ตอนที่ 8 : ในที่สุดก็เกาะติดสาวรวยได้
เมื่อหลวงพี่ถังกลับจากอัญเชิญพระไตรปิฎก เขาก็โด่งดังไปทั่วประเทศ
ต่อมาเขาได้พบกับหญิงสาวผู้ทรงเสน่ห์วัย 49 ปีจากตระกูลที่ร่ำรวยโดยการแนะนำของใครบางคน ท้ายที่สุดเขาก็ถึงวาระและไม่สามารถหลบหนีจากเรื่องนี้ได้
หลังจากนั้นหลวงพี่ถังก็ตัดสินใจเลิกเผยแผ่พระพุทธศาสนา และแต่งงานเข้าเป็นเขยใหญ่ของบ้านอื่นอย่างเด็ดเดี่ยว
ปัจจุบันเขาครอบครองทั้งถนนในเมืองหลวง ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับหลวงพี่ถังคนก่อนที่อายุหกสิบกว่าก็ยังต้องเดินทางร้องเพลงไปตามสถานที่ต่างๆ
การเปลี่ยนแปลงอันงดงามคืออะไร?
นี่แหละคือการเปลี่ยนแปลงอันงดงาม!
แต่การเปลี่ยนแปลงอันงดงามเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ผู้เขียนระบุเงื่อนไขหลายประการไว้ในหนังสือ และเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดคือฉากเปิดตัว
พูดตรงๆ ก็คือ เพียงแค่คุณหน้าตาดีคุณก็สามารถเริ่มต้นดีๆ กับสาวรวยได้ นี่เท่ากับเป็นก้าวสำคัญ ถ้าคุณผ่านก้าวนี้ไม่ได้คุณก็ไม่ต้องคิดเกี่ยวกับสิ่งที่จะตามมาเลย
นอกจากนี้คุณยังต้องมีร่างกายที่ดีและแข็งแรงพอที่จะทนต่อความเหนื่อยล้าจากการใช้แท่งตะปูหรรษาและลูกบอลแห่งความสุขกับสาวรวย ทั้งยังต้องอึดเหมือนแบตเตอรี่หนานฟู่ที่มีเทคโนโลยีวงแหวนสะสมพลังงานซึ่งสามารถกักเก็บพลังงานได้มากกว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่าแบบเดิมถึงหกเท่า!
แน่นอนว่าหนังสือมีเพียงเนื้อหาในช่วงแรกเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นการวิเคราะห์โดยเจียงฉินเอง
เจียงฉินจมอยู่กับมันอย่างลึกซึ้ง แต่บังเอิญว่าตื่นเต้นเกินไปจึงเผลอเหยียดเท้าออกไปไกลเล็กน้อย ปลายเท้าเขาแตะเข้ากับขาเรียวยาวราวกับหยกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ตั้งใจ
หลังจากตระหนักถึงพฤติกรรมที่หยาบคายของตัวเองเจียงฉินก็เงยหน้าขึ้นและมองไปยังฝั่งตรงข้ามทันที โดยไม่คาดคิด เด็กสาวเย็นชากลับถอนขาของเธอออกอย่างเงียบๆ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยที่ไม่ได้ขยับหนังสือตรงหน้าเธอด้วยซ้ำ
“โทษที เมื่อกี้ฉันหมกมุ่นอยู่กับการอ่านมากเกินไป ฉันไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้น”
“ไม่เป็นไร”
เด็กสาวตรงหน้าไม่ได้ละสายตาจากหนังสือ ทั้งยังไม่ได้เงยหน้ามองเขา มีเพียงแค่คำตอบที่แผ่วเบาและไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
เจียงฉินไม่ได้สนใจ เขาเพียงแค่กลับมาดูที่หนังสือต่อ ยี่สิบนาทีต่อมาเขาก็อ่านส่วนสุดท้ายของ [การเปลี่ยนแปลงอันงดงามของพระถังซัมจั๋ง] จบ และเริ่มเข้าใจพื้นฐานของการเกาะติดสาวรวยพอสมควร
แต่คำถามคือจะหาสาวรวยได้ที่ไหน?
เมื่อกี้เขาค้นหาไปทั่วทั้งชั้นหนังสือแล้ว แต่เขาไม่พบ [ข้อมูลการติดต่อเศรษฐินีทั่วประเทศ] ในตำนานเลย
หากคุณไม่ได้พบกับสาวรวย การเรียนรู้เคล็ดลับเหล่านี้ไปมันจะมีประโยชน์อะไร?
เจียงฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาจึงปิดหนังสือและลุกขึ้นยืน ดันเก้าอี้ไปด้านหลังและวางแผนที่จะเดินออกไป
ในขณะนี้เอง จู่ๆ เฟิงหนานซูก็เลื่อนหนังสือออกจากหน้า มองดูเขาด้วยดวงตากระจ่างใส จากนั้นก็หยิบป้ายที่ตั้งอยู่ทางขวาของโต๊ะมาวางไว้ตรงหน้าเขา
[กรุณาคืนหนังสือที่หยิบมาไว้ที่เดิมก่อนออกจากที่นี่]
เจียงฉินเหลือบมองป้าย ยักไหล่เล็กน้อยแล้วจากไปอย่างเงียบๆ
เมื่อมองดูร่างที่กำลังเดินจากไปของเขา ขนตาของเฟิงหนานซูก็สั่นเล็กน้อย ในดวงตามีร่องรอยของความเศร้าแวบขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้พูดอะไร เธอแค่วางหนังสือของเธอลงอย่างเงียบๆ จากนั้นขยับเบาๆ ไปที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ รวบรวมหนังสือที่กระจัดกระจายของเจียงฉินมาทีละเล่ม โดยตั้งใจว่าจะนำหนังสือเหล่านั้นกลับคืนสู่ที่เดิม
ตอนที่เฟิงหนานซูกำลังเก็บหนังสือเล่มสุดท้ายก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลังเธอ และเสียงของเจียงฉินก็ดังขึ้นเช่นกัน
“ฉันยังไม่ได้จะกลับ แค่หิวน้ำเลยคิดว่าอยากจะออกไปซื้อสักขวด”
“นอกจากนี้ ฉันขอโทษจริงๆ ที่เมื่อกี้เตะเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉันอยากจะเลี้ยงเครื่องดื่มเธอเพื่อเป็นการขอโทษ”
เจียงฉินคลายฝาเกลียวน้ำผลไม้ Qoo ในมือแล้วยื่นไปที่เฟิงหนานซู
เครื่องดื่มนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนั้น สไปรท์และอื่นๆ ถือเป็นน้องชายเลยเมื่อมาอยู่ตรงหน้ามัน แต่ต่อมาผู้คนก็เลิกดื่มโดยไม่ทราบสาเหตุ
แต่เฟิงหนานซูไม่ได้หยิบมันขึ้นมา เธอตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ราวกับกลายเป็นหิน ไม่พูดไม่จาหรือขยับตัวเลย
ในที่สุดเธอก็กำหมัด ก้มหน้าลงแล้วกลับไปยังที่ของตนเอง จากนั้นยกหนังสือขึ้นสูงเพื่อปกปิดใบหน้าที่บอบบางของเธอ
เจียงฉินพบว่ามันค่อนข้างน่างุนงง
เมื่อกี้ฉันคงไม่ได้ทำตัวเหมือนพวกอันธพาลใช่ไหม?
โดยพื้นฐานแล้วสิ่งที่ฉันทำนั้นเป็นการกระทำแบบสุภาพบุรุษไม่ใช่เหรอ?
แล้วเหตุใดดอกไม้แห่งขุนเขาคนนี้จึงดูวิตกกังวลนัก?
แต่เขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาแค่รู้สึกว่ามันคงเป็นเพราะนิสัยที่เย็นชาของเธอ จากนั้นเขาก็นั่งลงและอ่านหนังสือเล่มต่อไป
สามนาทีต่อมา เจียงฉินเหลือบมองจากหางตาของเขา เหลือบไปเห็นมือเรียวงามซึ่งยื่นออกมาจากด้านหลังหนังสือ [เพ็กกี้ซู สาวน้อยดวงตาเวทมนตร์] อย่างเงียบๆ คว้าขวดน้ำผลไม้ Qoo จากนั้นก็ดึงมันไปอย่างเงียบๆ
ในวันต่อๆ มา เจียงฉินจะมาที่ห้องสมุดทุกครั้งที่เขามีเวลา และเขาก็จะพบกับเฟิงหนานซูทุกครั้ง
มันเหมือนเป็นการตกลงกันว่าทั้งสองคนจะนั่งโต๊ะเดียวกัน หันหน้าเข้าหากัน แต่ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกัน เพียงแค่มุ่งความสนใจไปที่การอ่านหนังสือของตัวเองเท่านั้น
แต่ทุกครั้งเจียงฉินไม่เคยมามือเปล่า
บางครั้งเขาก็นำของว่างมาด้วย เช่น บิสกิตหมี ข้าวเกรียบเกลือพริกไทย และแคร็กเกอร์รสกุ้ง เขาแบ่งพวกมันออกเป็นสองส่วนแล้วผลักอีกส่วนไปตรงหน้าเฟิงหนานซู
หลังจากผ่านไปหนึ่งหรือสองครั้ง เฟิงหนานซูก็เริ่มนำของว่างมาด้วยเช่นกัน
เช่นมาการอง ช็อคโกแลตทรัฟเฟิล และคุกกี้เจนนี่ ซึ่งพวกมันจะถูกวางไว้ใกล้กับเจียงฉินทุกครั้ง
แม้จะกล่าวว่าทั้งสองคนไม่มีการสื่อสารกันเลย แต่พวกเขายังคงมีปฏิสัมพันธ์กันทางปากและลิ้น ซึ่งพวกเขาก็เข้าใจโดยปริยาย
ในช่วงเวลานี้ เจียงฉินอ่าน [แฟ้มลับเศรษฐินี] และ [เคล็ดลับสุภาพบุรุษ] จบแล้ว ในขณะที่เฟิงหนานซูอ่าน [รุ่งอรุณของสุนัขสีฟ้า] และ [สวนสัตว์เวทมนตร์] จบ
13 มิถุนายน วันที่หกของวันหยุดฤดูร้อน
เจียงฉินปิดหนังสือเล่มสุดท้ายที่เกี่ยวกับเศรษฐินีลงแล้ววางมือบนโต๊ะ ท้าวคาง มองออกไปเบื้องหน้าด้วยสายตาที่ค่อยๆ ลึกซึ้ง
หนังสือเล่มนี้มีบ้านทองคำอยู่จริง และหนังสือเล่มนี้ก็มีหยกงามอยู่ด้วย
เขาตรวจสอบในอินเทอร์เน็ตและพบว่าประโยคนี้ไม่ได้ถูกพูดโดยท่านหลู่ซวิ่น แต่พูดโดยซ่งเจินจง จักรพรรดิองค์ที่สามแห่งราชวงศ์ซ่ง และต้นฉบับของประโยคนี้ถูกเรียกว่าการสนับสนุนการศึกษา
แต่เจียงฉินรู้สึกว่าเขาพูดถูกเพียงครึ่งเดียว
มีหยกงามอยู่ในหนังสือจริงๆ เช่นเดียวกับเฟิงหนานซูที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา ไม่ว่าจะมองยังไงเธอก็สะดุดตาสุดๆ
แต่ในหนังสือไม่มีบ้านทองคำ อย่างน้อยเขาก็ไม่พบมัน
เจียงฉินอดไม่ได้ที่จะมองดูเฟิงหนานซูที่กำลังแทะแคร็กเกอร์กุ้งเหมือนหนูแฮมสเตอร์
เธอไม่ได้ปิดหน้าด้วยหนังสืออีกต่อไป แต่ความเย็นชาในดวงตาของเธอยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และเธอแทบไม่ต้องการสื่อสารเลย
เดี๋ยวนะ…
รถสีดำมีปีกงั้นเหรอ?
มีคนขับที่จะพาเธอไปและกลับจากโรงเรียนโดยเฉพาะ แถมยังมีบอดี้การ์ดคอยติดตามด้วย?
มาการอง คุกกี้เจนนี่ ช็อคโกแลตทรัฟเฟิล…
เจียงฉินเบิกตาโพลงขึ้นเล็กน้อย คิดว่าสมองของตัวเองช่างเพี้ยนจริงๆ เขาเอาแต่คิดว่าจะพบกับสาวรวยได้ยังไง แต่กลับลืมไปว่าคนนั่งอยู่ตรงหน้าเขาคือสาวรวย!
ในเวลาเดียวกัน เฟิงหนานซูก็สังเกตเห็นสายตาของเจียงฉินที่จ้องมองเธอ ดังนั้นการเคลื่อนไหวของเธอจึงหยุดนิ่ง และเธอก็ค่อยๆ ใส่แคร็กเกอร์กุ้งที่เพิ่งหยิบออกมากลับเข้าไปในถุง
“ฉันไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้เธอกิน เธอกินต่อเถอะ”
“โอ้”
เฟิงหนานซูหยิบแคร็กเกอร์กุ้งขึ้นมาอีกครั้งแล้วยัดเข้าไปในปาก แต่เธอกลับพบว่าเจียงฉินยังคงจ้องมองเธออยู่ ดวงตาของเธอจึงค่อยๆ กลายเป็นสับสน
“เพื่อนร่วมชั้นเฟิง ฉันขอยืมเงินเธอหน่อยได้ไหม”
เจียงฉินนั่งตัวตรงและพยายามแสดงสีหน้าของเขาให้ดูจริงใจที่สุด
เนื่องจากไม่มีเงินทุนเริ่มต้นเพียงพอต่อความต้องการทั้งหมดที่วางแผนไว้ ทำให้ทุกทางเลือกที่เคยคิดไว้ล้วนดูเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นช่วงนี้เขาจึงจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องการกู้เงินจากธนาคาร และหากต้องกู้เงิน ไม่ว่าจะกู้จากธนาคารหรือเพื่อนร่วมชั้นก็คงไม่ได้มีความแตกต่างกันมากในแง่ของหลักการ
แน่นอนว่าถ้าคุณเพิ่งเจอผู้หญิงคนหนึ่งไม่ว่าเธอจะรวยแค่ไหนเธอก็คงไม่สามารถให้คุณยืมเงินได้ง่ายๆ แต่เราสามารถเจรจาเงื่อนไขกันได้
นักธุรกิจคนไหนบ้างไม่ชอบเคาะต้นก่อนสามที ต่อให้มีหรือไม่มีลูกพุทราก็ตาม?
เฟิงหนานซูกระพริบตาด้วยความสับสน จากนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง ถอดกระเป๋าหนังสีดำใบเล็กที่แขวนอยู่บนเก้าอี้ออก หยิบกระเป๋าสตางค์สีชมพูที่มีหัวเข็มขัดโลหะออกมาแล้วตบมันลงบนโต๊ะตรงๆ
เจียงฉินถูกเธอทำให้อึ้งกิมกี่ทันที โดยคิดว่าเธอเป็นสาวรวยแน่นอนถ้าดูจากพฤติกรรม แต่เงินที่เขาพูดถึงนั้นไม่ใช่หลักร้อย แต่เป็นจำนวนมาก
“ฉันอยากยืมเพิ่ม”
“นายอยากยืมเท่าไหร่?”
เดิมทีเจียงฉินต้องการบอกตัวเลขกับเธอตรงๆ แต่เขาไม่แน่ใจว่าจะขอเท่าไหร่ เขารู้สึกว่าถ้าขอมากเกินไปอาจทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ และถ้าขอน้อยเกินไปก็จะมีไม่พอ: “เอาล่ะ เธอมีเท่าไหร่ฉันก็ขอยืมเท่านั้น แต่ฉันจะรีบจ่ายคืนให้เร็วที่สุด ฉันไม่มีวันหนีไปพร้อมกับเงินแน่นอน”
เฟิงหนานซูคิดอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง: “เข้าใจแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะเอามาให้”
“...”
เจียงฉินไม่สามารถถูกเธอทำให้อึ้งได้อีกต่อไป เมื่อไหร่กันที่การยืมเงินเป็นเรื่องง่ายขนาดนี้ นี่เขาได้เกิดใหม่ในโลกใบเดิมจริงหรือเปล่า?
(จบตอน)