บทที่ 46 อาหารเสิร์ฟถึงปากยังหลุดมือไป
ในขณะที่เว่ยหยวนรู้สึกทึ่งกับบลูเบอร์รี่ของฟาร์มหลียวน เขาก็ไม่ลืมภารกิจหลัก จึงรีบเปิดถุงอีกใบที่คนขับรถเตรียมมาให้ “คุณจาง นอกจากบลูเบอร์รี่พันธุ์ใหม่นี้แล้ว เรายังมีพลัมฟูหรงที่ผ่านการทดลองปลูกหลายครั้ง คุณลองชิมดูนะครับ”
ภายในถุงเต็มไปด้วยผลพลัมฟูหรงสีม่วงแดงสด ซึ่งเป็นผลไม้ที่พบได้ทั่วไปในมณฑลฝูเจี้ยน แต่ผลพลัมนี้มีขนาดใหญ่กว่าปกติ
จางหลินพยักหน้า หยิบพลัมฟูหรงขึ้นมาชิม รสชาติถือว่าดีและอร่อย แม้จะไม่แตกต่างจากผลไม้ทั่วไปมากนัก แต่จุดเด่นคือขนาดที่ใหญ่กว่า
เขาคิดในใจเทียบกับคุณภาพของผลผลิตในเกมที่เป็นระดับ 1 แล้ว ผลไม้ในโลกความเป็นจริงยังไม่อาจเทียบได้ แต่หากเทียบผลผลิตกันในโลกความเป็นจริง พลัมฟูหรงนี้ก็ถือว่าดีกว่าทั่วไป สมกับที่กรมเกษตรเมืองอวี๋เฉิงเลือกสนับสนุนการปลูกพลัมฟูหรงและบลูเบอร์รี่ให้กับเกษตรกร
เว่ยหยวนยิ้มและถามขึ้นว่า “คุณจาง เรามาคุยเรื่องการนำพลัมฟูหรงและบลูเบอร์รี่มาขายในฟาร์มหลียวนกันหน่อยไหม?” ตอนนี้ผลไม้ทั้งสองชนิดพร้อมวางขายแล้ว เขาต้องการเร่งรัดให้การจัดจำหน่ายเป็นจริงโดยเร็ว
จางหลินพยักหน้าและพาเว่ยหยวนกับทีมไปนั่งที่โต๊ะไม้ในห้องพักผ่อน
เว่ยหยวนอธิบายว่า “เราได้ตกลงกับเกษตรกรแล้วว่าจะขายผลไม้สองชนิดนี้ในฟาร์มหลียวน โดยตั้งราคาขายส่งที่ถูกกว่าท้องตลาด 30%”
จางหลินยิ้มและตอบว่า “ตามที่คุณเว่ยบอกเลยครับ” ข้อเสนอนี้แสดงถึงความจริงใจของอีกฝ่าย เพราะราคาส่งที่ต่ำกว่าท้องตลาด 30% นั้นนับว่าดีมาก ที่สำคัญฟาร์มของเขาเป็นแหล่งท่องเที่ยว หากเมืองอวี๋เฉิงขายบลูเบอร์รี่ที่ 25 หยวนต่อจิน เขาก็สามารถขายได้ที่ 30 หยวนต่อจิน
กำไรที่ได้ก็ราวๆ 10.5 หยวนต่อจิน ขายได้ 1,000 จิน ก็จะได้กำไร 10,500 หยวน กรมเกษตรยอมลดกำไรของเกษตรกรลงเพื่อสร้างชื่อเสียง หากสามารถใช้กระแสความนิยมนี้ทำให้พลัมฟูหรงและบลูเบอร์รี่เป็นที่รู้จัก การโปรโมทก็จะง่ายขึ้นในอนาคต
“คุณจาง เรื่องอื่นไม่มีปัญหา เราจะเซ็นสัญญากันไว้ ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมคุณเมิ่งซีจะคุยกับคุณ และจะเป็นผู้ประสานงานกับคุณตลอดครับ” เว่ยหยวนพูดพร้อมกับชี้ไปที่หลินเมิ่งซีที่อยู่ข้างๆ เนื่องจากเธอเป็นผู้ริเริ่มโครงการนี้ อีกทั้งเว่ยหยวนก็ไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องการตลาดออนไลน์
หลินเมิ่งซีหยิบแผนงานออกมาส่งให้จางหลิน “คุณจาง นี่คือแผนที่ฉันจัดทำขึ้น ลองดูนะคะ หากมีข้อสงสัยอะไร ฉันจะอธิบายให้”
จางหลินเปิดดูแผนงาน ในแผนนี้นอกจากการขายผลไม้ในฟาร์มหลียวน ยังรวมถึงแผนการไลฟ์สดช่วยเกษตรกรขายผลไม้ ซึ่งจะดำเนินการในลักษณะของการโปรโมทโดยรัฐบาล แตกต่างจากการขายสินค้าของเน็ตไอดอลทั่วไปเพราะต้องระมัดระวังภาพลักษณ์มากกว่า
บัญชีทางการของเมืองอวี๋เฉิงไม่มีผู้ติดตามมากพอ จึงต้องพึ่งพาฟาร์มหลียวน ซึ่งหมายถึงว่ากรมเกษตรจะยืมใช้บัญชีและฐานผู้ติดตามของฟาร์มหลียวนในการโปรโมท เพื่อเพิ่มคะแนนผลงานให้กับกรมเกษตร
แผนของหลินเมิ่งซีทำได้ดีมาก อีกทั้งยังมีแผนช่วยเพิ่มจำนวนผู้ติดตามให้กับฟาร์มหลียวนด้วย จางหลินที่มีความรู้ด้านออนไลน์อยู่แล้วก็เห็นได้ชัดว่าแผนนี้ดีจริงๆ และไม่น่าแปลกใจที่กรมเกษตรจะให้เธอมาเป็นผู้ประสานงานโครงการนี้
หลังจากอ่านแผนงานอย่างละเอียด จางหลินกล่าวว่า “คุณหลิน แผนงานนี้โดยรวมไม่มีปัญหาเลยครับ เพียงแต่มีปัญหาตรงที่ผู้ที่จะมาเป็นพิธีกรในไลฟ์สด คุณอาจยังไม่ทราบว่าฟู่เหยาเพิ่งถูกจ้างมาถ่ายวิดีโอโฆษณาเท่านั้น เธอยังเป็นแค่นักเรียน ม.5 และต้องไปเรียนด้วย”
“นักเรียน ม.5?” หลินเมิ่งซีมองจางหลินด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้เธอเคยดูวิดีโอและคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะอายุไม่มาก แต่ไม่นึกว่าจะยังเรียนอยู่ ม.5 อายุยังน้อยมากจริงๆ
จางหลินรีบอธิบาย “คุณหลิน อย่ามองผมแบบนี้เลยครับ ผมไม่ได้มีความสามารถในการไลฟ์สดจริงๆ!”
หลินเมิ่งซีอึ้งไปเล็กน้อย เธอไม่ได้ตั้งใจจะคิดอย่างนั้น เพียงแค่สงสัยเกี่ยวกับอายุของนางแบบเท่านั้น
ในวัยนี้ปกติผู้ชายที่หานางแบบก็มักจะเลือกนางแบบที่ตรงสเปกตัวเองไม่ใช่หรือ?
เว่ยหยวนเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าเด็กผู้หญิงที่ตั้งใจจะให้เป็นพิธีกรนั้นยังอยู่ ม.5 เดิมทีคิดว่าจะให้เธอช่วยไลฟ์สด เนื่องจากทุ่งดอกไม้กลายเป็นกระแสดัง และเธอเองก็ดูได้รับความนิยมมาก แต่เมื่อไม่มีทางเลือกแล้ว เขาจึงเสนอว่า “คุณจาง ถ้างั้นให้คุณเมิ่งซีของเราเป็นพิธีกรแทนดีไหม? คุณเมิ่งซีก็ไม่เลวเลยนะ”
“คุณหลินก็น่าจะดีครับ” จางหลินพยักหน้า หลินเมิ่งซีไม่เพียงแต่มีรูปร่างหน้าตาดีเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถและบุคลิกที่หาได้ยากในคนทั่วไป อีกทั้งเธอยังทำงานในหน่วยงานรัฐ จึงมีบุคลิกและความน่าเชื่อถือที่ต่างจากเน็ตไอดอลทั่วไป ขณะที่เธอเองก็ยินดีจะทำหน้าที่นี้
“ได้ค่ะ ฉันยินดีทำค่ะ” หลินเมิ่งซีตอบอย่างสุภาพ “แต่ยังไงก็ขอให้คุณจางช่วยถามฟู่เหยาดูว่าเธอพอจะสละเวลาในช่วงนี้มาช่วยเราถ่ายวิดีโอได้บ้างไหม หากมีเวลาในไลฟ์สดก็แค่แวะมาแนะนำตัวก็พอ จากที่เห็นจากโฆษณาฟาร์มหลียวน เธอน่าจะเป็นที่นิยมอยู่มาก ส่วนค่าตอบแทนเรายินดีจ่ายให้อย่างเหมาะสมค่ะ”
เว่ยหยวนเสริมว่า “เรื่องเรียนไม่ต้องห่วง แค่ขอใช้เวลาช่วงเย็นตอนเข้าเรียนพิเศษเท่านั้น กรมเกษตรจะออกจดหมายแจ้งไปที่โรงเรียนเพื่อขออนุญาตให้เอง”
“ได้ครับ เดี๋ยวตอนเที่ยงผมจะถามเธอให้” จางหลินตอบตกลง
การร่วมมือกับกรมเกษตรในครั้งนี้เป็นผลดีต่อฟู่เหยา หากเธอต้องการหางานหลังเรียนจบ ความสัมพันธ์ที่ดีกับกรมเกษตรอาจทำให้การหางานในอนาคตสะดวกขึ้น โดยเฉพาะหากเธอต้องการกลับมาเป็นข้าราชการที่เมืองอวี๋เฉิงในอนาคต
แน่นอน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความสมัครใจของฟู่เหยาเอง
การเจรจาผ่านไปอย่างราบรื่น ในที่สุดเว่ยหยวนก็นำสัญญาออกมา จางหลินตรวจสอบดูแล้วไม่มีปัญหาใดๆ จึงลงนามในสัญญา
ทุกอย่างเสร็จสิ้น แต่ทันใดนั้นโทรศัพท์ของจางหลินก็ดังขึ้นอีกครั้ง หน้าจอแสดงเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อรับสายก็มีเสียงเร่งรีบดังขึ้นจากปลายสาย “คุณจาง ขอโทษที่รบกวนครับ ผมคือจ้าวหาน ผู้อำนวยการกรมการท่องเที่ยวเมืองอวี๋เฉิง ก่อนหน้านี้เราเคยเชิญคุณมาที่กรมเพื่อกรอกเอกสารขอรับเงินสนับสนุนโครงการท่องเที่ยว ตอนนี้เราได้ตรวจสอบข้อมูลของคุณอย่างละเอียดแล้ว…”
จางหลินอึ้งไปเล็กน้อยที่เป็นสายจากกรมการท่องเที่ยวอีกแล้ว แต่ตอนนี้เขาไม่อยากมีอะไรข้องเกี่ยวกับกรมการท่องเที่ยว เพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำตามความเหมาะสมอะไรอีก และที่สำคัญ เขาได้เริ่มทำโครงการกับกรมเกษตรแล้ว จึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเกี่ยวข้องกับกรมการท่องเที่ยวอีก
เขาจึงตอบกลับไปก่อนที่จ้าวหานจะพูดต่อ “ผู้อำนวยการจ้าว หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผมเห็นว่าฟาร์มหลียวนของเราไม่ต้องการเงินสนับสนุนเหล่านี้ ให้โครงการที่ต้องการเงินสนับสนุนจริงๆดีกว่าครับ ดังนั้นกรุณายกเลิกเอกสารสมัครของเราด้วยครับ และที่ฟาร์มเองก็ยุ่งมากเพราะกำลังทำโครงการร่วมกับกรมเกษตร ขอบคุณที่สนใจครับ”
เมื่อยกเหตุผลเรื่องกรมเกษตรขึ้นมา และกล่าวขอบคุณ จางหลินก็วางสายทันที
โดยหวังว่าการยกชื่อกรมเกษตรขึ้นมาอ้างจะทำให้กรมการท่องเที่ยวไม่ตามรังควานอีก
ในขณะนั้น เว่ยหยวนได้ยินคำว่า “กรมการท่องเที่ยว” จึงสนใจขึ้นทันที เขาเข้าใจทันทีว่ากรมการท่องเที่ยวตั้งใจจะดึงโครงการนี้ไปอีกครั้ง เหมือนที่เคยแย่งโครงการบริหารพื้นที่ท่องเที่ยวที่เป็นแปลงนาขั้นบันไดไปจากกรมเกษตรก่อนหน้านี้ ทั้งที่เป็นพื้นที่ทำการเกษตรแท้ๆ
คราวนี้จะมาทำแบบเดิมอีกแล้วเหรอ? ต่อให้เขากับจ้าวหานเป็นเพื่อนกัน เขาก็รับไม่ได้อยู่ดี เพราะอีกฝ่ายคอยหาโอกาสแย่งโครงการอยู่เสมอ
เมื่อเห็นว่าจางหลินปฏิเสธการร่วมมือกับกรมการท่องเที่ยวไปอย่างเด็ดขาด ทำให้เว่ยหยวนรู้สึกยินดีที่ได้ร่วมงานกับฟาร์มหลียวนทันเวลา
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปฯ และถ่ายวิดีโอรอบๆฟาร์มส่งไปในแชตของจ้าวหาน พร้อมพิมพ์ข้อความว่า “ช่วงนี้ร่วมงานกับฟาร์มหลียวนอยู่ อาจจะยุ่งนิดหน่อย”
ผ่านไป 3 วินาที เขาส่งข้อความอีกว่า “โอ๊ะ เผลอส่งผิดไป ขอโทษนะครับ!”
อีกด้านหนึ่ง จ้าวหานที่ถูกจางหลินปฏิเสธสายไปก็อึ้งอยู่พักใหญ่ คำพูดที่เตรียมไว้ในใจถึงกับกลืนไม่ลง เพราะอีกฝ่ายไม่เปิดโอกาสให้เลย
แถมยังบอกว่าได้เริ่มทำงานกับกรมเกษตรไปแล้ว จะเป็นใครก็คงอยากด่าหยาบๆกันบ้างล่ะ ทำไมเรื่องดีๆแบบนี้ถึงได้ถูกกรมเกษตรคว้าไปก่อน?
ในจังหวะนั้นเอง เขาได้รับวิดีโอและข้อความจากเว่ยหยวน
ส่งผิดอะไรกัน!
ชัดเจนว่าเว่ยหยวนตั้งใจมาเยาะเย้ยกันชัดๆ
แต่ในสถานการณ์นี้เขาก็ทำได้เพียงตอบกลับด้วยอีโมจิหน้าเศร้าและหน้าเหนื่อยใจเท่านั้น
เมืองอวี๋เฉิงไม่บ่อยนักที่จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นกระแสในโลกออนไลน์ แต่ในเวลาอันสั้น ทุ่งดอกไม้กลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอีก ก่อนหน้านี้มีคนกดถูกใจถึง 400,000 ครั้ง แต่ตอนนี้ใกล้จะ 600,000 ครั้งแล้ว วิดีโอที่นักท่องเที่ยวถ่ายก็มีผู้กดถูกใจจำนวนมากเช่นกัน
จ้าวหานไม่อาจปล่อยโอกาสนี้ไปได้
แต่ดูท่าทีของจางหลินแล้ว เขาคงมีความรู้สึกไม่ดีต่อกรมการท่องเที่ยว เพราะถูกเฉินถิงทำให้รู้สึกไม่สบายใจ จึงเป็นผลกรรมของเฉินถิงเองที่จะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
จ้าวหานนึกถึงพี่ชายของเขา เฉินเซิ่งเฟย ผู้ที่รู้จักกับเจ้าของฟาร์มหลียวนตั้งแต่แรกและแจ้งข่าวนี้ให้เขาทราบในทันที อาจจะสามารถช่วยแนะนำให้เขาได้
เขารีบโทรหาทันที เมื่อปลายสายรับสาย เฉินเซิ่งเฟยก็กล่าวขึ้นทันที “จ้าวหาน ฟาร์มหลียวนของฉันดีใช่ไหม? ฉันรีบบอกข่าวนี้ให้เร็วที่สุดแล้วนะ คราวนี้นายจะขอบคุณฉันยังไง?”
จ้าวหานได้ยินแล้วก็พูดไม่ออก
ถึงแม้จะมีโอกาสดีอยู่ตรงหน้า แต่สุดท้ายก็ถูกดึงไปต่อหน้าอีกแล้ว
เขารู้สึกหมดหวังจริงๆ
…
(จบบท)