต่เพราะเธอหยุดกะทันหัน เขาเลยชนเข้ากับหลังเธอเต็ม ๆ

“ไม่เป็นไรนะ?” หลินเจ้าเซี่ยรีบหันไปดู กลัวว่าเด็กน้อยที่เดินทางมาอย่างลำบากจะเป็นอะไรมากเพราะชนเธอเข้า

ชางจื้อดูมึนไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว พร้อมกับยกหนังสือขึ้นมา “แล้วอันนี้วางไว้ตรงไหน?”

หลินเจ้าเซี่ยมองหนังสือที่เขายกอย่างระมัดระวังด้วยความรู้สึกหนักใจ

เธอเช่าห้องสองห้องนอนนี้มาโดยตั้งใจจะใช้ห้องนอนเล็กเป็นห้องทำงาน แต่แผนการก็ต้องเปลี่ยนไปเพราะมีลูกชายหล่นมาจากฟ้าแบบไม่ทันตั้งตัว

พอคิดถึงชีวิตที่ต้องเปลี่ยนไป หลินเจ้าเซี่ยก็รู้สึกหงุดหงิด

“วางไว้ที่ห้องนั่งเล่นละกัน”

หลินเจ้าเซี่ยคอยสั่งให้เด็กน้อยช่วยหยิบจับและจัดของไปเรื่อย ๆ

ชางจื้อเองก็ดีใจที่ได้ช่วย เขารู้ดีว่าตอนนี้คงกลับบ้านไม่ได้แล้ว ในที่แห่งนี้ที่เขาไม่รู้จักใครเลย มีเพียงหลินเจ้าเซี่ยที่เขาพึ่งพาได้

ถ้าเธอไม่ต้องการเขาขึ้นมาแล้วล่ะก็…

ชางจื้อจะไปอยู่ที่ไหน?

เขาอยากร้องไห้แต่ก็กลัว เพราะเด็กขี้แยไม่เป็นที่ชอบของผู้ใหญ่ เขาจึงห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้และคอยช่วยงานต่อไป

สองขาเล็ก ๆ ขยับไปมาช่วยงานอย่างรวดเร็ว

หลินเจ้าเซี่ยแอบสังเกตเขา เด็กชายดูเหมือนจะกลัวว่าเธอจะไล่เขาไป สายตาหวาดระแวงเล็กน้อยและตั้งหน้าตั้งตาทำงาน

เมื่อครู่ตอนที่เธอไม่ยอมให้เขาช่วยงาน เขาก็ทำท่าจะร้องไห้ มือเล็ก ๆ กำชายเสื้อแน่น เหมือนทำตัวไม่ถูก

ทำเอาหลินเจ้าเซี่ยรู้สึกสงสารเขาอยู่เหมือนกัน

เธอได้แต่บ่นออกมาว่าโชคชะตาช่างเล่นตลก

“ใช่เลย ๆ วางไว้ตรงนั้นแหละ ชางจื้อทำได้ดีมาก” เธอชมพร้อมกับเห็นเด็กชายคลายสีหน้าตึงเครียดลง จึงถอนหายใจเงียบ ๆ

ทั้งสองคนทำงานโดยไม่คุยอะไรกันต่อ ตั้งหน้าตั้งตาจัดบ้านให้เสร็จ

หลินเจ้าเซี่ยทำงานมาได้ปีครึ่ง ของใช้ส่วนตัวจึงไม่ได้มีมากนัก การจัดของออกจากกล่องจึงใช้เวลาไม่นานเท่าตอนที่ต้องแพ็คของเพื่อย้ายบ้าน

พอถึงตอนเย็น เมื่อเธอเปิดไฟในบ้าน ทุกอย่างก็จัดเข้าที่เรียบร้อย

ระหว่างวันฝนเทลงมาอย่างหนักเหมือนน้ำไหลลงมาเป็นสายจนพื้นลานบ้านเปียกไปหมด

ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว

ชางจื้อจ้องมองแสงไฟในบ้านอย่างสนใจ หลินเจ้าเซี่ยหัวเราะแล้วสอนให้เขารู้วิธีเปิดปิดไฟ

“ต้องเติมน้ำมันตะเกียงไหม?” ชางจื้อถามเธอ

เอ่อ…

“ที่นี่ใช้ไฟฟ้า ไม่ต้องเติมน้ำมันตะเกียง เอ่อ… ไฟฟ้าก็ถือว่าเป็นน้ำมันตะเกียงแบบหนึ่งนะ เธอใช้ไปก่อนได้ แล้วตอนสิ้นเดือนเราจะคิดว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ จากนั้นเธอค่อยจ่าย ถึงจะให้ใช้ต่อได้ เพราะคนอื่นจะเป็นคนเติมน้ำมันตะเกียงให้น่ะ”

ไม่ต้องเติมน้ำมันตะเกียงเอง? แถมยังใช้ก่อนแล้วค่อยจ่ายทีหลังได้อีกหรือ?

ดีจัง

ถ้าบ้านเขามีตะเกียงแบบนี้ก็คงดี ชางจื้อจ้องมองแสงจากหลอดไฟบนเพดานด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

หลินเจ้าเซี่ยหัวเราะออกมา “หิวหรือยัง? เรามาสั่งอาหารมากินกันเถอะ”

วันนี้เธอเหนื่อยมากจนไม่อยากทำอาหารเอง

ถึงครัวและอุปกรณ์จะพร้อมใช้งาน แต่หลินเจ้าเซี่ยก็ไม่ค่อยทำอาหารเองบ่อยนัก

เธอเรียกให้ชางจื้อมานั่งใกล้ ๆ แล้วเปิดแอปสั่งอาหารให้เขาดูพร้อมกับอ่านเมนู “อยากกินข้าวไหม? หรือกินบะหมี่ดี หรืออยากกินอย่างอื่น? หรืออยากกินโจ๊กอีก?”

ชางจื้อเบิกตากว้าง เจ้าเครื่องที่เรียกว่าโทรศัพท์มือถือมีทุกอย่างจริง ๆ ทั้งแมวและหนู แถมยังมีของกินตั้งเยอะ!

เมื่อวานเธอก็ใช้เครื่องนี้สั่ง แล้วพวกเขาก็ได้กินโจ๊กด้วย

หลินเจ้าเซี่ยอธิบายว่า “ใช่แล้ว ร้านขายอาหารในเมืองจะนำของอร่อย ๆ ของตัวเองมาวางขายในแอปนี้ ใครอยากกินอะไรก็เข้ามาสั่งได้เหมือนสั่งอาหารในร้าน จากนั้นอีกไม่นาน ร้านก็จะจัดส่งมาให้ถึงที่เลย”

เหมือนการสั่งอาหารในร้านเลยงั้นหรือ?

สามารถรวบรวมร้านอาหารทั้งหมดในเมืองไว้ที่เดียวกันได้? แค่เลือกอาหารที่อยากกิน จากนั้นไม่นานก็มีคนมาส่งให้ถึงที่?

“พนักงานส่งอาหารรู้ได้ยังไงว่าใครสั่งและต้องส่งไปที่ไหน?” เขาถามด้วยความสงสัย ไม่เหมือนสั่งในร้านที่คนเสิร์ฟจะเห็นว่าใครสั่ง

“ใครก็ตามที่เข้ามาสั่งจะต้องทิ้งชื่อและที่อยู่ไว้”

หลินเจ้าเซี่ยอธิบายอย่างใจเย็น “เหมือนเวลายายของเธอไปซื้อข้าวสารที่ร้านในเมือง แล้วซื้อมากจนยกไม่ไหว ก็ต้องทิ้งที่อยู่ไว้ พนักงานในร้านก็จะช่วยส่งของไปให้ที่บ้านใช่ไหม?”

ชางจื้อเข้าใจทันที เขาพยักหน้า

ที่บ้านลุงของเขาอยู่ใน

ตัวเมือง ถ้ายายของเขาไปที่นั่นและซื้อของมากมาย ก็จะให้พนักงานช่วยส่งของไปที่บ้านลุง

เขาพูดด้วยความภูมิใจ “ชางจื้อเคยตามยายไปตัวเมืองแล้วนะ!” พี่ชายเหอซี่กับพี่ชายเหอเล่อยังไม่เคยไปเลย

“จริงหรือ ชางจื้อได้ไปเปิดหูเปิดตาถึงตัวเมืองมาแล้วนะ!” หลินเจ้าเซี่ยชมเขา

เธอรู้ว่ายังไม่ได้ถามถึงรายละเอียดครอบครัวของชางจื้อ จึงใช้โอกาสนี้เริ่มถามเขาเพิ่มเติม…

---

ที่สุสานฉางหลิง

มหาปุโรหิตเจอกับองค์ชายเจ็ดที่ไม่สนใจอะไรเลยอีกครั้ง

เขารู้สึกผิดจนอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อองค์ชายเจ็ด

แต่ไม่ว่าเขาจะพูดหรือทำอะไร องค์ชายเจ็ดก็เหมือนคนหมดแรง นอนซบกองขวดเหล้าอย่างไม่แยแส ไม่แม้แต่จะเปิดตามองเขา

ทำเอาเขารู้สึกท้อใจ

เมื่อกลับถึงตำหนักพัก เขาก็ไม่พบความสงบ ชาวบ้านจากหมู่บ้านผู้พิทักษ์สุสานพากันมาถามว่าเขามาเพื่อคัดเลือกเด็กชายและเด็กหญิงสำหรับบูชาใช่ไหม

โจวกังโมโหจนแทบระเบิด “ใครกันที่พูดเรื่องไร้สาระแบบนั้น! ใครเป็นคนพูดให้ไปบูชาสายลมปราณ! อยากส่งเด็กไม่รักดีไปบูชาใช่ไหม? ก็ส่งกันไปให้หมด!”

โจวกังโกรธจนอกแทบระเบิด ใครกันที่ทำให้ชื่อเสียงของเขาเสียหาย!

เขาไม่เคยพูดว่าจะมาเลือกเด็กชายเด็กหญิงเลย!

ถ้าสายลมปราณของต้าฉีจะขาด ก็ให้มันขาดไปสิ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย!

เมื่อสิบแปดปีก่อนเขาเคยบูชาสายลมปราณให้แล้ว แต่ตอนนี้โชคลาภของราชสำนักรั่วไหล ดาวจักรพรรดิหม่นหมอง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย!

เขาสั่งให้ปิดประตูตำหนัก ห้ามใครเข้าใกล้!

เขาเดินวนไปวนมาอยู่ในลานบ้านพักอยู่ครู่ใหญ่จึงค่อยรู้สึกสงบลง

เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ามืดครึ้มยามค่ำคืน เห็นดาวจื้อเว่ยที่หม่นหมองยิ่งกว่าเดิม จึงถอนหายใจยาวออกมา

พรุ่งนี้เขาคิดว่าจะขึ้นไปจุดสูงสุดของภูเขาเทียนโซ่วอีกครั้ง ราชสำนักกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย

---

ที่หมู่บ้าน *Huarun Shiguangli*

หลินเจ้าเซี่ยที่อาศัยอยู่ชั้นล่างของอาคารจูงมือชางจื้อออกมารอที่หน้าประตู

รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสีฟ้าจอดลงเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว “ห้อง 101 ใช่ไหมครับ?”

“ใช่ค่ะ”

“อาหารที่สั่งไว้ได้แล้วครับ”

หลินเจ้าเซี่ยก้าวขึ้นไปรับถุงอาหาร “ขอบคุณนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ” พนักงานส่งอาหารขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจากไปทันที

ชางจื้อมองถุงอาหารในมือหลินเจ้าเซี่ยแล้วหันไปมองพนักงานส่งอาหาร จ้องมองจนเขาขี่มอเตอร์ไซค์หายไปจากสายตาไปด้วยสีหน้าตื่นเต้น

(จบบท)###

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด