บทที่ 1000 : แกยอมสยบต่อยุคสมัย ส่วนฉันคือผู้กำหนดยุคสมัย
[แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ\]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมานะครับ]
บทที่ 1000 : แกยอมสยบต่อยุคสมัย ส่วนฉันคือผู้กำหนดยุคสมัย
เกล็ดมังกรพลันสยายปีก ร่างของไคโดพลันว่องไวขึ้นมาก
การสลัดเกล็ดสำหรับโปเกมอนสายพันธุ์มังกร ถือเป็นการปลดเปลื้องพันธนาการ ยอมสละเกล็ดชั่วคราวเพื่อแลกกับความเร็วในการเคลื่อนไหวที่เหนือกว่า ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อร่างกายของพวกมันเลย ด้วยพลังกายอันมหาศาล เกล็ดของพวกมันจึงงอกใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม
ยิ่งเป็นไคโดด้วยแล้ว ในโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นกระดูกแตก ฟันหัก เพียงดื่มนมแก้วเดียวก็กลับมาเป็นปกติ
ดังนั้น สำหรับไคโดแล้ว ระยะเวลาในการยุติสถานะนี้ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองทั้งหมด เมื่อใดที่เขาต้องการเสริมเกราะป้องกัน เกล็ดที่หายไปก็จะงอกกลับคืนมาเองโดยธรรมชาติ
“อ้อ จริงสิ ลูกทรยศของแกโดนลูกน้องฉันจัดการไปแล้ว ไอ้แมลงสาบตายยากน่ารังเกลียด มันตายไปแล้ว”
ระหว่างต่อสู้ ไคโดพลันนึกถึงเรื่องหนวดดำ จึงเอ่ยขึ้นกับหนวดขาวลอย ๆ
“กุร่าร่าร่าร่า ขอบใจมาก แต่ไคโด น้ำเสียงของแกมันฟังไม่เข้าหูเลย เหมือนแกมั่นใจว่าฉันแพ้แล้วงั้นสิ?”
หนวดดำตาย ถือเป็นข่าวดีสำหรับหนวดขาว โจรสลัดที่โหดเหี้ยมฆ่าเพื่อนร่วมกลุ่มได้อย่างเลือดเย็น ถือเป็นเสี้ยนหนามในใจหนวดขาวมาตลอด หากไม่กำจัดทิ้ง ก็จะเป็นภัยร้ายอยู่วันยังค่ำ
แต่น้ำเสียงของไคโดกลับทำให้หนวดขาวรู้สึกแปลก ๆ ราวกับเกรงว่าเขาจะตายตาไม่หลับ จึงจงใจบอกกล่าวเรื่องสำคัญเป็นการส่งท้าย
เขายอมรับว่าไคโดแข็งแกร่งมาก แต่ท่าทางแบบนี้ ก็อดทำให้รู้สึกไม่พอใจไม่ได้
“นิสัยแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่โรเจอร์อยากเห็นหรอกนะ!”
ตู้ม!
หมัดของหนวดขาวกระแทกเกล็ดที่ไคโดยิงออกมาจนแตกกระจาย หนวดขาวพูดถึงโรเจอร์อีกครั้งโดยไม่รู้ตัว เขาได้วางตัวอดีตเด็กฝึกงานและอดีตราชาโจรสลัดไว้ในระดับเดียวกันแล้ว
หลังจากโรเจอร์กลับจากลาฟเทล ก็ได้สนทนากับหนวดขาวอย่างออกรส ถึงขั้นคิดจะบอกเส้นทางไปลาฟเทลให้ แต่หนวดขาวไม่เคยสนใจตำแหน่งราชาโจรสลัด จึงปฏิเสธข้อเสนอของโรเจอร์
แต่เขาก็ได้รับรู้เรื่องราวลับ ๆ มากมายจากโรเจอร์ รวมถึงสิ่งที่โรเจอร์เฝ้ารอคอย
“เรื่องแบบนั้น ช่างมันเถอะ ฉันไม่ต้องการการยอมรับจากตาแก่นั่น ความคิดของมันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน!”
ไคโดพุ่งเข้าปะทะหมัดของหนวดขาว พร้อมกับแสดงความดูแคลนคำพูดของหนวดขาว
“ฉันไม่เชื่อเรื่องโชคชะตา ถ้าโชคชะตาลิขิตสิ่งใด ฉันจะทำลายมันให้หมดสิ้น! หนวดขาว ก่อนหน้านี้แกเหมือนจะบอกว่า แกเป็นเศษซากแห่งยุคเก่า โลกใหม่ไม่มีที่ให้เรือของแกแล่นแล้วใช่ไหม?”
“นั่นคือความจริง คนรุ่นเดียวกันแทบไม่เหลือแล้ว”
“งั้นก็แสดงว่า หนวดขาว แกแก่แล้วจริง ๆ ร่างกายของแกอาจกลับมาหนุ่มสาว แต่ใจของแกไม่ใช่ ถ้าคิดแบบนั้น ฉันก็ถือเป็นคนยุคเดียวกับแก ในเมื่อยุคสมัยมันไม่มีเรือให้แล่น งั้นก็ให้ยุคสมัยเป็นเรือลำใหม่สิ! ยุคสมัยต่อไป ฉันจะเป็นผู้กำหนดเอง!”
โชคชะตาที่ถูกกำหนดเป็นสิ่งที่ไคโดเกลียดชัง เขาเลือกวาโนะคุนิเป็นฐานที่มั่น ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่า โชคชะตาที่ว่านั่นล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ
ในด้านนี้ ไคโดมีจิตใจต่อต้านอย่างรุนแรง ความคิดที่หนวดขาวยอมจำนนต่อกาลเวลาทำให้เขาผิดหวัง การควบคุมยุคสมัย ให้ยุคสมัยเดินไปตามวิถีทางของตน คือเป้าหมายของไคโดในตอนนี้
ตำแหน่งราชาโจรสลัดเป็นเพียงเส้นทาง แต่ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย สำหรับไคโดแล้ว ตำแหน่งนั้นเป็นเพียงบันไดขั้นหนึ่งเท่านั้น
“กุร่าร่าร่าร่า ฉันคงประเมินความทะเยอทะยานของแกต่ำไป ไคโด”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หนวดขาวรู้สึกเหมือนไคโดเป็นคนแปลกหน้า เขาแตกต่างจากเด็กฝึกคนนั้นมากเกินไป
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันคือหนวดขาวนะไคโด ให้เศษซากแห่งยุคสมัยอย่างฉันมาส่งแกอีกสักครั้งแล้วกัน อย่าตายล่ะ เจ้าหนู”
แสงสีขาวเปล่งประกายออกมาจากร่างของหนวดขาว ครั้งนี้ไม่ได้รวมตัวกันอยู่ที่มือ เท้า หรืออาวุธ แต่แผ่ปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย จากนั้นพลังนี้ก็ค่อย ๆ ถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายของหนวดขาว ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่พลังที่สั่นสะเทือนยังคงอยู่ เห็นได้จากพื้นดินรอบ ๆ เท้าของหนวดขาว ก้อนหินสั่นไหวตลอดเวลา สุดท้ายก็แตกเป็นผุยผง
หญ้าคืนชีพรักษาเพียงร่างกาย แต่คำพูดของไคโดกลับปลุกจิตวิญญาณของเขา เมื่อร่างกายและจิตใจกลับคืนสู่ความเยาว์วัย สิ่งที่แสดงออกมาก็คือจุดสูงสุดของหนวดขาวที่แท้จริง และนี่คือสิ่งที่ไคโดต้องการ
ในฐานะ “ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา” การต่อสู้กับเขามักจะได้รับผลลัพธ์ที่ดี หากไคโดมีจุดอ่อน บันทึกของโอเด้งก็คงเป็นหนึ่งในนั้น
แต่หนวดขาวเองก็ไม่ได้ติดพิษของโอเด้ง หรืออาจกล่าวได้ว่า การที่โอเด้งกลับไปวาโนะคุนิอย่างเงียบ ๆ หลังจากโรเจอร์เสร็จสิ้นการเดินทาง ทำให้หนวดขาวผิดหวังอย่างมาก
อดีตเด็กฝึกยังคงมีความทะเยอทะยาน ทำให้หนวดขาวรู้สึกสะท้อนใจ
ฮัสไซไคของไคโดปะทะกับดาบมุราคุโมกิริของหนวดขาวอีกครั้ง ครั้งนี้คมดาบของหนวดขาวไร้ซึ่งพลังจากผลสั่นสะเทือน มองเห็นเพียงพลังฮาคิที่แผ่ออกมา แต่เมื่อดาบทั้งสองสัมผัสกัน ไคโดกลับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงกว่าครั้งไหน ๆ
พลังที่หนวดขาวปลดปล่อยออกมานั้นต่างจากตอนที่เขาเพิ่งจะตื่นขึ้น หากก่อนหน้านี้การโจมตีของหนวดขาวคือการระเบิดพลังทำลายล้างจากภายนอก ตอนนี้มันคือการทำลายล้างจากภายในอย่างเงียบเชียบ ราวกับว่าหนวดขาวได้กลายเป็นมนุษย์สั่นสะเทือนอย่างแท้จริง
"ฉันรู้อยู่แล้ว ตาแก่อย่างแกคงไม่ได้มีดีแค่นี้ ในที่สุดก็ได้สนุกกันเสียที!"
แววตาของไคโดเปลี่ยนไป เปลวเพลิงสีรุ้งที่ห่อหุ้มร่างกายลุกโชนราวกับเปลวไฟ กรงเล็บมังกรยื่นออกมาจากแขนของเขา เสริมพลังให้กับฮัสไซไค
กรงเล็บมังกร หางมังกร เกล็ดมังกร การโจมตีของสายพันธุ์มังกรมักเกี่ยวข้องกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยใช้พลังภายในเสริมความแข็งแกร่งให้กับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย สำหรับโปเกมอนสายพันธุ์มังกร นี่คือ "ฮาคิ" ของพวกมัน
ในตอนนี้ กรงเล็บมังกรของไคโดได้กลายเป็นหนามแหลมบนฮัสไซไค สำหรับไคโดแล้ว นี่คือวิธีการใช้พลัง
เกล็ดที่ยิงออกไปก่อนหน้านี้ก็กลับมาเติมเต็ม เขาเข้าสู่การต่อสู้รอบใหม่กับหนวดขาว
ไคโดต่อสู้ด้วยความสนุก หนวดขาวก็เริ่มเพลิดเพลินไปกับการต่อสู้ แต่คนดูข้างสนามกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น
ที่นี่คือกองบัญชาการใหญ่ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งความยุติธรรมที่ไม่มีใครสามารถบุกรุกเข้ามาได้ในความคิดของเหล่าทหารเรือ
ตำนานที่ว่าคุกอิมเพลดาวน์ไม่สามารถแหกได้นั้นถูกทำลายไปแล้ว การแหกคุกของชิกิยังพอจะปิดหูปิดตาได้ แต่การแหกคุกครั้งใหญ่คราวนี้ ทหารเรือทั่วทั้งมารีนฟอร์ดต่างเห็นกับตา
แม้ว่ามารีนฟอร์ดจะเคยถูกโจรสลัดบุกรุก แต่สุดท้ายโจรสลัดเหล่านั้นก็ถูกจับเข้าคุก ไม่เคยมีข้อยกเว้น
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป จักรพรรดิสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างเปิดเผยที่กองบัญชาการใหญ่ ส่วนพลเรือเอกก็ได้แต่ยืนดูอยู่เฉย ๆ ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งเป็นการกระทบกระเทือนจิตใจของทหารเรือหลายคน
ในมุมมองของผู้บังคับบัญชาระดับสูง นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว
ไม่ว่าไคโดกับหนวดขาวจะสู้กันแบบไหน ก็ไม่เป็นภัยคุกคามต่อตำแหน่งของกองทัพเรือ การที่พวกเขาสู้กันเองยังเป็นผลดีต่อกองทัพเรือในอนาคต
พลังที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของฝ่ายโจรสลัดทำให้กองทัพเรือตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ประกอบกับคำสั่งของห้าผู้เฒ่า เซ็นโงคุจึงเลือกที่จะหยุดยิง การปล่อยให้พวกเขาต่อสู้กันโดยไม่เข้าไปแทรกแซงก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงหยุดยิง
เพียงแต่ทหารระดับล่างคงไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำสั่งยังไม่ได้รับการถ่ายทอดลงไปอย่างทั่วถึง
ทหารเรือบางคนคิดว่าเบื้องบนกำลังรอจังหวะ หวังจะฉวยโอกาสในตอนท้าย ความจริงแล้ว ถ้าหากโจรสลัดอ่อนกำลังลงมากกว่านี้ กองทัพเรือก็คงจะทำแบบนั้น แต่โอกาสแบบนั้นมีน้อยมาก
นอกจากไคโดและหนวดขาว คนอื่น ๆ ต่างก็ระงับอารมณ์ และคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของกองทัพเรืออยู่ตลอดเวลา
มีบางคนที่เดาความคิดของเบื้องบนได้ แต่พวกเขาก็เลือกที่จะเงียบ การเชื่อฟังคำสั่งคือหน้าที่พื้นฐานของทหาร นอกจากพวกหัวรั้นบางคน ทหารเรือที่ถูกเรียกตัวมาที่นี่ล้วนภักดีและปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
ในพื้นที่ใกล้กับศูนย์กลาง พวกทหารเรือหยุดการเคลื่อนไหว พวกเขากำลังรอคำสั่งจากเบื้องบน
โจรสลัดส่วนใหญ่ก็เริ่มถอยหนีไปตามคำสั่งของหนวดขาว แต่ก็มีบางส่วนที่ยังคงอยู่ที่ขอบหน้าผาที่หนวดขาวสร้างขึ้น เฝ้ามองการต่อสู้ของหนวดขาว
แต่ในพื้นที่ขอบนอกที่ห่างไกลจากสนามรบของหนวดขาวและไคโด กลับเป็นภาพที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
สงครามครั้งนี้ไม่เพียงแต่ไม่หยุด ตรงกันข้ามเลย มันกลับแย่ลงเรื่อย ๆ
การขาดการติดต่อของหอยทากสื่อสารคือสัญญาณของการหยุดยิง และก่อนที่จะได้รับสัญญาณนี้ การต่อสู้ก็ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าระดับสูงจะถูกจำกัด แต่ระดับล่างไม่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นในช่วงเวลาสุดท้ายนี้ พวกเขายังคงต่อสู้กันเพื่อสงคราม
ในซากปรักหักพัง ศพของทหารเรือและโจรสลัดกองรวมกัน หลายคนลืมไปแล้วว่าจุดประสงค์ที่พวกเขามาที่นี่คืออะไร ตอนนี้พวกเขามีเพียงความคิดเดียว นั่นคือฆ่าศัตรูที่อยู่ตรงหน้า
"โคบี้ โคบี้ นายเป็นอะไรรึเปล่า!"
เฮมเมปโป้ เพื่อนของโคบี้ พยายามขุดโคบี้ออกมาจากกองหิน
ในช่วงแรกของสงครามมารีนฟอร์ด ทั้งสองตกใจกับพลังทำลายล้างของหนวดขาว จึงคิดจะแอบหนีไป แต่กลับไปเจอกับอาคาอินุที่กำลังประหารทหารหนีทัพ สุดท้ายก็ถูกอาคาอินุขู่จนต้องกลับเข้าสู่สนามรบ
พวกเขาต้องอดทนต่อความกลัวในใจ และเข้าร่วมการต่อสู้เล็กๆ น้อย ๆ ทหารสู้กับทหาร ระดับหัวหน้าสู้กันเอง ด้วยระดับพลังของพวกเขาในตอนนี้ ก็แค่พอจะรับมือกับโจรสลัดทั่วไปได้ กัปตันจากโลกใหม่คนไหนก็สามารถฆ่าพวกเขาได้
หลังจากนั้น การต่อสู้ระหว่างยามาโตะกับคุซัน การปะทะกันระหว่างหนวดขาวกับพลเรือเอกสองคน อาวุธของบาร์โธโลมิว คุมะ และการปรากฏตัวของห้าผู้เฒ่าและอิม ทุกการต่อสู้ล้วนสร้างความหวาดกลัวอย่างใหญ่หลวงให้กับพวกเขา
และในแรงระเบิดครั้งสุดท้าย เศษหินที่กระเด็นมาทำให้พวกเขาถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
ภายใต้แรงกดดันทั้งจากภายนอกและภายในจิตใจ ทั้งสองคนก็หมดสติไปโดยพลัน บัดนี้เองจึงได้สติกลับคืนมา
เฮมเมปโปฟื้นขึ้นมาทีหลังโคบี้ แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าโคบี้กำลังเอามือกุมหูด้วยความเจ็บปวด ราวกับตกอยู่ในอาการหวาดผวา นั่งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
เฮมเมปโปพยายามเรียก แต่โคบี้กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ เพราะเสียงในหัวกำลังแผดร้องดังจนแทบระเบิด
"ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที"
"เจ็บ เจ็บเหลือเกิน ไม่อยากตาย อยากกลับบ้าน"
"ช่วย ช่วยผมด้วย"
"พี่ชาย ผมล้างแค้นให้พี่แล้ว รอผมก่อนนะครับ ผมกำลังจะไปหาพี่..."
เสียงจอแจดังก้องอยู่ในหัว โคบี้แยกไม่ออกว่าเป็นเสียงของโจรสลัดหรือทหารเรือ สิ่งที่รับรู้ได้มีเพียงความหวาดกลัวสงคราม
เสียงต่างๆ ค่อย ๆ เลือนหายไปจากหัว ทว่าก่อนจะเงียบสนิท เสียงครวญครางสุดท้ายทำให้โคบี้รู้ว่า เจ้าของเสียงเหล่านั้นได้ตายไปแล้ว
"ตั้งสติหน่อยโคบี้ สงครามกำลังจะจบแล้ว ท่านจอมพลเซ็นโงคุมีคำสั่งเตรียมหยุดยิงแล้ว!"
นี่คือข่าวที่ทหารส่งสารซึ่งผ่านมาบอกกับเฮมเมปโป เดิมทีคำสั่งนี้ถูกส่งไปยังนายทหารระดับต่าง ๆ เท่านั้น แต่เนื่องจากทั้งคู่ติดตามการ์ปอยู่ตลอด จึงค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตากันดีในกองบัญชาการทหารเรือ ทหารส่งสารของเซ็นโงคุจึงแวะมาบอกด้วย
"โจมตีต่อไป! กำจัดโจรสลัดพวกนั้น! จับพวกมันไว้ที่มารีนฟอร์ด!"
ทันใดนั้น เสียงกึกก้องก็ดังขึ้น
"เฮมเมปโป นายบอกว่าจะหยุดยิงแล้วไม่ใช่เหรอ?"
"ทหารส่งสารบอกแบบนั้นนะ อาจจะยังไม่ได้รับคำสั่งกระมัง"
ตอนนี้อาคาอินุและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ใกล้หนวดขาวและไคโด ไม่มีเวลามาสังเกตสนามรบธรรมดา ๆ แบบนี้ อีกทั้งโจรสลัดพวกนี้รวมกันก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับเจ้าหน้าที่ฝั่งนั้นแม้แต่คนเดียว
ตอนนี้แม้แต่เอสก็ต้องถอยไปอยู่แถวหลัง สำหรับอาคาอินุแล้ว ควีนในตอนนี้มีแรงดึงดูดมากกว่าเอสเสียอีก
นอกจากชื่อเสียงของลูกชายราชาโจรสลัดแล้ว เอสก็แทบไม่มีอะไรเลย แต่ควีนนั้นแตกต่าง หากวัดกันที่ระดับความอันตราย ควีนจัดว่าเป็นเบอร์หนึ่งรองจากจักรพรรดิทั้งสี่
แม้จะมีคนที่แข็งแกร่งกว่าควีนอยู่มาก แต่คนที่ดึงดูดสายตาได้เท่านี้ก็หายาก
เมื่อเทียบกับภัยคุกคามจากควีนและพวกพ้องแล้ว การมีอยู่ของโคบี้ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับอาคาอินุ ยิ่งไม่มีโอกาสปะทะกัน
โคบี้ใช้มือทุบหัวตัวเองอย่างแรง เสียงในหัวก็ค่อย ๆ หายไป จนในที่สุดก็ยืนขึ้นได้อีกครั้ง แล้ววิ่งโซซัดโซเซไปหาพลเรือโท ยูคิมูระ
"หยุดเถอะครับ ท่านพลเรือโท ยูคิมูระ กองบัญชาการใหญ่ตัดสินใจยุติสงครามแล้ว! ไม่จำเป็นต้องให้ทหารต้องสละชีพอย่างไร้ความหมายอีกต่อไปแล้วนะครับ!"
"ยังไม่จบ หลีกไป เด็กที่ยังไม่พร้อมจะสู้รบอย่ามาชี้นิ้วสั่งสอน! ดูยศตัวเองซะ นายไม่มีสิทธิ์มาขวางฉัน!"
ยูคิมูระได้รับคำสั่งแล้ว แต่เขายอมรับไม่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโจมตีที่ไม่คาดคิดก่อนหน้านี้ แม้โจรสลัดจะได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ก็มีทหารผู้บริสุทธิ์จำนวนไม่น้อยโดนลูกหลง นี่เป็นผลจากการที่อาร์เซอุสเข้ามาขัดขวาง หากปล่อยให้การโจมตีนั้นบรรลุเป้าหมาย ผลกระทบจะยิ่งร้ายแรงกว่านี้
ทั้งหมดนี้อยู่ในขอบเขตที่ห้าผู้เฒ่ายอมรับได้ หากการกำจัดไคโดและหนวดขาวต้องแลกมาด้วยชีวิตทหารนับพันนับหมื่น พวกเขาก็ยินดีที่จะเสียสละ สำหรับพวกเขา ชีวิตเป็นเพียงตัวเลข และภัยคุกคามจากหนวดขาวและไคโดนั้นร้ายแรงกว่าทหารจำนวนนี้มาก
ก่อนหน้านี้ก็สงคราม ตามมาด้วยผลกระทบจากการโจมตีที่ไม่ทราบที่มา มีเพื่อนร่วมรบและลูกน้องมากมายต้องตายในสงครามนี้
แต่ตอนนี้กลับบอกว่าจะหยุดก็หยุด ถ้าจบลงแบบนี้ พวกเขาตายกันไปมากมายเพื่ออะไร?
เขาได้รับคำสั่งเตรียมหยุดยิงจริง แต่การหยุดยิงเป็นแค่การเตรียมการ ไม่ใช่การหยุดยิงในทันที ดังนั้นเขาต้องรีบใช้เวลาที่เหลืออยู่เพื่อฆ่าศัตรูให้ได้มากที่สุด
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_