ตอนที่ 71 ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
ตอนที่ 71 ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
หลังจากที่ผู้บ่มเพาะแซ่ฮั่นมองไปทางอื่น มือขวาของฉู่เสวียนซึ่งมักจะไพร่ไว้ด้านหลังก็ผ่อนคลายลง
ประสาทสัมผัสทั้งหกของเขาคมชัดเป็นพิเศษ
แน่นอนว่าเขาสังเกตเห็นสายตาของอีกฝ่ายทันที
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้แอบติดตามเขา นับประสาอะไรกับการลอบสังหาร เขาจึงไม่มีความตั้งใจที่จะจัดการอีกฝ่าย
"ค่อนข้างสมเหตุสมผล" ฉู่เสวียนออกจากโรงน้ำชาและในไม่ช้าก็พบเฉินเกอที่แผงขายของ
ถัดจากเฉินเกอก็มีเสี่ยวเป้าที่ยืนเป็นองครักษ์คุ้มกันอยู่
ในบรรดาผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณจำนวนมากที่ตั้งแผงขายของอยู่ในบริเวณนี้ เขาดูจะมีความโดดเด่นมากที่สุด ดังนั้นจึงมีเพียงไม่กี่คนที่กล้ายั่วยุเขา
นายพลศพยืนอยู่ที่นี่ทั้งคน เว้นเสียแต่ว่าอยากจะฆ่าตัวตาย หากยังอยากมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีใครกล้าคิดที่จะยั่วยุเฉินเกอ
ตอนนี้เฉินเกอจึงรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองมาก เขาเคยมาในเมืองนี้หลายครั้งแล้ว ซึ่งทุกครั้งเขาก็มาเพียงลำพัง ไม่มีการคุ้มกันเหมือนเช่นวันนี้
เมื่อเห็นฉู่เสวียนมาถึง เฉินเกอก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและกระซิบว่า "อาจารย์อา เจ้ากลับมาแล้วหรือ?"
ฉู่เสวียนพยักหน้าเล็กน้อย เขามองไปที่แผงลอย ก่อนจะพบว่าสินค้าถูกขายไปแล้ว 7 ถึง 8 ส่วน
“ข้าจะฝากที่เหลือไว้ให้เจ้า ส่วนข้าจะกลับไปที่ถ้ำก่อน หลังจากขายหมดแล้ว มันจะส่งเจ้าไปที่ถ้ำของข้าเอง” ฉู่เสวียน ชี้ไปที่เสี่ยวเป้าแล้วพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
“ขอรับ!” เฉินเกอพยักหน้าอย่างจริงจัง
จากนั้นฉู่เสวียนก็ออกจากเมืองและเดินไปมาสองสามรอบตามปกติเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครติดตามเขามา จากนั้นเขาก็บินขึ้นไปในบนท้องฟ้าด้วยดาบบังเหินเทียนกังและกลับไปที่ถ้ำม่านน้ำ
ทันทีที่เขากลับมาที่ถ้ำ เขาก็เปิดใช้งานกระจกโลหิตเพื่อข้ามมิติกลับไปยังดาวเคราะห์โลกาวินาศทันที
ในอดีตทุกครั้งที่เขาใช้กระจกโลหิตเพื่อเดินทางระหว่างสองโลก เขาต้องรอให้พลังงานของกระจกโลหิตเต็มเสียก่อน
แต่ตอนนี้ฉู่เสวียนมีทรัพยากรไม่ขาดมือแล้ว เขาสามารถใช้หินวิญญาณเพื่อเร่งความเร็วในการชาร์จพลังของกระจกโลหิตได้
ข้าต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ "ตำราคู่มือลับสำหรับสร้างค่ายกล" นี้ก่อน
โดยธรรมชาติแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้เวลาทำความเข้าใจตำราค่ายกลนี้ในทวีปชางเสวียน
หากเรื่องไหนที่ใช้เวลานาน ฉู่เสวียนจะตัดสินใจกลับไปที่ดาวเคราะห์โลกาวินาศทันที
ท้ายที่สุดแล้ว กระแสของเวลาของที่นี่ก็เร็วกว่าในทวีปชางเสวียนถึงสิบเท่า
...
บนดาดฟ้าของโรงแรมห่าวไท่
ฉู่เสวียนเปิด "ตำราคู่มือลับสำหรับสร้างค่ายกล" และเริ่มศึกษาอย่างระมัดระวัง
ความสามารถในการสร้างค่ายกลของเขาถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง ไม่แย่หรือแข็งแกร่งมากนัก
เพียงแต่ว่าเขาเป็นคนที่มีพรแสวงกว่าคนอื่น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงประสบความสำเร็จอย่างมาก
เขาฆ่าฮุยคงมาก่อน และได้รับ "ตำราสระสำคัญของการเข้าสู่ช่วงสร้างรากฐาน" จากถุงเก็บของของฮุยคง
ทว่าตำราเล่มนี้มีเพียงค่ายกลในช่วงสร้างรากฐานบางค่ายกลเท่านั้น และส่วนใหญ่เป็นค่ายกลของนิกายเสินกังและวัดจินหลงซึ่งเทคนิคที่ใช่ทำส่วนใหญ่จะเป็นเทคนิคฝ่ายธรรมะ โดยธรรมชาติแล้ว ฉู่เสวียนไม่สนใจมันอยู่แล้ว แต่เขาก็ลองศึกษาเพื่อเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของแต่ละค่ายกลดูก็ไม่เสียหายอะไร
เขาจึงเริ่มอ่านและศึกษามันอย่างละเอียดและขุดเบาะแสมากมายจากมัน โดยการอ่านควบคู่ไปกับ "ตำราคู่มือลับสำหรับสร้างค่ายกล" อีกครั้ง
จากนั้นความรู้ต่างๆที่ผ่านมาเกี่ยวกับค่ายกลก็เข้ามาในใจของเขาทันที หลังจากที่ประติประต่อทั้งสองเข้าด้วยกันแล้ว ในไม่ช้าเขาก็เริ่มที่จะเข้าใจข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ
“ข้าเข้าใจแล้ว... นี่คือความลับของค่ายกลปีศาจต่างๆ”
“ขั้นตอนแรกคือการฆ่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในนั้น”
“ขั้นตอนที่สองคือการรวมจิตสังหารของสิ่งมีชีวิตเข้ากับพลังหยิน เพื่อหลวมรวมเป็นปราณปีศาจ ”
“สำหรับค่ายกลในขั้นตอนที่สอง ข้ามีแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น”
ฉู่เสวียนอ่านรายละเอียดและเลือกค่ายกลที่เหมาะสมกับเขาอย่างรวดเร็ว
ค่ายกลจับวิญญาณ
ค่ายกลนี้เป็นเพียงค่ายกลระดับสูงของช่วงกลั่นลมปราณเท่านั้น เมื่อก่อนมักจะเอาไปสลักไว้บนพื้นผิวของระฆังสำริด แค่เพียงสลักไว้ เสียงของระฆังก็จะดึงดูดใจของผู้คนได้
และเพื่อที่จะให้มีไพ่เด็ดเพิ่มขึ้นมาอีกใบ ฉู่เสวียนจึงวางแผนที่จะสร้างค่ายกลดึงดูดวิญญาณขึ้นมา โดยอ้างอิงจากค่ายกลนี้เป็นหลัก
ด้วยวิธีนี้ วิญญาณของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในขอบเขตของค่ายกลก็จะถูกดึงวิญญาณออกมาจนตาย
จิตสังหารที่เกิดจากการตายจะรวมเข้ากับไอเย็นและในที่สุดก็ควบแน่นเป็นวิญญาณดิบ และวิญญาณดิบเหล่านั้นก็จะมาอยู่ภายใต้อิทธิพลของวิญญาณชั่วร้ายของเขา
หากสิ่งต่างๆ ดำเนินไปเช่นนี้ วิญญาณอาฆาตรแค้นที่เขาจะปล่อยเข้าไปในค่ายกลก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และมันยังสามารถไปเสริมกำลังให้กับธงหมื่นดวงวิญญาณได้อีกด้วย
สถานการณ์แบบนี้เรียกว่าวิน-วิน!
วิน-วิน ก็หมายความว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ดังนั้นจึงไม่มีอะไรผิด!
เพียงแค่ลงมือทำมัน
ฉู่เสวียนเข้าสู่ค่ายกลการยึดวิญญาณปีศาจหยินทันที และรวบรวมวิญญาณชั่วร้ายที่เกิดใหม่ทั้งหมดมาไว้ในธงหมื่นวิญญาณจากนั้นเขาก็นำค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินออกไปและเริ่มวางแผนหาตำแหน่งของค่ายกลใหม่อีกครั้ง
ตอนนี้ในเมืองตงหูมีซอมบี้ไม่มากนัก ฉู่เสวียนจึงไม่คิดที่จะวางค่ายกลอันใหม่นี้ในเมืองตงหู
เขาจึงเริ่มบินไปทุกหนทุกแห่งด้วยดาบบังเหินเทียนกัง และในที่สุดก็เลือกเมืองซวงหลงถัดจากเมืองตงหูเป็นที่ตั้งของค่ายกลใหม่
ในพื้นที่ทางตอนใต้ของเมืองซวงหลงมีดินแดนต้องห้ามสำหรับมนุษย์อยู่เนื่องจากว่ามันเป็นอาณาเขตของผึ้งนักฆ่า
ผึ้งนักฆ่าที่อยู่ภายใต้การนำของนางพญาผึ้งยังคงล่าสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่อยู่ขวางหน้าพวกมัน
มนุษย์ที่เผลอเข้าไปในอาณาเขตของมันโดยไม่ได้ตั้งใจก็จะถูกกินจนเหลือแต่โครงกระดูกในเวลาอันสั้น
มันแทบที่จะไม่หลงเหลือซากให้เห็น
ค่ายของผู้รอดชีวิตที่อยู่รอบๆ เมืองซวงหยงไม่กล้าที่จะเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ จึงได้ย้ายฐานที่มั่นของตัวเองออกไปจนหมด
อย่างไรก็ตาม อาณาเขตของมันถือว่าเป็นสถานที่ที่น่ากลัวอย่างยิ่งในสายตาของผู้รอดชีวิต แต่มันคือสมบัติที่หายากในสายตาของฉู่เสวียน
"ผึ้งนักฆ่า...ดีเลย! นางพญาผึ้งน่าจะอุดมสมบูรณ์มาก ข้าหวังว่ามันจะผลิตผึ้งนักฆ่าได้เพียงพอก่อนที่มันจะถูกค่ายกลของข้าฆ่าตายไปเสียก่อนนะ "
ฉู่เสวียนโยนธงค่ายกลทั้งหมดออกไป ในไม่ช้า ม่านแสงที่มองไม่เห็นก็ปกคลุมพื้นที่ทางตอนใต้ของเมืองซวงหลงทันที
การก่อตัวของค่ายกลใช้เวลาเพียงวันเดียวก็สามารถครอบคลุมพื้นที่ 100 ตารางกิโลเมตร ซึ่งก็เพียงพอที่จะครอบคลุมพื้นที่ของเมืองซวงหลงทั้งหมดได้ และค่ายกลนี้ก็เหนือกว่าค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินก่อนหน้านี้มาก
“ต่อจากนี้ไปข้าจะเรียกเจ้าว่าค่ายกลดึงดูดวิญญาณปลุกความชั่วร้ายก็แล้วกัน” ฉู่เสวียนขี้เกียจที่จะตั้งชื่อให้มันดีๆกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงเรียกมันว่าค่ายกลดึงดูดวิญญาณปลุกความชั่วร้าย ตรงตัวเลย
อย่างไรก็ตาม ค่ายกลก่อนๆของเขาก็ตั้งชื่อด้วยวิธีเดียวกันแบบนี้ เขาไม่ได้ใส่ใจกับชื่อของมันมากนัก
หลังจากที่ค่ายกลระดับสูงของช่วงกลั่นลมปราณถูกเปิดใช้งาน ปราณปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น
จากนั้นฉู่เสวียนก็โยนวิญญาณอาฆาตรแค้นทั้งหมดในธงหมื่นวิญญาณลงไปในค่ายกล
ส่งผลให้ไม่นานผึ้งนักฆ่าที่อยู่ในระยะของค่ายกลก็เริ่มเวียนหัวทันที พวกมันได้ตกลงไปนอนกับพื้นอย่างรวดเร็ว และตายอย่างง่ายดาย
เพราะวิญญาณที่ทรงพลังในร่างกายน้อยๆของพวกมันถูกค่ายกลนี้ดึงออกไปอย่างง่ายดาย ง่ายกว่าสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่
จากนั้นจิตสังหารของพวกมันที่เกิดจากการเสียชีวิตอย่างกะทันหันก็ได้มารวมตัวกับไอเย็น และในไม่ช้าก็ก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงและควบแน่นเป็นวิญญาณดิบที่น่าสะพรึงกลัว
เหล่าผึ้งนักฆ่าที่ทรงพลัง ได้ถูกวิญญาณอาฆาตรแค้นที่ฉู่เสวียนปล่อยเข้าไปจัดการจนหมด ส่งผลให้ภายในไม่กี่อึดใจในค่ายกลก็เหลือแต่วิญญาณอาฆาตรแค้น
ร่างของผึ่งนักฆ่าล่วงหล่นลงไป เหลือเพียงวิญญาณดิบของพวกมันที่บินไปมาในค่ายกลแห่งนี้
ด้วยวิธีนี้ ใช้เวลาเพียงครู่หนึ่ง ฉู่เสวียนก็สามารถเก็บเกี่ยววิญญาณชั่วร้ายได้เป็นจำนวนมาก
...
ที่ถ้ำม่านน้ำ
เฉินเกอยืนรออยู่ข้างนอกอย่างเงียบๆ สักครู่หนึ่ง เขาก็เริ่มเห็นว่าหมอกของค่ายกลเริ่มจางลง จนเห็นทางเดินเข้าไปข้างใน
เขาจึงรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเขาก็เห็นฉู่เสวียนยืนอยู่ข้างทะเลสาบเล็ก ๆ
“อาจารย์อาฉู่ ข้าสามารถขายของทุกอย่างได้หมดตามคำสั่งของเจ้าแล้ว นี่คือหินวิญญาณจากการที่ข้าขายได้ทั้งหมด” เฉินเกอยื่นถุงเก็บของให้ฉู่เสวียนด้วยความเคารพ
ฉู่เสวียนจึงมองเข้าไปในถุงเก็บของนั้นและเห็นว่ามีหินวิญญาณระดับต่ำมากกว่าพันก้อนกองพะเนินราวกับเนินเขาอยู่ข้างในนั้น
เมื่อเขาลองประมาณการคร่าวๆดู ก็น่าจะมีอย่างน้อย 1300 ก้อน
ไม่คิดว่าจะขายได้เงินเยอะขนาดนี้
ดูเหมือนว่าผู้บ่มเพาะเหล่านั้นจะยอมทำทุกวิถีทางเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของพวกเขาขึ้นมา
ถึงจะเป็นเทคนิคสายมาร ก็ต้องลอง!
“ ดี ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ของเรา ข้าจะแบ่งหินวิญญาณระต่ำนี้ให้เจ้า 200 ก้อน” ฉู่เสวียนโบกมือ
“ขอบคุณมากขอรับอาจารย์อาฉู่!” เฉินเกอหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจ
หินวิญญาณระดับต่ำ 200 ก้อน! เขาจะต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนกี่วันถึงจะได้เงินมากขนาดนี้?
แต่ตอนนี้แค่เขาทำงานเพียงวันเดียว ก็ได้มันมาแล้ว!
ข้าเลือกที่จะติดตามคนได้ถูกจริงๆ
"เอาไปเถอะ ในอนาคตข้าจะได้ใช้งานเจ้าอีก " ฉู่เสวียนยิ้มเล็กน้อย
“ขอรับ!อาจารย์อา ไม่ว่าเจ้าจะสั่งงานอะไรมา เฉินเกอคนนี้ก็จะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะสำเร็จ!” เฉินเกอรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก