ตอนที่แล้วบทที่ 44 น้ำหนักแห่งศักดิ์ศรี 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 46 ปรมาจารย์ขั้นสูงสุด 

บทที่ 45 โต้กลับ 


ช่วงหัวค่ำ

เหลยหยุนขับรถพาโยวกวงไปยังบ้านหลังหนึ่งในย่านชานเมือง

ที่นั่นมีสองคนกำลังรออยู่แล้ว

คนแรกคือเซี่ยอู่เยวียนผู้ริเริ่มภารกิจในครั้งนี้

อีกคนหนึ่งคือปรมาจารย์แห่งตระกูลเย่ที่เปิดเผยตัวตน เย่สิงโจว

เมื่อโยวกวงถือดาบก้าวเข้ามา เย่สิงโจวมีท่าทางประหลาดใจไม่น้อย ขยับสายตาไปที่เซี่ยอู่เยวียนในทันที

“เขาคือคนที่พูดถึงงั้นเหรอ”

“ใช่” เซี่ยอู่เยวียนพยักหน้ารับ

“เป็นไปได้ยังไง!” เย่สิงโจวตาเบิกโพลง

ก่อนหน้านี้เขาได้ยินว่าเซี่ยอู่เยวียนจะเชิญปรมาจารย์จากตระกูลซูมา โดยใช้พลังของปรมาจารย์ทั้งสามเพื่อบุกทำลายแหล่งรวมตัวของพวกปีศาจร้าย

ตอนนั้นเขายังคิดอยู่ว่าตระกูลซูคนไหนกันที่สามารถทะลุถึงระดับปรมาจารย์ขั้นสูงได้ จะเป็นหลิงจวินหรือซูชี้ซิน?แต่ทำไมกลับไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรเลย

เมื่อเห็นว่าเป็นโยวกวง...

“เขาเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงงั้นเหรอ?” เย่สิงโจวอดไม่ได้ที่จะถามซ้ำ

“ใช่” เซี่ยอู่เยวียนตอบอย่างหนักแน่น

“เรื่องภารกิจครั้งนี้ผมไม่เอามาล้อเล่นหรอก”

เย่สิงโจวถึงกับสูดหายใจลึกอย่างตกตะลึง

“อายุเพียงแค่ราวๆยี่สิบปีงั้นหรือปรมาจารย์ขั้นสูงที่อายุเพียงยี่สิบปี!?”

คำพูดนี้เขาถามโยวกวงโดยตรง

“เขาเพิ่งอายุสิบเก้าปี” ผู้ที่ตอบกลับเป็นเซี่ยอู่เยวียน

ทันใดนั้นเย่สิงโจวอดไม่ได้ที่จะขยับนิ้วกดขมับด้วยความรู้สึกอ่อนล้า

เซี่ยอู่เยวียนเองเปิดกล่องกีตาร์ออก แต่ภายในนั้นกลับไม่ใช่กีตาร์ แต่เป็นอาวุธปืน

เขาตรวจสอบปืนในกล่องอย่างคล่องแคล่ว จนโยวกวงรู้สึกว่าดาบในมือของตัวเองดูด้อยพลังลงไปถนัดตา

“อยากลองบ้างไหม” เซี่ยอู่เยวียนเห็นท่าทางแปลกๆของโยวกวงเลยถามขึ้นมา

โยวกวงครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะหยิบปืนพกขนาดใหญ่ขึ้นมาพร้อมกับกระสุนอีกสองแม็กกาซีนเก็บไว้

ฉากนี้ทำให้เย่สิงโจวที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นเบาๆ

“ยุคสมัยเสื่อมทรามลงทุกที ผู้คนกลับไม่นึกถึงอดีตอันดีงามเลย เฮ้อ”

โยวกวงนึกถึงคำพูดของจางเทียนจีเมื่อวานนี้ จึงถามเซี่ยอู่เยวียนว่า

“คุณรู้จักสมาคมแห่งการเยียวยาไหม”

เซี่ยอู่เยวียนที่กำลังปรับปืนชะงักไป มองโยวกวงในทันที

ไม่เพียงแต่เซี่ยอู่เยวียน แม้แต่เย่สิงโจวก็ยังแสดงสีหน้าเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันที

“พวกเขาติดต่อคุณแล้วงั้นหรือ” เซี่ยอู่เยวียนถาม

“ลองเล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหม?” โยวกวงกล่าวขึ้น

เมื่อวานนี้ ไป๋ย่าตรวจสอบข้อมูลมาตลอดทั้งวัน แต่บนเครือข่ายกลับไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสมาคมแห่งการเยียวยาเลย แม้แต่ในระบบข่าวกรองของตระกูลซูเองก็ไม่มีข้อมูลใดๆ

เหมือนกับว่าองค์กรนี้เป็นเรื่องที่ถูกสร้างขึ้นมาเท่านั้นเอง

“คุณโดนสมาคมแห่งการเยียวยาจับตา ไม่ใช่เรื่องแปลก” เซี่ยอู่เยวียนพยักหน้าด้วยความรู้สึกบางอย่าง

“จริงๆแล้วหลังจากที่ผมคว้าแชมป์ศึกศิลปะการต่อสู้ชิงถ้วยราชันย์ครั้งที่สิบสี่มาได้ไม่นาน ผมก็โดนลอบโจมตีจนเกือบตาย จากนั้นถึงได้รู้ว่านั่นคือผู้ประเมินของสมาคมแห่งการเยียวยา เพียงแต่...ผมสอบไม่ผ่านเท่านั้น”

เซี่ยอู่เยวียนมองโยวกวง

“สมาคมแห่งการเยียวยาให้ผมเป็นสมาชิกภายนอก ให้ผมหาผู้มีพรสวรรค์ทางวิถีแห่งนักสู้ในที่ต่าง ๆแล้วแนะนำพวกเขาไป ผมทำงานไปบ้าง แต่ถึงแม้จะมีอุดมการณ์ที่ดูสูงส่ง แต่การกระทำกลับหลบๆซ่อนๆผมไม่ค่อยชอบใจเท่าไร”

เย่สิงโจวเหลือบมองเซี่ยอู่เยวียนด้วยท่าทีแปลกๆ

โยวกวงสังเกตเห็น จึงถามขึ้นทันที

“คุณรู้เกี่ยวกับพวกเขาด้วย?”

เย่สิงโจวครุ่นคิดก่อนตอบว่า

“เคยได้ยินบ้าง ก็รู้ว่าเบื้องหลังมีอิทธิพลมาก... แต่ด้วยความที่ผมสำเร็จวิชาปรมาจารย์ค่อนข้างช้า จึงไม่เคยได้ติดต่อกับองค์กรนี้”

“ผู้ประเมินในตอนนั้นบอกว่า สมาคมแห่งการเยียวยามีเครือข่ายครอบคลุมประเทศต่างๆในจงโจว ตั้งใจจะสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักสู้... แต่ใครจะรู้จริงๆว่าเป็นจริงแค่ไหนกัน” เซี่ยอู่เยวียนกล่าว

เย่สิงโจวเพียงมองเขา แต่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม

“ถ้ามีคนติดต่อคุณ ก็ไม่นานนัก สมาคมแห่งการเยียวยาคงจะส่งคนมาประเมินคุณ บางทีถ้าคุณสอบผ่านก็อาจจะได้เห็นสมาคมตัวจริง ส่วนคำว่าพวกเขาจะสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับนักสู้จริงหรือไม่ ก็อยู่ที่มุมมองแต่ละคนแล้ว” เซี่ยอู่เยวียนเสริมขึ้น

โยวกวงพยักหน้า

หลังจากที่เซี่ยอู่เยวียนเตรียมพร้อมเสร็จแล้ว เขาสวมเสื้อคล้ายเสื้อเกราะกันกระสุนไว้ภายใน

ส่วนเย่สิงโจวนั้น...

จากความไม่สมดุลเล็กน้อยของรูปร่าง เขาน่าจะสวมเกราะต่อสู้ไว้ภายในเช่นกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นระดับไหน

ทั้งหมดออกจากบ้านไป โดยมีรถตู้ขนาดเจ็ดที่นั่งรออยู่หน้าบ้านแล้ว

“ถ้าผมตาย สิ่งที่ผมสืบมาจะถูกส่งไปถึงโต๊ะของผู้นำประเทศทันที” เซี่ยอู่เยวียนกล่าวขึ้น

เย่สิงโจวส่ายหน้า

“เรื่องไหนทำได้ เรื่องไหนทำไม่ได้ ผมรู้ดีอยู่แล้ว ผมไม่เอาทั้งตระกูลเย่มาเสี่ยงหรอก”

เขามองไปที่เซี่ยอู่เยวียน

“แต่คุณ... คุณควรรู้ไว้ ว่าผู้ซื้อสินค้าพิเศษนี้มีอยู่ทั่วทุกมุมของผู้มีอำนาจ คุณต้องพิจารณาดีๆว่าการทำแบบนี้จะส่งผลอะไรบ้าง”

“เกิดเรื่องขึ้น ผมรับผิดชอบเองทั้งหมด” เซี่ยอู่เยวียนกล่าวเสียงหนักแน่น

“ผมรู้ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก การตัดสินใจนี้อาจทำให้ผมสูญเสียเวลาชีวิต ครอบครัว เพื่อนและทุกสิ่ง แต่...เรื่องแบบนี้ จะต้องมีคนยืนขึ้นมาหยุดยั้ง...”

สายตาของโยวกวงและเย่สิงโจวมองมายังเขา

“ถ้าไม่มีใคร...”

เซี่ยอู่เยวียนกล่าวหนักแน่น

“ถ้าไม่มีใครลุกขึ้นมา งั้นก็เป็นผมเอง”

คนวัยสามสิบกว่าที่กล้าพูดเช่นนี้ออกมา

ช่างฟังดูน่าขันนัก

ทว่าโยวกวงและเย่สิงโจวต่างไม่หัวเราะ

อย่าทำให้ตัวเองเคยชินกับความมืดแล้วไปแก้ต่างให้ความมืด อย่าภาคภูมิใจในความเสื่อมของตน และอย่าล้อเลียนคนที่กล้าหาญกว่าตัวเองเพราะในสักวันแสงจากพวกเขาที่เสียสละเพื่อเผาไหม้ตนเองอาจจะส่องมายังเราเช่นกัน

“ไปกันเถอะ” โยวกวงกล่าว

ในรถมีปรมาจารย์ของตระกูลเย่ขับนำไปยังพื้นที่ป่า

เย่สิงโจวหยิบแผนที่ออกมากางดู

“โรงงานเคมีไป่เซิง ห่างจากเมืองหลวง 40 กิโลเมตร เป็นแหล่งผลิต ‘เลือดเทพ’ แห่งเดียวในมณฑลเทียนหนาน นี่คือแผนที่โรงงาน... แต่ควรระวัง เพราะโรงงานอาจถูกปรับปรุงใหม่ไปบ้าง แผนที่นี้เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น...” ปรมาจารย์จากตระกูลเย่อธิบาย

โรงงานไม่ใหญ่นัก

ไม่อาจเทียบกับนิคมอุตสาหกรรมชิงอวี้ได้ แต่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา

เย่สิงโจวพบว่าผู้รับผิดชอบงานป้องกันโรงงานนี้เป็นหน่วยที่ตั้งขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา

“ภารกิจในครั้งนี้มีเป้าหมายสามอย่าง อย่างแรกเก็บรวบรวมหลักฐานภาพให้ได้มากที่สุด อย่างที่สอง หาตัวผู้อยู่เบื้องหลังและอย่างที่สาม...”

เซี่ยอู่เยวียนมองไปที่โยวกวง

“ผมต้องการเห็นพวกปีศาจพวกนั้นด้วยตาตัวเอง”

โยวกวงพยักหน้า

“ผมจะหาให้”

“ดี” เซี่ยอู่เยวียนพยักหน้า

เขารู้ว่าโยวกวงน่าจะมีวิธีการหาพวกปีศาจเหล่านั้นออกมา

ดังนั้นจึงให้คนที่มีความเชี่ยวชาญทำในสิ่งที่ตนถนัด

ทั้งสามสนทนากันจนไม่นาน โรงงานเคมีไป่เซิงก็ปรากฏในสายตาของพวกเขา

แม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่ในโรงงานยังคงสว่างไสว มีทั้งคนและรถที่แล่นผ่านไปมาไม่ขาดสาย

ทั้งสามเป็นปรมาจารย์จึงเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว

พวกเขาจอดรถไว้ในป่าห่างจากโรงงานหลายร้อยเมตร ก่อนจะมุ่งหน้ามายังโรงงานอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่มาถึงโยวกวงใช้สัมผัสตรวจสอบในทันที

ต้องยอมรับว่าข้อมูลที่ได้จากตระกูลเย่นั้นแม่นยำมาก

ในโรงงานมีปีศาจอยู่จริง

และมีถึงสองตน

“ตามผมมา” โยวกวงเอ่ยขึ้น

“หาเจอแล้วเหรอ?”

เซี่ยอู่เยวียนรีบตามโยวกวงไปทันที

แม้เย่สิงโจวจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์แต่ก็เร่งก้าวตามมา

ไม่นานนักทั้งสามมาถึงอาคารสามชั้นแห่งหนึ่ง

“อยู่ในนั้น” โยวกวงกล่าวพลางชำเลืองมอง

ตัวอาคารถูกปิดประตูหน้าต่างทุกบาน มองไม่เห็นด้านในเลย

“เดี๋ยวจัดการเอง” เซี่ยอู่เยวียนกล่าว

เขารู้สึกว่าความอันตรายเช่นนี้ควรจะเป็นหน้าที่ของเขาเอง เนื่องจากโยวกวงเป็นคนที่เขาขอให้มาช่วย

แต่ทว่า...

“ไปด้วยกันเถอะ” โยวกวงตอบ

“เราควรจะฆ่ามันให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ตัวที่สองไหวตัวทัน แล้วตอนนั้นคุณจะได้เห็นรูปลักษณ์เต็มตัวของมัน”

“สองตัวเหรอ?” เซี่ยอู่เยวียนอุทานด้วยความตกใจ แต่ก็ตอบอย่างรวดเร็วว่า

“ถ้าอย่างนั้นต้องรีบจัดการมัน”

เขาหันไปพูดกับเย่สิงโจวเบาๆ

“รบกวนคุณคอยดูแลข้างนอกและสกัดศัตรูที่อาจเข้ามาเพิ่มที”

เย่สิงโจวพยักหน้า

จากการสนทนาของโยวกวงและเซี่ยอู่เยวียน ดูเหมือนว่าภายในมีผู้นำระดับสูงอยู่และน่าจะมีพลังไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องให้ทั้งสองคนร่วมมือกันจัดการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

ไม่แน่ว่า...

อาจจะเป็นปรมาจารย์ที่มาจากมณฑลหรือประเทศเล็กๆที่ไหนสักแห่ง

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เขาคงยินดีที่จะรับมือคนธรรมดามากกว่าการประมือกับปรมาจารย์

จากนั้นโยวกวงกับเซี่ยอู่เยวียนมายืนหน้าประตูบ้าน

ทั้งคู่สบตากันสักครู่ ก่อนจะบุกเข้าไปพร้อมกัน

“ใครน่ะ!?”

ทันทีที่พวกเขาพังประตูเข้าไป เสียงตะโกนดังขึ้นในทันใด

เซี่ยอู่เยวียนฟังเสียงและจำตำแหน่ง ก่อนจะเปิดฉากยิงโดยไม่ลังเล

“ปิ๊วๆๆ!”

ปลายกระบอกปืนไรเฟิลที่ติดที่เก็บเสียงสะท้านเล็กน้อย ขณะที่กระสุนระลอกหนึ่งพุ่งตรงไปยังทิศทางของเสียง

แต่...

เสียงบุกประตูเข้ามากระตุ้นให้ปีศาจในอาคารรู้สึกตัวก่อน มันตื่นตัวขึ้นทันทีและพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่าง

ข้างนอก เย่สิงโจวกำลังหามุมเหมาะๆเพื่อจัดการพวกลูกสมุน แต่กลับเห็นเศษแก้วและเศษไม้พุ่งกระจายมาใส่หน้าและตามมาด้วยเงาดำที่พุ่งเข้ามาหาเขา

ด้วยสัญชาตญาณของปรมาจารย์ เขาหมุนแรงและใช้ดาบศึกที่พกติดตัวฟาดใส่เงาดำนั้นในทันที

แต่ในเสี้ยววินาทีที่ดาบของเขาฟันเข้าเงาดำ เงาดำนั้นก็ตอบโต้กลับด้วยการโจมตี

หรือก็คือกรงเล็บที่เต็มไปด้วยเกล็ดแหลมคม!

