ตอนที่แล้วบทที่ 1 ลูกชายแท้ ๆ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 จะเลี้ยงเด็กยังไงดี  

บทที่ 2 นี่คือที่ไหน


ชางจื้อมองกระจกอย่างเหม่อลอย ขณะที่หลินเจ้าเซี่ยก็เผลอเหม่อตามไป

เธอรู้สึกอยากจะข่วนกำแพงเพื่อระบายความรู้สึกแทบแย่ มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันนี่!

แต่เธอก็ห้ามตัวเองไว้ได้

“ไม่ฉี่แล้วหรือ?” เธอถาม

ชางจื้อละสายตาจากกระจกและเงยหน้ามองเธอ

ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เด็กน่ารักขนาดนี้เชียว

หลินเจ้าเซี่ยอดถอนหายใจเบา ๆ ในใจไม่ได้ พยายามฝืนยิ้มจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้าง “ดูนะ แบบนี้…”

เธอพาเด็กน้อยไปที่โถสุขภัณฑ์ ทำท่าทางให้ดูแล้วกดปุ่มชักโครก

เสียงน้ำไหลดังขึ้นทำเอาชางจื้อตกใจจนเอนตัวไปพิงหลินเจ้าเซี่ย

จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ขยับไปข้างหน้าอีกนิด ทิ้งระยะห่างจากเธอ ก่อนจะจ้องไปที่ชักโครกสีขาวที่ชักน้ำได้เองอย่างตกตะลึง

เมื่อครู่มีน้ำไหลออกมาเยอะแยะ ชางจื้อได้ยินเสียงชัดเจน แต่ทำไมแค่แป๊บเดียว น้ำถึงหายไปไหนแล้ว?

มีรูอยู่ตรงนั้น น้ำไหลลงไปในรูหรือเปล่านะ?

ชางจื้อจ้องมองอย่างตื่นเต้น หัวเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความสงสัย

“ให้ฉันช่วยถอดเสื้อผ้าไหม?” เด็กเล็ก ๆ ขนาดนี้น่าจะต้องการคนดูแลอยู่แล้ว

ชางจื้อจับชายเสื้อแน่น หน้าตาตื่นตระหนกเหมือนเธอกำลังจะทำอะไรสักอย่างกับเขา

หลินเจ้าเซี่ยลูบจมูกเบา ๆ แล้วบอกว่า “งั้นฉันจะรออยู่ข้างนอกนะ ฉี่ลงไปข้างใน แล้วกดชักโครกด้วย จำได้ไหม?”

เห็นเด็กชายพยักหน้าใบหน้าแดง ๆ เธอจึงออกไปข้างนอกและปิดประตู

จนกระทั่งได้ยินเสียงชักโครกดังขึ้นอีกครั้ง หลินเจ้าเซี่ยจึงถาม “ฉันเข้าไปได้ไหม?” จากนั้นเธอก็เปิดประตูเข้าไป

เมื่อเห็นว่าพื้นไม่มีร่องรอยเปื้อน เธอชมเด็กน้อยไปหนึ่งคำว่าเขาฉลาด

“มานี่ ล้างมือกันเถอะ”

ห้องน้ำของโรงพยาบาลแต่ละห้องจะมีสุขภัณฑ์ครบครัน มีโถชักโครก มีฝักบัวและอ่างล้างมือ สะดวกทั้งสำหรับผู้ป่วยและครอบครัว

อ่างล้างมือค่อนข้างสูง เด็กอย่างชางจื้อเมื่อยืนอยู่หน้าอ่างจะเผยให้เห็นเพียงศีรษะเล็ก ๆ เขาต้องยกมือขึ้นถึงจะเอื้อมถึง น้ำจึงไหลลงมาตามแขนแทน

หลินเจ้าเซี่ยก้มลงมองเด็กชายตัวเล็ก ๆ ตรงหน้า แล้วเธอก็ก้มลงอุ้มเขาขึ้นมา

ชางจื้อถูกอุ้มขึ้นสูงก็ตกใจจนตัวแข็งทื่อ เมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่อุ้มเขาพูดจาอ่อนโยน เขาก็พยายามทำใจให้สงบ มองเธอผ่านกระจก แววตาของเขาเปล่งประกายเล็กน้อย

“ยื่นมือไว้ใต้ก๊อกนะ ยกมือข้างบนขึ้น ใช่ แบบนี้ แล้วใช้สบู่ตรงนี้ ยื่นมือไปรับ จากนั้นกดลงเบา ๆ ใช่ ถูทั้งฝ่ามือและหลังมือ ถูกันไป แล้วล้างออก”

ชางจื้อทำตามคำบอกของเธอ ขณะที่เขาล้างมือก็มองเธอในกระจก แอบมองเธอแล้วก็เหลือบตามองกระจกทีหนึ่ง แล้วก็อีกทีหนึ่ง

หลินเจ้าเซี่ยแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

เมื่อเขาล้างมือเสร็จ เธอวางเขาลงพื้นและเบา ๆ ผลักเขาให้เดินไปทางเตียง

“นอนพักตรงนี้นะ ฉัน…”

พี่สาวหรือป้า? หรือจะเรียกอะไรดี? เอาเถอะช่างมัน “อยู่ดี ๆ นะ ฉันมีเรื่องจะไปถามหมอ”

ชางจื้อพอเข้าใจ จึงเพียงพยักหน้าเบา ๆ ว่าเธอให้เขาอยู่ตรงนี้

หลินเจ้าเซี่ยถอนหายใจเบา ๆ เดินไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล “เขาฟื้นแล้วนะคะ แบบนี้ออกจากโรงพยาบาลได้ไหม?”

พยาบาลตรวจคนไข้ครู่หนึ่งก่อนตอบว่า “พรุ่งนี้เช้าหมอประจำจะมาตรวจอีกครั้งแล้วค่อยพิจารณาค่ะ”

เด็กคนนี้ถูกส่งมาพร้อมบาดแผลทั่วทั้งตัว อีกทั้งยังสลบทั้งวัน ต้องให้หมอตรวจสอบอาการอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

หลินเจ้าเซี่ยนึกถึงว่าพรุ่งนี้ตอนเที่ยงต้องไปรับผลตรวจ จึงพยักหน้าตอบตกลง ไม่เร่งรีบให้ออกจากโรงพยาบาล

เมื่อเห็นว่าฟ้ากำลังจะมืด และคิดว่าเด็กคนนี้คงยังไม่ได้กินอะไร เธอจึงลากเก้าอี้มาแล้วนั่งถามเขาว่าอยากกินอะไร

เมื่อเห็นเขาเม้มปากและส่ายหน้า หลินเจ้าเซี่ยจึงตัดสินใจสั่งเอง เด็กคนนี้คงยังรู้สึกหวาดกลัวเธออยู่ไม่น้อย

มาอยู่ในที่แปลก ๆ แบบนี้โดยไม่ร้องไห้ก็นับว่าเข้มแข็งมากแล้ว

เด็กดีมาก รู้ความ ไม่งอแง ไม่อย่างนั้นหลินเจ้าเซี่ยคงจะปวดหัวมากกว่านี้

“ฉันจะสั่งโจ๊กให้ทานนะ โจ๊กไข่เยี่ยวม้า โจ๊กไก่กับเห็ดหอม หรือโจ๊กทะเลดี?”

“เอาโจ๊กตับหมูละกัน บำรุงเลือด” เธอจ้องมองเมนูในแอปสั่งอาหารอย่างรวดเร็ว แล้วกดสั่งไม่กี่คลิก

ผ่านไปสักพัก “ฉันจะไปรับอาหารนะ เธออยู่ตรงนี้ดี ๆ ห้ามไปไหน เข้าใจไหม?” หลินเจ้าเซี่ยกำชับเขา

ชางจื้อพยักหน้าเบา ๆ เขาจะไม่ไปไหน

เมื่อเห็นเธอเดินจากไป ชางจื้อก็กำผ้าปูที่นอนแน่น ห่อปากด้วยความตึงเครียด รู้สึกกลัว

ที่นี่คือที่ไหนกัน?

เขามองไปรอบ ๆ พบว่ามีบางคนที่นอนอยู่บนเตียงเหมือนเขา บางคนไม่นอน ทุกคนล้วนแต่งตัวแปลก ๆ เสื้อผ้าเปิดแขนเปิดขาเหมือนกับเธอ

ห้องนี้ก็ดูแปลก เตียงก็ดูแปลก ผ้าห่มก็แปลก เป็นผ้าห่มสีขาวและหมอนสีขาว

นี่คือที่ไหนกัน? หรือชางจื้อตายไปแล้ว?

ชางจื้อคิดถึงตายายของเขา คิดถึงหุ่นไม้ของเขาที่หายไป คิดถึงแม่... ดวงตากลมโตของเขาก็เริ่มเอ่อไปด้วยน้ำตา

.......

หมู่บ้านผู้พิทักษ์สุสานใกล้กับสุสานจักรพรรดิ

ที่บ้านสกุลหลิน ผู้คนแออัดไปด้วยเสียงพูดคุยจอแจ ขณะที่ไฟสว่างทั่วบริเวณ ชาวบ้านต่างมาช่วยถามไถ่และหาตัวชางจื้อ จนกระทั่งดึก ชาวบ้านต่างทยอยกันกลับบ้าน เหลือเพียงครอบครัวหลินเท่านั้น

หลินชิวซานกวาดสายตามองลูกหลานทุกคนอย่างกังวลใจ ฟังย้งซื่อ

ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ สะอื้นไห้คิดถึงหลานชายด้วยความเศร้า

สายตาคมกริบของเขาจ้องไปที่หลานชายบางคน “ทำตามกันจริง ๆ เชียว! ไม่มีผู้ใหญ่อยู่บ้านแล้วคิดได้ยังไง ไม่ไปถามไถ้ทางตำหนักสุสานหรือให้ผู้ใหญ่ช่วยดูแลได้ก่อนยุให้ชางจื้อวิ่งเข้าป่า! ถ้าชางจื้อเป็นอะไรไป ข้าจะหักขาพวกเจ้าให้หมด!”

เหอเล่อกับเหอซี่สองคนตัวสั่น ไม่กล้ามองหน้าปู่ เหอเจ๋อถึงกับรีบหลบหลังมารดา

เมื่อเห็นหลี่ซื่อผลักเหอเจ๋อไปอยู่ข้างหลังทำเหมือนไม่มีอะไร

หลินชิวซานยิ่งเดือดดาล

เขามองไปยังคู่สามีภรรยาลูกคนรอง น้ำเสียงเข้มขึ้น “พวกเจ้าเอาเงินของบ้านส่งเหอเจ๋อไปเข้าโรงเรียน ก็ควรสอนให้เขาเดินในทางที่ถูกต้อง! แย่งหุ่นไม้ของชางจื้อแล้วยังยุยงบอกว่ามหาปุโรหิตจะจับเขาไปเป็นเครื่องเซ่นให้กับเส้นลมปราณมังกรอีกหรือ?”

นี่หรือคือพฤติกรรมที่ญาติมิตรพึงกระทำ?

ส่งไปเรียนหนังสือได้อะไรกลับมาบ้าง!

หลินจิ้งอันตบหลังเหอเจ๋อไปสองครั้งอย่างแรง ด่าลูกชายอยู่สองคำ

ก่อนจะเดินเข้าไปยืนต่อหน้าหลินชิวซาน

“ท่านพ่อ ความจริงเหอเจ๋อก็ไม่ได้โกหก มหาปุโรหิตเข้ามาพักในเมืองหลายวันแล้ว คนเขาลือกันว่ามหาปุโรหิตจะจับเด็กชายหญิงไปบูชาให้เส้นลมปราณมังกรอีกครั้ง”

เหมือนเสียงฟ้าผ่า! ทุกคนในบ้านต่างตกใจแทบสิ้นสติ

หลินเจ้าเซี่ยถืออาหารที่รับมาเข้ามาในห้องผู้ป่วย เห็นเด็กน้อยห่อผ้าอยู่โดยหันหลังให้เธอ มีเพียงทรงผมจุกเล็ก ๆ โผล่ออกมา ทำให้เธออดยิ้มออกมาไม่ได้

เธอวางอาหารลง เพิ่งจะอ้าปากเรียกเขา ก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ ออกมา จึงชะงักไป

เด็กน้อยอายุสี่ห้าขวบคนนี้ ไม่รู้ว่ามาจากไหน อยู่ห่างไกลจากครอบครัว จู่ ๆ ก็มาโผล่ที่นี่ในที่แปลก ๆ แน่นอนว่าเขาคงจะหวาดกลัวมากทีเดียว

หัวใจของเธอรู้สึกเหมือนถูกบีบ มันจุกแน่นในอก

หลินเจ้าเซี่ยถอนหายใจเบา ๆ แล้วนั่งลงที่ข้างเตียง ลังเลเล็กน้อยก่อนจะตบไหล่เขาเบา ๆ “หิวแล้วล่ะสิ มีของอร่อยมาให้กินนะ”

เสียงร้องไห้เงียบหายไปทันที

จุกผมเล็ก ๆ ที่โผล่ออกมาจากผ้าห่มหายเข้าไปในผ้าห่มอย่างรวดเร็ว จนร่างกายของเขามุดเข้าไปหมด

ผ่านไปครู่หนึ่ง ศีรษะเล็ก ๆ ก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง

(จบบท)###

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด