ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 บทนำ (ตอนล่าง)

บทที่ 1 บทนำ (ตอนบน)


บทที่ 1 บทนำ (ตอนบน)

ค่ำคืนที่เงียบสงบในย่านชานเมือง ภายในคฤหาสน์ริมทะเลที่แสงไฟสว่างไสว ตรงห้องนั่งเล่นชั้นล่างมีบอดี้การ์ดสองคนถูกใส่กุญแจมือและข้อเท้า นอนอยู่บนพื้น แม้สติยังคงชัดเจนแต่ก็ไม่พยายามหาวิธีหลุดจากการถูกมัด กลับตั้งใจฟังคำพูดที่ดังมาจากห้องอาหารทีละคำ

ในห้องอาหาร มีชายสองคนที่คลุมหน้าและพันหัวด้วยผ้าสีดำ มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน กลางผ้าคลุมหน้ามีเครื่องหมายกากบาทกลับด้านสีเทา และบริเวณหน้าผากของผ้าที่พันหัวก็มีเครื่องหมายกากบาทกลับด้านเล็ก ๆ เช่นกัน

บนโต๊ะอาหารแบบตะวันตกมีอาหารหลากหลายวางเรียงกันอยู่ รอบโต๊ะนั่งอยู่สี่คน ประกอบด้วยสุภาพสตรีผู้สง่างาม เด็กหญิงวัยสิบห้าปี ชายหนุ่มวัยสิบแปดปีที่ย้อมผม และชายวัยกลางคนที่มีอายุราวสี่สิบปีนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ

แม้ไม่มีเชือกผูกมัดพวกเขา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับโจรสองคนที่ถือปืนไว้ในมือ พวกเขาก็ทำได้เพียงก้มหน้ามองโต๊ะอาหาร ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

โจรหนุ่มพูดอะไรบางอย่างก่อนจะวางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้าของชายวัยกลางคน “คุณโทรอฟ ผมเชื่อว่าคุณคงรีบไปต่อ แต่ใจเย็นก่อน เราทำงานนี้ต้องมีขั้นตอนเล็กน้อย ช่วยเปิดมันดูหน่อย” เสียงแหบแห้งที่ดังออกมาไม่ใช่เสียงที่แท้จริงของเขา

ชายที่ถูกเรียกว่าโทรอฟใช้มือที่สั่นเทาเปิดแฟ้มเอกสารออกมา ข้างในมีเอกสารและรูปถ่าย รูปหนึ่งในนั้นเป็นรูปของเด็กผู้หญิงที่สดใสร่าเริง เธอชอบใส่หมวกสวย ๆ หลากหลายแบบถ่ายรูป แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในทุกภาพกลับเป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ราวกับนางฟ้าของเธอ

โจรหนุ่มหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาจากเอกสาร “กรุณาอ่านออกเสียงให้ฟังหน่อย”

โทรอฟมองกล้องวิดีโอที่ติดตั้งอยู่ข้างโต๊ะอาหาร แล้วขอร้องโจรหนุ่มอย่างเวทนา “ได้โปรดเถอะ อย่าทำแบบนี้ต่อหน้าครอบครัวของฉันเลย ฉันให้เงินคุณได้มากมายตามที่คุณต้องการ คุณอยากได้อะไรก็แค่บอกมา”

โจรสูงวัยยกปืนขึ้นยิงทันที เสียงปืนดังลั่นทำให้สุภาพสตรีผู้สง่างามที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหงายหลังพิงเก้าอี้ทันที เธอเบิกตากว้างมองเพดานอย่างไร้ชีวิต ที่หน้าผากของเธอมีรูเล็ก ๆ จากรูกระสุ

เด็กทั้งสองคนนั่งตัวสั่นงันงก หลับตาแน่นด้วยความกลัว

ส่วนโทรอฟก็ร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง “ไม่น่าเป็นแบบนี้เลย” โจรหนุ่มกดบ่าเขาให้นั่งลงที่เก้าอี้

โจรสูงวัยเล็งปืนไปที่ชายหนุ่ม โทรอฟรีบร้องขึ้นทันที “ผมจะอ่าน ผมจะอ่าน”

โทรอฟน้ำตาคลออ่านกระดาษแผ่นนั้น “อลิซ อายุสิบเอ็ดปี…” เสียงของเขาติดขัดด้วยความเศร้า พยายามหลายครั้งก็ยังอ่านออกมาไม่ได้

โจรสูงวัยเหลือบมองนาฬิกาบนผนังอย่างกังวล “เราสิ้นเปลืองเวลามามากแล้ว

“ฉันจะช่วยเขาเอง” โจรหนุ่มหยิบกระดาษจากแฟ้มมาดู “เมษายนปี 2029 เมื่อสี่ปีที่แล้ว”

โทรอฟกุมศีรษะร้องไห้ “ขอโทษ ขอโทษจริง ๆ”

โจรหนุ่มถาม “เรื่องอะไรที่คุณขอโทษ?”

โทรอฟตอบ “วันนั้นผมดื่มหนักมาก ทำให้ตอนงานประมูล ผมสนใจเธอขึ้นมา”

โจรหนุ่มถาม “แล้วหลังจากนั้น?”

โทรอฟตอบ “ผมซื้อเธอ”

โจรหนุ่มถามต่อ “ซื้อมาด้วยราคาเท่าไหร่?”

โทรอฟตอบ “หนึ่งแสนดอลลาร์”

โจรหนุ่มว่า “บอกต่อเถอะ”

โทรอฟตอบทั้งน้ำตา “คืนนั้นพวกเขาส่งเธอขึ้นเรือยอชท์ของผม ขอโทษ ขอโทษจริง ๆ ผมขอโทษสุดหัวใจ ได้โปรดให้อภัยผมด้วย” ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจ ใครได้เห็นก็อดสงสารไม่ได้

โจรหนุ่มตอบ “คุณโทรอฟ เราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับอลิซ คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษเรา เราจะข้ามช่วงนี้ไป มาเล่าต่อเรื่องสามวันต่อมาดีกว่า”

โทรอฟเอาหัวโขกกับโต๊ะ “ผมโยนเธอลงทะเล ผมเมามากแล้วก็ดมผงเข้าไปอีก สมองเลยเบลอ ผมไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นเลย ได้โปรดเชื่อผม”

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”

โทรอฟดูไม่เข้าใจคำถามของโจรหนุ่ม ตอบกลับ “ก็ไม่มีอะไรแล้ว”

“หลังจากนั้นคุณโทรหาโทนี่ บอกว่าถ้ามีของแบบนี้อีกให้แจ้งคุณโดยทันที” โจรหนุ่มหยิบรูปภาพรูปหนึ่งขึ้นมา “นี่ไง นี่คือรูปครอบครัวของโทนี่ ครอบครัวเขาอยู่กันครบ”

สายตาของโจรหนุ่มจ้องมองโทรอฟด้วยความเย็นชา: แม้แต่ยามใกล้ตายก็ยังจะโกหก

โทรอฟคว้ามือของโจรหนุ่มที่สวมถุงมือจับรูปนั้นไว้แน่น “ขอร้องล่ะ ปล่อยลูก ๆ ของฉันไปเถอะ”

โจรหนุ่มสะบัดมือเขาออก

โจรสูงวัยกล่าวขึ้น “ผู้ซื้อกับผู้ขายก็ผิดเท่ากัน ตามกฎ ลูกที่อายุเกิน 14 ปีต้องรับโทษด้วย”

เมื่อได้ยินดังนั้น โทรอฟถามด้วยความโกรธ “การฆ่าคนบริสุทธิ์ของพวกคุณ จะทำให้สูงส่งกว่าผมตรงไหนกัน?”

โจรสูงวัยแตะนิ้วสองนิ้วลงบนเครื่องหมายกากบาทกลับด้านที่อยู่บนผ้าคลุมหน้า “ปีศาจแห่งโลกนี้ได้ฉีกวิญญาณของเราไปแล้ว เราพร้อมจะนำร่างที่เปื้อนเลือดของเราเดินสู่หุบเหวที่ไม่มีที่สิ้นสุดของนรก”

โจรหนุ่มแปลความหมายให้ “ประโยคนี้หมายถึง: หมูตายไม่กลัวน้ำร้อน”

โจรสูงวัยพูดว่า “ไม่มีเวลาแล้ว สารภาพบาปเถอะ”

โทรอฟพนมมือไว้ที่หน้าผาก น้ำตาไหลพรากพร้อมกับเสียงปืนสามนัด สถานที่นั้นก็มีศพเพิ่มขึ้นอีกสามร่า

โจรสองคนเดินออกจากคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว ขณะที่เดินผ่านห้องนั่งเล่น บอดี้การ์ดทั้งสองคนก็หลับตาพร้อมกันอย่างรู้หน้าที่ โจรทั้งสองไม่สนใจบอดี้การ์ดเหล่านั้น เดินขึ้นรถยนต์สีดำที่จอดอยู่หน้าประตูแล้วขับจากไ

รถยนต์วิ่งไปตามถนนเลียบทะเล โจรหนุ่มนั่งที่เบาะหลังพูดอย่างไม่พอใจ “ลุงจิน นี่เป็นงานของผม คุณก็เกษียณไปแล้วตั้งแต่สามปีก่อน”

ลุงจินขับรถพลางตอบ “ฉันสัญญาไว้กับพ่อแม่ของอลิซ”

โจรหนุ่มพูดว่า “การทำงานด้วยอารมณ์คือข้อห้ามใหญ่”

“ยังไม่ถึงตาที่เธอต้องมาสั่งสอนฉัน” ลุงจินกดปุ่มในรถและเปิดสายโทรศัพท์ “ว่าไง?”

เสียงเย็นชาจากเครื่องตอบรับดังออกมาจากลำโพงรถ เป็นเสียงกลไกที่ฟังดูเหมือนหุ่นยนต์ “มีคนตามมา ขับรถหนีพวกมันให้พ้นก่อนขึ้นเรือ รูปขบวนแปลกตา นำโดยรถจี๊ปสองคันที่อยู่ห่างจากคุณประมาณสองกิโลเมตร หลังรถจี๊ปมีรถมอเตอร์ไซค์ตามมา โดยมีมอเตอร์ไซค์ห่างกันทุก 500 เมตร มีทั้งหมดสี่คัน และมี SUV สีดำสองคันอยู่ห่างจากคุณประมาณเจ็ดกิโลเมตร แต่ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้แน่ชัด”

“เข้าใจแล้ว” ลุงจินมองกระจกหลัง เห็นไฟหน้ารถที่ตามมาชัดเจน

โจรหนุ่มเปิดเบาะข้างซ้ายออก หยิบถุงผงแป้งขึ้นมาแล้วถามว่า “บอดี้การ์ดพวกนี้สมองเสียหรือไง? เจ้านายตายแล้ว การตามล่าคนร้ายเป็นหน้าที่ของตำรวจนะ”

ลุงจินไม่หันมาตอบ “เธอจะหยุดพูดจาไร้สาระได้ไหม?”

โจรหนุ่มพูดว่า “ไม่ได้ แล้วนี่มันเป็นการพูดคุยปกตินะ คุณต่างหากที่พูดน้อยเกินไปถึงทำให้ผมดูพูดมากขึ้น พวกนั้นขับมาเร็วมาก คุณไม่เหยียบคันเร่งหรือไง? เสียดายน้ำมันหรือกลัวรองเท้าพัง?

ลุงจินพูดอย่างหงุดหงิด “รถแค่ 1.2T จะไปสู้อะไรกับ 3T ได้?”

โจรหนุ่มพูดว่า “หมาสามหัว นายงกเกินไปจนต้องเจอปัญหาแล้วล่ะ

เสียงตอบกลับทางโทรศัพท์ “พวกคุณเสียเวลาไปแล้วสิบ นาที”

โจรหนุ่มตอบ “มากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

หมาสามหัวตอบ “ใช่”

โจรหนุ่มพูดต่อ “นายบอกว่ามีบอดี้การ์ดแค่สองคน แต่จริง ๆ มีถึงหกคน นอกจากนี้ทั้งพ่อครัวและพ่อบ้านยังเก่งมากด้วย”

หมาสามหัวพูดว่า “ในเอกสารก็ระบุไว้แล้วว่าพ่อบ้านเคยได้ที่สามของการแข่งยูโดระดับประเทศสมัยหนุ่ม ส่วนพ่อครัวเคยเป็นนักมวยอาชีพ ส่วนเรื่องบอดี้การ์ดหกคน ฉันยอมรับว่านี่เป็นความผิดของฉัน”

โจรหนุ่มถาม “ทำไมถึงมีบอดี้การ์ดหกคน?”

หมาสามหัวตอบ “ไม่รู้”

ลุงจินคำนวณระยะห่างแล้วเปิดซันรูฟออก โจรหนุ่มยื่นตัวออกมานอกหลังคา รถจี๊ปไล่ตามมาใกล้ถึง 200 เมตรแล้ว และกำลังลดระยะห่างลงอย่างรวดเร็ว โจรหนุ่มปล่อยมือซ้ายออก ผงแป้งในถุงถูกลมพัดปลิวออกมาเหมือนพายุหิมะ พุ่งเข้าใส่รถจี๊ปที่ตามมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด