บทที่ 45 โต้กลับ
ช่วงหัวค่ำ
เหลยหยุนขับรถพาโยวกวงไปยังบ้านหลังหนึ่งในย่านชานเมือง
ที่นั่นมีสองคนกำลังรออยู่แล้ว
คนแรกคือเซี่ยอู่เยวียนผู้ริเริ่มภารกิจในครั้งนี้
อีกคนหนึ่งคือปรมาจารย์แห่งตระกูลเย่ที่เปิดเผยตัวตน เย่สิงโจว
เมื่อโยวกวงถือดาบก้าวเข้ามา เย่สิงโจวมีท่าทางประหลาดใจไม่น้อย ขยับสายตาไปที่เซี่ยอู่เยวียนในทันที
“เขาคือคนที่พูดถึงงั้นเหรอ”
“ใช่” เซี่ยอู่เยวียนพยักหน้ารับ
“เป็นไปได้ยังไง!” เย่สิงโจวตาเบิกโพลง
ก่อนหน้านี้เขาได้ยินว่าเซี่ยอู่เยวียนจะเชิญปรมาจารย์จากตระกูลซูมา โดยใช้พลังของปรมาจารย์ทั้งสามเพื่อบุกทำลายแหล่งรวมตัวของพวกปีศาจร้าย
ตอนนั้นเขายังคิดอยู่ว่าตระกูลซูคนไหนกันที่สามารถทะลุถึงระดับปรมาจารย์ขั้นสูงได้ จะเป็นหลิงจวินหรือซูชี้ซิน?แต่ทำไมกลับไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรเลย
เมื่อเห็นว่าเป็นโยวกวง...
“เขาเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงงั้นเหรอ?” เย่สิงโจวอดไม่ได้ที่จะถามซ้ำ
“ใช่” เซี่ยอู่เยวียนตอบอย่างหนักแน่น
“เรื่องภารกิจครั้งนี้ผมไม่เอามาล้อเล่นหรอก”
เย่สิงโจวถึงกับสูดหายใจลึกอย่างตกตะลึง
“อายุเพียงแค่ราวๆยี่สิบปีงั้นหรือปรมาจารย์ขั้นสูงที่อายุเพียงยี่สิบปี!?”
คำพูดนี้เขาถามโยวกวงโดยตรง
“เขาเพิ่งอายุสิบเก้าปี” ผู้ที่ตอบกลับเป็นเซี่ยอู่เยวียน
ทันใดนั้นเย่สิงโจวอดไม่ได้ที่จะขยับนิ้วกดขมับด้วยความรู้สึกอ่อนล้า
เซี่ยอู่เยวียนเองเปิดกล่องกีตาร์ออก แต่ภายในนั้นกลับไม่ใช่กีตาร์ แต่เป็นอาวุธปืน
เขาตรวจสอบปืนในกล่องอย่างคล่องแคล่ว จนโยวกวงรู้สึกว่าดาบในมือของตัวเองดูด้อยพลังลงไปถนัดตา
“อยากลองบ้างไหม” เซี่ยอู่เยวียนเห็นท่าทางแปลกๆของโยวกวงเลยถามขึ้นมา
โยวกวงครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะหยิบปืนพกขนาดใหญ่ขึ้นมาพร้อมกับกระสุนอีกสองแม็กกาซีนเก็บไว้
ฉากนี้ทำให้เย่สิงโจวที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นเบาๆ
“ยุคสมัยเสื่อมทรามลงทุกที ผู้คนกลับไม่นึกถึงอดีตอันดีงามเลย เฮ้อ”
โยวกวงนึกถึงคำพูดของจางเทียนจีเมื่อวานนี้ จึงถามเซี่ยอู่เยวียนว่า
“คุณรู้จักสมาคมแห่งการเยียวยาไหม”
เซี่ยอู่เยวียนที่กำลังปรับปืนชะงักไป มองโยวกวงในทันที
ไม่เพียงแต่เซี่ยอู่เยวียน แม้แต่เย่สิงโจวก็ยังแสดงสีหน้าเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันที
“พวกเขาติดต่อคุณแล้วงั้นหรือ” เซี่ยอู่เยวียนถาม
“ลองเล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหม?” โยวกวงกล่าวขึ้น
เมื่อวานนี้ ไป๋ย่าตรวจสอบข้อมูลมาตลอดทั้งวัน แต่บนเครือข่ายกลับไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสมาคมแห่งการเยียวยาเลย แม้แต่ในระบบข่าวกรองของตระกูลซูเองก็ไม่มีข้อมูลใดๆ
เหมือนกับว่าองค์กรนี้เป็นเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นมาเท่านั้นเอง
“คุณโดนสมาคมแห่งการเยียวยาจับตา ไม่ใช่เรื่องแปลก” เซี่ยอู่เยวียนพยักหน้าด้วยความรู้สึกบางอย่าง
“จริงๆแล้วหลังจากที่ผมคว้าแชมป์ศึกศิลปะการต่อสู้ชิงถ้วยราชันย์ครั้งที่สิบสี่มาได้ไม่นาน ผมก็โดนลอบโจมตีจนเกือบตาย จากนั้นถึงได้รู้ว่านั่นคือผู้ประเมินของสมาคมแห่งการเยียวยา เพียงแต่...ผมสอบไม่ผ่านเท่านั้น”
เซี่ยอู่เยวียนมองโยวกวง
“สมาคมแห่งการเยียวยาให้ผมเป็นสมาชิกภายนอก ให้ผมหาผู้มีพรสวรรค์ทางวิถีแห่งนักสู้ในที่ต่าง ๆแล้วแนะนำพวกเขาไป ผมทำงานไปบ้าง แต่ถึงแม้จะมีอุดมการณ์ที่ดูสูงส่ง แต่การกระทำกลับหลบๆซ่อนๆผมไม่ค่อยชอบใจเท่าไร”
เย่สิงโจวเหลือบมองเซี่ยอู่เยวียนด้วยท่าทีแปลกๆ
โยวกวงสังเกตเห็น จึงถามขึ้นทันที
“คุณรู้เกี่ยวกับพวกเขาด้วย?”
เย่สิงโจวครุ่นคิดก่อนตอบว่า
“เคยได้ยินบ้าง ก็รู้ว่าเบื้องหลังมีอิทธิพลมาก... แต่ด้วยความที่ผมสำเร็จวิชาปรมาจารย์ค่อนข้างช้า จึงไม่เคยได้ติดต่อกับองค์กรนี้”
“ผู้ประเมินในตอนนั้นบอกว่า สมาคมแห่งการเยียวยามีเครือข่ายครอบคลุมประเทศต่างๆในจงโจว ตั้งใจจะสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักสู้... แต่ใครจะรู้จริงๆว่าเป็นจริงแค่ไหนกัน” เซี่ยอู่เยวียนกล่าว
เย่สิงโจวเพียงมองเขา แต่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
“ถ้ามีคนติดต่อคุณ ก็ไม่นานนัก สมาคมแห่งการเยียวยาคงจะส่งคนมาประเมินคุณ บางทีถ้าคุณสอบผ่านก็อาจจะได้เห็นสมาคมตัวจริง ส่วนคำว่าพวกเขาจะสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักสู้จริงหรือไม่ ก็อยู่ที่มุมมองแต่ละคนแล้ว” เซี่ยอู่เยวียนเสริมขึ้น
โยวกวงพยักหน้า
หลังจากที่เซี่ยอู่เยวียนเตรียมพร้อมเสร็จแล้ว เขาสวมเสื้อคล้ายเสื้อเกราะกันกระสุนไว้ภายใน
ส่วนเย่สิงโจวนั้น...
จากความไม่สมดุลเล็กน้อยของรูปร่าง เขาน่าจะสวมเกราะต่อสู้ไว้ภายในเช่นกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นระดับไหน
ทั้งหมดออกจากบ้านไป โดยมีรถตู้ขนาดเจ็ดที่นั่งรออยู่หน้าบ้านแล้ว
“ถ้าผมตาย สิ่งที่ผมสืบมาจะถูกส่งไปถึงโต๊ะของผู้นำประเทศทันที” เซี่ยอู่เยวียนกล่าวขึ้น
เย่สิงโจวส่ายหน้า
“เรื่องไหนทำได้ เรื่องไหนทำไม่ได้ ผมรู้ดีอยู่แล้ว ผมไม่เอาทั้งตระกูลเย่มาเสี่ยงหรอก”
เขามองไปที่เซี่ยอู่เยวียน
“แต่คุณ... คุณควรรู้ไว้ ว่าผู้ซื้อสินค้าพิเศษนี้มีอยู่ทั่วทุกมุมของผู้มีอำนาจ คุณต้องพิจารณาดีๆว่าการทำแบบนี้จะส่งผลอะไรบ้าง”
“เกิดเรื่องขึ้น ผมรับผิดชอบเองทั้งหมด” เซี่ยอู่เยวียนกล่าวเสียงหนักแน่น
“ผมรู้ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก การตัดสินใจนี้อาจทำให้ผมสูญเสียเวลาชีวิต ครอบครัว เพื่อนและทุกสิ่ง แต่...เรื่องแบบนี้ จะต้องมีคนยืนขึ้นมาหยุดยั้ง...”
สายตาของโยวกวงและเย่สิงโจวมองมายังเขา
“ถ้าไม่มีใคร...”
เซี่ยอู่เยวียนกล่าวหนักแน่น
“ถ้าไม่มีใครลุกขึ้นมา งั้นก็เป็นผมเอง”
คนวัยสามสิบกว่าที่กล้าพูดเช่นนี้ออกมา
ช่างฟังดูน่าขันนัก
ทว่าโยวกวงและเย่สิงโจวต่างไม่หัวเราะ
อย่าทำให้ตัวเองเคยชินกับความมืดแล้วไปแก้ต่างให้ความมืด อย่าภาคภูมิใจในความเสื่อมของตน และอย่าล้อเลียนคนที่กล้าหาญกว่าตัวเองเพราะในสักวันแสงจากพวกเขาที่เสียสละเพื่อเผาไหม้ตนเองอาจจะส่องมายังเราเช่นกัน
“ไปกันเถอะ” โยวกวงกล่าว
ในรถมีปรมาจารย์ของตระกูลเย่ขับนำไปยังพื้นที่ป่า
เย่สิงโจวหยิบแผนที่ออกมากางดู
“โรงงานเคมีไป่เซิง ห่างจากเมืองหลวง 40 กิโลเมตร เป็นแหล่งผลิต ‘เลือดเทพ’ แห่งเดียวในมณฑลเทียนหนาน นี่คือแผนที่โรงงาน... แต่ควรระวัง เพราะโรงงานอาจถูกปรับปรุงใหม่ไปบ้าง แผนที่นี้เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น...” ปรมาจารย์จากตระกูลเย่อธิบาย
โรงงานไม่ใหญ่นัก
ไม่อาจเทียบกับนิคมอุตสาหกรรมชิงอวี้ได้ แต่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา
เย่สิงโจวพบว่าผู้รับผิดชอบงานป้องกันโรงงานนี้เป็นหน่วยที่ตั้งขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา
“ภารกิจในครั้งนี้มีเป้าหมายสามอย่าง อย่างแรกเก็บรวบรวมหลักฐานภาพให้ได้มากที่สุด อย่างที่สอง หาตัวผู้อยู่เบื้องหลังและอย่างที่สาม...”
เซี่ยอู่เยวียนมองไปที่โยวกวง
“ผมต้องการเห็นพวกปีศาจพวกนั้นด้วยตาตัวเอง”
โยวกวงพยักหน้า
“ผมจะหาให้”
“ดี” เซี่ยอู่เยวียนพยักหน้า
เขารู้ว่าโยวกวงน่าจะมีวิธีการหาพวกปีศาจเหล่านั้นออกมา
ดังนั้นจึงให้คนที่มีความเชี่ยวชาญทำในสิ่งที่ตนถนัด
ทั้งสามสนทนากันจนไม่นาน โรงงานเคมีไป่เซิงก็ปรากฏในสายตาของพวกเขา
แม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่ในโรงงานยังคงสว่างไสว มีทั้งคนและรถที่แล่นผ่านไปมาไม่ขาดสาย
ทั้งสามเป็นปรมาจารย์จึงเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
พวกเขาจอดรถไว้ในป่าห่างจากโรงงานหลายร้อยเมตร ก่อนจะมุ่งหน้ามายังโรงงานอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่มาถึงโยวกวงใช้สัมผัสตรวจสอบในทันที
ต้องยอมรับว่าข้อมูลที่ได้จากตระกูลเย่นั้นแม่นยำมาก
ในโรงงานมีปีศาจอยู่จริง
และมีถึงสองตน
“ตามผมมา” โยวกวงเอ่ยขึ้น
“หาเจอแล้วเหรอ?”
เซี่ยอู่เยวียนรีบตามโยวกวงไปทันที
แม้เย่สิงโจวจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์แต่ก็เร่งก้าวตามมา
ไม่นานนักทั้งสามมาถึงอาคารสามชั้นแห่งหนึ่ง
“อยู่ในนั้น” โยวกวงกล่าวพลางชำเลืองมอง
ตัวอาคารถูกปิดประตูหน้าต่างทุกบาน มองไม่เห็นด้านในเลย
“เดี๋ยวจัดการเอง” เซี่ยอู่เยวียนกล่าว
เขารู้สึกว่าความอันตรายเช่นนี้ควรจะเป็นหน้าที่ของเขาเอง เนื่องจากโยวกวงเป็นคนที่เขาขอให้มาช่วย
แต่ทว่า...
“ไปด้วยกันเถอะ” โยวกวงตอบ
“เราควรจะฆ่ามันให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ตัวที่สองไหวตัวทัน แล้วตอนนั้นคุณจะได้เห็นรูปลักษณ์เต็มตัวของมัน”
“สองตัวเหรอ?” เซี่ยอู่เยวียนอุทานด้วยความตกใจ แต่ก็ตอบอย่างรวดเร็วว่า
“ถ้าอย่างนั้นต้องรีบจัดการมัน”
เขาหันไปพูดกับเย่สิงโจวเบาๆ
“รบกวนคุณคอยดูแลข้างนอกและสกัดศัตรูที่อาจเข้ามาเพิ่มที”
เย่สิงโจวพยักหน้า
จากการสนทนาของโยวกวงและเซี่ยอู่เยวียน ดูเหมือนว่าภายในมีผู้นำระดับสูงอยู่และน่าจะมีพลังไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องให้ทั้งสองคนร่วมมือกันจัดการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
ไม่แน่ว่า...
อาจจะเป็นปรมาจารย์ที่มาจากมณฑลหรือประเทศเล็กๆที่ไหนสักแห่ง
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เขาคงยินดีที่จะรับมือคนธรรมดามากกว่าการประมือกับปรมาจารย์
จากนั้นโยวกวงกับเซี่ยอู่เยวียนมายืนหน้าประตูบ้าน
ทั้งคู่สบตากันสักครู่ ก่อนจะบุกเข้าไปพร้อมกัน
“ใครน่ะ!?”
ทันทีที่พวกเขาพังประตูเข้าไป เสียงตะโกนดังขึ้นในทันใด
เซี่ยอู่เยวียนฟังเสียงและจำตำแหน่ง ก่อนจะเปิดฉากยิงโดยไม่ลังเล
“ปิ๊วๆๆ!”
ปลายกระบอกปืนไรเฟิลที่ติดที่เก็บเสียงสะท้านเล็กน้อย ขณะที่กระสุนระลอกหนึ่งพุ่งตรงไปยังทิศทางของเสียง
แต่...
เสียงบุกประตูเข้ามากระตุ้นให้ปีศาจในอาคารรู้สึกตัวก่อน มันตื่นตัวขึ้นทันทีและพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่าง
ข้างนอก เย่สิงโจวกำลังหามุมเหมาะๆเพื่อจัดการพวกลูกสมุน แต่กลับเห็นเศษแก้วและเศษไม้พุ่งกระจายมาใส่หน้าและตามมาด้วยเงาดำที่พุ่งเข้ามาหาเขา
ด้วยสัญชาตญาณของปรมาจารย์ เขาหมุนแรงและใช้ดาบศึกที่พกติดตัวฟาดใส่เงาดำนั้นในทันที
แต่ในเสี้ยววินาทีที่ดาบของเขาฟันเข้าเงาดำ เงาดำนั้นก็ตอบโต้กลับด้วยการโจมตี
หรือก็คือกรงเล็บที่เต็มไปด้วยเกล็ดแหลมคม!
กรงเล็บนั้นปะทะเข้ากับแสงดาบของเย่สิงโจว ทำให้เกิดเสียงดังกังวานเหมือนโลหะกระทบกัน
แรงปะทะทำให้เย่สิงโจวแทบจะถือดาบไว้ไม่อยู่ ใบดาบเอียงไปอย่างควบคุมไม่ได้ จนเปิดช่องว่างให้ศัตรูโจมตีได้ง่าย
“แย่แล้ว!”
เย่สิงโจวอุทานด้วยความตกใจ รีบพยายามถอยหลังอย่างรวดเร็ว
ภายใต้แสงราตรี เขามองเห็นเงาดำนั้นชัดเจน ดวงตาสีแดงเลือดและร่างกายใหญ่กำยำ มันใช้มือซ้ายพุ่งเข้ามาที่หน้าอกของเขาราวกับดาบแหลมคม
การโจมตีครั้งนี้ไม่เพียงแต่รวดเร็วอย่างยิ่ง แต่ยังดูเหมือนจะอ่านการเคลื่อนไหวของเขาได้ทั้งหมด
ในชั่วพริบตานั้น ไม่ว่าเขาจะหลบหนีไปทางไหน ก็รู้สึกเหมือนว่าจะหนีไม่พ้นจากการโจมตีนี้ และอาจโดนทะลวงอกจนถูกควักหัวใจออกมาได้!
ปรมาจารย์ขั้นสูง!
ความเร็วและพลังระเบิดของอีกฝ่ายชัดเจนว่าอยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูง
แถมยังเป็นปรมาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญในวิถีแห่งนักสู้ถึงระดับสูงสุด!
เป้าหมายแรกที่พวกเขาหมายจะซุ่มโจมตีกลับเป็นตัวอันตรายระดับนี้เชียวหรือ!?
“ไม่นะ!”
เย่สิงโจวร้องออกมาด้วยความกลัวอย่างยากจะเก็บกลั้น เลือดลมทั้งร่างเดือดพล่านและปะทุออกมาอย่างสุดกำลัง ใช้เคล็ดลับลับบางอย่างเร่งความเร็วในการถอย
แต่ถึงกระนั้น กรงเล็บของเงาดำยังคงตามติดราวกับกับดักที่ไม่มีทางรอด พุ่งเข้ามาตามร่างที่ถอยไปอย่างไม่ลดละ
ในชั่ววินาทีแห่งความเป็นความตายนี้เอง!
ทันทีที่กรงเล็บของเงาดำใกล้จะฝังเข้าที่หน้าอกของเย่สิงโจว เสียงดาบเยือกเย็นวาบผ่านกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
ตามมาด้วยร่างของเงาดำที่กระตุกวูบ
ปลายคมดาบทะลุออกจากหน้าผากของมันอย่างแม่นยำ
เย่สิงโจวถึงกับเห็นประกายแสงเย็นวาบออกมาจากปลายดาบนั้น
“ฟิ้ว!”
เย่สิงโจวรีบถอยออกมาจากเงาดำทันทีลงพื้นและถอยห่างไปอีกหลายก้าว
คราวนี้เขาจึงได้เห็นว่าโยวกวงได้พุ่งตามเงาดำออกมาทางหน้าต่างที่แตกแล้ว ร่างของเขาโลดโผนราวกับมังกรพุ่งเข้าใส่ฟ้า ปักดาบที่คมกริบเข้าที่ด้านหลังศีรษะของเงาดำ จนทำให้มันถึงแก่ชีวิตในทันที โยวกวงช่วยชีวิตเขาไว้ได้ในเสี้ยววินาที
ไม่เช่นนั้น...
หากช้าไปแค่ครึ่งวินาที เขาคงกลายเป็นวิญญาณที่พ่ายแพ้ใต้กรงเล็บของเงาดำนี้ไปแล้ว
เดี๋ยวก่อน!
กรงเล็บงั้นหรือ!?
เย่สิงโจวหันไปมองเงาดำนั้นอย่างตกตะลึง...
แม้ว่าร่างนั้นจะยังดูเป็นมนุษย์อยู่ แต่แขนที่เหมือนปีศาจกลับไม่ทันหดกลับเป็นแขนปกติอย่างชัดเจน
(จบบท)