กรงเล็บนั้นปะทะเข้ากับแสงดาบของเย่สิงโจว ทำให้เกิดเสียงดังกังวานเหมือนโลหะกระทบกัน

แรงปะทะทำให้เย่สิงโจวแทบจะถือดาบไว้ไม่อยู่ ใบดาบเอียงไปอย่างควบคุมไม่ได้ จนเปิดช่องว่างให้ศัตรูโจมตีได้ง่าย

“แย่แล้ว!”

เย่สิงโจวอุทานด้วยความตกใจ รีบพยายามถอยหลังอย่างรวดเร็ว

ภายใต้แสงราตรี เขามองเห็นเงาดำนั้นชัดเจน ดวงตาสีแดงเลือดและร่างกายใหญ่กำยำ มันใช้มือซ้ายพุ่งเข้ามาที่หน้าอกของเขาราวกับดาบแหลมคม

การโจมตีครั้งนี้ไม่เพียงแต่รวดเร็วอย่างยิ่ง แต่ยังดูเหมือนจะอ่านการเคลื่อนไหวของเขาได้ทั้งหมด

ในชั่วพริบตานั้น ไม่ว่าเขาจะหลบหนีไปทางไหน ก็รู้สึกเหมือนว่าจะหนีไม่พ้นจากการโจมตีนี้ และอาจโดนทะลวงอกจนถูกควักหัวใจออกมาได้!

ปรมาจารย์ขั้นสูง!

ความเร็วและพลังระเบิดของอีกฝ่ายชัดเจนว่าอยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูง

แถมยังเป็นปรมาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญในวิถีแห่งนักสู้ถึงระดับสูงสุด!

เป้าหมายแรกที่พวกเขาหมายจะซุ่มโจมตีกลับเป็นตัวอันตรายระดับนี้เชียวหรือ!?

“ไม่นะ!”

เย่สิงโจวร้องออกมาด้วยความกลัวอย่างยากจะเก็บกลั้น เลือดลมทั้งร่างเดือดพล่านและปะทุออกมาอย่างสุดกำลัง ใช้เคล็ดลับลับบางอย่างเร่งความเร็วในการถอย

แต่ถึงกระนั้น กรงเล็บของเงาดำยังคงตามติดราวกับกับดักที่ไม่มีทางรอด พุ่งเข้ามาตามร่างที่ถอยไปอย่างไม่ลดละ

ในชั่ววินาทีแห่งความเป็นความตายนี้เอง!

ทันทีที่กรงเล็บของเงาดำใกล้จะฝังเข้าที่หน้าอกของเย่สิงโจว เสียงดาบเยือกเย็นวาบผ่านกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน

ตามมาด้วยร่างของเงาดำที่กระตุกวูบ

ปลายคมดาบทะลุออกจากหน้าผากของมันอย่างแม่นยำ

เย่สิงโจวถึงกับเห็นประกายแสงเย็นวาบออกมาจากปลายดาบนั้น

“ฟิ้ว!”

เย่สิงโจวรีบถอยออกมาจากเงาดำทันทีลงพื้นและถอยห่างไปอีกหลายก้าว

คราวนี้เขาจึงได้เห็นว่าโยวกวงได้พุ่งตามเงาดำออกมาทางหน้าต่างที่แตกแล้ว ร่างของเขาโลดโผนราวกับมังกรพุ่งเข้าใส่ฟ้า ปักดาบที่คมกริบเข้าที่ด้านหลังศีรษะของเงาดำ จนทำให้มันถึงแก่ชีวิตในทันที โยวกวงช่วยชีวิตเขาไว้ได้ในเสี้ยววินาที

ไม่เช่นนั้น...

หากช้าไปแค่ครึ่งวินาที เขาคงกลายเป็นวิญญาณที่พ่ายแพ้ใต้กรงเล็บของเงาดำนี้ไปแล้ว

เดี๋ยวก่อน!

กรงเล็บงั้นหรือ!?

เย่สิงโจวหันไปมองเงาดำนั้นอย่างตกตะลึง...

แม้ว่าร่างนั้นจะยังดูเป็นมนุษย์อยู่ แต่แขนที่เหมือนปีศาจกลับไม่ทันหดกลับเป็นแขนปกติอย่างชัดเจน

(จบบท)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด