บทที่ 194 ครูหลี่ ปฏิบัติการหลบเลี่ยงในโรงเรียน
บทที่ 194 ครูหลี่ ปฏิบัติการหลบเลี่ยงในโรงเรียน
สถานีตำรวจจิมซาจุ่ย
ห้องทำงานของผู้กำกับการ
“ท่านผู้กำกับ ผมได้ส่งมือดีที่สุดของเรา ‘คู่หูมังกรเสือ’ คือโจวซิงซิงและเฉินไป่เล่อไปเป็นสายลับที่โรงเรียนแล้ว ผมคงไม่ต้องไปเองใช่ไหมครับ!” หลี่เอ้อร์พูดด้วยสีหน้าอิดโรย
เมื่อคืนหลี่เอ้อร์เพิ่งได้เงินกลับบ้านไป ก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ยายที่บอกให้ไปพบเธอทันที หลี่เอ้อร์ตกใจคิดว่าอาจถูกเปิดเผยตัว แต่ปรากฏว่าไป่เชี่ยนหนี่แค่เรียกไปบ่นเรื่องความขี้เกียจของเขาและกำชับว่าไม่ให้สืบหาตัวตนของ “จางซาน” ต่อไปเท่านั้น ทำให้เขารู้สึกโล่งใจ
“คู่หูมังกรเสือ?” หวังปิ่งเหยาขมวดคิ้ว “ผมไม่เห็นจะคุ้นกับชื่อพวกเขาเลย พวกเขาอยู่ฝ่ายไหนกัน?”
“ท่านผู้กำกับงานยุ่งมาก จำไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอกครับ” หลี่เอ้อร์พูดอย่างจริงจัง “ที่ว่าไว้ว่า วีรบุรุษไม่จำเป็นต้องถามถึงที่มา อยู่ฝ่ายไหนก็ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าพวกเขากล้าหาญ มีความสามารถรับมือกับคดีใหญ่ระดับนานาชาตินี้ได้แน่นอน”
“ที่พูดถึงโจวซิงซิง นี่ไม่ใช่เจ้าบื้อที่ผมเคยส่งไปหาปืนหายใช่ไหม?” หวังปิ่งเหยาพลันจำได้ว่าโจวซิงซิงคือใคร
สีหน้าของหลี่เอ้อร์ตึงเครียดไปเล็กน้อย เขาลืมไปว่าหวังปิ่งเหยารู้จักโจวซิงซิง
“โจวซิงซิงน่ะเป็นมือหนึ่งของหน่วยพิเศษ ไม่มีใครเก่งไปกว่าเขา—!”
ยังไม่ทันที่หลี่เอ้อร์จะพูดจบ หวังปิ่งเหยาก็ก้มลงมองหาอะไรบางอย่างบนโต๊ะ
“ท่านผู้กำกับหาของอยู่หรือครับ? ให้ผมช่วยไหม?” หลี่เอ้อร์ถาม
“หาปืนของผมไง!” หวังปิ่งเหยาพูดพร้อมกัดฟันกรอด
“อ๊ะ! ท่านผู้กำกับ ผมแค่ล้อเล่นครับ คดีสำคัญแบบนี้ ผมคงต้องไปจัดการด้วยตัวเองแล้วล่ะครับ” หลี่เอ้อร์รีบก้าวไปข้างหน้า คว้ามือข้างที่ถือปืนของหวังปิ่งเหยาไว้
“จะไปจัดการเองใช่ไหม?”
“จัดการเองแน่นอนครับ ไม่อย่างนั้นก็ไม่สมกับที่ท่านให้ความไว้วางใจ!” หลี่เอ้อร์ตอบเสียงหนักแน่น
“ดีมาก! ผมชอบความจริงใจแบบนี้ของคุณ” หวังปิ่งเหยาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“ขอบคุณครับที่ท่านผู้กำกับชม!” หลี่เอ้อร์ดูเหมือนจะฟังคำประชดประชันไม่ออก เขารับคำชมอย่างจริงจัง
“ผมไม่ผิดหวังที่เลือกคุณไป ผมมีคำขอแค่อย่างเดียว ไม่ว่าคดีจะสำเร็จหรือไม่ ยังไงก็ต้องเหนือกว่าตำรวจหว่านไจ๋นะ”
“รับทราบครับ ท่านผู้กำกับ!” หลี่เอ้อร์ปล่อยมือจากหวังปิ่งเหยา
“ไปได้แล้ว!” หวังปิ่งเหยาบอกให้หลี่เอ้อร์รีบออกจากห้อง
หลังจากหลี่เอ้อร์ออกไป หวังปิ่งเหยาถึงเพิ่งสังเกตเห็นรอยแดงบนข้อมือตัวเอง
“หืม เจ้าหมอนี่กำลังมือหนักขนาดไหนกันเนี่ย!”
ฝ่ายสืบสวนคดีอาชญากรรม
“อาจารย์คะ ทำไมวันนี้อาจารย์มองกระจกตลอดเลย?” ไป่อันหนีถามด้วยความสงสัย
“ก็ดูว่าฉันเหมือนนักเรียนหรือเปล่าน่ะสิ!” หลี่เอ้อร์พูดพร้อมลูบคางตัวเองอย่างมั่นใจ
“ไม่เหมือนเลยค่ะ!” ไป่อันหนีพูดพลางหัวเราะ
“ไม่เห็นจะมีรสนิยมเลย! แล้วเธอล่ะ เฉินหย่าหลุน คิดว่ายังไง?” หลี่เอ้อร์หันไปถามเฉินหย่าหลุน
“เอ่อ...ก็ไม่ค่อยเหมือนนะคะ” เฉินหย่าหลุนวางปากกาลงพลางพูดอย่างเก้อเขิน
“สองคนนี้ไม่รู้จักดูคนจริง ๆ” หลี่เอ้อร์สรุป ก่อนจะหันไปถามหุ้ยอิงหง
“อาฮง เธอคงไม่ตาถั่วเหมือนสองคนนี้ใช่ไหม?”
หุ้ยอิงหงหันไปมองไป่อันหนีและเฉินหย่าหลุน
“หัวหน้า ฉัน...ฉันไม่ค่อยถนัดดูคนค่ะ ลองถามครูฝึกหูดูไหม”
“คุณหลี่คะ แม้คุณจะอายุแค่ยี่สิบ แต่บุคลิกของคุณสุขุมเกินไป ไม่ค่อยเหมือนนักเรียนที่ซุกซนหรอกค่ะ” ครูฝึกหูกล่าวอย่างเป็นธรรม
“ก็ได้ งั้นมาเริ่มปฏิบัติการกันเถอะ อันหนี เธอไปกับหย่าหลุนและอาฮงไปแฝงตัวเป็นนักเรียน ส่วนฉันกับครูฝึกหูจะไปในฐานะครู!” หลี่เอ้อร์อธิบายแผนปฏิบัติการที่โรงเรียนให้ทุกคนฟัง
“หัวหน้า ขอผมไปด้วยได้ไหมครับ!” หม่าจวินยกมืออย่างกระตือรือร้น
หลี่เอ้อร์หันมามองหม่าจวินด้วยสายตาเย็นชา
“จะไปด้วยเนี่ย นายมีฝีมือในการแสดงหรือเปล่า?” หลี่เอ้อร์ถามเสียงเรียบ
“เอ่อ—!” หม่าจวินเกาหัวอย่างอับอาย “ก็ไม่มีนะครับ”
ถ้าเป็นการต่อสู้นั่นเขาทำได้ แต่เรื่องการแสดงคงไม่ไหว เพราะกลัวว่าจะทำให้งานเสีย
“ไม่ต้องห่วง คดีนี้ใหญ่มาก ทั้งทีมต้องเข้าร่วม นายกับเสี่ยวหยิง (หลี่เฉียนอิง) และหลินไห่อิง คอยเป็นกำลังเสริมอยู่ข้างนอก พกปืนและเสื้อเกราะกันกระสุนไว้ด้วย เพราะฉันไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่จะเริ่มยิงกันขึ้นมา แต่จากข้อมูลที่มีอยู่ ฝ่ายตรงข้ามมีทั้ง AK และระเบิด การเมืองได้เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว” หลี่เอ้อร์กล่าวเตือน
หม่าจวินได้ยินว่าฝ่ายตรงข้ามมีอาวุธหนัก จนตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น ราวกับพร้อมจะลุยทันที
“คุณหลี่คะ ถ้าฝ่ายการเมืองมาเกี่ยวด้วย คดีนี้เราไม่ควรเข้าไปยุ่งมากนะคะ” ครูฝึกหูเตือนหลี่เอ้อร์เบา ๆ
หลี่เอ้อร์พยักหน้า “ผมรู้ดีว่าฝ่ายการเมืองน่ะ เป็นพวกที่ไว้ใจไม่ได้ แต่ผู้กำกับสั่งมาให้ผมจัดการ ผมจะไม่ทำตามคำสั่งเขาหรือไง?”
“งั้นเราควรทำงานนี้อย่างไม่ต้องเด่นมาก” ครูฝึกหูเตือนอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอเคยมีประสบการณ์ร่วมงานกับฝ่ายการเมืองมาก่อน และรู้ดีว่าพวกนั้นไม่น่าไว้วางใจ
หลี่เอ้อร์เกาศีรษะอย่างกลุ้มใจ “ผมก็อยากทำแบบนั้น แต่ก็กลัวว่าพวกอ่อนแอจากฝ่ายการเมืองจะไม่สามารถสู้ได้ดีนัก สุดท้ายพวกเราคงต้องออกหน้าแทนอยู่ดี”
หลี่เอ้อร์จำได้ว่าในเนื้อเรื่องเดิมนั้น ฝ่ายการเมืองพลาดท่าให้กับผู้ก่อการร้ายตั้งแต่รอบแรก
ครูฝึกหูไม่พูดอะไรต่อไป
“ในการปฏิบัติการแฝงตัวครั้งนี้ ครูฝึกหูจะเป็นผู้นำทีม” หลี่เอ้อร์มอบหน้าที่ให้ครูฝึกหู
“ได้ค่ะ!” ครูฝึกหูยอมรับงานอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะ
เธอเดาว่าหลี่เอ้อร์อาจไม่ถนัดเรื่องการแฝงตัว
“อันหนี เธอรับบทเป็นนักเรียนสดใส ร่าเริง หย่าหลุน เธอเป็นคนเงียบ ๆ ขรึม ๆ ส่วนอาฮง เธอยังคงเป็นคนอารมณ์ร้อนเหมือนเดิม” ครูฝึกหูมอบบทบาทให้ไป่อันหนี เฉินหย่าหลุน และหุ้ยอิงหง เพื่อให้พวกเขาทำตามบุคลิกของตัวเอง เพื่ออำพรางตัวได้ดียิ่งขึ้น ครูฝึกหูที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้อย่างแท้จริง
“คุณหลี่ คุณเคยปรากฏตัวในรายการทีวีหลายครั้งนะ ถ้าจะไปเป็นสายลับต้องเปลี่ยนลุคหน่อย ฉันแนะนำให้คุณทำงานเป็นกลุ่มคนเดียว ถ้าบังเอิญโดนเปิดโปง จะได้ไม่ส่งผลกระทบกับทุกคน” ครูฝึกหูเสนออย่างเป็นทางการ
“ผมดูจะโดนเปิดโปงง่ายขนาดนั้นเชียว?” หลี่เอ้อร์หัวเราะแห้ง ๆ
“ฉันแค่กลัวว่าคุณจะใส่เสื้อเกราะกันกระสุนไปสอนน่ะสิ” ครูฝึกหูตอบ
“พูดอะไรน่ะ! ใส่แน่นอนอยู่แล้ว” หลี่เอ้อร์พูดด้วยท่าทางมั่นใจ
“เห็นไหมล่ะ!” ครูฝึกหูทำหน้าที่ดูเหมือนเข้าใจทันที “คุณหลี่คะ ฉันขอแนะนำให้คุณทำงานเป็นกลุ่มคนเดียวนะ”
ท่าทางของครูฝึกหูราวกับว่าหลี่เอ้อร์จะเป็นอันตรายต่อตัวเองและคนอื่น
“เฮ้! เพราะผมโดนเปิดโปงง่ายน่ะสิ คุณถึงควรอยู่เป็นเพื่อนคอยช่วยปิดบังและเตือนผมบ้าง” หลี่เอ้อร์พูดพร้อมยิ้มอย่างไม่เขินอาย
ครูฝึกหูคิดอยู่ครู่หนึ่ง เห็นว่ามีเหตุผล จึงพยักหน้าตอบรับ แต่เธอยืนกรานไม่ให้หลี่เอ้อร์ใส่เสื้อเกราะกันกระสุนไปโรงเรียน
“โอเค เสื้อเกราะไม่ใส่ งั้นผมพกปืนได้ใช่ไหม?” หลี่เอ้อร์พูดด้วยสีหน้าหนักใจ
“ปืนพกมันซ่อนไว้ง่ายค่ะ” ไป่อันหนีรีบพูดสนับสนุนเพื่อไม่ให้ครูฝึกหูโมโห
อากาศร้อนแบบนี้ พกปืนยังดีกว่าใส่เสื้อเกราะหนาเตอะ
“ก็ได้ ๆ ฟังผู้เชี่ยวชาญก็แล้วกัน” หลี่เอ้อร์ยิ้มขมขื่น
ครูฝึกหูเริ่มเปลี่ยนลุคให้เขา โดยเซ็ตผมทรงแสกข้างเพิ่มความเงางาม ใส่แว่นกรอบทองและสูทที่ดูเรียบร้อย ทำให้เขาดูเหมือนพนักงานออฟฟิศสุดเนี๊ยบ
เพียงแต่ว่าหลี่เอ้อร์มองตัวเองในกระจกแล้วเห็นหน้าตาที่ดูเจ้าเล่ห์เสียจริง ๆ
“ไม่ต้องเติมหนวดเพิ่มด้วยเหรอ?”
ทันทีที่หลี่เอ้อร์พูดจบ ครูฝึกหูก็เติมหนวดเล็ก ๆ สองข้างที่เหนือริมฝีปาก ทำให้เขาดูเหมือนเป็นผู้ชายมีเสน่ห์แนวเจ้าพ่ออำนาจ
“อาจารย์คะ ใส่สูทแล้วหล่อสุด ๆ เลยค่ะ!” ไป่อันหนีพูดพร้อมยิ้มอย่างเคลิ้ม
หลี่เอ้อร์เหล่ไปที่ไป่อันหนี แต่กลับเห็นว่าครูฝึกหู เฉินหย่าหลุน และหุ้ยอิงหงก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
‘นี่ผมหล่อขนาดนั้นเลยเหรอ?’ หลี่เอ้อร์อดไม่ได้ที่จะลูบคางตัวเองด้วยความหลงตัวเอง เขายอมรับว่าตัวเองหน้าตาดี ถ้าเขาหล่อแค่ครึ่งของนี้ในชาติก่อน คงไม่ต้องทนโสดมานานถึงยี่สิบปีแล้ว
หลี่เอ้อร์หันไปมองครูฝึกหูอย่างพินิจ ทำไมต้องทำให้เขาหล่อขนาดนี้ด้วย หรือว่าครูฝึกหูอยากให้เขาไปอ่อย สาว ๆ ที่โรงเรียนอินเตอร์เนชั่นแนลอาดัมสมิธ?
งานสวยหล่อเพื่อล่อลวงแบบนี้เขาไม่ถนัดเลยจริง ๆ
“อาจารย์คะ ถ้าอย่างนั้นฉันขออยู่กลุ่มเดียวกับอาจารย์นะ จะได้เล่นบทเป็นคู่รักระหว่างนักเรียนกับอาจารย์สมจริง!” ไป่อันหนีพูดพลางกอดแขนหลี่เอ้อร์
“แค่ก ๆ!” หลี่เอ้อร์ไอโขลกทันที
“อย่ามาจีบครูนะ ฉันเป็นครูที่จริงจัง!” หลี่เอ้อร์พูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง “ไม่อย่างนั้นฉันจะบอกผู้ปกครองของเธอ”
“ปุ๊!” เฉินหย่าหลุนที่เพิ่งดื่มน้ำเข้าไป อดไม่ได้ที่จะพ่นน้ำออกมา เธอรีบหันไปทางอื่นเพื่อไม่ให้พ่นใส่หลี่เอ้อร์ แต่น้ำกระเด็นใส่หุ้ยอิงหงเต็ม ๆ
หุ้ยอิงหงจ้องเฉินหย่าหลุนด้วยสายตาจะฆ่าคน
“ฮิฮิฮิฮิ!” ไป่อันหนีหัวเราะจนน้ำตาไหล
“ว่าแต่ ครูฝึกหู ผมจะสอนวิชาอะไรดี?” หลี่เอ้อร์เริ่มเข้าโหมดการแสดงได้อย่างรวดเร็ว
“คุณถนัดอะไรบ้าง?” ครูฝึกหูถาม
ไป่อันหนี เฉินหย่าหลุน และหุ้ยอิงหงต่างก็มองมาที่หลี่เอ้อร์ด้วยความสนใจ
หลี่เอ้อร์ยกมือขึ้น
“ผมถนัดห้าทักษะ”
“ห้าทักษะอะไร?” ครูฝึกหูขมวดคิ้ว
“เอ่อ...งั้นผมสอนประวัติศาสตร์ดีกว่า ขอเป็นประวัติศาสตร์จีนละกัน!”
“ได้ เดี๋ยวฉันจะจัดการให้” ครูฝึกหูจดบันทึกหมายเหตุไว้อย่างกระชับ