บทที่ 3 ชีวิตที่ว่างเปล่า
บทที่ 3 ชีวิตที่ว่างเปล่า
โจรหนุ่มนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ข้างกายมีนักสังคมสงเคราะห์สาววัยเยาว์ผู้มีรอยยิ้มและหน้าตาอ่อนหวาน เธอนั่งอยู่ข้างเตียงและพูดเป็นภาษาอังกฤษว่า “นวลบาบอ เราตรวจสอบข้อมูลของคุณแล้ว ชื่อของคุณคือ ชุยเจี้ยน”
“ฉันชื่อ ชุยเจี้ยน เหรอ?” โจรหนุ่มชุยเจี้ยนปิดตาคิดอย่างลึกซึ้ง ทำไมเขาถึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับมันเลย?
นักสังคมสงเคราะห์สาวชื่อ หลี่ฉิน เธอยื่นข้อมูลให้ชุยเจี้ยนดูและกล่าวว่า “จากลายนิ้วมือของคุณ เราพบประวัติการเข้าประเทศที่ด่านศุลกากร แม้ว่าคุณจะเป็นคนเกาหลี แต่คุณอาศัยอยู่ในอเมริกามานานหลายปี ทำให้คุณไม่เข้าใจภาษาเกาหลี ฉันกับเจ้าหน้าที่คิมได้คุยโทรศัพท์กับหัวหน้าหมู่บ้านบนเกาะอูออล เพื่อสอบถามข้อมูล เขาบอกว่าคุณเป็นคนสันโดษ ไม่เคยไปสุงสิงกับคนในหมู่บ้าน แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้น ฉันคิดว่าคุณเป็นคนเปิดเผย อาจเป็นเพราะคุณสูญเสียความทรงจำก็เป็นได้”
ชุยเจี้ยนอบด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าไม่เสียความทรงจำ ฉันก็คงไม่กล้าบอกว่าตัวเองเป็นคนเกาหลี”
คำพูดของชุยเจี้ยนทำให้หลี่ฉินหัวเราะอย่างขบขัน เธอยกมือขึ้นปิดปากพลางหัวเราะ
หลังจากยืนยันข้อมูลตัวตนแล้ว ชุยเจี้ยน ผู้ที่สูญเสียความทรงจำเนื่องจากบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง ได้เริ่มต้นการเดินทางสุดพิลึกในเมืองฮันเป็นเวลาหนึ่งปี
สำหรับหลี่ฉินแล้ว ชุยเจี้ยนเป็นชายหนุ่มที่มีอารมณ์ขัน หล่อเหลา ร่าเริง สดใส และน่ารัก ส่วนในสายตาของชุยเจี้ยน หลี่ฉินคือรักแรกและเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา
ในช่วงที่พักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลาสามเดือน หลี่ฉินซึ่งเป็นครูสอนภาษาเกาหลีจะไปเยี่ยมชุยเจี้ยนที่โรงพยาบาลทุกวัน บางครั้งก็อยู่ทั้งวัน ทั้งสองจึงพัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นคู่รักกันอย่างรวดเร็ว
เมื่อชุยเจี้ยนหายจากอาการบาดเจ็บ หลี่ฉินก็แนะนำให้เขาเข้าทำงานที่สาขาของบริษัทแดอินกรุ๊ป ชุยเจี้ยนทำงานด้วยความตั้งใจและอุตสาหะ ปฏิบัติต่อคนรอบข้างด้วยความจริงใจและมีมารยาท จนได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา แม้กระทั่งได้พบกับประธานบริษัทสาขาด้วย
แม้จะยุ่งกับงานมากแค่ไหน ชุยเจี้ยนก็พยายามแบ่งเวลามาอยู่กับหลี่ฉิน ในความรักที่หวานชื่น ทั้งสองเริ่มวาดฝันถึงอนาคตร่วมกัน ถึงขั้นตั้งชื่อให้ลูกแล้ว
แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันเมื่อเข้าสู่เดือนที่แปดที่เขารู้จักกับหลี่ฉิน
ในตอนนั้น ชุยเจี้ยนกับหลี่ฉินกำลังจะก้าวไปสู่ขั้นสำคัญ หลี่ฉินนัดให้ชุยเจี้ยนไปเยี่ยมครอบครัวเธอในวันสุดสัปดาห์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ชุยเจี้ยนจะได้พบกับว่าที่พ่อตาแม่ยาย หลี่ฉินถึงกับซื้อชุดสูทราคาแพงให้ชุยเจี้ยน แต่ก่อนที่จะถึงวันไปพบพ่อแม่ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากเจ้านายให้ไปทำงานที่โซลในช่วงสุดสัปดาห์
หลี่ฉินจึงได้พูดคุยกับพ่อแม่ของเธอซึ่งเป็นคนเข้าใจและเห็นใจในงานของชุยเจี้ยน จึงยินยอมให้เลื่อนการเยี่ยมไปอีกหนึ่งสัปดาห์
เมื่อมาถึงโซล ชุยเจี้ยนเข้าพักที่โรงแรมที่บริษัทจองให้ และในเวลาที่กำหนดไว้ เขาก็พบกับลูกค้าในบาร์ของโรงแรมเวลาเก้าโมงค่ำ ภายใต้คำชมและรอยยิ้มผสมความจริงใจพร้อมกับดื่มเหล้าหลายแก้ว ลูกค้าก็ลงนามในสัญญาทันที
ในระหว่างที่ลูกค้าเข้าห้องน้ำ ชุยเจี้ยนบังเอิญได้พบกับหญิงสาวสวยชื่อ หลินอวี๋ ซึ่งเดินสะดุดโต๊ะเขา หลังจากที่ลูกค้ากลับไปแล้ว ชุยเจี้ยนเห็นหลินอวี๋นั่งอยู่มุมบาร์ในสภาพหงอยเหงาและน้ำตาซึม ด้วยความเป็นห่วงจึงเข้าไปถามไถ่ว่าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ หลินอวี๋บอกกับชุยเจี้ยนว่าเธออยากตาย
ด้วยเหตุนี้ ชุยเจี้ยนจึงกลายเป็นผู้ฟังเรื่องราวของหลินอวี๋ แสดงความรู้สึกโกรธเคืองต่อสิ่งที่เธอต้องเผชิญและปลอบโยนเธอ ทั้งสองพูดคุยกันอย่างเข้ากันได้ดีจนถึงจุดที่หลินอวี๋กระซิบเบา ๆ ข้างหูชุยเจี้ยน บอกหมายเลขห้องของเธอ พร้อมทั้งเลียริมฝีปากและส่งสายตาเย้ายวนก่อนจะจากไป
เมื่อกลับมาที่ห้องตัวเอง ชุยเจี้ยนได้อาบน้ำเย็นสามครั้งแต่ก็ยังไม่อาจสงบใจได้ เขาจึงตัดสินใจเดินออกจากห้องและเคาะประตูห้องของหลินอวี๋
เมื่อได้พบกัน ทั้งสองก็สวมกอดกันทันที ขณะกำลังแสดงความรักกันอย่างหลงใหล หลินอวี๋ผลักชุยเจี้ยนลงบนโซฟาและหันหลังไปเข้าห้องน้ำโดยบอกให้เขารอเธอ
ขณะที่ชุยเจี้ยนถอดเสื้อและนั่งฝันหวานอยู่บนโซฟา ประตูห้องก็เปิดออก และคนที่เดินเข้ามาคือ หลี่ฉิน
ส่วนหลินอวี๋ที่เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำออกมายืนอยู่มุมห้องพร้อมทั้งมองดูเหตุการณ์อย่างสนุกสนาน
เมื่อชุยเจี้ยนเห็นหลี่ฉิน เขาถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก เมื่อหลี่ฉินหันหลังจากไปด้วยน้ำตา ชุยเจี้ยนพยายามคว้ามือเธอไว้ แต่กลับถูกหลี่ฉินตบหน้าอย่างแรง ก่อนที่เธอจะปิดปากร้องไห้และวิ่งออกจากห้องไป
ในขณะนั้น ชุยเจี้ยนอยู่ในสภาวะที่เหมือนวิญญาณออกจากร่าง แม้กระทั่งถูกชายร่างใหญ่สองคนทุบตีจนล้มลง และถูกหลินอวี๋เหยียบอยู่ใต้เท้า แต่สมองของเขาก็ยังคงมึนงงไม่ต่างจากเดิม
เมื่อกลับถึงเมืองฮัน ไม่ว่าชุยเจี้ยนจะพยายามติดต่อหลี่ฉินด้วยวิธีไหนก็ไม่เป็นผล เขาจึงใช้ระบบระบุตำแหน่งในโทรศัพท์ของคู่รักเพื่อตามหาหลี่ฉินอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็พบเธอที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง แต่การพบกันครั้งนี้กลับกลายเป็นหายนะอีกครั้ง หลี่ฉินประกาศเลิกกับชุยเจี้ยนอย่างเป็นทางการต่อหน้าทุกคนในร้าน ชุยเจี้ยนไม่รู้เลยว่า “ทุกคน” ที่เธอหมายถึงคือใคร และก็ไม่อยากรู้ เขารู้แค่ว่าเขาไม่อยากปล่อยมือจากหลี่ฉิน
หลังจากที่หลี่ฉินวิ่งหนีไปพร้อมกับน้ำตาอีกครั้ง ชุยเจี้ยนก็ถูกซ้อมอีกครั้ง
ในสภาพใบหน้าช้ำบวมและเดินอย่างไร้จุดหมายเพื่อหาหลี่ฉิน ชุยเจี้ยนกลับพบสิ่งที่กลายมาเป็นเพื่อนคนแรกของเขาในเมืองฮัน นั่นคือ “สุรา”
ตั้งแต่นั้นมา ชุยเจี้ยนก็เหมือนกลายเป็นคนละคน เขามาทำงานสาย มีกลิ่นสุราติดตัว ขาดแรงบันดาลใจในงาน กระทั่งไม่คิดจะหวีผมก่อนออกจากบ้าน ผู้บังคับบัญชาพยายามพูดคุยเตือนสติเขาหลายครั้ง แต่ชุยเจี้ยนก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในที่สุดเขาจึงถูกบริษัทไล่ออก
ชุยเจี้ยนที่ตกงานต้องย้ายเข้าไปอยู่ในห้องเช่าราคาถูก ใช้ชีวิตไปวัน ๆ โดยการออกไปดื่มสุราในตอนกลางคืนและนอนอยู่ในห้องเช่าในตอนกลางวัน เขาใช้เงินค่าชดเชยจากการเลิกจ้างและเงินสวัสดิการผู้ว่างงานในการดำรงชีวิตอย่างไร้จุดหมาย
บาร์ที่ชุยเจี้ยนไปเป็นประจำที่สุดตั้งอยู่ใกล้ห้องเช่า เป็นบาร์ธรรมดาที่เปิดให้บริการแก่ทุกคน และทุกครั้งที่เขาไป เขามักจะเมาจนหมดสติ
ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่เขาเมาจนร้านปิด ต้องถูกพนักงานปลุกให้ตื่นและเดินออกจากบาร์
ขณะนั้นฝนตกปรอย ๆ ถนนว่างเปล่าปราศจากผู้คน ชุยเจี้ยนเดินโซเซไปตามกำแพง คล้ายซอมบี้ที่เดินตามสัญชาตญาณมุ่งหน้ากลับไปยังห้องเช่า
ระหว่างทาง เขาได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือจากในตรอก เขาจึงเดินโซเซเกาะกำแพงเข้าไปจนถึงส่วนลึกของตรอก ก็พบกับชายสองคนที่กำลังรังแกหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ที่ประตูหลังของร้านอาหาร
ความโกรธเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมา ชุยเจี้ยนะโกนออกไปว่า “หยุดเดี๋ยวนี้!”
ชายคนหนึ่งผลักชุยเจี้ยนล้มลง แต่เขาก็จับเข็มขัดของอีกฝ่ายเพื่อพยุงตัวขึ้น แต่ก็ถูกอีกฝ่ายชกจนล้มลงอีกครั้ง กระนั้นเขาก็ยังลุกขึ้นมาได้อีกครั้งและพูดเสียงอ้อแอ้ว่า “วิ่งสิ...วิ่งหนีไป”
หญิงสาวรีบกอดตัวเองและวิ่งหนีออกไป แต่ชายคนหนึ่งก็ยังพยายามฉุดเธอกลับมา ชุยเจี้ยนจึงโถมตัวเข้ากอดชายคนนั้นและใช้แรงผลักเขาไปกระแทกกับกำแพง
ชายอีกคนเห็นดังนั้นจึงจะตามไปจับหญิงสาว ชุยเจี้ยนจึงยกเท้าซ้ายขวางทางเข้าตรอกไว้ขณะที่เขากำลังต่อสู้กับชายอีกคน
ชุยเจี้ยนทนรับการทุบตีและการด่าทอจากชายสองคนด้วยสภาพนอนคว่ำในน้ำฝนเย็นยะเยือก เขาจับส้นเท้าของชายคนหนึ่งไว้แน่นจนกระทั่งโดนก้อนอิฐฟาดที่หัวจนสลบลงไป