บทที่ 54 ข้ารวยกว่าที่เจ้าคิด!
ทั้งร่างของโม่เทียนหลินถูกแช่แข็งทันที ร่างกายลอยถอยหลังไปอย่างแรง พยายามดิ้นรนเพื่อจะลงพื้นอย่างสมดุลแต่ขยับไม่ได้ สุดท้ายล้มลงอย่างหนัก...
“นอกสนาม! จินเป่าเอ๋อชนะ!”
เมื่อชนะต่อเนื่องสองรอบด้วยพลังและความฉลาดอันโดดเด่น ชื่อของจินเป่าเอ๋อก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
ความงดงามและพลังฝีมือของนางกลายเป็นที่เลื่องลือราวกับตำนาน!
เมื่อก้อนน้ำแข็งละลาย โม่เทียนหลินก็ยืนขึ้นและตะโกนลั่นฟ้า
“อ๊าาา! เจ้าหญิงต่ำทราม! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
แม้การประลองจบลงไปแล้ว แต่คำท้าทายยังคงดำเนินต่อไป!
เพราะคำยอมรับก่อนหน้านี้ อาจารย์ผู้คุมกฎจึงไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้ จินเป่าเอ๋อมองชายที่พุ่งเข้าหานางด้วยสายตาเย็นชา
ในพริบตา นางยื่นมือจับแขนของโม่เทียนหลินไว้ หยุดพลังการโจมตีทั้งหมด ก่อนที่เขาจะทันได้แสดงสีหน้าตกใจ นางใช้มืออีกข้างกระแทกเข้าท้องของเขาอย่างรุนแรง จนพลังที่มองเห็นด้วยตาเปล่ากระจายไปทั่ว ทำให้เขาสลบไปในทันที...
จากนั้น นางดึงมือกลับและมองดูร่างชายผู้หมดสติบนพื้นด้วยแววตาเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงหยามเหยียด
“เจ้าพ่ายแพ้! แต่…ข้าไม่ได้สนใจชีวิตของเจ้า!”
การสังหารคนกลางที่สาธารณะเช่นนี้ย่อมเสี่ยงให้สำนักตี้หยุนตามราวี เพราะพวกเขาขึ้นชื่อว่าไร้ยางอายที่สุด ไม่สนใจกฎเกณฑ์ใดๆ ทั้งสิ้น
การแสดงฝีมือของนางสร้างความตื่นเต้นแก่ผู้คนที่ส่งเสียงเชียร์ด้วยความประทับใจ มองตามแผ่นหลังอันเปราะบางของนางด้วยความคลั่งไคล้ ในโลกที่ผู้แข็งแกร่งครอบครองทุกสิ่ง ความเคารพมีให้เพียงผู้แข็งแกร่งเช่นนี้เท่านั้น!
ในขณะเดียวกัน หลังเดินทางไปถึงเมืองจื่ออวิ๋น แต่ไร้เบาะแสของผู้ปรุงโอสถระดับสี่ โหลวหยุนเซียนจุนก็ได้รับข่าวบางอย่างที่ทำให้ต้องตกใจ
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
แม้จะแข็งแกร่งอย่างโหลวหยุน แต่ยังอดตกใจไม่ได้ คิ้วขมวดแน่น
อาวุโสของสำนักสมาคมปรุงโอสถตรงหน้าเผยสีหน้าลำบากใจ อำนาจแห่งขั้นรวมร่างนั้นมิใช่ใครจะทานทนได้
“ข้าพูดจริง! เด็กหนุ่มคนนั้นอ้างว่าเป็นศิษย์ของฮวาชิงซู่แห่งสำนักเพียวเมี่ยวเซียน ประธานสมาคมของเรายังยืนยันด้วยตนเอง”
ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นมีที่มาอย่างไร จนถึงขั้นมีผู้แข็งแกร่งระดับรวมร่างมาถามถึง ดูท่าตนอาจต้องเกษียณเสียแล้ว
ชายผู้เย่อหยิ่งพยักหน้าพลางไตร่ตรอง
“นักปรุงโอสถ? ศิษย์ของฮวาชิงซู่? เป็นเด็กหนุ่ม…”
หากว่าตรงตามเงื่อนไขทั้งหมด นอกจากหลานอิ๋งชิงและกวนจื่ออวิ๋น ก็ไม่มีใครแล้ว!
หลานอิ๋งชิงนั้นเชี่ยวชาญด้านการสร้างยันต์ ฝีมือการปรุงโอสถคงไม่ถึงขั้น นั่นคงเป็นกวนจื่ออวิ๋นแล้วกระมัง? แต่ไม่ใช่ว่าเขาเป็นเพียงขั้นสามเท่านั้นหรือ?
“เด็กหนุ่มคนนั้นแซ่อะไร ชื่ออะไร?”
อาวุโสแห่งสมาคมชะงักไปชั่วขณะ เขาไม่รู้แม้กระทั่งชื่อจริงของคนที่ถามถึงหรือ? อาจเป็นศัตรูกระมัง?
ในขณะที่ลังเลอยู่นั้น คลื่นพลังอันน่าเกรงขามปกคลุมเข้ามาจนหายใจแทบไม่ออก เขาต้องรีบยกมือกุมอกพลางกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ
“จินป๋าว! เขาชื่อจินป๋าว!”
เพียงพริบตา ดวงตาของโหลวหยุนเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง!
“จิน…เป่าเอ๋อ? นี่เป็นนางจริงๆรึ”
เมื่อพลังความกดดันนั้นหายไป อาวุโสจึงหอบหายใจอย่างหนัก ใบหน้าขาวซีดราวกับเห็นผี
“ไม่ใช่จินเป่าเอ๋อหรอก…เป็นจินป๋าวต่างหาก”
โหลวหยุนเซียนจุนขมวดคิ้ว พลางคิดว่าอาจไม่ใช่ปัญหาเรื่องสำเนียงของผู้พูด บางทีอาจเป็นชื่อปลอม?
ก็จริง จินเป่าเอ๋อฝึกฝนมาหลายปีเกือบทั้งหมดคงใช้ไปกับการฝึกฝนพลังวิญญาณ ไม่มีโอกาสได้ศึกษาโอสถอย่างแน่นอน
ผู้ที่บรรลุพลังรวดเร็ว ขณะเดียวกันยังเป็นนักปรุงโอสถระดับสี่และมีพลังฝึกด้านร่างกายทั้งที่อายุยังไม่ถึงสิบหกปี…หึ! คงเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป!
ถ้าเช่นนั้นคนที่ใช้ชื่อปลอมอาจเป็นกวนจื่ออวิ๋น
ไม่ทันไร โหลวหยุนก็หายตัวไป ทิ้งผู้อาวุโสไว้ด้วยความตระหนก
ในอีกด้านหนึ่ง การประลองรอบที่สองเริ่มขึ้นแล้ว เป็นการเผชิญหน้าระหว่างศิษย์จากสำนักชี่เหยียน ชู่ฟาน และศิษย์สำนักไป๋โซ่ว เฉียวเชียนซาน!
ชู่ฟานเป็นผู้ฝึกพลังระดับจินตันขั้นปลาย ส่วนเฉียวเชียนซานนั้นอยู่ในระดับจินตันขั้นกลาง
ทว่าเขามีสัตว์เลี้ยงอสูรเป็นผู้ช่วย ทำให้ได้เปรียบในการต่อสู้แน่นอน
จินเป่าเอ๋อยืนอยู่ไม่ไกล มองการประลองระหว่างสองคนอย่างตั้งใจ ช่วงแรกชู่ฟานดูสงบนิ่งและไม่หวั่นไหวในการเผชิญหน้า แต่เมื่อเฉียวเชียนซานอัญเชิญเสือเหลืองร่างมหึมาออกมา สถานการณ์ก็พลิกทันที!
ทั้งคนและเสือประสานกันอย่างลงตัว อีกทั้งยังมีกำลังแข็งแกร่ง ไม่ช้าชู่ฟานก็ถูกผลักลงจากเวที
ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ ทายาทแห่งผู้ฝึกอสูรอย่างสำนักไป๋โซ่วมักพึ่งพาสัตว์อสูรเพื่อช่วยในการต่อสู้ เป็นผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเหล่าอสูรมากที่สุด หากฝึกซ้อมร่วมกันดีๆ การเผชิญหน้ากับศิษย์ที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองก็สามารถยืนหยัดได้
ในอีกมุมหนึ่งที่โต๊ะพนัน มีผู้คนเกือบทั้งหมดวางเดิมพันให้เฉียวเชียนซานเป็นผู้ชนะ…
“เดิมพันได้เลย! ผู้แข็งแกร่งแห่งสำนักเพียวเมี่ยวเซียน จินเป่าเอ๋อ จะเผชิญหน้ากับผู้ฝึกอสูรผู้ทรงพลังจากสำนักไป๋โซ่ว เฉียวเชียนซาน! ใครจะเป็นผู้ชนะ เริ่มเดิมพันได้เลย!”
เมื่อเสียงประกาศดังขึ้น ฝูงชนก็แห่ไปที่โต๊ะพนันทันที แม้แต่จินเป่าเอ๋อเองที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ไม่มีใครสังเกตเห็น
ทุกคนต่างตื่นตะลึงกับการประสานงานของเฉียวเชียนซานกับสัตว์เลี้ยงของเขา โดยส่วนใหญ่จึงลงเดิมพันให้เขาชนะ อัตราต่อรองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึงหนึ่งต่อพัน!
มีเพียงไม่กี่คนที่ลงเดิมพันให้กับจินเป่าเอ๋อ…
“หลีกไป! ข้าเดิมพันให้จินเป่าเอ๋อ! หนึ่งพัน…ไม่สิ หนึ่งหมื่นหินคริสตัลระดับกลาง!”
ชายหนุ่มชุดขาวผู้โอ้อวดโบกมือด้วยท่าทีหยิ่งยโส แต่เพียงพริบตาเดียว เขาก็ถูกหมัดอัดเข้าไปเต็มๆ ที่หน้าผากจนร้องโอดครวญ! ตามมาด้วยเสียงตะโกนดังลั่นจากหลี่ไป๋ลั่ว!
“เจ้าลูกไม่รักดี…เจ้ากล้าขโมยเงินลับของข้า!”
หลี่ฉินจิ่วถึงกับหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นทันที ยืดอกตรงพลางพูดอย่างดีใจ
“อ๋อ…ยอมรับแล้วใช่ไหม! ว่าท่านมีเงินลับจริงๆ! ท่านกล้าตีข้า ข้าจะฟ้องท่านแม่ว่าท่านมีเงินลับ! คราวนี้แหละ ท่านต้องได้คุกเข่าบนกระดานซักผ้าแน่ๆ! วันนี้แหละถึงคราวของท่านแล้ว ท่านพ่อแก่ๆ!”
ผู้คนโดยรอบต่างตกตะลึง!
หลี่ไป๋ลั่วเองก็ชะงักไป ใบหน้าคมเข้มที่ดูดุดันนั้นขึ้นสีแดงเรื่ออย่างน่าประหลาด ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องอย่างกระอักกระอ่วน
“เจ้ามิได้ขโมย? แล้วเงินของเจ้ามาจากไหน?”
แต่ลูกชายกลับมองเขาอย่างดูแคลน
“ข้าไม่สนหรอก! อย่างน้อยข้าก็มีเงินมากกว่าท่าน!”
ท่าทีอวดดีนี้ทำให้หลี่ไป๋ลั่วถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความโมโห
“เจ้ามีเงินมากกว่าข้า? ข้าขอเดิมพันเพิ่มเป็นสองเท่าของเจ้า!”
เขาพูดจบก็ตบมือบนโต๊ะพนันอย่างแรงจนโต๊ะพังยับ ทำให้คนที่อยู่รอบๆ เตรียมลงเดิมพันถึงกับตกใจจนหน้าเสีย…
เมื่อหลี่ไป๋ลั่วเห็นเช่นนั้น ก็อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะกระแอมออกมาอย่างขวยเขิน
“ขอโทษที ข้าเผลอใช้พลังมากไป”
ด้วยการขอโทษจากผู้บรรลุขั้นรวมร่าง แม้เจ้ามือจะไม่พอใจ แต่ก็ต้องยอมรับคำขอโทษอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ยิ่งเมื่อนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ที่เขาเพิ่งกล่าว ใบหน้าของเจ้ามือก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพูดว่าจะเพิ่มเดิมพันเป็นสองเท่าของที่คุณชายลงใช่ไหมขอรับ? ได้เลย! เดิมพันสองหมื่นคริสตัลระดับกลาง วางเดิมพันเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วขอรับ!”
“แหวะ!”
เมื่อเห็นใบหน้าหดหู่ของหลี่ไป๋ลั่วที่ไม่อาจย้อนคืนการตัดสินใจได้ หลี่ฉินจิ่วถึงกับหัวเราะดังลั่น!
“ฮ่าๆ…พ่อแก่ ท่านมีเงินมากกว่าข้า! ข้ายอมแพ้แล้ว ยังไงก็สู้ท่านไม่ได้ ฮ่าๆ!”
และด้วยการเดิมพัน "โดยสมัครใจ" จากผู้ฝึกตนขั้นรวมร่าง ทำให้ศิษย์คนอื่นๆ บางคนเริ่มลังเลและหันมาลงเดิมพันให้จินเป่าเอ๋อเช่นกัน
สิ่งนี้ทำให้เจ้ามือยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ! ด้วยอัตราต่อรองนี้ เขาย่อมกำไรมหาศาล!
จินเป่าเอ๋อมองดูสองพ่อลูกที่โต้เถียงกันไม่หยุด ทั้งที่ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะช่วย แต่กลับเป็นการเพิ่มกำลังใจและการสนับสนุนให้แก่นาง ใบหน้าของนางยังคงไร้ความรู้สึก แต่แววตากลับผ่อนคลายมากขึ้น
ครึ่งชั่วยามผ่านไป…
“การประลองเริ่มได้!”