ตอนที่ 62 : คลังโบราณวิถีทหาร
.
.
[ค่าความคาดหวังของผู้ชม +3]
.
"นาย...กล้าเล่นตลกกับฉันงั้นเหรอ!"
แผ่นหลังของเหยียนซีไฉเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นๆ เมื่อเขารู้สึกตัวก็โกรธจัด!
เขาคิดว่าเขากำลังเดินอยู่บนเส้นขอบแห่งความตาย แต่แล้วก็ตระหนักว่านี่เป็นเพียงเรื่องตลกที่เฉินหลิงเล่นตลกกับเขา...ในขณะนี้ ชีวิตกับความตายของเขาถูกเฉินหลิงนำมาล้อเล่น
"นายกล้าดียังไงมาเล่นตลกกับบิดา*! นายกล้าดียังไง…" เหยียนซีไฉลุกขึ้นแล้วเซเล็กน้อย ดวงตาเขาแดงก่ำขณะที่พูดด้วยความโกรธ
"ฆ่าพวกเขาให้ฉันซะ!!"
ครู่ต่อมา ผู้คุมกฎจำนวนมากเข้ามาล้อมเหยียนซีไฉ ขณะเดียวกันพวกเขาก็ชักปืนออกมา ปืนมากกว่าสิบกระบอกชี้ไปที่เฉินหลิงกับหมายเลข 8 ซึ่งอยู่ตรงกลางวงล้อม
"พวกสุนัขบ้านนอก!! กล้าดียังไงมาเล่นตลกกับบิดา" เหยียนซีไฉคว้าปืนของผู้คุมกฎที่อยู่ข้างๆ แล้วกดปากกระบอกปืนไปที่หน้าผากของเฉินหลิง "นายจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน? แค่คำสั่งเดียวของบิดา คนบนเรือกว่าครึ่งก็จะฆ่านาย!"
"แล้วก็นาย!"
จู่ๆ เขาก็หันปืนชี้ไปยังหมายเลข 8 "ใช่! บิดาเกิดมาโชคดี! แค่คำสั่งเดียวของบิดาก็สามารถทำให้กลุ่มสุนัขบ้านนอกจากเขตสามอย่างพวกนายกลับไปเกิดใหม่ได้ ไม่พอใจงั้นเหรอ?"
หมายเลข 8: ?
หมายเลข 8 ถูกเฉินหลิงลากเข้ามาเกี่ยวด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้...เขาได้แต่ด่าสาปแช่งอยู่ในใจ
เขาทำงานอย่างหนักเพื่อนำผู้ช่วงชิงเปลวไฟขโมยตัวตนของผู้คุมกฎในเขตสาม ก็เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาตอนเข้าไปในคลังโบราณ...แต่การปรากฏตัวของเฉินหลิง ทำให้พวกเขาต้องไปยืนที่ยอดคลื่นพายุมรสุม**
แม้หมายเลข 8 จะถูกทุบตีจนตาย เขาก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้
"นายน้อยจะยิงจริงๆ เหรอ?" เมื่อเห็นว่าเหยียนซีไฉเกือบจะบ้าแล้ว ผู้คุมกฎของเมืองออโรร่าที่เงียบอยู่ก็พูดอย่างระมัดระวัง
"กลัวอะไร นายน้อยคนนี้จะฆ่าสุนัขบ้านนอกแค่สองตัว เรื่องแค่นี้ทำไม่ได้เหรอ หรือต้องให้ฉันเปิด…"
"ช้าก่อน!"
ตอนที่เหยียนซีไฉกำลังจะออกคำสั่ง คนสามคนในเสื้อโค้ตสีดำก็รีบวิ่งเข้ามา
เดิมทีผู้พิทักษ์ทั้งสามคนประชุมกันในห้องโดยสาร เพื่อหารือเกี่ยวกับเส้นทางต่อไป แต่เมื่อพวกเขาออกมาข้างนอก พวกเขาจึงรู้ว่ามีการทะเลาะกัน
"ทุกคนวางปืนลง! พวกคุณไม่อยากเข้าไปในคลังโบราณกันแล้วใช่มั้ย!?" ผู้พิทักษ์ห้าแถบพูดอย่างเย็นชา
ทุกคนมองหน้ากันแล้ววางปืนลงอย่างเงียบๆ
"ท่านหลี่ คุณหมายความว่ายังไง" เหยียนซีไฉขมวดคิ้ว "พวกเขายั่วยุผมก่อน ผมก็แค่ป้องกันตัวเอง"
เหยียนซีไฉเน้นคำว่า "ป้องกันตัวเอง"
"นายน้อยเหยียน กรุณาอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย...หากคนบนเรือลำนี้ถูกฆ่าก่อนเข้าสู่คลังโบราณวิถีทหาร ตามข้อบังคับจะต้องวนเรือกลับ และเข้ารับการสอบสวนจากคณะบริหารผู้คุมกฎเมืองออโรร่า"
หลังจากได้ยินดังนั้น ความโกรธในดวงตาของเหยียนซีไฉลดลงเล็กน้อย
นี่เป็นกฎที่ออกโดยคณะบริหารของผู้คุมกฎ หากเป็นที่อื่นเขาอยากฆ่าใครสักคนเขาก็จะฆ่า อย่างไรก็ตามเรือลำนี้มุ่งหน้าสู่คลังโบราณซึ่งมันมีความสำคัญเป็นพิเศษต่ออาณาจักรออโรร่า
แต่ถึงกระนั้น เหยียนซีไฉก็ยังไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ เขาจ้องมองที่พวกเฉินหลิง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
เมื่อเห็นดังนั้น ผู้คุมกฎสี่แถบคนหนึ่งก็โน้มตัวกระซิบข้างหูเขาว่า
"นายน้อยเหยียน คุณอดทนสักหน่อย รอจนเข้าไปในคลังโบราณก็ยังไม่สายที่จะลงมือ ทุกปีเมื่อเข้าสู่คลังโบราณแล้วจะมีคนหนึ่งหรือสองคนสูญหายถือเป็นเรื่องปกติ"
"ถ้าฆ่าคนบนเรือลำนี้ พวกเราล้วนไม่มีใครสามารถรับผลที่ตามมาได้…"
เหยียนซีไฉเหลือบมองเขา ความโกรธพลันสงบลงอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่พวกเฉินหลิงสองคน
"ก็ดี รอจนกว่าเราจะเข้าสู่คลังโบราณ แล้วค่อยจัดการพวกเขาอีกที"
เมื่อเห็นว่าเหยียนซีไฉไม่ได้สร้างความยุ่งยากอีก ในที่สุดผู้ช่วงชิงเปลวไฟก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาเดาว่า หลังจากเข้าสู่คลังโบราณแล้วแผนการอาจไม่ราบรื่นเท่าไรนัก...
หมายเลข 8 มองไปที่เฉินหลิงนิ่งขรึม มุมปากของฝ่ายหลังยกขึ้นเป็นรอยยิ้มทำให้เขาดูไร้พิษภัย
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อเห็นรอยยิ้มนี้หมายเลข 8 ก็รู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมานิดหน่อย...
ขณะที่เรือค่อยๆ แล่นผ่านทะเลสีฟ้า น้ำแข็งก้อนใหญ่เริ่มปรากฏขึ้นรอบๆ ความเย็นกัดกร่อนราวกับจะทะลุเข้าไปในไขกระดูก แม้ว่าทุกคนจะสวมเสื้อผ้าหนาๆ แต่ก็ยากจะต้านทานความหนาวเย็นที่รุนแรงนี้ได้
ในเวลาเดียวกัน ที่ทะเลปลายขอบฟ้า ภาพท้องฟ้าสีดำค่อยๆ ปรากฏขึ้น
แม้จะยังเป็นเวลาช่วงบ่าย แสงแดดเหนือทะเลน้ำแข็งเริ่มสลัว น้ำทะเลสีเข้มมีชั้นน้ำแข็งหนาไหลผ่านเรือไป…โลกทั้งใบกำลังตกอยู่ในความมืดมิดด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ทุกคนยืนอยู่บนดาดฟ้าต่างเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า คนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อน สำหรับเฉินหลิงเองก็เป็นแบบนั้น
บนทะเลน้ำแข็งมีท้องฟ้าสีดำ?
หลังจากเฉินหลิงมายังโลกนี้ นี่คือครั้งที่สองที่เฉินหลิงได้เห็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติขนาดใหญ่...ครั้งแรกคือแสงออโรร่า
อย่างไรก็ตาม แม้แต่แสงออโรร่าที่แพร่กระจายทั่วอาณาจักรออโรร่าก็ไม่สามารถแผ่ขยายไปสู่ท้องฟ้าสีดำมืดมิดนี้ได้ ราวกับว่ามีสิ่งกีดขวางซึ่งมองไม่เห็นคอยปิดกั้นแสงออโรร่าทั้งหมดไว้
"นี่คือ..." พวกผู้คุมกฎอายุน้อยมองหน้ากันอย่างสับสน
"เขตแดนคลังโบราณวิถีทหาร" ผู้พิทักษ์สี่แถบพูดขึ้นช้าๆ "นับตั้งแต่การกำเนิดของมนุษย์ก็มีประวัติยาวนานนับหมื่นปี นับตั้งแต่วินาทีที่เราเริ่มต้นใช้ชีวิตร่วมกัน อารยธรรมของมนุษย์ก็ถือกำเนิดขึ้น...ตั้งแต่การตัดฟืน การก่อไฟ การล่าสัตว์ หลังจากอารยธรรมเจริญรุ่งเรืองก็มีการแบ่งงานอย่างละเอียดภายหลังแนวคิดเรื่อง 'อาชีพ' ก็ถูกนำมาใช้ในอารยธรรมของมนุษย์"
"ตำรา แพทย์ ทหาร จักรพรรดิ หมาก ศิลปะ ผู้ชำนาญ ละคร หุ่นเชิด แม่มด จอมพลัง นักทำนาย จอมโจร และโสเภณี...สิบสี่เส้นทางสู่เทพเจ้าเป็นส่วนหนึ่งในแม่น้ำสายยาวแห่งอารยธรรมของมนุษย์ เป็นส่วนที่สะท้อน 'ลักษณะแห่งเทพเจ้า' ของวิชาชีพ"
"และคลังโบราณของเทพเจ้าคือ 'ลักษณะแห่งเทพเจ้า' ที่สอดคล้องกับ เส้นทางเทพเจ้าในโลกมนุษย์อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมันมาจากการสั่งสมประสบการณ์บนเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งของมนุษย์ ประกอบด้วยเรื่องราวนับพันนับหมื่น...นับตั้งแต่การกำเนิดของมนุษย์ก็มีฆ่าฟันและสงครามอยู่ตลอด สุดท้ายก็กำเนิดคลังโบราณวิถีทหาร"
"พวกคุณเห็นด้ามดาบนั่นมั้ย?"
ทุกคนมองตามนิ้วของเขาก็มองเห็นดาบยักษ์เล่มหนึ่ง แทงทะลุฟ้าดิน ตั้งตระหง่านดุจภูผาใจกลางนภาสีดำมืดมิด
ดูเหมือนว่าดาบจะมาจากท้องฟ้า แทงทะลุโลกมนุษย์ ชี้ไปยังใจกลางพื้นผิวโลก...แม้ว่าทุกคนจะยืนอยู่บนดาดฟ้าและเงยหน้าขึ้นมอง ต่างก็มองเห็นดาบเพียงครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งจมสู่ท้องฟ้าอันมืดมิดซึ่งไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
"ภายใต้ดาบเล่มนั้นก็คือ คลังโบราณวิถีทหาร"
"พวกเรา...ต้องเข้าไปอยู่ใต้ดาบเล่มนั้นเหรอ?"
"ใช่ แต่มันเป็นเพียงพื้นที่ด้านนอกสุดเท่านั้น...คลังโบราณวิถีทหารนั้นใหญ่มาก มีเพียงพื้นที่เล็กๆ เท่านั้นที่เปิดให้พวกคุณเข้า" ผู้พิทักษ์หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดต่อว่า
"เส้นทางสู่เทพเจ้าวิถีทหาร คือการพิสูจน์หนทางด้วยการเข่นฆ่า ในอาณาจักรออโรร่าพวกคุณไม่มีโอกาสได้ฆ่าคน แต่ในคลังโบราณจะปรากฏสนามรบโบราณขึ้น พวกคุณสามารถฆ่าได้เท่าที่ต้องการ...เมื่อได้ยินเสียงสะท้อนจากเลือดที่ร้อนระอุ คุณต้องรวบรวมจิตสังหารให้มากพอในการฆ่า ถึงจะมีโอกาสดึงดูดเส้นทางสู่เทพเจ้าวิถีทหาร และมันจะมอบคุณสมบัติเพื่อเริ่มต้นเส้นทางศักดิ์สิทธิ์ให้แก่พวกคุณ"
ทุกคนจ้องมองดาบยักษ์บนท้องฟ้าซึ่งค่อยๆ ใกล้เข้ามาอย่างว่างเปล่า หัวใจของพวกเขาต่างตกในภวังค์ครู่หนึ่ง...
เรือส่งเสียงหึ่ง ลมหนาวส่งเสียงหวีดหวิว เสื้อผ้าของทุกคนบนดาดฟ้าถูกพัดปลิวด้วยลมแรง
.
.
.
.............
ยอดคลื่นพายุมรสุม* เป็นการอุปมาถึงสถานที่ที่ต้องต่อสู้อย่างรุนแรง