บทที่ 10 ให้เธอกลับบ้าน
หลินเจ้าเซี่ยรีบวิ่งไปที่ลานบ้านทันที!
เห็นชางจื้อนั่งยอง ๆ ขดตัวอยู่ในลานบ้าน เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ชางจื้อ ทำอะไรอยู่เหรอ?” เธอเดินเข้าไปใกล้
ชางจื้อพยายามมองหาทางกลับบ้าน แต่เขาไม่ยอมบอกความจริงนั้น เงยหน้าขึ้นมองเธอเงียบ ๆ
หลินเจ้าเซี่ยถอนหายใจเบา ๆ อย่างไม่ให้เขาได้ยิน “มาเถอะ” เธอเรียกให้เขาเดินตาม จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิกแก้มนุ่ม ๆ อย่างอดไม่ได้ นุ่มลื่นจนชวนให้หยิกเล่นอีก ก่อนจะจัดทรงผมที่ยุ่ง ๆ ของเขาให้เข้าที่
“แปรงฟันแล้วหรือยัง?” เธอผลักเขาให้เดินเข้าบ้าน
“ชางจื้อแปรงแล้ว” เขายิ้มอวดฟันขาวใสให้ดู
หลินเจ้าเซี่ยจึงชมว่า “ดีมาก ต่อไปต้องทำแบบนี้ทุกวันนะ ทำเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อย เราหิวไหม?”
ชางจื้อทำเรื่องของตัวเองได้ดีอยู่แล้ว เขาลูบท้องเล็ก ๆ ของตัวเองแล้วพยักหน้า
“พี่ก็หิวเหมือนกัน งั้นมาสั่งอะไรกินกันเถอะ” หลินเจ้าเซี่ยจัดการสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยก่อนจะ
ไปล้างหน้าแปรงฟัน
เมื่อคืนเธอเองก็ไม่ทันระวัง ทำให้เด็กชายตกใจกลัวเช่นนั้น เธอจึงสั่งอาหารเช้ามาเยอะกว่าปกติ ทั้งหมดเป็นอาหารที่เด็ก ๆ น่าจะชอบ
เมื่อเห็นชางจื้อทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เธอก็อดยิ้มอย่างปลื้มใจไม่ได้ ดูเหมือนว่าเด็กจากยุคโบราณก็จะชอบอาหารแบบนี้เหมือนกัน
“เยอะเกินไป ชางจื้อทานไม่หมด” เขามองอาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะอย่างกลุ้มใจ เจ้าซาลาเปาเล็ก ๆ นั่นอร่อยมาก แต่ท้องของเขาก็เต็มจนทานไม่ไหวแล้ว
“นี่เป็นวันแรกที่เรามาทานอาหารเช้ากันที่บ้าน พี่เลยสั่งมาเยอะไปหน่อย ต่อไปจะไม่เป็นแบบนี้แล้ว ทานไม่หมดเราก็เก็บไว้ทานมื้อหน้าก็ได้ จะได้ไม่เสียของ”
ชางจื้อพยักหน้า ทำตามเธอในการเก็บกวาด
เมื่อมองไปที่ตู้เย็นที่ปล่อยลมเย็นออกมาเป็นไอ เขารู้สึกอิจฉา
เจ้าสิ่งที่เรียกว่าตู้เย็นนี่ดีจริง ๆ ถ้าที่บ้านมีบ้างก็คงดี เวลาได้เนื้อมาเขาจะได้เก็บไว้ทานได้นาน ๆ ไม่ต้องหมักเกลือซึ่งรสชาติไม่อร่อย แถมยังแพงอีก
ชางจื้ออยากยกตู้เย็นสักตู้กลับบ้านทันทีที่ทำได้
ช่วงเช้า ทั้งคู่ไม่ได้ออกไปไหน นั่งอยู่บ้านคอยรับของที่หลินเจ้าเซี่ยสั่งซื้อ และรับอาหารที่เธอสั่งไว้ ของกินของใช้ทุกอย่างที่เธอซื้อมาแน่นไปจนเต็มตู้เย็น กล่องกระดาษที่แกะแล้วกองอยู่จนเต็มลานบ้านครึ่งหนึ่ง
กล่องกระดาษนี่ขายได้หกเหมา (เงินจีนโบราณ) ต่อหนึ่งชั่ง ปกติหลินเจ้าเซี่ยคงจะโยนทิ้งไปแล้ว แต่ว่าตอนนี้ขนาดจะทิ้งยังเสียดาย
ช่วงบ่าย เธอจูงมือเด็กชายออกไปนั่งรถไฟใต้ดิน
ชางจื้อรู้สึกไม่สบายตัวในเสื้อผ้าใหม่ เขาดึงซ้ายดึงขวาไม่หยุด จนหลินเจ้าเซี่ยต้องพูดทั้งหลอกทั้งดุอยู่นาน เด็กชายถึงยอมออกจากบ้านได้
เธอไม่รู้ว่าเด็กคนนี้มาได้ยังไง และจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน จะกลับไปอย่างไร แต่ในเมื่อกลับไม่ได้ก็ต้องค่อย ๆ ปรับตัว หลินเจ้าเซี่ยเองก็ไม่รู้ว่าจะสอนเขาอย่างไรดี แต่ถ้าปล่อยไว้โดยไม่สอนอะไรเลยก็รู้สึกผิด จึงได้แต่ปล่อยไปก่อน ค่อย ๆ ดูไปทีละก้าว
“ตามมาเร็ว” เธอเรียกเขา
หน้าทางเข้าชุมชนมีจักรยานให้เช่าขี่โดยการสแกนคิวอาร์โค้ด แต่ไม่สะดวกที่จะพาเด็กซ้อนท้าย ส่วนจะเรียกแท็กซี่ก็ดูจะเกินไป เพราะระยะทางไม่ไกลนัก
อากาศร้อนจนทั้งคู่เหงื่อชุ่มตัว เมื่อลงไปถึงสถานีรถไฟใต้ดินก็เย็นสบายไปทั้งตัว
รูขุมขนทุกแห่งล้วนเปิดรับลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่เปิดไว้ราวกับไฟฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
ถ้าเธอหามุมอับเฉามุมไหนสักแห่งได้ หลินเจ้าเซี่ยคงอยากมาเกาะสถานีรถไฟใต้ดินรับลมแอร์เย็น ๆ อยู่ทุกวัน
เมื่อเห็นเด็กชายครางออกมาด้วยความสบาย เธออดเย้าแหย่ไม่ได้ แต่เด็กชายกลับสวนเธอว่า “บ้านของข้าไม่เห็นจะร้อนขนาดนี้”
ที่หมู่บ้านบนภูเขาของเขาจริง ๆ ก็ไม่ร้อนขนาดนี้นัก ถ้าร้อนจนทนไม่ไหวก็แค่ไปหาถ้ำอยู่ หรือไม่ก็ไปที่พระราชสุสาน หาศาลาใหญ่อยู่ ที่นั่นไม่ร้อนเลยสักนิด
“ใช่ ๆ บ้านของเธอไม่ร้อน งั้นคืนนี้ห้ามเปิดพัดลม แล้วก็ห้ามเปิดแอร์ด้วย”
ชางจื้อจึงเม้มปาก
เจ้าสิ่งที่เรียกว่าพัดลมนี่มันดีจริง ๆ แค่เปิดมัน แผ่นใบพัดหมุนติ้วโดยไม่ต้องคอยนั่งโบกพัดเอง สะดวกกว่ามาก แต่ก็ยังสู้แอร์ไม่ได้
สิ่งที่เรียกว่าแอร์นั้น เมื่อเปิดแล้ว ไม่ต้องเห็นอะไรหมุนด้วยซ้ำ ลมเย็นก็ออกมาสบายตัวสุด ๆ
ถ้าที่บ้านเขามีสักเครื่องก็คงจะดี
ชางจื้อคิดอย่างเหม่อลอย บ้านหลังนี้มีของดีเยอะเหลือเกิน จนชางจื้ออยากจะเอากลับไปฝากยายหมดทุกอย่าง
เมื่อทั้งสองขึ้นรถไฟใต้ดิน เด็กชายก็ถูกเบียดเข้าไปจนต้องเกาะขาของหลินเจ้าเซี่ยเอาไว้แน่น
เขากอดขาของหลินเจ้าเซี่ยแน่น กลัวว่าจะพลัดหายกันไป สายตาเต็มไปด้วยความกลัวและความตื่นตาตื่นใจ มองซ้ายมองขวาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่มีอะไรให้มองเยอะไปหมดจนมองแทบไม่ทัน
อยากจะมีดวงตาเพิ่มขึ้นมาอีกสักสองดวง
จนกระทั่งหลินเจ้าเซี่ยพาเขาลงจากรถไฟ พอขึ้นมาสู่พื้นดิน ลมร้อนก็พัดเข้ามาทันที เขาถึงได้หลุดออกจากภวังค์
“เร็วจริง ๆ นะ พริบตาเดียวก็มาถึงแล้ว ข้ามายังที่ใหม่อย่างรวดเร็วแล้วยังเย็นอีกด้วย!
มหัศจรรย์มาก!”
ชางจื้อยังอยากนั่งอีก
“ตอนกลับค่อยนั่งใหม่” หลินเจ้าเซี่ยดึงมือเขาให้เดินตามมาตลอดทาง เพราะแดดแรงจนหากไม่รีบเดินไป คนคงแทบละลาย
เมื่อถึงห้างสรรพสินค้า ชางจื้อก็แทบมองดูไม่ทั่วอีกครั้ง
เขาหันไปหันมาจนหลินเจ้าเซี่ยต้องลากเขาไปจนเกือบจะล้ม เขาก็ยังไม่ยอมดูทางตรง ๆ
เธอจับเขาใส่เสื้อผ้าไปหลายชุด เด็กชายก็ดื้อไม่อยากเอาไว้เพราะกลัวว่าเธอจะต้องให้เขาใช้หนี้คืนและไม่ชอบเสื้อผ้าแบบนี้ด้วย
สุดท้ายก็ยอมผ่อนปรน เมื่อเธอขู่ว่าจะพาไปตัดผมถ้าไม่ยอมใส่เสื้อพวกนี้
“ทั้งหมดนี้ราคาเท่าไร? พี่บอกข้ามาเถอะ ข้าจะได้จำไว้ เพื่อจะบอกให้ตายายของข้าจ่ายให้”
หลินเจ้าเซี่ยเลิกคิ้ว “พี่ซื้อเสื้อผ้าให้เธอ ไม่ได้ซื้อให้ตายายเธอสักหน่อย แล้วทำไมให้พวกเขาจ่ายล่ะ?”
ชางจื้อกระพริบตาปริบ ๆ “ถ้าอย่างนั้นชางจื้อจะตั้งใจหาเงิน จะได้จ่ายคืนให้พี่!”
“อืม จำไว้ให้ดี”
“งั้นอาจจะต้องรออีกนาน ชางจื้อยังเด็ก หาเงินได้ไม่มากหรอก”
“ไม่เป็นไร พี่ไม่รีบ”
“อื้ม พี่นี่ใจดีจริง ๆ ชางจื้อจะจ่ายคืนแน่นอน พูดแล้วไม่คืนคำ!”
“ได้ งั้นพี่จะจดเอาไว้”
เด็กชายค่อยโล่งใจ ยิ้มกว้างแล้วรีบช่วยถือถุงเดินตามหลังหลินเจ้าเซี่ยไปอย่างว่าง่าย
หลังจากซื้อเสื้อผ้าหลายชุด รองเท้าและถุงเท้าหลายคู่ หลินเจ้าเซี่ยก็เริ่มหมดแรงแล้ว
แต่ชางจื้อยังดูตื่นเต้นอยู่ เพราะตอนอยู่บ้านเขายังทำตัวเป็นเด็กดีเงียบ ๆ อยู่ แต่พอออกมานอกบ้านเหมือนหลุดเข้าไปในแดนสวรรค์ ถามทุกอย่างไม่หยุดปาก
เมื่ออยู่กับหลินเจ้าเซี่ยได้สองวัน ความกล้าของเขาก็เพิ่มขึ้น เริ่มมองเธอด้วยสายตาที่สนิทสนมขึ้น
เขาดูจะรู้แล้วว่าเธอใจดี เลยซักถามเธอไม่หยุดตั้งแต่ต้นทาง
หลินเจ้าเซี่ยรู้สึกว่าหัวเริ่มตื้อหมดความอดทน
“หาอะไรกินก่อนแล้วกันนะ ทานเสร็จแล้วเราก็กลับบ้าน!” เธอคิดว่านับจากนี้คงต้องซื้อของทางออนไลน์แล้ว เพราะอากาศร้อนเกินไป
ในห้างสรรพสินค้ามีร้านอาหารหลายประเภท รวมอาหารจากทั่วประเทศ ร้านอาหารตะวันตกและฟาสต์ฟู้ดก็มีไม่น้อย
เธอยังไม่ทันเลือกร้าน โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หลินเยี่ยนหราน? หลินเจ้าเซี่ยชะงักไปเล็กน้อย
ปกติแล้วหลินเยี่ยนหรานมักจะมาที่เมืองไห่เพื่อลั้นลาไปกับเพื่อน ๆ ของเธอมากกว่า และไม่ค่อยจะมาหาหลินเจ้าเซี่ยเท่าไร นอกจากอยากได้เงินจากเธอ หลินเยี่ยนหรานแทบจะไม่เคยนับเธอเป็นพี่สาวด้วยซ้ำ
ส่วนหลินแม่ก็หวงหลินเยี่ยนหรานมาก ถ้าไม่ติดที่หลินพ่อป่วยหนักอยู่ล่ะก็ ป่านนี้หลินแม่คงตามหลินเยี่ยนหรานไปทุกที่แล้ว
หลินเจ้าเซี่ยใจลอยไปชั่วขณะ
“ทำไม? ไม่กล้ารับโทรศัพท์ฉันเหรอ?” เสียงจากปลายสายพูดเหน็บแนม
หลินเจ้าเซี่ยขมวดคิ้ว “มีอะไรที่ฉันจะไม่กล้ารับล่ะ”
เธอก้มมองเด็กชายหนึ่งที
เด็กน้อยกำลังจ้องอาหารอย่างตื่นตาตื่นใจ สูดดมกลิ่นไปมาไม่รู้จะเลือกอะไรดี กลิ่นอะไรก็หอมน่าทานไปหมด เธอมองภาพนั้นอย่างรู้สึกหลากหลาย
“ปากแข็งเข้าไว้” หลินเยี่ยนหรานดูถูกท่าทีที่เธอพยายามสงบเสงี่ยม “พ่อแม่ให้เธอกลับมาพรุ่งนี้”
แล้วสายก็ตัดไป
กลับบ้าน? หลินเจ้าเซี่ยยืนนิ่ง
---
*(จบบท)*