ตอนที่แล้วบทที่ 28 นี่คือคนที่เรียกว่าอัจฉริยะงั้นหรือ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 30 คัมภีร์กลั่นปีศาจโลหิต

บทที่ 29 พบปะอาจารย์ลุงหลิว


บทที่ 29 พบปะอาจารย์ลุงหลิว

ชู่ซวนกลับไปยังถ้ำที่เคยเป็นที่อยู่ของเขา เขาย้ายหินก้อนใหญ่กลับเข้าที่เพื่อปิดผนึกทางเข้าและจัดวางชุดค่ายกลต่างๆ ก่อนที่จะเปิดกระเป๋าเก็บของของโอวหยางห่าว แค่มองผ่านๆ ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาได้แล้ว

เขาสมกับเป็นอัจฉริยะที่ได้รับการทะนุถนอมจากผู้อาวุโสของนิกายดวงดาวศักดิ์สิทธิ์!

สิ่งของในกระเป๋านั้นมีของมีค่าหลายอย่าง สิ่งแรกที่สะดุดตาเขาคือกองภูเขาของหินวิญญาณขนาดเล็ก เมื่อนับคร่าวๆ พบว่ามีอย่างน้อยหนึ่งพันก้อน นอกจากนี้ยังมีหินวิญญาณขนาดกลางรวมกันกว่ายี่สิบก้อน

นอกจากหินวิญญาณเหล่านี้แล้ว ยังมีหนังสือหลายเล่มที่เก็บไว้ในกล่องหยก ซึ่งล้วนเป็นคัมภีร์และเทคนิคเวทย์ของนิกายดวงดาวศักดิ์สิทธิ์ ส่วนมากจะเป็นวิชาเกี่ยวกับการฝึกฝนดาบเท่านั้น ชู่ซวนพลิกดูหนังสือเหล่านั้นอย่างคร่าวๆโดยไม่สนใจมากนัก

นอกจากนี้ในกระเป๋ายังมีเครื่องมือเวทย์สองชิ้น ชิ้นแรกคือดาบบินที่โอวหยางห่าวถืออยู่ ดาบบินนี้มีชื่อว่า "ดาบบินดาราสวรรค์" ซึ่งเป็นเครื่องมือเวทย์การบินระดับสูงที่สามารถเคลื่อนที่ได้ไกลถึงพันลี้ในหนึ่งชั่วโมง หินวิญญาณขนาดเล็กเพียงก้อนเดียวสามารถบินได้เป็นระยะทางสามพันลี้ และสามารถเพิ่มความเร็วในการโจมตีในระยะสั้นได้ด้วยการเพิ่มหินวิญญาณ

(ในมุมมองของโลกลึกลับจะใช้หน่วยของจีนโบราณ 1 ลี้ = 0.5 กิโลเมตร 1 จ่าง = 3 เมตร)

ในทางตรงกันข้าม เครื่องมือเวทย์การบินของชู่ซวนกลับสามารถบินได้เพียงสามร้อยลี้ในหนึ่งชั่วโมง ก้อนหินวิญญาณขนาดเล็กหนึ่งก้อนใช้ได้หนึ่งพันลี้โดยไม่มีคุณสมบัติเร่งความเร็วใดๆ แค่คุณสมบัตินี้ก็ทำให้เครื่องมือเวทย์ของเขาถูกแซงหน้าไปอย่างสิ้นเชิง

สิ่งของชิ้นที่สองคือโล่ไม้สีทอง แม้จะทำจากไม้ แต่ก็ให้ความรู้สึกแข็งเป็นพิเศษเมื่อสัมผัส เครื่องมือเวทย์ชิ้นนี้มีชื่อว่า "โล่ไม้สีทอง" ซึ่งประดิษฐ์จากไม้วัชระและเป็นเครื่องมือเวทย์ระดับสูงอีกด้วย ความสามารถในการป้องกันของเครื่องมือเวทย์นี้จัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของเครื่องมือเวทย์ด้านการป้องกันระดับสูงทั้งหมด สิ่งของทั้งสองชิ้นนี้สามารถเติมเต็มช่องว่างในคลังอาวุธปัจจุบันของชู่ซวนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“นั่นคือเม็ดยาสร้างรากฐานงั้นหรือ?” ชู่ซวนยังคงค้นหาต่อไปและรู้สึกประหลาดใจที่พบเม็ดยาสร้างรากฐานในมุมหนึ่งของกระเป๋าเก็บของ

เขาประหลาดใจที่ความสามารถทางการเงินของโอวหยางห่าวนั้นไม่น่าจะซื้อยาชนิดนี้ได้ ดังนั้นที่มาของยาจึงชัดเจน ยาเม็ดนี้ต้องได้รับการมอบให้โดยผู้อาวุโสใหญ่แห่งนิกายดวงดาวศักดิ์สิทธิ์เพื่อใช้ในการก้าวข้ามขอบเขตในอนาคตของโอวหยางห่าว

“ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสใหญ่คนนั้นจะให้ความสำคัญกับโอวหยางห่าวมาก” ชู่ซวนครุ่นคิดด้วยรอยยิ้ม ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือคนที่สังหารโอวหยางห่าว แม้ว่าผู้อาวุโสใหญ่คนนั้นจะโกรธและต้องการฉีกฆาตกรออกเป็นชิ้นๆ อีกฝ่ายก็ไม่พบร่องรอยใดๆ ที่นำไปสู่เขาได้อย่างแน่นอน

“อย่างไรก็ตาม เม็ดยาสร้างรากฐานเพียงเม็ดเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะละลายพลังวิญญาณของข้าและช่วยให้ข้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตการก่อตั้งรากฐานได้”

ชู่ซวนไตร่ตรอง “ดังนั้นเม็ดยาโลหิตสร้างรากฐานยังคงจำเป็นอยู่” เขาไม่คิดว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษที่สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตการก่อตั้งรากฐานด้วยเม็ดยาเพียงเม็ดเดียว

“ตอนนี้ก็มาหลอมกลั่นสิ่งเหล่านี้ก่อนแล้วแปลงเป็นพลังต่อสู้ของข้า” เขาตัดสินใจ เขาเก็บเม็ดยาสร้างรากฐานและดึงดาบบินดาราสวรรค์และโล่ไม้สีทองออกจากกระเป่าเก็บของ

สิ่งของทั้งสองชิ้นมีรอยประทับแก่นแท้เลือดของโอวหยางห่าว ซึ่งเป็นรอยประทับที่ทำโดยการเสียสละแก่นแท้เลือดของตนเองเพื่อฝังร่องรอยส่วนตัวลงในเครื่องมือเวทย์ ทำให้มั่นใจได้ว่าคนอื่นจะเอาไปไม่ใช้ได้ง่าย ๆ ในระหว่างการต่อสู้

ส่วนการประทับที่ทรงพลังกว่านั้นคือการประทับร่องรอยเลือดวิญญาณ ซึ่งเกี่ยวข้องกับทั้งวิญญาณและแก่นแท้เลือด แต่เป็นเทคนิคที่เข้าถึงได้เฉพาะขอบเขตการก่อตั้งรากฐานเท่านั้น ในระดับปัจจุบันของเขาชู่ซวนสามารถใช้การประทับแก่นแท้เลือดได้เท่านั้น

เขาใช้นิ้วกดลงบนผิวของดาบบินดาราสวรรค์ จากนั้นก็ฉีดพลังวิญญาณเข้าไปเล็กน้อยเพื่อค้นหารอยประทับแก่นแท้เลือดที่อยู่ภายใน และใช้พลังวิญญาณของเขากำจัดมันออกไป

ภายในเวลาประมาณหนึ่งในสี่ของชั่วโมง เขาก็ได้ลบรอยประทับแก่นแท้เลือดที่เหลืออยู่ของโอวหยางห่าวจนหมดสิ้น ตอนนี้ดาบบินดาราสวรรค์ก็กลายเป็นไม่มีเจ้าของแล้วและพร้อมให้เขาใช้งานได้แล้ว

ชู่ซวนกระแทกหน้าอกของเขาเบาๆ และดึงแก่นแท้เลือดของตัวเองออกมาหยดหนึ่งแล้วปล่อยให้หยดเลือดนั้นตกลงบนพื้นผิวของดาบ เป็นการเริ่มกระบวนการหลอมกลั่น กระบวนการนี้กินเวลานานถึงสามชั่วโมงเลยทีเดียว

ในความมืดมิดภายในถ้ำนั้น ดวงตาของชู่ซวนเป็นประกายด้วยความดีใจ

สำเร็จ!

เขาสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงอันแน่นแฟ้นระหว่างเขากับดาบบินดาราสวรรค์ เขาจึงดำเนินการหลอมกลั่นโล่ไม้สีทองในลักษณะเดียวกัน หลังจากลบรอยแก่นแท้เลือดและบีบแก่นแท้เลือดของตัวเองออกมาเพื่อหลอมกลั่นเครื่องมือเวทย์ระดับสูงสุดสองชิ้นติดต่อกัน ชู่ซวนก็รู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย เขาจึงเริ่มทำสมาธิเพื่อพักผ่อนทันที

หลังจากผ่านไปหนึ่งคืน เขาก็ค่อยๆ ตื่นขึ้น และพลังวิญญาณของเขาก็กลับคืนมาอีกครั้ง “ข่าวการตายของโอวหยางห่าวคงยังไม่แพร่กระจายออกไป แม้ว่านิกายดวงดาวศักดิ์สิทธิ์จะยังไม่สังเกตเห็น ดังนั้นตอนนี้ข้าควรรีบกลับไปที่ตลาดสันติภาพและซื้อของที่จำเป็น”

ชู่ซวนรีบมุ่งหน้าไปที่ตลาดสันติภาพ คราวนี้เขาปลอมตัวอีกครั้ง โดยเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นชายผอมแห้งที่มีดวงตาลึกโกน ท่าทางนี้บ่งบอกถึงการกินยาเกินขนาดและร่างกายที่เต็มไปด้วยพิษตกค้าง

ขณะที่เขาเดินผ่านแผงขายของต่างๆ ที่ผู้ฝึกตนอิสระตั้งไว้ โดยตั้งใจจะซื้อสมุนไพรจิตวิญญาณจากศาลาร้อยสมุนไพร เขาก็สังเกตเห็นแผงขายของที่ดูแปลกๆ และน่าประหลาดใจที่แผงนั้นขายคัมภีร์ขอบเขตการกลั่นพลังปราณหลายเล่มของนิกายอนันต์ ซึ่งรวมถึง "เทคนิคโลหิตวิญญาณ" ที่เขาฝึกฝน นอกจากนี้วัสดุส่วนใหญ่ที่จำเป็นในการปรุงเม็ดยาโลหิตสร้างรากฐานก็มีจำหน่ายที่นั่นด้วยเช่นกัน

จู่ๆ ชู่ซวนก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ ในเมื่อนิกายอนันต์ได้ล่มสลายแล้ว อีกฝ่ายจะเสนอขายสมุนไพรจิตวิญญาณจำนวนมากขนาดนี้ได้อย่างไร

ต้องเป็นกับดักที่พวกนิกายฝ่ายธรรมะวางไว้เพื่อจับเหยื่อ หากเขาไปซื้อหรือสอบคาม ชีวิตของเขาก็อาจต้องสูญหายไป

โดยไม่แสดงอาการสงสัยใดๆ ออกมา ชู่ซวนเดินจากไปอย่างเงียบๆ

อย่างไรก็ตามเจ้าของแผงขายของผมขาวก็พูดขึ้นอย่างกะทันหัน "สหายเต๋าท่านนี้ สินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าคุณภาพชั้นยอด ท่านจะไม่ซื้ออะไรสักอย่างเหรอ?"

ความตื่นตระหนกภายในใจของชู่ซวนทวีความรุนแรงขึ้น "ไม่ ขอบคุณ"

เจ้าของแผงขายหัวเราะอย่างประหลาด “แล้ว ‘คัมภีร์กลั่นปีศาจโลหิต’ ล่ะ ท่านไม่อยากซื้อมันเหมือนกันเหรอ”

ชู่ซวนสะดุ้งหันไปมองเจ้าของแผงขายของทันที

เสียงนี้ไม่ได้ดังผ่านหูของเขา แต่กลับก้องอยู่ในใจของเขาโดยตรง! นี่คือการส่งข้อความทางจิตผ่านพลังวิญญาณ!

มันเป็นเทคนิคที่ผู้ฝึกตนขอบเขตการก่อตั้งรากฐานเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ มันช่วยให้สามารถสื่อสารแบบส่วนตัวได้ มีเพียงสองฝ่ายที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่ได้ยิน เว้นแต่จะมีคนแข็งแกร่งกว่าระดับการฝึกฝนของพวกเขามาก ก็จะไม่มีใครสามารถดักฟังการสนทนาของพวกเขาได้

การกล่าวถึง “คัมภีร์กลั่นปีศาจโลหิต” นั้นยิ่งมีนัยยะสำคัญมากขึ้นไปอีก มันคือเทคนิคขอบเขตการก่อตั้งรากฐานของนิกายอนันต์ “เทคนิคโลหิตวิญญาณ” และเทคนิคขอบเขตการกลั่นพลังปราณอีกสองเทคนิคนั้นเป็นเทคนิคเบื้องต้นของ “ขอบเขตการก่อตั้ง”

“อาจารย์ลุงหลิว?” ชู่ซวนเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้ทันที ผู้ฝึกตนขอบเขตการก่อตั้งรากฐาน ผู้รู้สูตรปรุงเม็ดยาสร้างรากฐาน และครอบครองเทคนิคขอบเขตการก่อตั้งรากฐานของนิกายอนันต์—ก็มีแต่หลิวเจิ้งเซียงเท่านั้น

เจ้าของแผงขายของผมขาวยิ้มและส่งข้อความทางจิตว่า “ตามข้ามา” เขาลงมือเก็บของไว้ในชั้นวางสินค้า จากนั้นก็เดินอย่างไม่รีบร้อนไปยังทางออกของตลาดสันติภาพ

ชู่ซวนลังเลแต่ยังคงเดินตามไป

ไม่กี่วินาทีต่อมา ทั้งสองคนก็เดินออกจากตลาดสันติภาพเช่นเดียวกับนักฝึกตนคนอื่นๆ เมื่อพวกเขาไปถึงบริเวณที่เงียบสงบ หลิวเจิ้งเซียงจึงหยุด

“เจ้าคือเหลียงเจิ้งซิงหรือหลิวจินเพ็ง?” เขาถามอย่างเงียบ ๆ

ชู่ซวนอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น ทั้งสองคนนี้เป็นศิษย์ลำดับที่สิบสองและสิบสามในศิษย์สายในของนิกายอนันต์ ทั้งคู่เป็นคู่แข่งที่น่าเกรงขามระหว่างที่เขาดิ้นรนเพื่อให้ได้รับตำแหน่งอันดับที่สิบของศิษย์สายใน

อย่างไรก็ตามในตอนนี้ พวกเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เป็นไปได้ว่าพวกเขาได้เสียชีวิตในมุมที่ถูกลืมเลือน

ชู่ซวนโค้งคำนับอย่างเคารพ "ชู่ซวนคารวะอาจารย์ลุงหลิว"

เมื่อหลิวเจิ้งเซียงได้ยินชื่อนี้ เขาก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย "ชู่ซวน? ชู่ซวนอันดับที่สิบของศิษย์สายในงั้นเหรอ? ข้าไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ช่วยเฉินเกอและเว่ยหัวและเอาชนะโอวหยางห่าวได้จะเป็นเจ้า"

ชู่ซวนหัวเราะเบาๆ โดยไม่ได้อธิบายอะไร ในช่วงที่นิกายอนันต์ได้ล่มสลาย เขาอยู่ในระดับที่สี่ของขอบเขตการกลั่นพลังปราณเท่านั้น แต่ด้วยความรู้ที่กว้างขวางของเขาเกี่ยวกับแมลงกู่และเทคนิคพิษทำให้เขาได้รับตำแหน่งศิษย์สายในในลำดับที่สิบ ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลิวเจิ้งเซียงไม่เดาว่าเป็นเขาในตอนแรก….

……………………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด