ตอนที่แล้วบทที่ 123: ท่านดีกับข้าที่สุด!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 125: ข้าจะจับมันมาให้พระองค์เลี้ยงดูตั้งแต่ยังเล็ก

บทที่ 124: ขายแมวตัวนี้หรือ?


“เซียวเซียว ถ้าแม่ข้าถามเจ้า ให้เจ้าบอกว่าข้าไปเก็บผลไม้อยู่ที่ด้านหลังภูเขา” มู่ไป๋ไป่รีบกลับไปที่ห้องเพื่อหยิบแส้หนังเส้นเล็กของตัวเอง “ถ้าเรากลับมาช้า ให้เจ้ารีบไปหาอวี้เซิ่งแล้วให้เขาไปตามเราที่ด้านหลังภูเขา”

ในช่วงเวลานี้อวี้เซิ่งเป็นคนที่เข้าใจยากมากจนเธอไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ และเธอมักจะไม่เห็นอีกฝ่ายเลย

“องค์หญิงหก พระองค์จะไม่พาหม่อมฉันไปด้วยหรือเพคะ?” หลัวเซียวเซียวที่รู้ว่าจะไม่ได้ติดตามมู่ไป๋ไป่ไปรู้สึกไม่สบายใจ “หากมีหม่อมฉันติดตามไปด้วย อย่างน้อยพระองค์ก็จะมีผู้ช่วยเพิ่มอีกคนหนึ่ง”

“ถ้าข้าพาเจ้าไปด้วยแล้วใครจะอยู่ที่นี่คอยระวังหลังให้ข้า?” คนตัวเล็กยิ้มพลางตบไหล่ปลอบใจสหายตัวน้อย “ในครั้งนี้เราไม่ได้ไปเก็บผลเพลิงสีชาด เราแค่จะไปหาเจ้าหมาป่าเพียงเท่านั้น”

“ถ้าไม่มีอะไรร้ายแรง เราจะกลับมาในไม่ช้า ครั้งนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องไปด้วย”

หลังจากหลัวเซียวเซียวได้ยินคำพูดขององค์หญิงหก นางก็พยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจนัก “พระองค์ต้องระวังความปลอดภัยด้วยนะเพคะ”

ถัดมา มู่ไป๋ไป่ก็เอาแส้หนังมาพันไว้รอบเอวแล้วเดินตรงไปที่ด้านหลังเขาพร้อมกับจื่อเฟิง

ด้านหลังภูเขาในตอนกลางวันนั้นต่างจากตอนกลางคืนมาก มันดูไม่น่ากลัวเหมือนก่อนหน้านี้ หลังจากเข้าไปเก็บผลเพลิงสีชาดอยู่หลายครั้ง เธอก็เริ่มคุ้นเคยเส้นทางในภูเขาเป็นอย่างดี

มู่ไป๋ไป่กับจื่อเฟิงเดินผ่านป่ามาเรื่อย ๆ ในไม่ช้าก็มาถึงอาณาเขตของหมาป่าสีเทา

“เจ้าตัวโต! เจ้าตัวโต!” เด็กหญิงตะโกน 2 ครั้ง จากนั้นก็ผิวปากไปยังทิศทางที่เจ้าหมาป่าอาศัยอยู่

หมาป่าสีเทาเคยบอกเอาไว้ตั้งแต่คราวก่อนแล้วว่าถ้าต้องการพบมัน แค่เพียงผิวปากไปในภูเขา มันก็จะมาหาเอง

อย่างไรก็ตาม คราวนี้หลังจากที่เธอผิวปากไปสักพักแล้ว บริเวณโดยรอบก็ยังคงเงียบสงบเช่นเคย

ในตอนแรกมู่ไป๋ไป่ยังไม่รู้สึกกังวลมากนักเพราะหมาป่าสีเทาค่อนข้างเป็นสัตว์ที่มีความน่าเชื่อถือระดับหนึ่ง เธอเชื่อว่าไม่มีทางที่มันจะไม่มาปรากฏตัว

“องค์หญิงดูนี่สิ!” จื่อเฟิงย่อตัวลงแล้วชี้ไปยังบริเวณหนึ่งพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงกังวลใจ “เลือด!”

หัวใจของมู่ไป๋ไป่เต้นรัวทันที เธอคุกเข่าลงไปอยู่ด้านข้างเด็กหนุ่ม ก่อนที่เธอจะเห็นร่องรอยของเลือดปรากฏอยู่บนพื้นหญ้า

เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อหาต้นตอของคราบเลือดนั้น จากนั้นจึงแหวกหญ้าออกก่อนจะเห็นกับดักสัตว์ที่เปื้อนเลือดอยู่ข้างใต้

บนกับดักเหมือนเธอจะเห็นขนสีเทาติดอยู่

จื่อเฟิงคว้าขนสีเทาขึ้นมาดมกลิ่น ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “นี่มันเป็นของเจ้าตัวโต!”

“เหตุใดจึงมีนักล่าขึ้นมาบนภูเขานี้?” มู่ไป๋ไป่กัดริมฝีปากแล้วลุกขึ้นยืน “ข้าเคยได้ยินเจ้าอาวาสบอกว่าบริเวณวัดฮู่กั๋วนั้นไม่อนุญาตให้ใครขึ้นมาล่าสัตว์”

“คงมีคนจงใจเอากับดักมาวางเอาไว้”

“เราต้องรีบไปช่วยเจ้าตัวโต!” จื่อเฟิงเกาหัวจนผมยุ่ง “เจ้าตัวโตกำลังตกอยู่ในอันตราย!”

ไม่ต้องบอกจื่อเฟิงก็รู้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับหมาป่าสีเทา หากนายพรานคนนั้นจับตัวมันได้ เจ้าหมาป่าอาจจะตายไปแล้ว

มู่ไป๋ไป่เหลือบมองเด็กหนุ่มที่กำลังวิตกกังวล แต่เธอไม่ได้บอกความเป็นไปได้ที่โหดร้ายนี้

จากนั้นพวกเธอก็เดินทางกลับอย่างรวดเร็ว พอดีกับที่หลัวเซียวเซียวกำลังจะไปตามอวี้เซิ่ง เมื่อนางเห็นทั้ง 2 คนกลับออกมาจากด้านหลังภูเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นางก็รีบวิ่งเข้าไปหาทั้งคู่ทันที

“เป็นอย่างไรบ้างเพคะ องค์หญิงหก พระองค์ได้พบหมาป่าสีเทาแล้วหรือยัง?”

“ยังเลย” มู่ไป๋ไป่ส่ายหัวตอบขณะทำหน้าเครียด และเธอก็ได้เล่าถึงสิ่งที่เธอกับจื่อเฟิงพบบนภูเขา “ข้าสงสัยว่าเจ้าตัวโตจะถูกนายพรานจับตัวไปแล้ว”

“นายพราน?” หลัวเซียวเซียวตกตะลึง “แต่เจ้าตัวโตเก่งมาก...”

“นายพรานใช้กับดัก” คนตัวเล็กกล่าวพลางถอนหายใจ “เจ้าตัวโตอาจจะบังเอิญถูกกับดักโดยไม่ได้ตั้งใจ”

หลัวเซียวเซียวได้ยินเช่นนั้นก็กัดริมฝีปากล่างเพราะไม่รู้จะพูดอะไร

ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศในลานบ้านก็ดูเหมือนจะหนักอึ้งขึ้นเล็กน้อย

“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” ทันใดนั้นเจ้าส้มก็กระโดดลงมาจากกำแพงด้วยท่วงท่าสง่างาม “อี๋ ทำไมกลิ่นเลือดถึงแรงขนาดนี้?”

“มู่ไป๋ไป่ เจ้าไปเอามันมาจากที่ไหน?”

“เจ้าส้ม” การปรากฏตัวของแมวส้มทำให้มู่ไป๋ไป่คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจึงคว้าตัวมันมาถามว่า “เจ้าอยู่ในเมืองหลวงมานานแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่านายพรานมักจะนำสัตว์ที่พวกเขาล่าได้จากภูเขาไปขายที่ไหน?”

“ทำไมเจ้าถึงถามข้าเรื่องนี้?” เจ้าส้มหรี่ตาถามอย่างสงสัย “เจ้าคิดจะเอาข้าไปขายรึ?”

“เจ้าคิดไปถึงไหนกัน!” เด็กหญิงเขกหัวอีกฝ่ายด้วยความโมโห “ข้ารู้สึกว่าตั้งแต่ที่เจ้ากลับมา เจ้าเหมือนไปกินของผิดสำแดงเข้า ถึงได้พูดจาเลอะเทอะขึ้นทุกวัน”

“ที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าถูกผู้หญิงทิ้งมาหรอกใช่หรือไม่?”

“แง้ว! ใครบอกว่าข้าถูกแม่ขาวมณีทิ้ง!” เจ้าส้มตะคอกเสียงดัง “มู่ไป๋ไป่ ถ้าเจ้ากล้าพูดไร้สาระอีก เราขาดกัน!!”

“เอาล่ะ ก็ได้ ๆ” พอคนตัวเล็กเห็นว่าเจ้าแมวอ้วนโกรธมาก เธอก็รีบลูบหัวมันพลางพูดว่า “ลองคิดเกี่ยวกับคำถามที่ข้าเพิ่งถามเจ้าไปให้ดี ๆ”

“ข้าไม่รู้!” เจ้าส้มตะคอกอย่างหัวเสียพร้อมกับสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง “ทำไมข้าจะต้องสนใจนายพรานพวกนั้นด้วย”

“...”

เมื่อเธอลองคิดถึงนิสัยของเจ้าส้มให้ดี ๆ เธอเกรงว่านอกจากมันจะไล่ตามแม่ขาวมณีตลอดทั้งวัน เจ้าแมวตัวนี้คงทำเพียงแค่หาอาหารกินเพียงเท่านั้น

ครั้งสุดท้ายที่เธอพบเสิ่นจวินเฉา ทั้งหมดก็เป็นเพราะความช่วยเหลือจากแมวตัวอื่น

ส่วนเจ้าส้ม… คิดเสียว่ามันเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ

มู่ไป๋ไป่คิดอยู่สักพักหนึ่งและรู้สึกว่าคนที่น่าจะรู้คำตอบมากที่สุดก็คืออวี้เซิ่ง ดังนั้นเธอจึงมุ่งหน้าไปตามหาเขาอีกครั้ง

ในตอนที่เธอหาอีกฝ่ายพบ นักฆ่าที่เลื่องชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดกำลังเอนตัวดื่มสุราอยู่บนต้นไม้อย่างสบายใจ

นั่นทำให้เด็กหญิงรู้สึกโมโหมากที่เห็นเขาเช่นนั้น พ่อของเธอส่งเขามาปกป้องเธอ แต่เขากลับหายหัวไปทั้งวัน

แล้วเขายังมาซ่อนตัวอยู่ในสถานที่เช่นนี้พร้อมกับดื่มเหล้าตั้งแต่หัววันอีก!

“อวี้เซิ่ง! ลงมา เรามีเรื่องจะถามท่าน!” มู่ไป๋ไป่หยิบก้อนหินจากพื้นแล้วโยนขึ้นไปบนต้นไม้ อย่างไรก็ตาม ความแม่นยำของเธอนั้นไม่ดีนัก แม้ว่าเธอจะขว้างก้อนหินไปหลายก้อน แต่ก็ไม่สามารถโจมตีโดนเป้าหมายได้เลย

“มีอะไรหรือ?” ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน

“ท่านรีบลงมาก่อน นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน” ขณะนี้คนตัวเล็กรู้สึกกังวลมาก แต่อีกฝ่ายยังคงมีท่าทีสบาย ๆ เธอแทบอยากให้ตัวเองสามารถบินตรงขึ้นไปบนต้นไม้ได้เช่นเดียวกับคนที่มีวรยุทธ “ดูเหมือนว่าเจ้าตัวโตจะถูกนายพรานจับตัวไปแล้ว ถ้าข้าอยากจะไปตามหามัน ข้าจะไปหามันได้จากที่ไหน?”

“นายพรานอย่างนั้นหรือ?” อวี้เซิ่งพลิกตัวแล้วกระโดดลงจากต้นไม้ “ฝ่าบาททรงเคยมีราชโองการสั่งห้ามไม่ให้นายพรานทุกคนออกมาล่าสัตว์บริเวณรอบ ๆ วัดฮู่กั๋ว”

“ข้ารู้” มู่ไป๋ไป่พยักหน้า “ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้ากับจื่อเฟิงขึ้นไปบนภูเขาก็ได้พบกับดักสัตว์และคราบเลือดในอาณาเขตของเจ้าตัวโต”

“เช่นนี้ใครจะเป็นคนทำได้ถ้าไม่ใช่นายพราน”

“องค์หญิงหก พระองค์ไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพยายามจะบอกหรือ?” นักฆ่าหนุ่มยิ้มแบบมีเลศนัย “ใครก็ตามที่กล้าฝ่าฝืนราชโองการของฝ่าบาทและเข้ามาล่าสัตว์ในบริเวณวัดฮู่กั๋วย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน”

“ในเมื่อคนผู้นั้นไม่ใช่คนธรรมดา พระองค์คิดว่าเขาจะเอาสัตว์ที่ล่าได้ไปขายเหมือนนายพรานทั่วไปหรือไม่?”

“ท่านกำลังจะบอกว่า…” ไม่นานเด็กหญิงก็เข้าใจความหมายในคำพูดของอีกฝ่าย แต่ก็ยังไม่แน่ใจเสียทีเดียว

“ตลาดผี” อวี้เซิ่งยืนพิงต้นไม้ตอบ “ที่นั่นก็เหมือนกับโรงพนันใต้ดินที่เราไปด้วยกันครั้งก่อน ซึ่งตลาดผีตั้งอยู่กลางเมืองหลวง”

“สิ่งที่ค้าขายอยู่ข้างในย่อมเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน”

“ถ้าเจ้าตัวโตของพระองค์ที่ถูกล่ามาจากภูเขาลูกนี้จริง ๆ พระองค์น่าจะได้พบมันในตลาดผี”

“แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีคนซื้อมันไปแล้ว”

“ตลาดผีอยู่ที่ไหน แล้วข้าจะไปที่นั่นได้อย่างไร?” มู่ไป๋ไป่คว้าชายเสื้อของคนตรงหน้าขณะถามอย่างเป็นกังวล “ข้าจ่ายเงินให้ท่านก็ได้ ท่านช่วยพาข้าไปที่นั่นที”

“องค์หญิงหก ข้าเกรงว่าเรื่องนี้จะยากไปสักหน่อย” อวี้เซิ่งยิ้มมุมปากและดึงชายเสื้อของตัวเองออกจากมือเล็ก ๆ “ตลาดผีไม่ใช่สถานที่ที่เด็กอย่างพระองค์สมควรเข้าไป”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด